Share

บทที่ 10

Auteur: หูเทียนเสี่ยว
จั๋วซือหรานเหลือบมองกระบี่เรียบง่ายที่ดูธรรมดาในมือของนาง

ความจริงนี่คือกระบี่ประจำตระกูลของเฟิงเหยียน และกระบี่เล่มนี้มีชื่อเดียวกับแหวนเสวียนเหยียนของนางจริง ๆ

ในวันที่ลูกหลานของตระกูลกำเนิด ห้องกระบี่ประจำตระกูลจะเริ่มตีเหล็กเข้ารูปเพื่อทำกระบี่ให้ทารก รูปแบบของกระบี่จะแตกต่างกันไป แต่ตราประจำตระกูลเฟิงจะถูกสลักไว้ที่ด้ามจับ และชื่อของเด็กคนนั้นจะถูกสลักไว้ที่ส่วนท้ายของด้ามจับ

จั๋วซือหรานมองกระบี่เสวียนเหยียนที่อยู่ในมือของนางและไม่พูดอะไร

ความเงียบของนางทำให้จั๋วหรูซินโกรธมากขึ้น “เจ้าพูดมาสิ ทำไมเจ้าจึงมีกระบี่ประจำตระกูลของท่านอ๋องเฟิง”

จั๋วซือหรานเงยหน้าขึ้นและมองหน้านาง "เจ้ายังต้องถามอีกหรือ แน่นอนว่าเขาให้ข้ามา"นางหยุดครู่หนึ่งและพูดทีละคำ "ของ ขวัญ แทน ใจ"

“เป็นไปไม่ได้” จั๋วหรูซินโกรธแค้น นางกัดฟัน “เจ้าไม่ต้องพูดไร้สาระ ท่านอ๋องเฟิงเบื่อหน่ายกับการถูกบงการมากกว่าใคร ๆ ก่อนหน้านี้ เจ้ายกเลิกการหมั้นหมายและต้องการแต่งงานกับคนอื่น สมหวังเขาพอดี นางคิดว่าเขาอยากแต่งงานกับเจ้าหรือ เขาอยากแต่งงานกับเจ้าเพียงเพราะเจ้า…”

“ซินเอ๋อร์ หยุดพูดได้แล้ว” จู่ ๆ คุณท่านจั๋วลิ่วก็พูดแทรกขัดจั๋วหรูซินขึ้นมา

คุณท่านจั๋วลิ่วโบกมือแล้วพูดว่า "เอาล่ะ ข้าขี้เกียจโต้เถียงกับเด็ก ๆ แล้ว เจ้าไปได้เลย ข้าจะรายงานเรื่องตามความเป็นจริงให้เหล่าผู้อาวุโสทราบ ให้พวกเขาทราบนางทำร้ายพี่สาว แล้วให้พวกเขาตัดสินใจเอง"

จั๋วซือหรานขี้เกียจสนใจคำจู้จี้จุกจิกของพ่อลูกสองคนนี้ เดิมทีนางมาที่นี่ก็แค่อยากพาเสี่ยวหวายกลับ

นางเสียบกระบี่เสวียนเหยียนเข้าไปในฝักโดยไม่ได้ตั้งใจ ลากจั๋วหวายแล้วหันหลังเดินออกจากนั่น

คุณท่านจั๋วลิ่วและจั๋วหรูซินจ้องไปยังกระบี่เรียบง่ายในมือของนางจากด้านหลัง สองคนนี้จ้องมองนางจนกระทั่งนางจากไป

“ท่านพ่อ” จั๋วหรูซินพูดด้วยความโกรธ “ทำไมท่านพ่อถึงปล่อยนางง่าย ๆ ท่านพ่อคงไม่ได้เชื่อจริง ๆ หรอกนะ ว่ามันเป็นของขวัญแทนใจที่ท่าอ๋องเฟิงมอบให้นางใช่หรือไม่”

คุณท่านจั๋วลิ่วมีสีหน้าเคร่งขรึม “ไม่ว่าข้าจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม มันเป็นความจริงที่ว่า นางสามารถดึงกระบี่ของตระกูลเฟิงเหยียนออกมาได้ ท่างผู้อาวุโสจะไม่มีทางปล่อยไปเช่นนี้”

“แต่นางกรีดใบหน้าของหนู แม้ว่าจะหายดีก็ตาม...” จั๋วหรูซินรู้ตัวทันที นางพึมพำ “นั่นคือกระบี่เสวียนเหยียน ใบหน้าของข้า ข้าควรทำเช่นไรกับใบหน้าของข้าดี”

นางเอามือปิดแผลบนแก้มของตน นางสยดสยอง

กระบี่เสวียนเหยียนเป็นกระบี่ประจำตระกูลของเฟิงเหยียน มันมีพลังอย่างแรงขนาดไหน บาดแผลที่เกิดจากกระบี่เล่มนั้นไม่สามารถหายสนิทได้อย่างง่ายนัก

“ข้าต้องฆ่านางให้สิ้น ข้าต้องบดขยี้นางให้กลายเป็นผุยผง”

*

“ฮัด ชิ้ว——!”

จั๋วซือหรานยกมือขึ้นแล้วลูบจมูก

“ท่านพี่ขอรับ ท่านพี่ไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหมขอรับ” จั๋วหวายกังวล “สีหน้าของท่านพี่ดูแย่มาก”

“ไม่เป็นไร” จั๋วซือหรานหันกลับมามองเขา “ว่าแต่เจ้า รอยแผลเต็มหน้า เดี๋ยวท่านแม่เห็น ท่านแม่ต้องเสียใจอีก”

“ข้าไม่เจ็บ” จั๋วหวายส่ายหัว “ท่านพี่ขอรับ ท่านพี่ไม่แต่งงานกับผู้ชายที่แซ่ฉินอีกใช่ไหมขอรับ ข้าได้ยินมาว่า ท่านพี่ถูกเล่นงาน จึงหน้ามืดตามัว ถึงโวยวายร้องอยากแต่งงานกับเขา เขาไม่คู่กับท่านพี่เลยสักนิด”

จั๋วซือหรานยิ้มเยา และจูงมือเขา พี่น้องสองคนนี้เดินกลับต่อ "แล้วเจ้าคิดว่าใครคู่กับข้า"

“ไม่มีใครคู่กับท่านพี่ของข้าทั้งนั้น” จั๋วหวายกระซิบ “พี่ลิ่วห่วงท่านอ๋องเฟิงขนาดนั้น ให้นางไปเสียเถิด ข้าไม่อยากท่านพี่ของข้าแต่งงานเลยสักนิด”

“หากไม่ใช่เพราะท่านอ๋องเฟิง วันนี้พวกเราคงหนีไม่พ้นง่าย ๆ เช่นนี้” จั๋วซือหรานนึกถึงท่าทีของคุณท่านจั๋วลิ่วในก่อนหน้านี้ เดิมทีเขาไม่อยากปล่อยนางหรอก หลังจากเห็นกระบี่เสวียนเหยียนในมือของนาง เขาถึงได้เลิกความคิดนั้น

ดังนั้น ก่อนหน้านี้ เป็นเพราะนางสังเกตถึงความหวาดกลัวของคุณท่านจั๋วลิ่ว นางถึงจงใจบอกเขาว่า นั่นเป็นของขวัญแทนใจ

จั๋วหวายเหลือบมองกระบี่ในมือของนาง “ท่านพี่ขอรับ ท่านพี่กับท่านอ๋องเฟิง...จริง ๆ หรือ”

“เปล่า” จั๋วซือหรานลูบหัวของเขา “ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว เจ้าควรรีบคิดหาคำพูดหน่อย ว่าจะปลอบใจท่านแม่อย่างไร”

พี่น้องสองคนนี้กลับมาที่สวนจี๋หย่าย่วน จั๋วซือหรานให้เด็กชายคนนี้ไปปลอบใจของท่านแม่

ตัวนางเองกลับห้องของนาง เพราะนางคิดพิจารณาว่า กระบี่ประจำตระกูลยังอยู่ที่นี่ ชายคนนั้นคงยังไม่ไปจากที่นี่ นางต้องคืนระบี่นี้ให้แก่เจ้าของเดิม และขอบคุณเขาที่ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของนาง

“เอ่อ...แค้ก ท่านอ๋องเฟิง” จั๋วซือหรานเรียกด้วยเสียงต่ำ นางค่อย ๆ เดินไปข้างหน้า“ยังอยู่ที่นี่หรือไม่”

ไม่มีกานตอบกรับใด ๆ

จั๋วซือหรานวางกระบี่ที่เรียบง่ายลงบนโต๊ะแปดเซียนเบา ๆ ทันทีที่นางวางมันลงบนโต๊ะ นางได้ยินเสียงมาจากด้านหลัง เสียงนั้นใกล้มากจนแทบจะเข้าหูของนาง "เจ้าปฏิบัติตนเองในฐานะคนภายในเสียจริง"

นางตกใจ และนางได้สัมผัสถึงลมหายใจของเขาที่รดตรงหลังคอของนาง

มีแขนเรียวข้ามผ่านไหล่ของนาง เขาไปหยิบกระบี่ประจำตระกูลบนโต๊ะแล้วแขวนไว้ที่เอวของเขา

จั๋วซือหรานพูด "เสื้อคลุมของเจ้า ข้า..."

“ไม่เอาแล้วขอรับ” เฟิงเหยียนกล่าวด้วยอารมณ์ที่สงบ

“ไม่ว่าอย่างไร ก่อนหน้านี้ ขอบคุณที่รักษาอาการบาดเจ็บให้ข้า”

ทันทีที่นางพูดจบ ป้ายไม้มะเกลือก็ถูกยื่นมาอยู่ด้านหน้าของนาง

นางดูออก นั่นเป็นป้ายประจำตัวของคุณหมอ แต่นางไม่เข้าใจว่า เขามีความหมายเช่นใด

เฟิงเหยียนพูดด้วยอารมณ์ที่สงบ "ก่อนหน้านี้ ข้ารักษาเจ้า ข้าอาจล่วงเกินตัวไป นี่คือป้ายประจำคุณหมอของข้า"

ในมุมมองของคุณหมอ ชีวิตมนุษย์มีความสำคัญยิ่ง ไม่แบ่งชายหญิง

จั๋วซือหรานจึงเข้าใจความหมายของเขา ก่อนหน้านี้ เพราะเขาต้องการรักษาอาการบาดเจ็บของนาง เขาจึงจำเป็นต้องเห็นร่างกายของนาง เวลานี้ เขาแสดงป้ายประจำหมอของเขา เพื่อมิให้นางเข้าใจผิดหรือ

ตัวนางเองเป็นหมอ และนางเป็นวิญญาณที่มาจากอีกภพหนึ่งในยุคปัจจุบัน ดังนั้นแน่นอนว่า นางไม่ได้หัวโบราณขนาดนั้น

“ท่านอ๋องเฟิงกำลังกังวลข้าจะนำเรื่องนี้เป็นข้ออ้าง และกวนเจ้าและบังคับเจ้ารับผิดชอบหรือไม่ ” จั๋วซือหรานกล่าว “ไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่ทำเช่นนั้น”

เฟิงเหยียนวางนิ้วเรียวบนด้ามดาบที่เอวของเขา เอามือแตะมันโดยไม่รู้ตัว และเขาพยักหน้าเล็กน้อย "เจ้ารู้เรื่องน่ะดี และหวังว่าทำตามอย่างที่เจ้าพูดละกัน"

เมื่อเขาหันตัวและเดินไปที่ประตู เขาก็หยุดและพูดอย่งกะทันหัน "ทายาน้ำค้างหยกวันละสองครั้ง ด้วยความสามารถของเจ้าที่มี เจ้าจะดีขึ้นได้ภายในสามวัน"

เขาพูดจบและเดินจากไป

จั๋วซือหรานพูดกับตัวเองว่า ถ้าไม่ทายา ภายในห้าวัน นางจะหายเกือบเป็นปกติ เพราะตอนนี้คุณท่านจั๋วลิ่วสั่งการคลังไว้ ไม่มีใครให้ยารักษาอาการบาดเจ็บแก่นาง ยาน้ำค้างหยกที่เขาให้นางในก่อนหน้านี้เมื่อครู่นี้ เขารักษาอาการบาดเจ็บของนาง เขาใช้หมดแล้ว

แต่ไม่คาดคิดว่า หลังจากที่เฟิงเหยียนจากไปแล้ว หลังเที่ยง จู่ ๆ ก็มีคนที่มาจากลานหน้าเรือนเรียกนางไปที่ห้องโถงด้านหน้า

“ผู้อาวุโสใหญ่และผู้อาวุโสสามต้องการพบข้าหรือ” จั๋วซือหรานถามคนรับใช้ที่มาส่งข่าว

คนรับใช้ตอบกลับ"ใช่ขอรับ คุณหนูจิ่ว"

จั๋วซือหรานแบะปาก "คุณท่านลิ่วฟ้องได้เร็วจัง"

แม้ว่าผู้อาวุโสใหญ่จะกระทำการอย่างยุติธรรม แต่เขาก็อุทิศตนเพื่อครอบครัว ผู้อาวุโสสามซึ่งแตกต่างออกไป เขาสนิทกับคุณท่านจั๋วลิ่วมาโดยตลอด ดังนั้นเขาต้องกล่าวหาว่านางทำผิดและหาทางลงโทษนางแน่ ๆ

จั๋วซือหรานเดินตามคนรับใช้ไปที่ลานหน้าบ้าน ทว่าเขาไม่คาดคิดเลยว่า นางไม่เห็นคุณท่านจั๋วลิ่วหรือจั๋วหรูซินอยู่ที่ห้องโถงด้านหน้า

กลับมีคนแปลกหน้าคนหนึ่ง เสื้อผ้าที่เขาสวมทำให้จั๋วซือหรานตกใจเล็กน้อย

นั่นเป็นชุด…ที่มีลายประจำตระกูลเฟิงอยู่บนนั้น

“ท่านผู้นี้คือคุณหนูจั๋วจิ่วแน่เลยใช่ไหมขอรับ” ผู้นั้นถาม

จั๋วซือหรานพยักหน้า "ข้าคือจั๋วจิ่ว"

“ข้าน้อยได้รับคำสั่งและนำสิ่งของเหล่านี้มามอบให้แก่คุณหนูจิ่ว คุณหนูรับของเหล้านี้เสร็จ ข้าน้อยจึงสามารถกลับไปรายงานขอรับ” เมื่อชายคนนั้นพูดจบ เขาหยิบกล่องลายครามสามใบออกมา

“นี่คือ?ฃ” จั๋วซือหรานไม่เข้าใจ

“ยาน้ำค้างหยก” ชายผู้นั้นตอบ

ผู้อาวุโสสามเลิกคิ้วและถามด้วยเจตนาร้าย "เหตุใดท่านอ๋องเฟิงต้องสั่งคนมาเอายาน้ำค้างหยกมาให้"

ชายผู้นั้นเหลือบมองผู้อาวุโสสามแล้วตอบกลับ "ท่านอ๋องได้ยินมาว่า คุณหนูจิ่วได้รับบาดเจ็บ แต่คุณหนูไม่สามารถเอายาจากคลังของตระกูลจั๋วได้ ดังนั้นท่านจึงสั่งข้านำยามา เพื่อแสดงความขอโทษ ขอโทษวันนั้นคุณหนูเฟิงหร่านปฏิบัติตนไม่สุภาพต่อคุณหนูจั๋วจิ่วขอรับ”
Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application
Commentaires (1)
goodnovel comment avatar
สนม หอยสด
แปลอ่านแปลกๆ
VOIR TOUS LES COMMENTAIRES

Latest chapter

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1367

    พอได้ยินเสียงนี้ จั๋วซือหรานก็รู้ว่าเจ้าของเสียงน่าจะเป็นแม่ทัพทหารประจำการเมืองลั่วหม่า...แม่ทัพเย่เจิงคนนั้นจั๋วซือหรานมุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม "แม่ทัพดูแลเมืองลั่วหม่าได้สงบจริงๆ ข้าก็เลยรู้สึกสบายๆ น่ะ""ถ้าหากสงบจริง ใต้เท้าคงไม่โดนโจรปล้นที่ด้านนอกนั่นหรอก" เสียงของเย่เจิงดังลอดออกมาจากด้านในฟังเนื้อหาแล้ว เห็นได้ชัดว่ารู้เรื่องที่จั๋วซือหรานถูกปล้นแล้วจั๋วซือหรานเดินเข้าไปในโถง และเห็นแม่ทัพเย่ที่นั่งอยู่แล้วเทียบกับฉีฮ่าวที่ดูกักขฬะแล้วยังสง่างามกว่าหน่อย แต่ก็ยังดูดุดันกว่าอิงเซ่าที่สง่างามทรงภูมินิดๆ"แม่ทัพเย่" จั๋วซือหรานยิ้มๆสายตาของเย่เจิง พิจารณาอยู่บนตัวหญิงสาวตรงหน้าคนนี้ในสายตาก็มีการสำรวจตรวจสอบอย่างไม่มีปิดบังเขาปักหลักอยู่ในเมืองลั่วหม่ามาหลายปี ถือได้ว่าเป็นการประจำการอยู่แนวหน้าตลอดทั้งปีคนแบบเขาจะเป็นพวกกระดูกแข็งและรับมือยากถ้าจะให้เขามาประจบสอพลออะไรแบบนั้น คงจะทำไม่ได้แน่สำหรับเรื่องนี้ พวกขุนนางใต้เท้าที่มาจากเมืองหลวง ส่วนใหญ่ก็ไม่เต็มใจจะยอมรับเท่าไร กระทั่งรู้สึกขี้เกียจจะออกมาพบเสียด้วยซ้ำแต่สำหรับจั๋วซือหราน กลับโผล่หน้าออกมาด้วยต

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1366

    และขี้เกียจจะกลับไปบนรถม้าแล้ว จึงขึ้นไปนั่งอยู่บนหลังม้าตัวที่นำอยู่ เตรียมจะตรงไปยังจวนแม่ทัพเมืองลั่วหม่าตามที่ทหารชี้ทางไว้แต่ก่อนหน้าที่จะไป นางก็ยังไม่ลืมกำชับกับหัวหนาทหารว่า "คนพวกนี้ ถ้าออกมาจากในคุกก็จะมีใบรับรองความภักดีแล้ว พวกเขาคงจะไปช่วยพวกคนชั่วในเมืองซื่อหนานก่อเรื่องไม่ดีแน่ ดังนั้นห้ามปล่อยพวกเขาออกมาเด็ดขาด"ดวงตาของเหล่าโจรก็ถลึงโตขึ้นมา มองไปทางจั๋วซือหรานและหญิงสาวชุดแดงบนหลังม้านั้น ใบหน้าเล็กที่ไม่ได้แต่งแต้มเครื่องประทิน งดงามหาใดเปรียบก็ยิ้มขึ้นมาจนเจิดจ้ายิ่งกว่าดวงตะวัน แต่ในแววตานั้นกลับไม่มีความอบอุ่นใดอยู่เลย ราวกับจะเย็นเยียบยิ่งกว่าน้ำแข็งเสียอีกสายตาที่ไม่มีความอบอุ่นใดของนางตกมาอยู่บนตัวพวกเขา จ้องมองมาเรียบๆ "พวกเจ้าคิดว่ากฏหมายใช้กับคนหมู่มากไม่ได้ พอปล้นชิงแล้วขอแค่ไปยังเมืองซื่อหนานได้ กฏหมายก็จะเอาผิดพวกเจ้าไม่ได้สินะ"นางจ้องพวกเขา "แต่ข้าเอาผิดพวกเจ้าได้ ทนรับเอาไว้ก็แล้วกัน"พูดคำนี้จบ จั๋วซือหรานก็คีบท้องม้า ติดตามทหารที่นำทาง ตรงไปยังจวนแม่ทัพทหารประจำการของเมืองลั่วหม่า เป็นส่วนหนึ่งของกองพันพยัคฆ์ทมิฬแห่งกองทัพสยบแดนใต้แม่ท

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1365

    ถ้าถูกจับเข้าห้องขัง พวกเขาไม่ใช่ยังต้องคิดหาวิธีแหกคุกออกมาอีกถึงจะหลบเข้าไปใช้ชีวิตอย่างสงบในซื่อหนานได้รึไงกัน?จากนั้น พวกเขาก็ได้ยินจั๋วซือหรานหัวเราะขึ้นมา ไม่รู้เพราะอะไร ตอนที่พวกเขาได้ยินเสียงนี้ ในใจก็รู้สึกตึกตักขึ้นมาอย่างประหลาด...น่าจะเพราะ...เป็นลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดีกระมัง?สรุปคือ หลังจากเสียงหัวเราะเบาๆ ของนาง พวกเขาก็ได้ยินจั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นว่า "โอ้ พวกเขาน่ะ..."สายตานางหรี่ลง แววตาเจ้าเล่ห์ชั่วร้ายแล่นวาบในดวงตาพญาหงส์ของนาง"พวกเขาเป็นคนที่คิดจะมาปล้นขบวนรถข้าที่ด้านนอกเมืองลั่วหม่าน่ะ"พอคำนี้ออกไป เหล่าโจรต่อให้เดาได้ถึงความเป็นไปได้นี่ แต่ก็ยังรู้สึกตกตะลึงอยู่และเหล่าทหารเองก็ตกตะลึงด้วยเช่นกัน ร้อนรนขึ้นมาทันที"มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ? กำเริบเสิบสานเสียจริง!"ในดวงตาของหัวหน้าทหารมีความโกรธอยู่ตรงหน้าคนนี้คือว่าที่โหวหลวนหนานนะ ทั่วทั้งหลวนหนานล้วนเป็นพื้นที่ศักดินาของนาง ยิ่งไปกว่านั้นได้ยินว่านางไม่ใช่หญิงสาวที่อ่อนแออะไรเลยอีกด้วยชื่อเสียงของคนผู้นี้ลือไปทั่วเมืองหลวงแล้ว เป็นตัวตนที่ค่อนข้างร้ายกาจเลยทีเดียว...ในอนาคตจะต้องมีเรื่องที่ต้อ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1364

    จั๋วซือหรานส่งป้ายผ่านด่านให้กับทหารทหารประตูเมืองหยิบป้ายผ่านด่านของนาง ขึ้นมามองไปมองมาอย่างละเอียดจากนั้นก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อจั๋วซือหรานรู้สึกว่าปกติดี แม้ว่านางจะถูกอวยยศเป็นโหวแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังถูกแต่งตั้งพื้นที่ศักดินาเป็นหลวนหนานด้วยแต่การสื่อสารที่ยังไม่พัฒนานัก ทำเลที่ตั้งของเมืองลั่วหม่าเองก็ค่อนข้างห่างไกลอีกด้วยต่อให้แม่ทัพทีประจำการอยู่ในเมืองลั่วหม่าจะรู้ข่าวแล้ว แต่ก็อาจจะไม่ได้แจ้งลงมาขุนพลกับทหารด้านล่างยังไม่รู้ ก็ดูเป็นเรื่องปกติดังนั้นทหารจึงเห็นว่านางเป็นหญิงสาวคนหนึ่ง ที่หยิบเอา 'ป้ายตราปลอม' ที่มีตราประทับโหวออกมาหลอกลวงฉับพลัน สีหน้าก็ปั้นยากขึ้นมาทันทีหัวเราะเย็นชาขึ้นเสียงหนึ่ง "เจ้านี่บังอาจนักนะ! เจ้าคิดจะล้อเล่นกับเมืองลั่วหม่ารึ? ตาสีตาสาที่ไหนแค่ถือป้ายผ่านทางมั่วๆ มา ก็คิดว่าจะเนียนเข้าไปในเมืองลั่วหม่าได้รึไงกัน?"จั๋วซือหรานครุ่นคิดสาเหตุปัญหาอยู่ครู่หนึ่ง ก็รู้สึกว่าน่าจะเพราะเนื้อหาในป้ายผ่านทางไม่ตรงกับข่าวที่พวกเขารู้มากระมังจะทำอะไรได้ล่ะ ป้ายผ่านทางสมัยนี้ก็ไม่มีเครื่องหมายป้องกันการปลอมแปลงอย่างพวกตราเลเซอ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1363

    พอได้ยินคำของจั๋วซือหราน เฟิงเหยียนก็ขมวดคิ้วจากนั้นก็ถามปันอวิ๋นขึ้นคำหนึ่ง "เป็นแบบนี้หรือ?""แปลกใหม่ดีใช่ไหมล่ะ?" ปันอวิ๋นเหมือนยิ้มเหมือนไม่ยิ้มเอ่ยขึ้นเฟิงเหยียนแม้จะค่อนข้างไม่พอใจกับเรื่องนี้ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรแค่รอการตัดสินใจของจั๋วซือหรานเขารู้สึกว่า ไม่ว่านางจะตัดสินใจยังไง เขาก็จะไม่มีความเห็นทั้งนั้นเนื่องจากนางนั้นเฉลียวฉลาดมาแต่ไหนแต่ไร ความคิดของนางมักจะมั่นคงและมีเหตุผลแต่จั๋วซือหรานก็หัวเราะถามขึ้นมาว่า "ท่านอ๋องน้อยมีความคิดอะไรไหม?"ท่านอ๋องน้อยคิดในใจว่าข้าจะมีความคิดอะไรได้ ข้าอยู่กับไก่แล้วก็ต้องตามใจไก่ไปสิ...เขาชะงักไปครู่แล้วเอ่ยขึ้นว่า "ฟังเจ้านั่นล่ะ"ปันอวิ๋นหัวเราะอยู่ข้างๆ น่าจะเพราะชอบและพอใจที่ได้เห็นท่าทางเชื่อฟังและทำตามของเฟิงเหยียนแบบนี้หลังจากจั๋วซือหรานได้ยินคำนี้ ก็ยกมุมปากขึ้นยิ้ม "ถ้างั้น...พวกเราก็คิดหาวิธีเนียนเข้าไปในเมืองซื่อหนานก่อนค่อยว่ากันแล้วกัน?"สำหรับเรื่องนี้ เฟิงเหยียนกับปันอวิ๋นไม่มีความเห็นใดอย่าว่าแต่เนียนเข้าไปในเมืองซื่อหนานเลย ต่อให้จะเนียนเข้าไปในสภาผู้อาวุโส ถ้าพวกเขาคิดหาวิธี ก็น่าจะพอทำได้อยู่ปันอ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1362

    จั๋วซือหรานเองก็ไม่มีอะไรต้องไต่สวนพวกเขาอีกแล้ว จึงเอียงหน้าไปทางแมงมุมของนางโจรพวกนั้นก็ขนลุกชูชันขึ้นทันที!เพราะครั้งที่แล้วตอนนางเอียงหน้าไปทางแมงมุมแมงมุมตัวนั้นก็เฉือนเนื้อของคนคนนั้นออกมา!อารมณ์หวาดกลัวของพวกเขา ก็เริ่มแผ่ซ่านขึ้นมาในใจอีกครั้งแต่คิดไม่ถึงว่า แมงมุมยักษ์ตัวนั้นจะไม่ได้กรีดเนื้อหนังพวกเขาเพียงแค่ขยับตัวนิดหน่อย ก็พ่นใยออกมาอีกสองสามก้อนทำให้พวกเขาอยู่ในสภาพถูกห่อเหมือนดักแด้อีกครั้ง ขยับตัวไม่ได้ ปากก็พูดไม่ได้...เหลือแค่จมูกที่ยังหายใจกับดวงตาที่ยังมองวัตถุเห็นคนที่ถูกกรีดจนกรีดร้องไม่หยุดก่อนหน้าคนนั้น ตอนนี้เองก็เงียบเสียงไปแล้วด้วยตอนแรกเขายังอัดอั้นหน้าดำหน้าแดงอยู่ แต่เขาก็ค่อยๆ สงบลงมาแล้วเพราะหลังจากที่ใยแมงมุมของแมงมุมตัวนี้พันเข้ามา...บาดแผลก็เหมือนจะไม่ค่อยเจ็บแล้ว...?จั๋วซือหรานขี้เกียจจะสนใจพวกเขาเดินตามปันอวิ๋นขึ้นมาด้านหน้าปันอวิ๋นยังจุ๊ปาก เอียงตามองโจรพวกนั้น เบ้ปากเอ่ยขึ้นว่า "เจ้านี่ก็เมตตาเกินไป"ใยของแมงมุมหน้าผีมีฤทธิ์ทำให้ชาอยู่สินะ ยังไม่ทันได้สั่งสอนพวกเขาจนหนำใจเลยนี่? ดันหยุดความเจ็บปวดให้พวกเขาเสียแล้ว?แล

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status