ห้องจัดการประกวดใหญ่– รอบสุดท้ายของการแข่งขัน เวลา 18:04 น.
ไฟบนเวทีกำลังเตรียมขึ้น ผู้เข้าร่วมแข่งขันคนอื่น ๆ เริ่มทยอยแต่งหน้า เปลี่ยนชุด และเตรียมตัวเดินโชว์ผลงาน แต่หญิงสาวหมายเลข 8…ยังไม่กลับเข้ามา
ไดออนนั่งอยู่ในแถวกรรมการ เขาเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ คิ้วเริ่มขมวดอย่างไม่รู้ตัว
“หายไปไหน…”
เขาพึมพำเบา ๆ แต่พอจะมีแววห่วงใยซ่อนอยู่ในน้ำเสียง
และก่อนที่ทีมงานจะเริ่มเรียกชื่อผู้เข้าแข่งขันคนแรก เสียงฝีเท้าสองคู่ก็ดังมาจากหลังเวที
หญิงสาวในชุดยืดธรรมดา วิ่งหอบเข้ามาพร้อมเพื่อนสาวอีกคน ในมือของเธอมีเส้นด้าย เข็ม และเศษผ้าหลายชิ้นที่เย็บต่อกันอย่างรีบเร่ง
“ขอโทษค่ะ!”
เธอพูดพร้อมโค้งให้ทีมงาน
“ชุดของเราเกิดปัญหาตอนสุดท้าย แต่พวกเราซ่อมทันแล้วค่ะ”
ทุกคนในทีมงานหันมองหน้ากัน ก่อนที่โปรดิวเซอร์รายการจะพยักหน้าเบา ๆ
“แค่เธอมาในเวลา เราจะให้โอกาสเธอ”
ข้าวหอมหันไปยิ้มให้ดวงใจ
“ถ้าไม่มีเธอ ชุดนี้คงไม่รอดแน่ ขอบใจมากนะ”
ดวงใจพยักหน้าเร็ว ๆ น้ำตาซึมเพราะความกดดันที่ผ่านมาถูกปล่อยลงหมดในจังหวะนี้
หญิงสาวเปลี่ยนชุดภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที แต่แม้จะรีบ — ท่าทางของเธอกลับสงบนิ่ง
เหมือนคนที่เข้าใจสิ่งที่ทำ และมีความมั่นใจโดยไม่ต้องโอ้อวดเมื่อเธอเดินออกไปบนเวที แสงไฟจับตัวเธอพอดี
ชุดที่เพิ่งซ่อมเสร็จหมาด ๆ กลับดูงดงามราวกับไม่มีอะไรผิดพลาดมาก่อน
เธอยืนหลังตรงกลางเวที ยิ้มด้วยแววตามั่นคง และโค้งศีรษะอย่างสง่างาม
“สวัสดีค่ะ ฉันผู้เข้าแข่งขันหมายเลข 8 ชุดนี้คือผลงานของเรา มันเกิดจากการผสมผสานระหว่างผ้าลินินพื้นเมืองของไทย กับลวดลายศิลปะจีนแบบดั้งเดิม เพื่อสื่อถึงการเคารพในรากเหง้า แม้เมื่อเราอยู่ในดินแดนที่ไม่ใช่บ้านเกิด”
“เพราะไม่ว่าเราจะมาจากไหน หัวใจที่เข้าใจคุณค่าในตัวเอง…คือสิ่งที่ทำให้เรายืนอยู่ตรงนี้ได้”
ประโยคสุดท้ายนั้น ทำให้ไดออนที่นั่งอยู่หน้าเวทีนิ่งไป
เขาเคยเจอผู้หญิงมากมาย สวยกว่าเธอก็มี เด่นกว่าเธอก็เคยเห็น แต่ไม่มีใคร…ทำให้เขา ‘หยุดฟัง’ ได้จริง ๆ แบบนี้มาก่อน
เพื่อนกรรมการกระซิบ
“น้องคนนั้น มั่นใจจังเลยนะ”
แต่ไดออนไม่ตอบ เพราะเขายังจ้องมองเธออยู่...ไม่กะพริบ ไม่ใช่เพราะใบหน้า ไม่ใช่เพราะผิวพรรณแต่เพราะ ‘เธอเป็นเธอ’ คนที่ไม่ต้องแสดงอะไรเกินจริง แต่กลับทำให้เขารู้สึกว่า...
‘อยากรู้จักเธอให้มากกว่านี้’ แบบที่ไม่เคยอยากกับใครมาก่อน
@ห้องแต่งตัวนายแบบ – หลังเวทีรอบ Final
ทันทีที่ผลักประตูเข้าไป ข้าวหอมก็ชะงัก
ชายหนุ่มในชุดประกวดของเธอยืนอยู่กลางห้อง รูปร่างสูงโปร่ง หน้าคม ตาดำขลับคู่นั้นหันมามองเธอราวกับกาลเวลาหยุดนิ่ง
ไดออน...!?
เธอไม่คิดเลยว่า ‘นายแบบที่ทีมงานจัดให้’ จะเป็นเขา...คนที่เธอแอบมองอยู่เงียบ ๆ ตั้งแต่รอบออดิชั่น
หัวใจเธอสั่นวูบ เหมือนจังหวะจะหลุดจากอกยังไงยังงั้น แต่เธอต้องรวบรวมสติกลับมาให้เร็วที่สุด—ยังมีปัญหาชุดต้องจัดการ
“ขอโทษนะคะ…”
เธอเอ่ยเสียงเรียบ พยายามควบคุมตัวเองไม่ให้มือไม้สั่น ก่อนจะยื่นมือเข้าไปตรวจชุดอย่างรวดเร็ว
“ผมต้องถอดชุดออกก่อนมั้ยครับ?”
เขาถามพร้อมรอยยิ้มที่น่ามองมากเกินไปสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉินแบบนี้
‘โอ๊ย... หัวใจ เต้นขนาดนี้ จะวายก่อนไหมเนี่ย’
เขาคิดในใจ แต่แสร้งทำเป็นสงบนิ่ง
“ฉันกำลังจะถามคุณพอดีค่ะ ว่าจะรังเกียจไหม ถ้าฉันจะซ่อมชุดทั้งที่อยู่บนตัวคุณ”
เธอพูดโดยไม่เงยหน้าขึ้น มือจับผ้าอย่างมืออาชีพ หัวใจเต้นรัว…แต่ใบหน้านิ่งมากจนมองไม่ออก
“ไม่มีปัญหาเลยครับ”
เขาตอบ พร้อมรอยยิ้มละลายใจ
‘ใจดีจัง…’ เสียงในใจของเธอดังเบา ๆ
“ขอบคุณค่ะ”
เธอกล่าวเบา ๆ ก่อนจะเดินไปหยิบจักรเย็บผ้าขนาดพกพา เข็ม ด้าย และอุปกรณ์เสริม จากนั้นเริ่มตัดส่วนที่หลุด หยิบผ้ามาทาบ และเริ่มลงมือ
มือของเธอขยับเร็ว คล่องแคล่ว และแม่นยำ เขามองตามเธอด้วยสายตาเต็มไปด้วยความประทับใจ
ไม่ใช่เพราะเธอสวย—แต่เพราะเธอมีพลังบางอย่างที่จับต้องได้“ดวงใจ”
เธอเรียกเพื่อนสาวที่ยืนอยู่มุมห้อง โดยไม่ละสายตาจากจักร
“…”
“ดวงใจ เธอหยิบป้ายที่ห้อยอยู่ที่คอเรา แล้วไปแต่งหน้าก่อนเถอะ”
“…”
“ดวงใจ ได้ยินไหม?”
เธอหันไปมอง เห็นเพื่อนยืนนิ่ง หน้าตาเลิ่กลั่กแบบสุดขีด
“ห้ะ วะ...ว่าอะไรนะ? เธอจะเอาอะไร?”
“ตรงนี้ฉันจัดการเอง เธอเอาป้ายนี้ไป แล้วรีบไปแต่งหน้าเถอะ คงต้องใช้เวลาซ่อมชุดนี้อีกสักพัก”
“หมายความว่า…”
“ใช่จ้ะ”
เธอยิ้มให้อย่างอ่อนโยน รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเชื่อใจ ความรัก และพลังส่งผ่าน ไม่ใช่แค่เพื่อนที่รู้สึกถึงมันได้—แต่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงนั้น ก็รับรู้ได้เช่นกัน
เขาไม่เข้าใจทุกคำที่พวกเธอพูด เพราะภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ถูกสลับไปมาอย่างไม่เกรงใจหูคนฟัง
แต่เขาจับใจความได้ ว่าคนตรงหน้ากำลัง ‘เลือกให้โอกาสเพื่อน’
รอยยิ้มของเธอทำให้หัวใจเขาเต้นแรงกว่าเดิม จนแทบควบคุมไม่ได้
“ฉันจะทำได้ยังไง… งานนี้เป็นผลงานของเธอนะ”
ดวงใจพูดด้วยน้ำเสียงลังเล
“We are a team. จะเธอหรือฉัน...ก็ไม่ต่างกัน อย่าลืมสิว่าเรามาที่นี่เพื่ออะไร”
“…”
“เธอทำได้ Keep fighting.”
“Okay… I can do it!”
เธอยิ้มออกทันที ก่อนคว้าบัตรชื่อแล้ววิ่งออกไปเหมือนสายลม
ข้าวหอมมองตามหลังเพื่อน ยิ้มอารมณ์ดี ก่อนจะหันกลับมาหา ‘ภารกิจหลัก’ ตรงหน้า
ทันทีที่สายตาทั้งสองคู่ประสานกัน เขาไม่แน่ใจว่าเวลาหยุดไปกี่วินาที แต่เขาแน่ใจว่า...
ถ้าเขายื่นหน้าไปใกล้กว่านี้อีกนิด เขาจะ จูบเธอ แน่นอน
เขาไม่เคยเป็นแบบนี้ไม่เคยใจเต้นแรงกับใครขนาดนี้ ไม่เคยอยากดึงใครเข้ามาใกล้ ไม่เคยรู้สึก
‘ตกหลุมรัก’ แบบที่ตอนนี้เขาแน่ใจว่า...
เป็นเธอเต็มๆ แล้ว ทั้งหัวใจ
ค่ำคืนงานเลี้ยงเล็ก ๆ หลังพิธีแต่งงานที่มิลาน สวนดาดฟ้าถูกแต่งแต้มด้วยไฟประดับสีอุ่น แสงจากโคมไฟระย้าสะท้อนแก้วแชมเปญบนโต๊ะกลม เสียงดนตรีแจ๊สคลอเบา ๆ เคล้ากับเสียงหัวเราะของแขกผู้ร่วมงานในบรรยากาศที่อบอวลด้วยความสุขข้าวหอมในชุดเดรสผ้าซาตินสีงาช้าง สะบัดชายกระโปรงเบา ๆ เดินออกมายังระเบียงที่ตกแต่งด้วยไม้เลื้อยและเทียนหอม ลมเย็นพัดปะทะใบหน้าเบา ๆ พร้อมกลิ่นดอกมะลิจากกระถางใกล้ตัวเธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ข้อความใหม่เพิ่งถูกส่งเข้ามาไม่กี่นาที“พี่ขอโทษที่ไม่ได้ไปงานของน้อง...แต่เจี่ยเจียสัญญาว่า จะกลับไปมองรอยยิ้มที่สดใสของเธอในเร็วๆนี้นะ”ข้าวหอมอ่านจบก็เงียบงันไปครู่หนึ่ง ดวงตาเริ่มรื้นน้ำใส ๆ โดยไม่รู้ตัว เธอยิ้มบาง ๆ เหมือนต้องการซ่อนความรู้สึกไว้เพียงคนเดียว‘เจี่ยเจีย’ — สวีอิงหราน พี่สาวต่างแม่ของเธอ ผู้หญิงที่เคยทำให้เธอร้องไห้มากที่สุด…แต่ก็เป็นคนเดียวที่พร้อมเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องเธอที่สุดเช่นกันเสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังขึ้นด้านหลัง ก่อนที่วงแขนอบอุ่นจะโอบเอวเธอไว้แน่น กลิ่นโคโลญจ์อ่อน ๆ แบบเฉพาะของเขาแตะจมูกในทันที“พี่สาว...ส่งข้อความมาเหรอ?”เสียงทุ้มนุ่มของไดออนกระซิบถามเบา ๆ ใ
[เช้าวันต่อมา]แสงแดดยามเช้าเกลี่ยตัวบนผ้าห่มสีอุ่น อากาศในห้องไม่ได้หนาว แต่หัวใจสองดวงที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่มนั้น…ร้อนกว่าอะไรทั้งหมดข้าวหอมค่อย ๆ ลืมตา เปลือกตาเธอกะพริบช้า ๆ รับกับแสงธรรมชาติที่สาดผ่านผ้าม่านเข้ามาอย่างนุ่มนวล เธอรู้สึกถึงไออุ่นจากคนที่อยู่ข้างหลัง วงแขนแข็งแรงที่กอดเธอไว้แน่นไม่ปล่อย ผิวของเขาแนบชิดหลังเธออย่างไม่มีช่องว่าง เสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอ ขับกล่อมให้หัวใจเธอสงบราวกับบทเพลงกล่อมนอนเธอยิ้มบาง ๆ พลางขยับตัวเล็กน้อย แต่ยังไม่ทันขยับได้เต็มที่ เสียงทุ้มแหบจากด้านหลังก็ดังขึ้นอย่างแผ่วเบา"อย่าขยับสิคะ..."เสียงนั้นทำให้เธอชะงัก หัวเราะออกมาเบา ๆ อย่างเขินอาย “ข้าวจะปลุกเฮีย…”"เมื่อคืนเฮียยังไม่พอเลย..."คำพูดที่ดังเบาข้างหูทำให้ใบหน้าข้าวหอมแดงก่ำ เธอพยายามขยับหนีด้วยความเขิน แต่ยิ่งเธอขยับ วงแขนของเขาก็ยิ่งกระชับแน่น"เฮีย…" เธอเรียกเสียงเบา"ข้าวเจ็บนะคะ..."เสียงหัวเราะต่ำ ๆ ดังจากลำคอของเขา กึ่งเอ็นดูกึ่งขี้เล่น เขาเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ กระซิบที่ข้างหูเธออย่างนุ่มนวลแต่ลึกซึ้ง"แล้วเมื่อคืนร้องทำไมคะ..."คำถามที่ไม่มีเจตนาเย้าแหย่ แต่เต็มไปด้วยความรู้สึก
[หน้าห้องพักโรงแรม ที่จัดเป็นเรือนหอชั่วคราว– มิลาน เวลา 20:45 น.]ไดออนเปิดประตูห้องพักหรูบนชั้นดาดฟ้า ข้าวหอมในชุดเดรสยาวหลังเปลี่ยนออกจากชุดเจ้าสาวเดินเข้ามาอย่างระมัดระวัง“คืนนี้…” เธอพูดเสียงเบา“ไม่ต้องมีอะไรหวานมากก็ได้นะคะ แค่เราอยู่ด้วยกันก็พอแล้ว”ไดออนยิ้มบาง“ถ้าเฮียบอกว่าเตรียมเทียน หอม กลีบกุหลาบ และไวน์ไว้หมดแล้วล่ะ…”“เฮีย—!” ข้าวหอมเขินจนหูแดง แต่ยังไม่ทันได้ดุจริง ๆ —ตึง! ตึง! ตึง!เสียงเคาะประตูดังลั่น พร้อมเสียงเจื้อยแจ้วโหวกเหวกคุ้นหู“เปิดเร็ว! เพื่อนเจ้าสาวขอเข้าตรวจห้อง!”“แค่มาเช็คว่าไม่มีพิธีแปลก ๆ แบบคล้องประตูอะไรเท่านั้นเอง!”“เฮียไดออนซ่อนกุหลาบใต้เตียงรึเปล่า เราขอดู!”ข้าวหอมเบิกตากว้าง ไดออนถอนหายใจแล้วหันไปกระซิบ“…ดวงใจกับมินยงมาแน่”ประตูเปิดออก —ดวงใจ, มินยง, และ คิมโฮ ยืนถือกล่องของขวัญ กับไวน์คนละขวด เดินเข้ามาแบบไม่รอเชิญ“อ๊ะ! บรรยากาศดีอยู่นะ” ดวงใจ หันไปรอบ ๆ“เฮียจัดได้มินิมอล ไม่เว่อร์นะ…ไม่เหมือนตอนขอแต่งงาน!”คิมโฮ ยกไวน์ขึ้นมา“เราเอาแชมเปญมาฉลองให้คืนแรกครับ!”“เฮียไดออน คนป๊อปปูลาร์อันดับหนึ่ง…ผู้ไม่เคยเป็นสามีใครมาก่อน!”ข้าวหอมเอามื
[โบสถ์หินเก่ากลางมิลาน – เวลา 11:11 น.]ไม่มีพรมแดง ไม่มีสื่อ ไม่มีเวทีระดับโลก มีแค่ห้องโถงแคบ ๆ ที่ประดับด้วยดอกลาเวนเดอร์แห้งบนแท่นไม้เรียงราย ผ้าม่านสีขาวบางปลิวเบา ๆ ตามแรงลมจากช่องหน้าต่าง เสียงเปียโนบรรเลงคลอด้วยท่วงทำนองเรียบง่าย แต่ทุกโน้ตชัดเจนราวกับสะท้อนอารมณ์ของวันพิเศษนี้หน้าประตูโบสถ์ —“ข้าวหอม…อย่าพึ่งเดินเข้าพิธีนะยะ!!”เสียงแหลมตื่นของหญิงสาวคนหนึ่งดังมาก่อนตัวจะปรากฏ ดวงใจในชุดเดรสโทนชมพูนู้ดวิ่งจ้ำพรวดมาด้วยรองเท้าส้นสูง กระแทกพื้นหินตึก ๆ จนแขกบางคนหันมามองเธอพุ่งเข้าประตูโดยไม่ทันชะลอ—โครม!“ว้าย!”ร่างของเธอกระแทกเข้ากับชายหนุ่มร่างสูงในสูทดำสนิทเต็มแรง จนถุงของฝากในมือกระเด็นหล่นพื้น ขนมกล่องเล็ก ๆ กลิ้งออกมาอย่างอนาถ“ขอโทษค่ะ! ขอโทษจริง ๆ!” ดวงใจรีบย่อตัวลงเก็บของก่อนจะเงยหน้าขึ้น…แล้วก็ชะงักใบหน้าที่เธอเห็นคือ คริส — หนุ่มมาดนิ่งแห่ง BBOOM Entertainment ผู้มีออร่าระยะห่างแบบคนที่ไม่เคยมีใครเข้าถึงง่ายเขาแค่ก้มเก็บของให้เธออย่างนิ่ง ๆ แล้วเอ่ยเบา ๆ น้ำเสียงต่ำ เรียบ ไม่เร่งเร้า“...รีบเหรอ”“ค่ะ รีบ…แต่ตอนนี้รีบเขินมากกว่า…” ดวงใจหลบสายตาทันที เสียงเธอเบา
[หน้าห้องพักผู้ป่วย – เวลา 10:10 น. วันถัดมา]เสียงเคาะประตูดังขึ้น พร้อมเสียงเจื้อยแจ้วที่แค่ได้ยินก็น่าปวดหัว“เปิดเร็วๆ แม่หญิงฟ่านเฉียน! นี่ข้าหอบของกินมาจากร้านดังนะยะ!”ไดออนสะดุ้งเฮือกจากที่กำลังหั่นแอปเปิล ข้าวหอมที่นั่งกินข้าวต้มอยู่บนเตียงถึงกับยิ้มกลั้นหัวเราะ“เสียงแบบนี้…ไม่ต้องเดาเลยว่าใคร”ประตูเปิดออก—ปรากฏร่าง เพื่อนสาวตัวแสบประจำแก๊ง Rice Design Group ใส่แว่นกันแดดตัวใหญ่ กระเป๋าสะพายสองใบ มือหิ้วถุงอาหารเกือบสิบถุงเหมือนจะมาปิกนิก“แก๊สสส! ยัยข้าว! ทำไมโทรหาแกไม่ได้เลยยะ!”เพื่อนเดินเข้ามาจุ๊บหน้าผากข้าวหอมแรงจนเธอเซไปข้าง“แม่! แกผอมไปนะ ห้ามอดข้าวอดน้ำเข้าใจมั้ย ช่วงนี้แฟนดารากำลังแรง อย่าเพิ่งอกหัก!”ไดออนสำลักน้ำอยู่ข้างเตียง ข้าวหอมหัวเราะกลั้นเสียง“ไม่มีอกหักค่ะ…แค่หัวใจบวมนิดหน่อย”“ว้ายยยยยยย!!!” เสียงเพื่อนแสบลากยาว “นี่ยังกล้าเล่นมุกอีกเหรอ!?”เธอวางถุงอาหารลงจนเต็มโต๊ะ “พวกเราเป็นห่วงจะตายห่า คิดว่าแกไปติดเกาะหรือโดนลักพาตัวไป!”ข้าวหอมกับไดออนสบตากันเงียบ ๆ ไม่ได้พูดอะไร…แค่ยิ้มจาง ๆ ที่มีความหมายเกินคำอธิบาย[อีกมุม – โทรศัพท์ของข้าวหอมสั่นเบา ๆ]เธอหย
เสียงเคาะประตูเบา ๆ ดังขึ้นสองครั้ง ไดออนที่ยังยืนอยู่ใกล้เตียงข้าวหอม หันไปมอง ก่อนจะเดินไปเปิดประตูอย่างเงียบ ๆชายหนุ่มหน้าตาอ่อนโยนในเสื้อคลุมสีเทาเรียบ เดินเข้ามาหน้าตามีแววกังวล — แต่เมื่อก้าวพ้นประตูมาเพียงไม่ก้าวเดียว เขาก็ชะงักดวงตาของเขามองตรงไปที่เตียง เห็นร่างของข้าวหอมนอนพิงหมอนอยู่ เส้นผมยุ่งนิดหน่อยจากการนอนนาน แต่ใบหน้าอ่อนแรงนั้นกำลังยิ้มให้เขา“เก๊อ…เกอ…” เสียงเธอเบาเหมือนสายลม กระซิบแผ่วราวกับกลัวมันจะหายไปสวีเฉียนเกอไม่พูดอะไรในทันที แววตาเขาไหววูบ เหมือนภาพในอดีตไหลย้อนกลับมาพร้อมกัน — เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่เคยจับชายเสื้อเขาไว้แน่นในคืนที่ฝนตกแต่ที่ทำให้เขาชะงักจริง ๆ…ไม่ใช่แค่ข้าวหอมเขาหันไปมองผู้หญิงอีกคนที่นั่งหันหลังให้ข้างเตียง — ผมยาวรวบหลวมๆและไหล่ผอมบางนั้น ทำให้เขารู้สึกคุ้นอย่างประหลาด แม้จะมองไม่เห็นใบหน้า แต่ลางสังหรณ์บางอย่างกลับเต้นแรงขึ้นในใจเขาโดยไม่รู้สาเหตุ“…คุณคือ…” เขาถามออกมาเบา ๆ ด้วยความลังเลหญิงสาวคนนั้นค่อย ๆ หันหน้ากลับมาช้า ๆทันทีที่สายตาทั้งสองสบกัน — แม้จะไม่เหมือนในความทรงจำแม้จะไม่มีรอยยิ้มแบบที่เขาเคยจำได้แต่ดวงตาคู่นั้น…แวว