Share

บทที่ 6

Author: หูเทียนเสี่ยว
จั๋วซือหรานแต่งกายด้วยชุดสีขาวบาง คุกเข่าอยู่ที่หน้าประตูของจวนจั๋ว

นางพูดกับผู้ที่เฝ้าหน้าประตูว่า "กรุณาบอกผู้อาวุโสใหญ่ว่า จั๋วจิ่วกลับมาเพื่อขออภัยโทษแล้ว"

องครักษ์กำลังจะเข้าไปรายงาน ทว่ากลับถูกใครบางคนห้ามไว้

“ห้ามไป” เจียงซาน ซึ่งเป็นคนของบิดาจั๋วหรูซิน เขาห้ามยามที่เฝ้าหน้าประตูไว้

เจียงซานพูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ว่า "คุณหนูจิ่วไม่เชื่อฟังแม้แต่ผู้อาวุโส ทั้งยังไม่สนใจชื่อเสียงของตระกูลด้วยซ้ำมิใช่หรือ ในเมื่อตอนนี้ออกเรือนแล้ว กลับมาด้วยเหตุใด"

จั๋วซือหรานเกิดมาพร้อมกับผิวพรรณเกลี้ยงเกลา คิ้วงดงามดังภาพวาด ด้วยรูปลักษณ์สตรีเช่นนี้ จึงเป็นเรื่องง่ายที่ถูกมองเป็นสตรีผู้แสนน่าสงสารและอ่อนแอ

แต่นางไม่ใช่สตรีอ่อนแอ

เห็นได้ชัดว่า นางกำลังคุกเข่าอยู่ แต่บุคลลิกของนางดูสูงส่งกว่าตอนที่นางยืนด้วยซ้ำ นางพูดอย่างเย็นชา "เจ้ามีฐานะเช่นใด เจ้ากล้าเยาะเย้ยข้าหรือ เหรือจ้าคิดว่า ข้าเป็นคนอ่อนแอที่กลั่นแกล้งง่ายเช่นนั้นหรือ"

เจียงซาน "ผู้อาวุโสไม่อยากเห็นหน้าเจ้าเลย ต่อให้เจ้าคุกเข่าที่หน้าประตูจนตายก็ไร้ประโยชน์"

จั๋วซือหรานพูดอย่างเย็นชา"เจ้าควรพิจารณาให้ดีเสียก่อนว่า ผู้อาวุโสไม่อยากพบข้าเสียจริง และเจ้าต้องแน่ใจได้ว่า ข้าจะไม่มีวันกลับมาอีก มิเช่นนั้น..."

“คุณหนูจิ่วไม่จำเป็นต้องข่มขู่ข้าหรอก เจ้าปกป้องตัวเจ้าเองยังยากเลย”

เจียงซานเยาะเย้ยด้วยเสียงต่ำ "ตระกูลจั๋วไม่ปกป้องเจ้า และตระกูลเฟิงก็เกลียดเจ้า เมื่อคุณหนูของเราแต่งงานกับท่างอ๋องเฟิงแล้ว จะไม่มีใครจำได้ว่า คุณจั๋วจิ่วเป็นผู้ใด เจ้ายังกล้าที่จะข่มขู่ข้าอยู่อีกหรือ”

เจียงซานกำลังรอนางอโกรธเคือง รอนางคำรามออกมา และรอนางกระทำความอัปลักษณ์ทุกอย่าง

แต่นางเพียงแค่เสาะยิ้ม รอยยิ้มของนางแฝงด้วยความเจ้าเล่ห์เล็กน้อย นางพูดออกมาเสียงดังว่า "อ้าว ที่แท้จั๋วหรูซินอยากแต่งงานกับเฟิงเหยียนหรือ"

เจียงซานตระหนักว่า ตนเองเผลอพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกมา เขาตกใจไปชั่วขณะ

เดิมที่รอบข้างมีคนเฝ้าดูเรื่องน่าขันนี้อยู่แล้ว

แม้ระดับเสียงของจั๋วซือหรานไม่ดังหรือเบาเกินไป แต่เสียงนั้นสามารถทะลุทะลวงออกมาอย่างหนักแน่น โทนเสียงนั้นพอที่จะให้คนรอบข้างได้ยินคำพูดของนางอย่างชัดเจน

“ในเมื่อจั๋วหรูซินอยากแต่งงานกับท่านอ๋องเฟิง ให้นางอธิบายให้ชัดเจนสิ ผู้อาวุโสอาจให้นางสมปรารถนาก็ได้ ทำไมนางถึงใจร้ายกับข้าขนาดนี้กันนะ ใจร้ายเสียจนต้องใช้หนอนพิษกู่ดินแดนทางใต้”

“เมื่อวานนี้ หลายคนเห็นภาพที่ท่านอ๋องเฟิงกำจัดหนอนพิษกู่ให้ข้าแล้ว คนใช้ของข้าก็สารภาพมาว่า นางได้สินบนจากจั๋วหรูซิน”

จั๋วซือหรานเอาคิ้วลง นางมีสีหน้าที่ซีดเผือกเนื่องจากนางมีอาการป่วย

“ข้าถูกหนอนพิษกู่ทำให้เกิดอาการบาดเจ็บภายใน และยังไม่หายดี ข้าตื่นขึ้นมาก็รีบกลับมาเพื่อขออภัยโทษ นางกลับสั่งเจ้าห้ามข้าไว้ที่นี่ ไม่ให้ยามเข้าไปรายงาน เราเป็นพี่น้องกัน พี่ลิ่วทำมากเกินไปหรือเปล่า"

เจียงซานโกรธหุนหันพันแล่น รอบจวนของตระกูลจั๋วเป็นเรือนของขุนนางใหญ่ และคนส่วนใหญ่ที่ยืนดูเรื่องน่าขันนั้นนั้นต่างเป็นผู้ที่มาจากตระกูลใหญ่

ตราบใดที่คำพูดของจั๋วซือหรานในประเดี๋ยวนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ในสังคมของผู้คนชนชั้นสูงของเมืองหลวง คุณหนูของเขาสูญเสียชื่อเสียงอย่างแน่นอน

เจียงซานรีบกล่าวมา "เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องไร้สาระอะไรอยู่"

ทันใดนั้นท้องฟ้าที่มีเมฆจำนวนอย่างมากมีน้ำฝนตกลงมาอย่างกะทันหัน

น้ำฝนที่เย็นฉ่ำทำให้หญิงสาวเปียกโชกไปทั้งตัว นางตัวสั่นแทบจำเป็นลม

ในที่สุดนางไอเบา ๆ เลือดสดที่นางไอออกเปื้อนเสื้อผ้าสีขาวของนาง และสีโลหิตนั้นกลายเป็นสีแดงที่ทำให้คนสะเทือนใจอย่างมาก

จั๋วหรูซินรีบกลับไปที่จวน เมื่อนางกลับถึงจวน นางได้ยินเสียงกระซิบจากผู้เห็นเหตุการณ์รอบข้าง

“ตายแล้ว คุณหนูลิ่วใจร้ายเสียจริง อากาศหนาวเย็นเช่นนี้ คนยังบาดเจ็บอยู่ ยังคุกเข่าอยู่ที่นี่ แถมตัวยังถูกน้ำฝนเปียกโชกอีก แต่คนรับใช้ของคุณหนูลิ่วยังห้ามยามเฝ้าประตูไปรายงานอีก คนที่มีบิดาคุมครองไม่เหมือนกันเสียจริง"

“เจ้าพูดถูกนะ ต่อให้จั๋วจิ่วจะมีความสามารถเก่งแค่ไหน เด็กที่ไม่มีพ่อก็จะถูกรังแกได้ง่าย ๆ”

เมื่อจั๋วหรูซินได้ยินคำพูดของผู้คน นางโกรธอย่างมาก แต่นางทำได้เพียงอดไว้เท่านั้น

นางรีบวิ่งไปช่วยพยุงจั๋วซือหราน "เสี่ยวจิ่ว เสี่ยวจิ่ว เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม อย่าทำให้พี่ลิ่วตกใจสิ พี่ลิ่วจะพาเจ้าเข้าไปเดี๋ยวนี้ พี่จะช่วยพูด เให้ผู้อายุโสยกโทษให้เจ้า"

เจียงซานเห็นจั๋วหรูซินเดินมา "คุณหนู..."

“เจ้าหุบปากเลย เจ้ากล้าดูหมิ่นคุณหนูจิ่วได้อย่างไร เจ้าคุกเข่าที่นี่เลย หากเสี่ยวจิ่วเป็นอะไร ข้าจะไม่ไว้ชีวิตเจ้า”

นางไม่รู้หรอกว่า เมื่อครู้นี้ จั๋วซือหรานได้เปิดเผยความคิดของนางไปแล้ว ดังนั้นในสายตาของผู้อื่น พฤติกรรมที่กระตือรือร้นของนางในขณะนี้ดูเสแสร้งอย่างมาก

เข้าสู่จวนจั๋ว

จั๋วซือหรานพูดอย่างเย็นชาว่า "ปล่อยข้าได้หรือยัง จั๋วหรูซิน เจ้าพยายามสร้างภาพขนาดนี้ เจ้าไม่เหนื่อยหรือ ข้ารู้สึกหมั่นไส้จนอยากอาเจียนแล้ว"

จั๋วหรูซินกระตุกริมฝีปากของนางอย่างแข็งทื่อ "เสียวจิ่ว เจ้ามีอะไร... ที่เข้าใจข้าผิดหรือเปล่า"

จั๋วซือหราน "เข้าใจผิดอะไรหรือ ข้าเข้าใจผิดว่า เจ้าเป็นผู้ที่สั่งการฉินตวนหยาง ให้เขาใช้เสน่ห์หนอนพิษกู่เพื่อควบคุมข้าเช่นนั้นหรือ"

“เจ้าอย่าใส่ร้ายใครเลย ถึงอย่างไร ข้าเป็นพี่สาวในตระกูลของเจ้านะ ข้าจะยอมให้เจ้ามาใส่ร้ายข้าแบบนี้ได้อย่างไร” จั๋วหรูซินพูดด้วยความโกรธเคือง และนางยกมือเข้าไปหาจั๋วซือหราน

"เพี๊ยะ!--"

เสียงตบดังก้อง

“เจ้ากล้าตบหน้าข้าหรือ” จั๋วหรูซินบังหน้าตนเองด้วยความไม่เชื่อ

เดิมทีนางอยารกตบหน้าบจั๋วซือหรานแท้ ๆ แต่จั๋วซือหรานกลับคว้ามือของนางไว้กลางอากาศแล้วตบหน้านาง

“เจ้าทำร้ายข้าเช่นนี้แล้ว ยังอยากตบข้าก่อนอีก แล้วทำไมข้าถึงจะไม่กล้าตบเจ้าบ้างล่ะ” จั๋วซือหรานรู้สึกตลกไปเล็กน้อย นางหรี่ตาลงแล้วถามอีก “พี่ลิ่วลืมไปแล้วหรือ”

“อะ อะไรนะ” ตั้งแต่เด็ก จั๋วหรูซินไม่เคยถูกตีเลย และการตบครั้งนี้ทำให้นางรู้สึกโกรธและหวาดกลัว

“พี่ลิ่ว เจ้ายังคิดว่า ข้าคือจั๋วจิ่วที่ถูกเสน่ห์หนอนพิษกู่ควบคุมสติอยู่หรือ” จั๋วซือหรานยิ้มเยาะ

จั๋วหรูซินเคยชินกับจั๋วซือหรานที่ถูกเสน่ห์หนอนพิษกู่ควบคุมสติจริง ๆ และอีกอย่าง นางเห็นจั๋วซือหรานอ่อนแอเช่นนี้ นางก็ลืมไปว่า นางเป็นผู้แพ้ของจั๋วซือหรานมาโดยตลอด...

เมื่อตระหนักถึงสิ่งนี้ จั๋วหรูซินก็โกรธมากยิ่งขึ้น "ข้าจะสู้ตายกับเจ้า"

“พอเหอะ” มีผู้หนึ่งห้ามนางไว้

ผู้อาวุโสใหญ่ จั๋วหลาน เดินเข้ามา เขามองไปที่จั๋วซือหราน และพูดโดยไม่โศกเศร้าหรือดีใจว่า "เจ้ายังรู้กลับมาอีกหรือ"

“ผู้อาวุโสใหญ่เจ้าคะ ข้ากลับมาคราวนี้เพื่อสารภาพความผิดและขอให้ท่านรักษาความยุติธรรม คราวนี้ข้าถูกคนทรยศทำร้าย และข้าเกือบถูกผู้ร้ายเหล่านั้นทำลายไปตลอดชีวิต”

จั๋วซือหรานกล่าว และนางค่อย ๆ จัดเสื้อที่เปียกชื้นขึ้น และค่อย ๆ คุกเข่าลงต่อหน้าผู้อาวุโสใหญ่

ผู้อาวุโสใหญ่จั๋วหลานมีความยุติธรรมมาโดยตลอด จั๋วซือหลานไม่ทันคุกเข่าลง เขาโบกมือแล้วพูดว่า "เจ้ามิต้องพิธีมาก แต่ผละกระทบที่ไม่ดีที่เจ้าสร้างแก่ตระกูลนั้นไม่สามารถลบล้างได้"

“ข้าเต็มใจที่จะรับการลงโทษเจ้าค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้น เจ้าก็ไปที่ห้องโถงบรรพบุรุษเพื่อรับกฎตระกูลด้วยตัวเอง เสี่ยวจิ่ว อย่าโทษข้าที่โหดร้ายเลย เพราะบ้านเมืองมีขื่อมีแปร ตระกูลก็มีกฎเกณฑ์ด้วย”

“ข้ายอมรับผิดอันดี ข้าไม่ต่อต้าน”

“ส่วนของความยุติธรรม แม้ว่าคนของเจ้าได้พาสางรับใช้มา และรายงานว่า สางรับใช้คนนั้นติดสินบนมา ข้าจะฟังคำพูดของเจ้าเพียงฝ่ายเดียวมิได้ เมื่อข้าสืบสวนและได้ความจริง ข้าจะให้ความยุติธรรมแก่เจ้า”

“ขอบพระคุณท่านผู้อาวุโส” จั๋วซือหรานกล่าวคำนับ

จั๋วหรูซินอยู่ด้านข้าง นางถามด้วยเสียงต่ำ "อะไรนะ... ถึงถูกฆ่าโดยคนทรยศ คนใช้อะไรที่ติดสินบน เรื่องของเสี่ยวจิ่ว เป็นเพราะบัณฑิตฉินมีเจตนาชั่วร้ายมิใช่หรือ"

จั๋วหรูซินด่าเจียงซานในใจ นางด่าเขาช่างไม่ได้เรื่องเสียจริง เฝ้าที่หน้าประตู และห้ามจั๋วซือหรานเข้าบ้าน แล้วช่วยอะไรได้ล่ะ หลิ่วเย่ถูกปล่อยเข้าไปได้อย่างไร

จั๋วซือหรานหัวเราะเบา ๆ และพูดว่า "พี่ลิ่วทำเป็นไม่รู้เรื่องต่อเลย "

“เจ้า” จั๋วหรูซินพูดด้วยความโกรธ “เจ้าหมายความว่า ข้าอยากฆ่าเจ้าหรือ เราเป็นพี่เป็นน้องกัน เป็นสมาชิกของตระกูลจั๋วด้วยกัน หากข้าทำร้านเจ้า ข้าจะได้ประโยชน์อะไร แถมหากช้าทำเชานนั้นเสียจริง กลายเป็นว่า ข้าทำลายชื่อเสียงของครอบครัวเปล่า ๆ "

จั๋วซือหรานยิ้มและพูดว่า "ใช่สิ เจ้าจะได้ประโยชน์อะไรกัน นอกเสียจากในการฝึกฝนของตระกูลที่กำลังจะมาถึง เจ้าไม่มีคู่แข่งอย่างข้า"

จั๋วซือหรานหรี่ตาลงเล็กน้อย นางโกรธเคืองอย่างมาก คำพูดของนางแทบจะถูกบีบออกมาจากช่องว่างของฟันของนาง "ข้าจะไม่มีวันลืมสิ่งที่พี่ลิ่วทำ ไม่ต้องกังวล ต่อให้ข้าจะป่วยมากแค่ไหน ต่อให้ข้าต้องคลาน ข้าก็ต้องคลานให้ถึงที่สนามการฝึกฝนของตระกูล มิฉะนั้น ก็จะเสียดายน้ำใจของเจ้า ในเมื่อเจ้าอุส่าห์วางแผนอย่างรอบครอบ”
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App
Mga Comments (3)
goodnovel comment avatar
อุทัยวรรณ มีเอี่ยม
ช่วยแปลให้เข้าใจถูกต้องตามไวยากรณ์หน่อยค่ะต้องใช้ความเข้าใจเองมันไม่สนุกค่ะ
goodnovel comment avatar
Funnyped
เสียเงินไปแล้วยังเจอคำแปลผิดอ่านสะดุด แย่มาก
goodnovel comment avatar
Somratai Ying
สะกดผิด เขียนผิดเยอะจัง
Tignan lahat ng Komento

Pinakabagong kabanata

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1460

    จั๋วซือหรานคิดๆ เสริมเข้ามาอีกประโยคหนึ่ง "ไม่ว่าอย่างไร ต่อให้ต้องหนี ก็ต้องไปทำความเข้าใจสถานการณ์แบบรูปธรรมมาก่อน"รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้งยิ่งไปกว่านั้นจั๋วซือหรานหลังจากที่รู้เป้าหมายของสภาผู้อาวุโส ในใจก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้นรางๆอันที่จริงนางเองก็อยากรู้เหมือนกัน ว่ามิติในแหวนเสวียนเหยียนของตนเองมันคืออะไรกันแน่ไม่แน่ การเดินทางครั้งนี้อาจจะได้คำตอบเส้นทางไปยังเมืองโม่ ยาวไกลมากจริงๆ ระหว่างทางก็เจอสถานการณ์หลายอย่าง ทั้งคนปล้นกับสัตว์ประหลาด เจอมาหมดถ้านี่เป็นกลุ่มอื่นคงจะจบลงที่กลางทางแล้วแต่โจรพวกนี้ก็ดวงไม่ดี ดันมาเจอกับกลุ่มของพวกเขาขั้นตอนโดยพื้นฐานจะเป็นปันอวิ๋นกับถังฉือสองคน ซึ่งหารือกันอย่างเกียจคร้านถังฉือ: "เจ้าไปไหม?"ปันอวิ๋น: "ข้าขี้เกียจ เจ้าไปแล้วกัน"ถังฉือ: "ข้าเองก็ขี้เกียจ"ปันอวิ๋น: "คืนนี้ข้าจะให้ซือหรานย่างปลา น้ำจิ้มผลไม้ปลาย่างของนางนี่อย่างเด็ด"ถังฉือ: "ข้าจะไปจัดการเดี๋ยวนี้"จากนั้นถังฉือก็ออกไปไม่ถึงสองนาที การต่อสู้ก็สิ้นสุดลงจั๋วซือหรานบางครั้งตอนที่นอนกลางวันก็ไม่รู้เรื่องนี้เลย! เพิ่งมารู้เรื่องเอาตอนย่างปลาช่วง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1459

    ถังฉือน่าจะไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้จริงๆ ดังนั้นจึงรู้เนื้อหาไม่ค่อยมากนักถ้าหากเป็นจั๋วซือหรานล่ะก็ คงจะตรวจสอบเป้าหมาย แผนการ ของอีกฝ่ายมาจนหมดแล้วยังดีที่ถึงแม้ข้อมูลของถังฉือจะไม่เยอะมาก แต่พอบวกกับข้อมูลที่ปันอวิ๋นรู้บางส่วนรวมส่วนต่างๆ เข้าด้วยกัน ก็พอปะติดปะต่อเรื่องราวออกมาได้จั๋วซือหรานรวบรวมข้อมูลคร่าวๆ แล้วจึงสรุปออกมา"สรุปก็คือ ในเรื่องที่สภาผู้อาวุโสลิ้มรสความหอมหวานจากเกาะลอยฟ้าด้วยพลังแห่งมังกรคราม เลยคิดอยากจะได้พลังแห่งสัตว์เทพที่มากกว่า หวังว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าเดิม ต้องการ...แดนอุดมคติบนโลกมนุษย์"พูดถึงจุดนี้ จั๋วซือหรานก็หัวเราะเบาๆ ขึ้นมาทีหนึ่ง ทั้งเหมือนประชดและเหมือนไม่มี นางเสริมขึ้นมาคำหนึ่ง "แดนอุดมคติบนโลกมนุษย์ที่เป็นของพวกเขาเท่านั้น"น่าจะประมาณนี้นั่นล่ะเพียงแต่ว่าล้มเหลวไปแล้ว เพราะพลังสัตว์เทพที่ได้รับมาจากการพันธนาการ มันไม่ได้ผลลัพธ์แบบที่พวกเขาคาดหวังเอาไว้"หลักๆ คือเจ้าเสียวหม่านี่รู้ข้อมูลมาน้อยเกินไปแล้ว" ปันอวิ๋นเอ่ยขึ้น "ดังนั้นพวกเรารีบไปที่เมืองโม่ดีกว่า ชิงตัวซงซีกับเยี่ยนเหวยมาก่อน ข้อมูลที่พวกเขารู้ต้องมากกว่านี้แน่นอน"จั

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1458

    สายตาของปันอวิ๋นก็มองมาทางเขา รู้สึกทอดถอนใจหน่อยๆถังฉือไม่พูดต่อ แต่ปันอวิ๋นก็เห็นได้ชัดว่ารู้เรื่องราวหลังจากนั้นจึงหันมาบอกกับจั๋วซือหรานว่า "พยัคฆ์ขาวนั่นตอนนั้นก็เป็นเขานี่ล่ะที่จับไป""..." จั๋วซือหรานเข้าใจความหมายความเงียบงันของถังฉือเมื่อครู่ทันทีมิน่า น่าจะตอนนั้นสินะ เขาถึงได้เข้าใจต่อเรื่องนี้ขึ้นมาบ้าง"สรุปคือ..." ถังฉือเนื่องจากมีนิสัยแบบนั้น ดังนั้นต่อให้รู้สึกเชิงขอโทษอยู่บ้าง แต่มันก็เพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้นเขาพูดต่อว่า "สรุปคือ หลังจากข้าพาเขาไป พวกเขาก็หาวิธีคิดจะใช้พลังแห่งพยัคฆ์ขาว ข้าเข้าใจไม่มากนัก จำได้ลางๆ ว่า พวกเขาหวังจะมีพลังแห่งสัตว์เทพ แล้วจะสร้างปาฏิหาริย์เหมือนเกาะลอยฟ้าขึ้นมา"ฟังถึงตรงนี้ จั๋วซือหรานรู้สึกประหลาดใจหน่อยๆ แต่ก็พอเข้าใจได้ถึงอย่างไร คนที่เคยลิ้มรสความหอมหวานมาแล้ว ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่อยากจะลิ้มรสความหอมหวานมากขึ้นเรื่อยๆ นี่เป็นเรื่องปกติของมนุษย์เพียงแต่ว่า จั๋วซือหรานเพิ่งจะคิดแบบนี้ ก็เห็นถังฉือขมวดคิ้ว เหมือนจะดูไม่ค่อยพอใจกับเนื้อหาคำพูดของตัวเองราวกับว่า รู้สึกว่าคำพูดของตัวเอง ยังแสดงความหมายที่อยากจะบอกออกมาไ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1457

    จั๋วซือหรานพูดถึงตรงนี้ ก็หัวเราะขึ้นมา แต่ไม่ใช่หัวเราะใส่เฟิงเหยียนหรือปันอวิ๋นถ้าให้พูดจริงๆ น่าจะเป็นเจ้าสภาผู้อาวุโสสมควรตายนั่นมากกว่าจั๋วซือหรานหัวเราะเสียงเย็นชา "พวกเขาพอได้ลิ้มลองของดีแล้ว ต้องไม่ยอมปล่อยวางพลังสัตว์เทพไปแน่นอน"พลังแห่งมังกรครามสามารถทำให้เกาะมังกรลอยบนท้องฟ้าได้ ทำให้ฐานที่มั่นพวกเขาดูราวกับเป็นปาฏิหาริย์แห่งทวยเทพได้อย่าว่าแต่สภาผู้อาวุโสพวกนี้เลยจั๋วซือหรานลองสมมติว่าถ้าตนเองเป็นแบบนั้น ก็คงรู้สึกอยากจะรู้ว่าพลังของสัตว์เทพอื่นๆ จะเป็นเช่นไร"ใช่เลย" ปันอวิ๋นถอนหายใจ "เพียงแต่ว่า พลังสัตว์เทพมันหาได้ง่ายๆ เสียที่ไหนกัน"ถังฉือที่อยู่ข้างๆ ก็พูดต่อมาว่า "พวกเราหามาตั้งหลายปี ไอ้ที่หาเจอจริงๆ ก็มีแค่หงส์แดงกับพยัคฆ์ขาวเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นแค่พวกน้ำไร้รากด้วย"จั๋วซือหรานรู้สึกสนใจกับคำพูดนี้ของถังฉือ"น้ำไร้ราก..."ประหลาด จั๋วซือหรานเข้าใจความหมายคำนี้ของถังฉือขึ้นทันทีพลังแห่งพยัคฆ์ขาวที่ถังฉือพูดถึงเป็นอย่างไร จั๋วซือหรานไม่รู้แต่ที่นางรู้คือบนตัวเฟิงเหยียน หรือก็คือพลังหงส์แดงที่สืบทอดมาของตระกูลเฟิงมันก็ดูเป็นน้ำไร้รากจริงๆ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1456

    เขาพยักหน้า "พวกเขาสะสมมานานหลายปี มีทรัพยากรที่ดีที่สุด มีเส้นสายที่ดีที่สุดกับสำนักต่างๆ"ถังฉือพูดต่อไปและเพราะมีทรัพยากรเช่นนี้ พวกเขาจึงมีสายข่าวที่เยอะถึงเยอะมากๆสัตว์เทพเอย สัตว์ชั่วร้ายเอย สิ่งที่คนปรารถนาแต่ไม่อาจเอื้อมถึง แค่คิดก็ยังไม่กล้าจะคิด ทว่าสำหรับพวกเขาแล้ว กลับเป็นสิ่งที่ได้มาง่ายดายและเพราะได้มาง่ายดาย จึงไม่ได้ดูมีคุณค่าขนาดนั้นดังนั้น จึงมีทะเลทรายทางเหนือขึ้นมาทะเลทรายทางเหนือก็เหมือนกับเป็นศูนย์พักพิงแห่งหนึ่งของสภาผู้อาวุโส รวบรวมตัวตนอันตรายจำนวนมากไว้ เป็นตัวตนที่สภาผู้อาวุโสรู้สึกว่าเก็บไว้ก็ไม่ได้ประโยชน์ แต่จะทิ้งก็เสียดายถ้าบอกว่าให้ทิ้งไป พวกเขาก็ยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง แต่ถ้าจะบอกว่ามีค่า...ก็เหมือนไม่ได้ไปถึงขนาดนั้นดังนั้นจึงให้พวกเขาอยู่กันที่ทะเลทรายทางเหนือ อยู่ในเมืองโม่ทั้งใช้งานต่อได้ และไม่ส่งผลกระทบกับชีวิตของสภาผู้อาวุโสด้วยจั๋วซือหรานฟังออกถึงความหมายในคำพูดนี้"ดังนั้นก็คือ...ที่พวกเขาเอาคนเหล่านี้มาทำงานในเมืองโม่ อันที่จริงก็เพื่อไม่ให้พวกเขาไปยังฐานที่มั่นสภาผู้อาวุโส แต่ยังสามารถใช้ประโยชน์จากพลังของพวกเขาต่อไปได้"

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1455

    ถังฉือชอบจั๋วซือหราน ไม่ใช่ความรู้สึกชอบแบบหนุ่มสาว แต่เป็นความชอบแบบบริสุทธิ์ใจดังนั้น ขอแค่จั๋วซือหรานอยากรู้ ถังฉือก็จะตอบสิ่งที่รู้ออกมาทั้งหมดดังนั้นจั๋วซือหรานจึงมีความเข้าใจต่อสภาผู้อาวุโส และทะเลทรายทางเหนือพอควรแล้วสภาผู้อาวุโส ตอนแรกสุดที่ก่อตั้ง ไม่ได้มีเจตนาไม่ดี และไม่มีการกดขี่ข่มเหงตอนนั้น แผ่นดินใหญ่แตกแยกล่มสลายแคว้นเล็กต่างๆ สับสนวุ่นวายไม่พัก สู้กันไปสู้กันมาตอนนั้นลัทธิยังไม่เรียกเป็นลัทธิ แต่ยังเรียกเป็นแค่กลุ่มสำนัก และกลุ่มสำนักภูเขาหรือกลุ่มสำนักริมน้ำก็ผุดขึ้นมาไม่ขาดสายและก็มีการช่วงชิงระหว่างกันทั้งที่ลับที่แจ้งอยู่ไม่น้อยพูดแบบนี้ดีกว่า เป็นยุคสมัยที่ค่อนข้างวุ่นวายเลยทีเดียวระหว่างแคว้นรบราต่อสู้กัน วุ่นวายไม่หยุดหย่อนระหว่างสำนักเองก็ต่อสู้กัน มีคนตายไปไม่น้อยสถานการณ์เช่นนี้ยืดยาวต่อมาเป็นเวลานาน กินเวลาหลายสิบปีเลยทีเดียวต่อมาไม่รู้เนื่องจากโอกาสอะไร โดยรวมคือ มีสำนักอันดับแรกที่ก่อตั้งขึ้นจากการร่วมตัวเป็นพันธมิตรพลังของสำนักเช่นนี้แน่นอนว่าไม่ใช่ธรรมดา ดีกว่ากลุ่มสำนักแต่ก่อนมากมายดังนั้น เพื่อจะต่อสู้กับสำนักนี้ สำนักอื่นๆ

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status