Share

บทที่ 9

Penulis: หูเทียนเสี่ยว
มีใบมีดคมที่เย็นเฉียบขึ้นจากหลังคอ และบัดนี้กระบี่เล่มนั้นกำลังถูกวางที่คอขององครักษ์

เขาไม่กล้าขยับตัว เสียงของเขาก็สั่นเครือ “ จิ่ว คุณหนูจิ่ว ท่าน…มีอะไรจะพูด…ก็พูดกันดี ๆ เสียก่อน อย่าหุนหันพลันแล่นไปเลย... “

“ข้าไม่ได้หุนหันพลันแล่น ข้าใจเย็นแล้วนะ” จั๋วซือหรานเสาะยิ้ม “แต่พวกเจ้าต่างหาก ตอนนี้พร้อมจะคุยกับข้าดี ๆ ยัง”

“จิ่ว คุณหนูจิ่ว ท่านเป็นคนใจกว้าง อย่า อย่าคิดเล็กคิดน้อยกับพวกข้าเลยขอรับ” ยามอ่อนแรงจนขาสั่น เขากลัวมือของจั๋วซือหรานจะสั่น

“ตอนนี้ ข้าถามอะไร พวกเจ้าต้องตอบ เข้าใจหรือไม่”

"เข้า เข้าใจแล้วขอรับ"

“น้องชายของข้าอยู่ที่ไหน”

“คุณท่านลิ่วนำตัวไปแล้ว”

“นำตัวไปที่ไหน”

“พวกเราไม่ทราบขอรับ” องครักษ์เกรงว่านางจะไม่เชื่อ จึงย้ำอีกครั้งว่า "พวกเราไม่รู้จริง ๆ และคุณท่านลิ่วก็ไม่จำเป็นต้องให้พวกเราทราบการเดินทางของท่าน"

“คำถามสุดท้าย จั๋วหรูซินอยู่ที่ไหน พาข้าไปหานางหน่อย” จั๋วหรูซินพูดอย่างเย็นชาโดยไม่ให้โอกาสผู้คุมปฏิเสธ นางกดกระบี่ลงจนทำให้เกิดรอยเลือดขึ้น

*

"ไร้ประโยชน์ ไร้ประโยชน์ทั้งสิ้น"

ในห้องด้านใน จั๋วหรูซินทุบถ้วยชาในมือของนางออย่างแรง "ถังหยวนอ่อนให้อีนังนั้นหรือเปล่า แม้แต่ทำตามกฎตระกูล เอาแส้ไปตีอีนังนั้นตั้งเก้าครั้ง อีนังนั้นยังไม่ตายอีก"

“คุณหนู อย่าโกรธเลย ถึงแม้นางรับการโจมตีของเก้าแส้นั้นได้ ต่อให้นางไม่ตาย แต่ก็คงต้องมีอาการหนังอย่างมาก อีกอย่างเจ้าคะ ก่อนหน้านี้ นางถูกอาคมหนอนพิษกู่มาเป็นเวลานานแล้ว การฝึกฝนครั้งนี้ นางจะต้องตายอย่างแน่นอน อย่าคิดจะชนะท่านได้เลย” คนใช้ปลอบใจของจั๋วหรูซิน

“ที่พูดมาก็ถูก” จั๋วหรูซินรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อย “เมื่อกี้เจ้าบอกว่า ท่านพ่อของข้ากักตัวจั๋วหวายไว้หรือ”

“ใช่เจ้าค่ะ เด็กโง่นั่นคิดว่าคุณท่านลิ่วของเราเป็นผู้ที่ลงโทษพี่สาวของเขา ดังนั้นเขาจึงรีบมาเพื่อร้องขอความเมตตา แต่เขาควบคุมอารมณ์ไม่ได้ คำพูดของเขาค่อนข้างหยาบคาย คุณท่านลิ่วจึงขังตัวเขาไว้”

“ เชอะ เหมือนกันกับพี่สาวของเขา เสียมารยาท ” จั๋วหรูซินยืนขึ้น “ไปดูกันเถิด พอดีเลย ข้าจะได้สอนเขาเสียหน่อยว่า ควรทำตามกฎเกณฑ์เช่นใด”

คนรับใช้เดินนำหน้า และกำลังจะเปิดประตูให้นาง

สีหน้าของจั๋วหรูซินเปลี่ยนไปทันที "ระวัง"

เสียง ปัง ดังก้อง ประตูพังและกระจายออกเป็นชิ้น ๆ ผู้ติดตามไม่ทันหลบหนี ถูกผลักออกและกรีดร้อง

“คุณ คุณหนู ช่วยด้วย”องครักษ์ผู้นั้นพูดอย่างสั่นเครือ เพราะเขาถูกจั๋วซือหรานจับไว้เป็นตัวประกัน

“จั๋วซือหราน” จั๋วหรูซินมองเหตุการณ์นอกประตู นางจึงถามด้วยความโกรธ“เจ้ากำลังทำอะไรอยู่ ทำไมไม่รีบปล่อยองครักษ์ล่ะเจ้าอยากโดนลงโทษแบบเดิมอีกหรือ”

“พี่ลิ่วไม่ต้องเป็นกังวลหรอก” จั๋วซือหรานยกริมฝีปากขึ้นและยิ้มด้วยความชั่วร้ายเล็กน้อย “ได้ยินมาว่า พี่ลิ่วกำลังจะสั่งสอนกฎตระกูลให้กับน้องชายข้าหรือ ถ้าอย่างนั้น พี่ลิ่วนำทางสิ ”

“เจ้ากำลังข่มขู่ข้าอยู่หรือ” จั๋วหรูซินพูดอย่างเย็นชา “เจ้าคิดว่าเจ้าจะขู่ข้าด้วยการจับองครักษ์เป็นตัวประกันได้หรือ ข้าไม่เชื่อหรอกนะ เจ้ากล้าฆ่าคนในเรือน”

จั๋วซือหรานหัวเราะเบา ๆ "แน่นอนว่าข้ารู้ว่าชีวิตขององครักษ์ไม่สามารถเอามาข่มขู่เจ้าได้ และก็ไม่สามารถข่มขู่คุณท่านลิ่วได้ ดังนั้น ข้าเลยมาหาเจ้านี่ไง"

“เจ้าหมายถึงอะไร” จั๋วหรูซินขมวดคิ้ว

องครักษ์ตะโกน "คุณหนูระวัง"

จั๋วหรูซินตอบสนองอย่างรวดเร็ว ทว่าก็ยังไม่เร็วพอ นังนสารเลว เป็นเพราะอะไร หลังจากถูกกฎตระกูลเก้าแส้ลงโทษแล้ว นางยังสามารถเคลื่อนตัวได้คล่องเช่นนี้

เมื่อมีดคม ๆ ถูกวางที่คอของนาง จั๋วหรูซินจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าจุดประสงค์ของจั๋วซือหรานคืออะไร

นางหัวเราะเยาะ “มันไม่ได้ผลหรอก จั๋วซือหราน เจ้าอย่าเพ้อฝันเลย เจ้าไม่กล้าฆ่าข้า แล้วมันข่มขู่ท่านพ่อของข้าไม่ได้”

“พอ ๆ กันนั่นแหละ หรือว่าคุณท่านลิ่วจะกล้าฆ่าน้องชายข้าหรือ แต่ทางที่ดี เจ้าควรอวยพรท่านพ่อของเจ้าไม่ได้แอบลงโทษเสี่ยวหวายด้วยวิธีที่ชั่ว มิฉะนั้น หากเสี่ยวหวายได้รับบาดเจ็บตำแหน่งใด ข้าก็จะทำมันในตำแหน่งเดียวกันบนร่างกายของเจ้า ” จั๋วซือหรานซือหรานกล่าว

จั๋วหรูซินโกระ"เจ้ากล้าดีอย่างไร"

จั๋วซือหรานพูดต่อ "นี่ กระบี่นะไม่มีตานะ พี่ลิ่ว มันไม่ใช่มนุษย์มองคนออก พี่ลิ่วอย่ายั่วข้าเลย ข้าเพิ่งได้รับการลงโทษมา มือยังสั่นอยู่เลย มีอะไรที่ข้าไม่กล้าทำล่ะ ก็แค่โดนลงโทษอีกครั้งเอง ครั้งแรกข้าก็ทนมาแล้ว ยังต้องกลัวทนอีก 15 ครั้งหรือ”

จั๋วหวายกำลังคุกเข่าลงบนพื้นหินสีเขียวที่อยู่ด้านนอกห้องหนังสือ

อากาศก็หนาวอีกทั้งเพิ่งฝนตกไป พื้นหินสีเขียวก็เต็มไปด้วยก้อนน้ำแข็ง ความหนาวกัดกร่อนทะลุเข้าไปในกระดูก ทำให้จั๋วหวายรู้สึกเจ็บปวดเหมือนถูกข็มทิ่ม

แก้มสองข้างของจั๋วหวายเต็มไปด้วยรอยนิ้วสีแดง และรอยนิ้วนั้นบวมเพราะถูกคนตบหน้า

เขารู้สึกเจ็บหัวเข่ามาก เขาตัวสั่นเพราะอดความเจ็บนั้นไม่ไหว แต่เมื่อเขาก็คิดว่า ตราบใดเขาเชื่อฟังและยอมรับโทษ คุณท่านลิ่วก็สามารถช่วยร้องขอความเมตตาให้พี่สาวของเขาได้ นางจะได้ไม่ต้องรับการลงโทษของกฎตระกูลเยอะขนาดนั้น

จั๋วหวายกัดฟันและอดความเจ็บไว้

เมื่อจั๋วซือหรานเดินเข้ามา นางเห็นชายหนุ่มที่มีหุ่นบางกำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นน้ำแข็ง และชายคนนี้กำลังตัวสั่น

“เสี่ยวหวาย” จั๋วซือหรานเรียกน้องชาย

ดวงตาของจั๋วหวายเป็นประกาย “ท่านพี่”

บิดาเสียชีวิตในสนามรบ มารดาอ่อนแอบอบบาง พี่สาวของเขาเป็นที่พึ่งทางจิตใจของจั๋วหวายมาโดยตลอด และเมื่อเขาเห็นพี่สาว เขารู้สึกโล่งใจ เขารู้สึกหัวเข่าของเขาไม่ได้เจ็บเหมือนเมื่อครู่แล้ว

จั๋วซือหรานหรี่ตาลง และนางเห็นรอยแดงและบวมบนแก้มของเขา "ใครตีเจ้ากัน"

จั๋วหวายรู้สึกน้อยใจ เขาเม้มริมฝีปาก “คุณท่านลิ่วบอกว่า ท่านพ่อของข้าเสียชีวิตไปนานแล้ว ไม่มีใครสั่งสอน ข้าไร้มารยาท ดังนั้นต้องสั่งสอนข้าเสียหน่อย”

ประตูห้องอ่านหนังสือถูกเปิดออก คุณท่านจั๋วลิ่วเดินออกมา เมื่อเขาเห็นจั๋วซือหรานจับจั๋วหรูซินเป็นตัวประกัน เขาขมวดคิ้วและพูดว่า "จั๋วจิ่ว เจ้าจะก่อปัญหาอีกหรือ ข้าแค่ฝึกวินัยให้ผู้น้อย ทำไม สอนไม่ได้หรือ”

จั๋วซือหรานตอบ "คุณท่านลิ่ว ท่านยังไม่ได้เป็นหัวหน้าตระกูลเลย ท่านยุ่งเรื่องของผู้อื่นเช่นนี้ ท่านมีเวลาว่างเช่นนี้ สั่งสอนลูกสาวของท่านเสียดีกว่า นางจะได้ไม่ดิ้นรนทำลายผู้อื่น”

จั๋วหวายรีบลุกขึ้นยืน เขาเดินกะโผลกกะเผลกไปอยู่ข้างพี่สาวของเขา

จั๋วซือหนานมองไปที่รอยนิ้วบนแก้มของพี่ชายของนาง นางพูดอย่างเย็นชากับจั๋วหรูซิน "ก่อนที่มาที่นี่ ข้าพูดอะไรไป เจ้าจำได้อยู่ใช่หรือไม่ ไม่ว่าเสี่ยวหวายจะได้รับบาดเจ็บที่ไหน ข้าจะทำในตำแหน่งเดียวกันบนร่างกายของเจ้า"

จั๋วหรูซินหวาดกลัว รูม่านตาของนางตัวลงอย่างกะทันหัน รอยแผลของจั๋วหวายอยู่ที่ใบหน้าของเขา

แต่เดิมกระบี่ถูกวางอยู่บนคอของนาง เวลานี้กระบี่เล่มนั้นถูกยกขึ้นมา จั๋วซือหรานตบหน้านางเบา ๆ ด้วยกระบี่เล่มนั้น เห็นได้ชัดว่า จั๋วซือหรานอยากทำอะไร

“จั๋วซือหราน เจ้ากล้าดีอย่างไร——” จั๋วหรูซินตะโกน “ท่านพ่อ ช่วยด้วย”

คุณท่านจั๋วลิ่ว "จั๋วจิ่ว เจ้า——!"

ทว่าจั๋วซือหรานเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว เขาทำได้เพียงแค่มองกระบี่อันคมกริบใบหน้าของจั๋วหรูซิน และใบหน้าของจั๋วหรูซินมีรอยแผลสองเส้น

"อ๊า——!" จั๋วหรูซินร้องด้วยเสียงแหลมและเศร้ารันทด"จั๋วซือหราน ข้าจะฆ่าเจ้า ข้าจะฆ่าเจ้าตายแน่นอน"

สีหน้าของจั๋วซือหรานไม่ได้มีการเปลี่ยนไปเลย ประสบการณ์ในชาติที่แล้วสอนนางไว้ว่า เมื่อนางควรโหดเหี้ยม นางห้ามอ่อนให้เด็ดขาด นางจดจำไว้ตลอดว่า การที่ใจดีต่อศัตรูนั้นจำทำลายตนเอง

ด้วยใบหน้าที่เย็นชา นางเตะด้านหลังของหัวเข่าของจั๋วหรูซินอีกครั้ง

จั๋วหรูซินคุกเข่าลงทันที

ไม่มีใครคาดคิดว่า จั๋วซือหรานจะลงมืออย่างเด็ดขาดและเฉียบคมขนาดนี้ ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นเลย แม้แต่จั๋วหวายก็ตกตะลึง

จั๋วซือหรานกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา "คุณท่านลิ่วห้ามคนในคลังจ่ายยารักษาแผลแก่ข้า แต่คุณท่านลิ่วคงเต็มใจที่จะจ่ายยาให้กับลูกสาวของตนเอง ข้าคิดว่าการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยของพี่ลิ่วไม่ใช่เรื่องใหญ่ เช่นนั้นจั๋วจิ่วขอลา”

ทันทีที่นางพูดจบ นางก็เตะจั๋วหรูซินไปยังด้านหน้า จากนั้นลากจั๋วหวายไว้ข้างหลังนาง

“หยุดเดี๋ยวนี้ เจ้าเด็กนี่ เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าจัดการเจ้าจริง ๆ หรือ ข้ายังไม่เชื่อว่า วันนี้ข้าจะจัดการเจ้าไม่ได้” คุณท่านจั๋วลิ่วตะโกน ทันทีที่เขาเตรียมจะลงมือ แต่สายตาของเขากลับหยุดมองที่กระบี่นั้น และเขามองอย่างชัดเจน

กระบี่ในมือของจั๋วซือหรานดูเหมือนจะมีรูปแบบที่ธรรมดาและเรียบง่าย แต่ด้ามนั้นสลักด้วยตราประจำตระกูลและมีอักษรหนึ่งตัว "เหยียน" ที่เขียนด้วยปากกาเหล็กเงินคุณภาพสูง

คุณท่านจั๋วลิ่วถาม "ทำไมกระบี่เสวียนเหยียนถึงอยู่ในมือของเจ้า เจ้าดึงกระบี่เสวียนเหยียนออกมาได้จริง ๆ หรือ"

เมื่อจั๋วหรูซินได้ยินคำพูดของท่านพ่อของนาง แต่เดิมนางมีสีหน้าดุร้าย นางรีบหันศีรษะไปมองกระบี่นั้น จึงสังเกตเห็นกระบี่ในมือของจั๋วซือหราน

นางถามจั๋วซือหรานอย่างเคร่งเครียด “นังสารเลว ทำไมกกระบี่ประจำตระกูลของท่านอ๋องเฟิงถึงอยู่ในมือเจ้า”
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Komen (1)
goodnovel comment avatar
Piyapattra Samungkun
จั๋วหวายทำไมโง่จังไปขอร้องคุณท่านลิ่วแถมยังโวยวายให้เขาหาเรื่องทำร้ายนอกจากช่วยพี่สาวไม่ได้ยังทำร้ายตัวเองอีกหุนหันพลันแล่นไม่ไหวอยู่ตระกูลใหญ่ควรสุขุมใจเย็นก่อนทำอะไรต้องมีสติคิดก่อนทำเสมอแต่นี่อะไรไม่ไหวเลย
LIHAT SEMUA KOMENTAR

Bab terbaru

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1401

    ชิ่งหมิงได้ยินคำนี้ สายตาก็ชะงักไปตอนที่เงยหน้าขึ้นมองปันอวิ๋น ก็ไม่ได้รู้สึกตกตะลึงอะไร ดูสงบนิ่งมาก "ฝีมือก็ดีขึ้นมากจริงๆ เพียงแต่ว่า...ข้ากับเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันมากมายนัก"ปันอวิ๋นไม่ใส่ใจกับเรื่องนี้ เขาโบกไม้โบกมือ "ไม่เป็นไร ถึงยังไงพวกเราก็ไม่ได้มีพ่อที่ดีกันนักหรอก"จั๋วซือหรานขมวดคิ้วมองเขา "เจ้ามองออกตั้งแต่เมื่อไรกัน?""ข้าไม่ได้ตาบอดนะ เหล่าจวงเองก็แอบมองจวงชิ่งหมิงอยู่ตลอด ทั้งสองคนสกุลจวงเหมือนกัน ยิ่งไปกว่านั้นในแววตาของเหล่าจวงกับจวงชิ่งหมิงก็คล้ายคลึงกันด้วย แค่มองเฉยๆ อาจไม่รู้สึก แต่ถ้าสองคนอยู่ในภาพเดียวกัน ก็จะสัมผัสได้เลย"ปันอวิ๋นบางครั้งดูแล้วก้เหมือนเป็นคนขี้เกียจที่เหมือนไม่ใส่ใจกับอะไรเลยแต่อันที่จริง เขาเป็นคนละเอียดอ่อนและเฉียบแหลมมากมีหลายเรื่อง ที่แม้เขาจะไม่พูด แต่อันที่จริงในใจก็รู้แจ้งเห็นจริงทุกอย่างปันอวิ๋นเอ่ยต่อ "ไม่เป็นไร ถ้าไม่ชอบฟังคราวหลังจะไม่พูดอีก"แต่เขาคิดๆ จากนั้นก็เสริมมาอีกคำหนึ่ง "น่าจะเพราะว่า ข้ากับเฟิงเหยียนแต่ก่อนรู้ว่าตนเองต้องแบกภาระโชคชะตาแบบไหนไว้ ดังนั้นจึงค่อยๆ ปรับความเข้าใจกับตนเอง จะพูดถึงยังไงก็ได้

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1400

    ถึงยังไงการทำงานในโรงคณิกา บ่อยครั้งที่จะตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอกแม่เล้ากลอกตาไปมา "ทั้งสามท่านมาที่นี่เพื่อหาความสำราญแบบใดหรือ? เคาะประตูดีดีก็พอนี่นา ไม่เห็นต้องพังประตูใหญ่แบบนี้..."นางจ้องปันอวิ๋นไม่วางตา "แขกท่านนี้ต้องการจะฟังดนตรี หรือจะค้างคืนกันล่ะ? ต้องการแม่นาง...หรือว่าต้องการชายหนุ่ม?"ปันอวิ๋นฟังครึ่งประโยคแรก ก็ขมวดคิ้วแล้ว พอได้ยินครึ่งประโยคหลังก็หนักเลย "อะไรนะ?"แม่เล้าเห็นความเย็นชาในสายตาเขา ก็รู้สึกสันหลังวาบ สั่นเทาไปทั้งตัวจั๋วซือหรานที่อยู่ข้างๆ ฟังแล้วอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ ปันอวิ๋นหน้าตาดี ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นความงามเฉพาะตัวด้วย บุคลิกเย้ายวนชวนหลงใหลแต่กำเนิดนั่น ก็ไม่น่าแปลกใจที่ผู้คนจะอดคิดไม่ได้ว่าเขาจะต้องการแม่นาง...หรือว่าต้องการชายหนุ่มกันแน่...จั๋วซือหรานกระแอมแล้วอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ เอ่ยขึ้นว่า "...แค่ก พวกเรามากินข้าวน่ะ พวกเจ้าที่นี่มีกับข้าวและสุราอะไรที่อร่อยก็ยกมาให้หมดเลย"หลังจากที่แม่เล้าได้ยิน เดิมทียังคิดจะถามอยู่ว่าพวกเขาต้องการแม่นางหรือชายหนุ่มไหม แต่ก็รู้สึกว่าถ้าทำแบบนั้นมันจะเหมือนว่าตนเองเบื่อชีวิตแล้วก็เลยอ้าปากพะ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1399

    ทั้งซื่อหนานล้วนเป็นขอบเขตขั้วอำนาจของเนี่ยคุน ดังนั้นข่าวของบ่อนพนัน ไม่นานนักก็ส่งไปถึงหูของเนี่ยคุนแล้วเขาโมโหจนแทบกระอักเลือด!ใครจะคิดว่าหญิงสาวคนนี้ เอาจวนของเขาไปแล้วก็ยังไม่พอตอนนี้ยังคิดจะทำลายกิจการของเขาอีก!เนี่ยคุนทำได้แค่รีบกำชับออกไป "หญิงสาวคนนี้น่าจะจงใจเล่นงานข้า เร็ว กำชับออกไป ให้โรงคณิกาทางนั้นวันนี้ปิดประตูไม่รับแขก จะได้ไม่ให้นังมารร้ายนั่นพอเบื่อบ่อนพนันแล้วหันไปเล่นทางโรงคณิกาต่อ"คนใช้รู้สึกว่าเนี่ยคุนจะคิดมากเกินไป "ท่านเจ้าเมือง คงไม่หรอกกระมัง? นางเป็นหญิงสาวนะ จะไปโรงคณิกาทำไมกัน..."นั่นมันที่ที่ชายหนุ่มไปเล่นกับหญิงสาวนะ!เนี่ยคุนหัวเราะเย็นชา "นางเป็นโหว ขนาดบ่อนพนันยังไปได้ ยังมีเรื่องอะไรที่นางไม่กล้าทำอีกกัน...?"ตอนนี้ต่อให้มีคนมาบอกเขาว่า หญิงสาวคนนี้บินได้!เนี่ยคุนก็อาจจะรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรด้วยซ้ำ!ส่วนอีกด้านหนึ่ง จั๋วซือหรานก็พาปันอวิ๋นกับชิ่งหมิงมาอยู่หน้าประตูโรงคณิกาอย่างสบายอารมณ์"เจ้ามาจริงๆ ด้วยแฮะ" ปันอวิ๋นขมวดคิ้ว จมูกก็ย่นลง เหมือนได้กลิ่นเครื่องประทินเข้มข้นลอยออกมาจากในโรงคณิกา"เจ้าเด็กนี่ยังเด็กอยู่เลยนะ" ป

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1398

    "ได้"จั๋วซือหรานมองเขา ถามขึ้นว่า "ถ้างั้น ใครจะมาเขย่าล่ะ?"ผู้ดูแลเอ่ยขึ้น "ข้า ข้าเอง ข้าเขย่าเอง...ข้าเขย่าเสร็จจะปล่อยมือทันที ไม่มีโอกาสทำอะไรแน่นอน!"จั๋วซือหรานพยักหน้ายิ้มๆ "ได้ได้ งั้นเจ้าเขย่าเลย"ผู้ดูแลให้คนเอากระบอกเขย่าลูกเต๋ามาด้านในมีลูกเต๋าไม้สามลูกวิธีการก็เหมือนกับกติกาในชาติที่แล้วของจั๋วซือหราน เป็นวิธีเล่นที่ง่ายที่สุดจริงๆจั๋วซือหรานไม่ได้ติดใจที่จะเล่นกับเขาสักตา ยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากเขามือสะอาดจริง ชนะก็ชนะแพ้ก็แพ้ นางก็ไม่ใช่จะเล่นไม่ได้แต่ใครจะรู้ ว่าก็ยังมีวิะีการโกงอยู่จริงๆคนผู้นี้น่าจะรู้สึกว่าตัวเขามั่นในใจในแรงควบคุมลูกเต๋าเป็นพิเศษ ดังนั้นพริบตาที่นางตอบตกลงให้เขามาเขย่าลูกเต๋า บนหน้าเขาก็มีสีหน้าถอนใจโล่งออกมาอย่างชัดเจนมันชัดเสียจนทำให้จั๋วซือหรานมองข้ามไปไม่ได้เลยจั๋วซือหรานดูท่าทางเขย่าลูกเต๋าของเขา น่าจะเป็นท่าทางบวกกับการสร้างขึ้นเป็นพิเศษของลูกเต๋า ดังั้นพอรวมกับการเคลื่อนไหวที่พิเศษของเขา สามารถหมุนไปตามที่เขาคิดได้และสามารถทำให้เขาได้แต้มที่เขาต้องการแม้จั๋วจะไม่ได้ดูล้ำสมัยเหมือนพวกอุปกรณ์การพนันที่จั๋วซือหรานรู้ในชาติ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1397

    น่าจะเพราะกลุ่มของหญิงสาวคนนี้ พอเข้ามาถึงก็มีแรงคุกคามมหาศาลกระทั่งท่าทีของผู้ดูแลที่มีต่อพวกเขาก็ยังหวาดหวั่นมากเขาเป็นแค่คนแจกไพ่ แน่นอนว่าไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามแต่ก็ไม่กล้ามองสายตาของผู้ดูแลด้วย จึงทำได้แค่เปิดไพ่อย่างว่าง่ายไปจั๋วซือหรานจึงชนะสองตาของผู้ดูแลดำเมี่ยมไปแล้ว ถ้าปล่อยให้นางชนะต่อไป...แล้วยังมีสหายที่เก่งกาจเรื่องพนันของนางกวาดเรียบที่โต๊ะอื่นด้วยแบบนี้ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ต่อให้พวกนางไม่เอาชีวิตเขา หลัจากนี้เนี่ยคุนก็เล่นเขาตายอยู่ดีดังนั้นสีหน้าผู้ดูแลจึงบิดเบี้ยวขึ้นเรื่อยๆ มากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับกำลังกลัดกลุ้มกับเรื่องที่ตัดสินใจได้ยากมากมองออกว่าค่อนข้างลำบากใจแล้วจั๋วซือหรานยืนขึ้นมา เดินไปทางโต๊ะของปันอวิ๋น บอกกับเขาว่า "เอาล่ะ พอจบตาของเจ้าแล้ว พวกเราก็พอเถอะ"ปันอวิ๋นมองตั๋วทองบนมือจั๋วซือหราน ตาก็เป็นประกาย "ถ้างั้นข้าก็ชนะแล้วสิ?"จั๋วซือหรานยิ้มๆ "ได้ได้ ข้ายอมแพ้แล้ว"เดิมทีนางก็ไม่คิดจะเอาชนะปันอวิ๋นอยู่แล้ว ก็แค่ให้เขาได้เป็นพ่อทูนหัวอย่างสมใจอยากก็เท่านั้นเห็นท่าทางนี้ของเขา จั๋วซือหรานรู้สึกว่าเขาน่าจะไม่คิดมีลูกหลานสืบทอดอะไรแล้วเห

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1396

    "เอาล่ะไม่พูดแล้ว ข้าต้องรีบหน่อย ไม่งั้นเดี๋ยวปันอวิ๋นได้ชนะพอดี เขาดูแล้วก็ไม่ใช่พวกเคี้ยวง่ายด้วยนี่สิ"ไม่นานนักบรรยากาศในบ่อนพนันก็ผิดปกติไปแล้วโต๊ะที่ปันอวิ๋นอยู่ อารมณ์ของทุกคนก็เหมือนจะไม่ไหวแล้ว...ไม่มีใครรู้ว่าชายหนุ่มหน้าตางดงามคนนี้ทำอะไรกันแน่ ทำไมถึงราวกับมีเนตรสวรรค์อย่างไรอย่างนั้น ไม่แพ้เลยสักตาเดียว?ส่วนหญิงสาวที่อยู่อีกโต๊ะคนนั้นเองก็สุดยอดมาก...ไม่แพ้เลยสักครั้งเดียวเหมือนกันแต่พวกเขาก็ดูเป็นแค่นักพนันเท่านั้น...มาขลุกอยู่แต่ในบ่อนพนันคับแคบแบบนี้ ไม่ได้เข้าใจและไม่คิดจะไปทำความเข้าใจโลกภายนอกเลยว่าเป็นอย่างไรบ้าง...ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ตัวตนฐานะของจั๋วซือหรานกับปันอวิ๋นและคนอีกหลายคนก็ไม่ค่อยจะรู้ ว่าพวกเขาเป็นคนแบบไหน สังหารคนที่ประตูเมืองไปแล้วเท่าไร...และผู้ดูแลบ่อนพนันที่ถูกตั๋วทองทำให้เคลิ้มก่อนหน้าคนนั้น ตอนนี้ก็คลายลงมาจากสภาพนั้นแล้วเสียใจ ตอนนี้คือความสำนึกเสียใจขีดสุดเขารีบตรงไปข้างโต๊ะของจั๋วซือหราน เอ่ยอย่างอ้อนวอนว่า "แม่นาง เอ่อไม่ใช่สิ ใต้เท้า...ใต้เท้า! กิจการของเราเล็กๆ มีทุนน้อย ไม่ทราบว่าท่าน..."เขาชูตั๋วทองขึ้นมาสองใบ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status