Share

บทที่ 10

Author: หูเทียนเสี่ยว
จั๋วซือหรานเหลือบมองกระบี่เรียบง่ายที่ดูธรรมดาในมือของนาง

ความจริงนี่คือกระบี่ประจำตระกูลของเฟิงเหยียน และกระบี่เล่มนี้มีชื่อเดียวกับแหวนเสวียนเหยียนของนางจริง ๆ

ในวันที่ลูกหลานของตระกูลกำเนิด ห้องกระบี่ประจำตระกูลจะเริ่มตีเหล็กเข้ารูปเพื่อทำกระบี่ให้ทารก รูปแบบของกระบี่จะแตกต่างกันไป แต่ตราประจำตระกูลเฟิงจะถูกสลักไว้ที่ด้ามจับ และชื่อของเด็กคนนั้นจะถูกสลักไว้ที่ส่วนท้ายของด้ามจับ

จั๋วซือหรานมองกระบี่เสวียนเหยียนที่อยู่ในมือของนางและไม่พูดอะไร

ความเงียบของนางทำให้จั๋วหรูซินโกรธมากขึ้น “เจ้าพูดมาสิ ทำไมเจ้าจึงมีกระบี่ประจำตระกูลของท่านอ๋องเฟิง”

จั๋วซือหรานเงยหน้าขึ้นและมองหน้านาง "เจ้ายังต้องถามอีกหรือ แน่นอนว่าเขาให้ข้ามา"นางหยุดครู่หนึ่งและพูดทีละคำ "ของ ขวัญ แทน ใจ"

“เป็นไปไม่ได้” จั๋วหรูซินโกรธแค้น นางกัดฟัน “เจ้าไม่ต้องพูดไร้สาระ ท่านอ๋องเฟิงเบื่อหน่ายกับการถูกบงการมากกว่าใคร ๆ ก่อนหน้านี้ เจ้ายกเลิกการหมั้นหมายและต้องการแต่งงานกับคนอื่น สมหวังเขาพอดี นางคิดว่าเขาอยากแต่งงานกับเจ้าหรือ เขาอยากแต่งงานกับเจ้าเพียงเพราะเจ้า…”

“ซินเอ๋อร์ หยุดพูดได้แล้ว” จู่ ๆ คุณท่านจั๋วลิ่วก็พูดแทรกขัดจั๋วหรูซินขึ้นมา

คุณท่านจั๋วลิ่วโบกมือแล้วพูดว่า "เอาล่ะ ข้าขี้เกียจโต้เถียงกับเด็ก ๆ แล้ว เจ้าไปได้เลย ข้าจะรายงานเรื่องตามความเป็นจริงให้เหล่าผู้อาวุโสทราบ ให้พวกเขาทราบนางทำร้ายพี่สาว แล้วให้พวกเขาตัดสินใจเอง"

จั๋วซือหรานขี้เกียจสนใจคำจู้จี้จุกจิกของพ่อลูกสองคนนี้ เดิมทีนางมาที่นี่ก็แค่อยากพาเสี่ยวหวายกลับ

นางเสียบกระบี่เสวียนเหยียนเข้าไปในฝักโดยไม่ได้ตั้งใจ ลากจั๋วหวายแล้วหันหลังเดินออกจากนั่น

คุณท่านจั๋วลิ่วและจั๋วหรูซินจ้องไปยังกระบี่เรียบง่ายในมือของนางจากด้านหลัง สองคนนี้จ้องมองนางจนกระทั่งนางจากไป

“ท่านพ่อ” จั๋วหรูซินพูดด้วยความโกรธ “ทำไมท่านพ่อถึงปล่อยนางง่าย ๆ ท่านพ่อคงไม่ได้เชื่อจริง ๆ หรอกนะ ว่ามันเป็นของขวัญแทนใจที่ท่าอ๋องเฟิงมอบให้นางใช่หรือไม่”

คุณท่านจั๋วลิ่วมีสีหน้าเคร่งขรึม “ไม่ว่าข้าจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม มันเป็นความจริงที่ว่า นางสามารถดึงกระบี่ของตระกูลเฟิงเหยียนออกมาได้ ท่างผู้อาวุโสจะไม่มีทางปล่อยไปเช่นนี้”

“แต่นางกรีดใบหน้าของหนู แม้ว่าจะหายดีก็ตาม...” จั๋วหรูซินรู้ตัวทันที นางพึมพำ “นั่นคือกระบี่เสวียนเหยียน ใบหน้าของข้า ข้าควรทำเช่นไรกับใบหน้าของข้าดี”

นางเอามือปิดแผลบนแก้มของตน นางสยดสยอง

กระบี่เสวียนเหยียนเป็นกระบี่ประจำตระกูลของเฟิงเหยียน มันมีพลังอย่างแรงขนาดไหน บาดแผลที่เกิดจากกระบี่เล่มนั้นไม่สามารถหายสนิทได้อย่างง่ายนัก

“ข้าต้องฆ่านางให้สิ้น ข้าต้องบดขยี้นางให้กลายเป็นผุยผง”

*

“ฮัด ชิ้ว——!”

จั๋วซือหรานยกมือขึ้นแล้วลูบจมูก

“ท่านพี่ขอรับ ท่านพี่ไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหมขอรับ” จั๋วหวายกังวล “สีหน้าของท่านพี่ดูแย่มาก”

“ไม่เป็นไร” จั๋วซือหรานหันกลับมามองเขา “ว่าแต่เจ้า รอยแผลเต็มหน้า เดี๋ยวท่านแม่เห็น ท่านแม่ต้องเสียใจอีก”

“ข้าไม่เจ็บ” จั๋วหวายส่ายหัว “ท่านพี่ขอรับ ท่านพี่ไม่แต่งงานกับผู้ชายที่แซ่ฉินอีกใช่ไหมขอรับ ข้าได้ยินมาว่า ท่านพี่ถูกเล่นงาน จึงหน้ามืดตามัว ถึงโวยวายร้องอยากแต่งงานกับเขา เขาไม่คู่กับท่านพี่เลยสักนิด”

จั๋วซือหรานยิ้มเยา และจูงมือเขา พี่น้องสองคนนี้เดินกลับต่อ "แล้วเจ้าคิดว่าใครคู่กับข้า"

“ไม่มีใครคู่กับท่านพี่ของข้าทั้งนั้น” จั๋วหวายกระซิบ “พี่ลิ่วห่วงท่านอ๋องเฟิงขนาดนั้น ให้นางไปเสียเถิด ข้าไม่อยากท่านพี่ของข้าแต่งงานเลยสักนิด”

“หากไม่ใช่เพราะท่านอ๋องเฟิง วันนี้พวกเราคงหนีไม่พ้นง่าย ๆ เช่นนี้” จั๋วซือหรานนึกถึงท่าทีของคุณท่านจั๋วลิ่วในก่อนหน้านี้ เดิมทีเขาไม่อยากปล่อยนางหรอก หลังจากเห็นกระบี่เสวียนเหยียนในมือของนาง เขาถึงได้เลิกความคิดนั้น

ดังนั้น ก่อนหน้านี้ เป็นเพราะนางสังเกตถึงความหวาดกลัวของคุณท่านจั๋วลิ่ว นางถึงจงใจบอกเขาว่า นั่นเป็นของขวัญแทนใจ

จั๋วหวายเหลือบมองกระบี่ในมือของนาง “ท่านพี่ขอรับ ท่านพี่กับท่านอ๋องเฟิง...จริง ๆ หรือ”

“เปล่า” จั๋วซือหรานลูบหัวของเขา “ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว เจ้าควรรีบคิดหาคำพูดหน่อย ว่าจะปลอบใจท่านแม่อย่างไร”

พี่น้องสองคนนี้กลับมาที่สวนจี๋หย่าย่วน จั๋วซือหรานให้เด็กชายคนนี้ไปปลอบใจของท่านแม่

ตัวนางเองกลับห้องของนาง เพราะนางคิดพิจารณาว่า กระบี่ประจำตระกูลยังอยู่ที่นี่ ชายคนนั้นคงยังไม่ไปจากที่นี่ นางต้องคืนระบี่นี้ให้แก่เจ้าของเดิม และขอบคุณเขาที่ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของนาง

“เอ่อ...แค้ก ท่านอ๋องเฟิง” จั๋วซือหรานเรียกด้วยเสียงต่ำ นางค่อย ๆ เดินไปข้างหน้า“ยังอยู่ที่นี่หรือไม่”

ไม่มีกานตอบกรับใด ๆ

จั๋วซือหรานวางกระบี่ที่เรียบง่ายลงบนโต๊ะแปดเซียนเบา ๆ ทันทีที่นางวางมันลงบนโต๊ะ นางได้ยินเสียงมาจากด้านหลัง เสียงนั้นใกล้มากจนแทบจะเข้าหูของนาง "เจ้าปฏิบัติตนเองในฐานะคนภายในเสียจริง"

นางตกใจ และนางได้สัมผัสถึงลมหายใจของเขาที่รดตรงหลังคอของนาง

มีแขนเรียวข้ามผ่านไหล่ของนาง เขาไปหยิบกระบี่ประจำตระกูลบนโต๊ะแล้วแขวนไว้ที่เอวของเขา

จั๋วซือหรานพูด "เสื้อคลุมของเจ้า ข้า..."

“ไม่เอาแล้วขอรับ” เฟิงเหยียนกล่าวด้วยอารมณ์ที่สงบ

“ไม่ว่าอย่างไร ก่อนหน้านี้ ขอบคุณที่รักษาอาการบาดเจ็บให้ข้า”

ทันทีที่นางพูดจบ ป้ายไม้มะเกลือก็ถูกยื่นมาอยู่ด้านหน้าของนาง

นางดูออก นั่นเป็นป้ายประจำตัวของคุณหมอ แต่นางไม่เข้าใจว่า เขามีความหมายเช่นใด

เฟิงเหยียนพูดด้วยอารมณ์ที่สงบ "ก่อนหน้านี้ ข้ารักษาเจ้า ข้าอาจล่วงเกินตัวไป นี่คือป้ายประจำคุณหมอของข้า"

ในมุมมองของคุณหมอ ชีวิตมนุษย์มีความสำคัญยิ่ง ไม่แบ่งชายหญิง

จั๋วซือหรานจึงเข้าใจความหมายของเขา ก่อนหน้านี้ เพราะเขาต้องการรักษาอาการบาดเจ็บของนาง เขาจึงจำเป็นต้องเห็นร่างกายของนาง เวลานี้ เขาแสดงป้ายประจำหมอของเขา เพื่อมิให้นางเข้าใจผิดหรือ

ตัวนางเองเป็นหมอ และนางเป็นวิญญาณที่มาจากอีกภพหนึ่งในยุคปัจจุบัน ดังนั้นแน่นอนว่า นางไม่ได้หัวโบราณขนาดนั้น

“ท่านอ๋องเฟิงกำลังกังวลข้าจะนำเรื่องนี้เป็นข้ออ้าง และกวนเจ้าและบังคับเจ้ารับผิดชอบหรือไม่ ” จั๋วซือหรานกล่าว “ไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่ทำเช่นนั้น”

เฟิงเหยียนวางนิ้วเรียวบนด้ามดาบที่เอวของเขา เอามือแตะมันโดยไม่รู้ตัว และเขาพยักหน้าเล็กน้อย "เจ้ารู้เรื่องน่ะดี และหวังว่าทำตามอย่างที่เจ้าพูดละกัน"

เมื่อเขาหันตัวและเดินไปที่ประตู เขาก็หยุดและพูดอย่งกะทันหัน "ทายาน้ำค้างหยกวันละสองครั้ง ด้วยความสามารถของเจ้าที่มี เจ้าจะดีขึ้นได้ภายในสามวัน"

เขาพูดจบและเดินจากไป

จั๋วซือหรานพูดกับตัวเองว่า ถ้าไม่ทายา ภายในห้าวัน นางจะหายเกือบเป็นปกติ เพราะตอนนี้คุณท่านจั๋วลิ่วสั่งการคลังไว้ ไม่มีใครให้ยารักษาอาการบาดเจ็บแก่นาง ยาน้ำค้างหยกที่เขาให้นางในก่อนหน้านี้เมื่อครู่นี้ เขารักษาอาการบาดเจ็บของนาง เขาใช้หมดแล้ว

แต่ไม่คาดคิดว่า หลังจากที่เฟิงเหยียนจากไปแล้ว หลังเที่ยง จู่ ๆ ก็มีคนที่มาจากลานหน้าเรือนเรียกนางไปที่ห้องโถงด้านหน้า

“ผู้อาวุโสใหญ่และผู้อาวุโสสามต้องการพบข้าหรือ” จั๋วซือหรานถามคนรับใช้ที่มาส่งข่าว

คนรับใช้ตอบกลับ"ใช่ขอรับ คุณหนูจิ่ว"

จั๋วซือหรานแบะปาก "คุณท่านลิ่วฟ้องได้เร็วจัง"

แม้ว่าผู้อาวุโสใหญ่จะกระทำการอย่างยุติธรรม แต่เขาก็อุทิศตนเพื่อครอบครัว ผู้อาวุโสสามซึ่งแตกต่างออกไป เขาสนิทกับคุณท่านจั๋วลิ่วมาโดยตลอด ดังนั้นเขาต้องกล่าวหาว่านางทำผิดและหาทางลงโทษนางแน่ ๆ

จั๋วซือหรานเดินตามคนรับใช้ไปที่ลานหน้าบ้าน ทว่าเขาไม่คาดคิดเลยว่า นางไม่เห็นคุณท่านจั๋วลิ่วหรือจั๋วหรูซินอยู่ที่ห้องโถงด้านหน้า

กลับมีคนแปลกหน้าคนหนึ่ง เสื้อผ้าที่เขาสวมทำให้จั๋วซือหรานตกใจเล็กน้อย

นั่นเป็นชุด…ที่มีลายประจำตระกูลเฟิงอยู่บนนั้น

“ท่านผู้นี้คือคุณหนูจั๋วจิ่วแน่เลยใช่ไหมขอรับ” ผู้นั้นถาม

จั๋วซือหรานพยักหน้า "ข้าคือจั๋วจิ่ว"

“ข้าน้อยได้รับคำสั่งและนำสิ่งของเหล่านี้มามอบให้แก่คุณหนูจิ่ว คุณหนูรับของเหล้านี้เสร็จ ข้าน้อยจึงสามารถกลับไปรายงานขอรับ” เมื่อชายคนนั้นพูดจบ เขาหยิบกล่องลายครามสามใบออกมา

“นี่คือ?ฃ” จั๋วซือหรานไม่เข้าใจ

“ยาน้ำค้างหยก” ชายผู้นั้นตอบ

ผู้อาวุโสสามเลิกคิ้วและถามด้วยเจตนาร้าย "เหตุใดท่านอ๋องเฟิงต้องสั่งคนมาเอายาน้ำค้างหยกมาให้"

ชายผู้นั้นเหลือบมองผู้อาวุโสสามแล้วตอบกลับ "ท่านอ๋องได้ยินมาว่า คุณหนูจิ่วได้รับบาดเจ็บ แต่คุณหนูไม่สามารถเอายาจากคลังของตระกูลจั๋วได้ ดังนั้นท่านจึงสั่งข้านำยามา เพื่อแสดงความขอโทษ ขอโทษวันนั้นคุณหนูเฟิงหร่านปฏิบัติตนไม่สุภาพต่อคุณหนูจั๋วจิ่วขอรับ”
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
สนม หอยสด
แปลอ่านแปลกๆ
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1457

    จั๋วซือหรานพูดถึงตรงนี้ ก็หัวเราะขึ้นมา แต่ไม่ใช่หัวเราะใส่เฟิงเหยียนหรือปันอวิ๋นถ้าให้พูดจริงๆ น่าจะเป็นเจ้าสภาผู้อาวุโสสมควรตายนั่นมากกว่าจั๋วซือหรานหัวเราะเสียงเย็นชา "พวกเขาพอได้ลิ้มลองของดีแล้ว ต้องไม่ยอมปล่อยวางพลังสัตว์เทพไปแน่นอน"พลังแห่งมังกรครามสามารถทำให้เกาะมังกรลอยบนท้องฟ้าได้ ทำให้ฐานที่มั่นพวกเขาดูราวกับเป็นปาฏิหาริย์แห่งทวยเทพได้อย่าว่าแต่สภาผู้อาวุโสพวกนี้เลยจั๋วซือหรานลองสมมติว่าถ้าตนเองเป็นแบบนั้น ก็คงรู้สึกอยากจะรู้ว่าพลังของสัตว์เทพอื่นๆ จะเป็นเช่นไร"ใช่เลย" ปันอวิ๋นถอนหายใจ "เพียงแต่ว่า พลังสัตว์เทพมันหาได้ง่ายๆ เสียที่ไหนกัน"ถังฉือที่อยู่ข้างๆ ก็พูดต่อมาว่า "พวกเราหามาตั้งหลายปี ไอ้ที่หาเจอจริงๆ ก็มีแค่หงส์แดงกับพยัคฆ์ขาวเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นแค่พวกน้ำไร้รากด้วย"จั๋วซือหรานรู้สึกสนใจกับคำพูดนี้ของถังฉือ"น้ำไร้ราก..."ประหลาด จั๋วซือหรานเข้าใจความหมายคำนี้ของถังฉือขึ้นทันทีพลังแห่งพยัคฆ์ขาวที่ถังฉือพูดถึงเป็นอย่างไร จั๋วซือหรานไม่รู้แต่ที่นางรู้คือบนตัวเฟิงเหยียน หรือก็คือพลังหงส์แดงที่สืบทอดมาของตระกูลเฟิงมันก็ดูเป็นน้ำไร้รากจริงๆ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1456

    เขาพยักหน้า "พวกเขาสะสมมานานหลายปี มีทรัพยากรที่ดีที่สุด มีเส้นสายที่ดีที่สุดกับสำนักต่างๆ"ถังฉือพูดต่อไปและเพราะมีทรัพยากรเช่นนี้ พวกเขาจึงมีสายข่าวที่เยอะถึงเยอะมากๆสัตว์เทพเอย สัตว์ชั่วร้ายเอย สิ่งที่คนปรารถนาแต่ไม่อาจเอื้อมถึง แค่คิดก็ยังไม่กล้าจะคิด ทว่าสำหรับพวกเขาแล้ว กลับเป็นสิ่งที่ได้มาง่ายดายและเพราะได้มาง่ายดาย จึงไม่ได้ดูมีคุณค่าขนาดนั้นดังนั้น จึงมีทะเลทรายทางเหนือขึ้นมาทะเลทรายทางเหนือก็เหมือนกับเป็นศูนย์พักพิงแห่งหนึ่งของสภาผู้อาวุโส รวบรวมตัวตนอันตรายจำนวนมากไว้ เป็นตัวตนที่สภาผู้อาวุโสรู้สึกว่าเก็บไว้ก็ไม่ได้ประโยชน์ แต่จะทิ้งก็เสียดายถ้าบอกว่าให้ทิ้งไป พวกเขาก็ยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง แต่ถ้าจะบอกว่ามีค่า...ก็เหมือนไม่ได้ไปถึงขนาดนั้นดังนั้นจึงให้พวกเขาอยู่กันที่ทะเลทรายทางเหนือ อยู่ในเมืองโม่ทั้งใช้งานต่อได้ และไม่ส่งผลกระทบกับชีวิตของสภาผู้อาวุโสด้วยจั๋วซือหรานฟังออกถึงความหมายในคำพูดนี้"ดังนั้นก็คือ...ที่พวกเขาเอาคนเหล่านี้มาทำงานในเมืองโม่ อันที่จริงก็เพื่อไม่ให้พวกเขาไปยังฐานที่มั่นสภาผู้อาวุโส แต่ยังสามารถใช้ประโยชน์จากพลังของพวกเขาต่อไปได้"

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1455

    ถังฉือชอบจั๋วซือหราน ไม่ใช่ความรู้สึกชอบแบบหนุ่มสาว แต่เป็นความชอบแบบบริสุทธิ์ใจดังนั้น ขอแค่จั๋วซือหรานอยากรู้ ถังฉือก็จะตอบสิ่งที่รู้ออกมาทั้งหมดดังนั้นจั๋วซือหรานจึงมีความเข้าใจต่อสภาผู้อาวุโส และทะเลทรายทางเหนือพอควรแล้วสภาผู้อาวุโส ตอนแรกสุดที่ก่อตั้ง ไม่ได้มีเจตนาไม่ดี และไม่มีการกดขี่ข่มเหงตอนนั้น แผ่นดินใหญ่แตกแยกล่มสลายแคว้นเล็กต่างๆ สับสนวุ่นวายไม่พัก สู้กันไปสู้กันมาตอนนั้นลัทธิยังไม่เรียกเป็นลัทธิ แต่ยังเรียกเป็นแค่กลุ่มสำนัก และกลุ่มสำนักภูเขาหรือกลุ่มสำนักริมน้ำก็ผุดขึ้นมาไม่ขาดสายและก็มีการช่วงชิงระหว่างกันทั้งที่ลับที่แจ้งอยู่ไม่น้อยพูดแบบนี้ดีกว่า เป็นยุคสมัยที่ค่อนข้างวุ่นวายเลยทีเดียวระหว่างแคว้นรบราต่อสู้กัน วุ่นวายไม่หยุดหย่อนระหว่างสำนักเองก็ต่อสู้กัน มีคนตายไปไม่น้อยสถานการณ์เช่นนี้ยืดยาวต่อมาเป็นเวลานาน กินเวลาหลายสิบปีเลยทีเดียวต่อมาไม่รู้เนื่องจากโอกาสอะไร โดยรวมคือ มีสำนักอันดับแรกที่ก่อตั้งขึ้นจากการร่วมตัวเป็นพันธมิตรพลังของสำนักเช่นนี้แน่นอนว่าไม่ใช่ธรรมดา ดีกว่ากลุ่มสำนักแต่ก่อนมากมายดังนั้น เพื่อจะต่อสู้กับสำนักนี้ สำนักอื่นๆ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1454

    ตอนที่ฟ้ากำลังจะสาง จั๋วซือหรานก็เรียกให้เฟิงเหยียนเข้ามาอยู่บนรถม้ารถม้าของนางเดิมทีก็เตรียมไว้เพื่อเขาโดยเฉพาะ ไม่เช่นนั้น อันที่จริงพวกเขาจะขี่ม้าเร่งระยะทางกันเสียหน่อยก็ไม่ใช่ปัญหาเลยหลักๆ คือยังกังวลอาการบาดเจ็บของเฟิงเหยียนในรถม้าท่ามกลางความมืด เฟิงเหยียนโอบกอดนางเบาๆจั๋วซือหรานพิงไปที่อกเขา "อีกเดี๋ยวท่านก็พักผ่อนให้ดีๆ""อืม" เฟิงเหยียนดูเชื่อฟังนางมากจั๋วซือหรานคิด เอ่ยถามเสียงต่ำว่า "พวกเขาขังคนพวกนี้ไว้ที่ทะเลทรายทางเหนือหรือ?"เฟิงเหยียนขานรับอืม "ถือว่าใช่นั่นล่ะ ตอนแรกสุดคนทั้งหมด จะคิดว่าตนเองได้ไปเข้าร่วมกับองค์กรที่ใหญ่โตมาก อยู่ไปจึงได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ว่าไปเข้าร่วม แต่ไปให้บริการต่างหาก..."จั๋วซือหรานรู้สึกว่า ใช้คำว่าให้บริการนี่ อาจจะเป็นคำที่เฟิงเหยียนใช้แบบอ้อมๆ หน่อยแล้วกระทั่งเรียกได้ว่าเป็นทาสเลยด้วยซ้ำจั๋วซือหรานพอได้ยินจากคำพูดเฟิงเหยียน ภาพของทะเลทรายทางเหนือ ก็ค่อยๆ มีเค้าโครงขึ้นมาบ้างแล้วคนเหล่านั้น ล้วนเป็นอัจฉริยะที่สภาผู้อาวุโสรวบรวมมาจากทั่วสารทิศอัจฉริยะเหล่านี้ ล้วนมาให้บริการแก่พวกเขาเหมือนอย่างซงซี สิ่งของที่ถูกหลอมออก

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1453

    เฟิงเหยียนรู้ความหมายของถังฉือจั๋วซือหรานหัวเราะเอ่ยขึ้น "ตอนนี้ข้ายังต้องกลัวผิดใจพวกเขาอีกหรือ?"ถังฉือคิดๆ รู้สึกว่ามันก็จริงนางขโมยอาเหยียนมาแล้ว จากนั้นเกลี้ยกล่อมอวิ๋นให้เปลี่ยนข้าง จากนั้นก็ตัวเขาตอนนี้ยังจะไปขโมยตัวซงซีกับเยี่ยนเหวยอีกไม่ว่าจะมองจากจุดไหน ความสามารถของนางจะเปิดโปงหรือไม่ ก็เหมือนไม่ต่างกันถึงอย่างไรสภาผู้อาวุโสก็ต้องอยากให้นางตายอยู่แล้วแล้วถังฉือก็เห็นนางเป่าปากติดต่อกันหลายครั้ง เรียกสัตว์ประหลาดออกมาหลายตัวเป็นพาหนะให้พวกเขาทั้งห้าคนออกเดินทางกันแล้วพาหนะเหล่านั้นก็เชื่องกันมาก ไม่ใช่แค่เพราะวิชาควบคุมสัตว์กับพลังวิญญาณที่ควบคุมของจั๋วซือหรานเท่านั้นแต่เป็นเพราะ เฟิงเหยียนเองก็มีพลังหงส์แดงอยู่ในตัว ปันอวิ๋นมีพลังกู่วิญญาณในตัวนี่ตัวล้วนเป็นตัวตนสูงสุดในห่วงโซ่อาหารแล้ว และตัวตนเช่นนี้...พลังการคุกคามและแรงกดดันต่อสัตว์ประหลาดทั่วไป ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเลยส่วนถังฉือ จิตสังหารบนตัวเขา แม้ตอนที่ยังไม่ชักกระบี่ ก็เหมือนจะเก็บงำไว้อย่างดีจนสัมผัสไม่ได้ทว่าการรับรู้ของสัตว์ประหลาดนั้นเฉียบคมกว่ามนุษย์มาแต่ไหนแต่ไร สัมผัสได้อย่างแน่นอนสัต

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1452

    รู้สึกประหลาดใจ และก็กลัวนิดๆ ด้วยเยว่จานเอ่ยถามเสียงขรึมขึ้นข้างๆ "ใต้เท้า ไม่ทราบว่าทดสอบอะไรหรือ?""พวกเจ้าเองก็เห็นแล้ว ทหารของเย่เจิงเข้ามารับช่วงดูแลซื่อหนานต่อ ส่วนในซื่อหนานเดิมทีก็เป็นพวกที่ไม่ค่อยมีระเบียบวินัยนัก ดังนั้นต่อให้พวกเจ้าจะมีความผิดติดตัว พวกเขาก็ไม่มีสิทธิ์มาตำหนิพวกเจ้าได้ข้าเอาเมืองแห่งนี้ให้พวกเจ้าดูแล ตอนที่ข้ากลับมา ถ้าพวกเจ้าบริหารซื่อหนานได้เป็นอย่างดี ก็จะถือว่าพวกเจ้าผ่านการทดสอบจั๋วซือหรานยิ้มๆ "เช่นนั้นหลังจากนี้ ตอนที่ข้าส่งเมืองอื่นให้พวกเจ้าดูแล ข้าก็จะวางใจได้ ถ้าหากมีใครกล้าสร้างปัญหาเพราะความผิดในอดีตพวกเจ้า ข้าจะช่วยจัดการให้"ทว่าพอพูดไป รอยยิ้มบนหน้านางก็ค่อยๆ หายไป "แต่ถ้าพวกเจ้าทำได้ไม่ดี เช่นนั้นก็อธิบายได้ว่าพวกเจ้าไม่มีคุณค่า ข้าจะไม่ลงโทษพวกเจ้า หลังจากนี้พวกเจ้าก็เป็นทาสรับใช้ในจวนนี้ต่อไปก็แล้วกัน"ดวงตาของเยว่จานเปล่งประกายขึ้นมาจะฟังคำพูดในนี้ไม่ออกได้อย่างไร พวกเขาถ้าทำได้ดี ในอนาคตก็สามารถไม่ต้องมีสถานะทาสติดตัวแล้ว กระทั่งความผิดก่อนหน้านี้ ใต้เท้าก็จะช่วยหาวิธีให้พวกเขา...เยว่จานคุกเข่าลงพื้น โขกศีรษะให้กับจั๋วซือหร

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status