เมื่อเผยอวี้เอ่ยเช่นนี้ หัวใจของหลิงหว่านก็ดูเหมือนมีบางสิ่งมาตรึงเอาไว้ ความโกรธของนางหายไปแล้ว
“หว่านเอ๋อร์ เจ้ามิได้เห็นว่าตอนนั้นอาเทียนคล้ายคนบ้าเลือดไปแล้ว! ชีวิตของพี่หลิงหลิงแขวนอยู่บนเส้นด้าย กลิ่นอายสังหารที่เขาปล่อยออกมานั้นแทนที่จะมุ่งไปหามือสังหารมันดูจะมุ่งหาตัวเขาเองมากกว่า...”
เผยอวี้นึกถึงท่าทางบ้าคลั่งของเซียวหลินเทียนในเวลานั้นแล้วก็ทอดถอนใจพลางเอ่ย
“ยามมีชีวิตอยู่ควรทะนุถนอมชีวิตไว้ดี ๆ อย่ารอให้ถึงการที่จะต้องจากลากันชั่วนิรันดร์แล้วจึงมาเสียใจ!”
“ข้าคิดเช่นนี้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว... ข้าหวังว่าจะแต่งเจ้าเข้าบ้านในวันพรุ่งนี้แล้ว! หากเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะมิต้องเสียใจที่มิสามารถกอดเจ้าได้ก่อนที่ข้าจะตาย…”
หลิงหว่านฟังแล้วก็รู้สึกหนักใจ นางยกมือขึ้นปิดปากเขาโดยมิรู้ตัว
“เอ่ยวาจาไร้สาระอะไรกัน! เรื่องเป็นเรื่องตายอะไร… ข้ามิอยากได้ยินเรื่องเช่นนี้!”
“มิว่าจะอยู่ที่ใด ท่านจะต้องสัญญาว่าจะมีชีวิตที่ดี! ข้า… ข้ายังอยากให้เราอยู่กันไปจนแก่เฒ่าไปด้วยกัน มีลูกมีหลานเต็มเรือน!”
แม้ว่าพูดเช่นนี้แล้วใบหน้าของหลิงหว่านจะแดงก่ำด้วยความเขินอาย แต่ก็ยังคงเอ่ยอย่างเปิดเผยตรงไปตร