Home / รักโบราณ / วสันตกาลพานพบ / ตอนที่ 13 แมวน้อยแม่สื่อ

Share

ตอนที่ 13 แมวน้อยแม่สื่อ

last update Last Updated: 2024-11-12 10:00:37

“เยี่ยนฟาง ตื่นได้แล้ว วันนี้ข้าจะพาเจ้าไปหาของอร่อย ๆ นะ” หลินเซินลูบหัวของเจ้าแมวน้อยแผ่วเบา รอยยิ้มสดใสประดับบนใบหน้าหล่อเหลา เจ้าแมวน้อยงัวเงียค่อย ๆ ลืมตาขึ้นด้วยความงุนงง เพราะเห็นความกระตือรือร้นของหลินเซินในรอบหลายปี

เขาอุ้มเยี่ยนฟางไว้ในอ้อมกอดพานางลอยลิ่วลงมายังล่างเขา ก่อนจะไปแวะซื้อปลาย่างร้านโปรด เมื่อเห็นว่าเจ้าแมวน้อยอิ่มแปล้จนพุงย้อย เขาก็อุ้มนางเดินเล่นในตลาดอยู่สักพัก ครั้นได้เวลา หลินเซินจึงมุ่งหน้าไปที่บ้านของเจียลี่ แอบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่เพื่อไม่ให้นางเห็น

“ท่านพ่อ วันนี้ต้องไปส่งของที่ร้านเฒ่าแก่ใช่หรือไม่” เจียลี่เอ่ยปากถามพลางจัดของใส่ตะกร้าใบใหญ่

“อื้ม เจ้าอยากไปเองหรือ” บิดาถามนางเพราะรู้ใจ

“เจ้าค่ะ เชิญท่านพ่อพักผ่อนให้สบายที่บ้านเถิด งานทางนี้ ข้าดูแลเอง ท่านพ่อไม่ต้องกังวล” นางพยายามยกตะกร้าใบใหญ่ด้วยความเงอะงะจนบิดาอดสงสัยไม่ได้

“เจียลี่ เจ้าไปคนเดียวได้หรือ”

“เจ้าค่ะ” นางตอบเขาก่อนจะพยายามยกตะกร้าขึ้นอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้กลับยกขึ้นได้อย่างง่ายดายจนตนเองก็แปลกใจ

“ไปก่อนนะเจ้าคะ” นางยิ้มให้บิดาแล้วเดินลิ่วไปที่ตลาดในเมือง

ด้านหลังมีหลินเซินและเจ้าแมวน้อยตามหลังมาไม่ห่างมาก เขาใช้พลังเล็กน้อยช่วยนางพยุงตะกร้าใหญ่ใบนั้นตลอดทาง ยามที่เจียลี่หยุดทักทายคนรู้จักเขาก็จะคอยแอบซ่อนอยู่หลังร้านบ้าง หลังเสาบ้าง จนเจ้าแมวน้อยต้องกรอกตา ถอนหายใจเฮือกใหญ่กับสิ่งที่เขาทำ

เจียลี่คล้ายจะรู้สึกได้ว่ามีคนแอบตามหลังมา นางจึงเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น ก่อนจะหลบเข้าซอยเล็ก ๆ ข้างร้านขายเครื่องประดับ ผ่านไปได้ชั่วครู่ เจียลี่โผล่หน้าออกมาดูสถานการณ์ด้านนอก เมื่อไม่เห็นผู้ใดที่ดูเป็นภัย นางจึงออกจากที่ซ่อนตัวแล้วรีบจ้ำอ้าวไปทำธุระให้เรียบร้อย

“เฮ้อ เยี่ยนฟาง เกือบโดนจับได้แล้ว” หลินเซินที่ร่ายเวทพรางตัวกลั้นหายใจอยู่ข้าง ๆ นางเมื่อครู่ถอนหายใจเฮือกใหญ่

“เจ้าคนซื่อบื้อ ทำตัวแบบนี้ สตรีที่ไหนเค้าก็กลัวทั้งนั้นแหละ เฮ้อ เจ้านี่อ่อนหัดจริง ๆ” เจ้าแมวน้อยคิดในใจออกมาเสียงดังเหมียว เหมียว ส่ายหน้าให้เขาอย่างเบื่อหน่าย

ขณะนั้น เจียลี่ส่งของในตะกร้าใบใหญ่ให้เฒ่าแก่เรียบร้อยแล้ว นางจึงขอตัวรีบกลับบ้านเพราะเกรงว่าจะพบคนแอบตามมาอีกครั้ง จู่ ๆ เยี่ยนฟางก็กระโดดลงจากอ้อมแขนของหลินเซิน นางเดินตรงไปที่ข้อเท้าของเจียลี่ ค่อย ๆ คลอเคลีย เดินวนไปวนมา ส่งเสียงร้องเหมียว เหมียว

“เอ๋ เจ้าแมวน้อย เป็นอันใดหรือ” เจียลี่ก้มลงลูบหัวและลำตัวสีขาวฟูของเยี่ยนฟาง นางช้อนมือสองข้างอุ้มเจ้าแมวน้อยมาดูใกล้ ๆ ดวงตาสีฟ้าอันกลมโตของเยี่ยนฟางกำลังจ้องมองนางพลางทำหน้าออดอ้อน จนเจียลี่อดยิ้มให้ไม่ได้ จึงอุ้มขึ้นกอดก่อนพากลับบ้านของนาง

“เดี๋ยวก่อนสิ เยี่ยนฟาง นี่เจ้ากำลังทำอะไร” เสียงของหลินเซินลอยเข้าหูเยี่ยนฟาง หากแต่นางหันมามองเขาแวบหนึ่งด้วยหางตาแล้วซุกใบหน้าเข้าอ้อมแขนอันอบอุ่นของเจียลี่

“ข้าก็กำลังช่วยเจ้าอยู่นี่ไง” เยี่ยนฟางคิดในใจ

หลินเซินมองตามหลังเจ้าแมวน้อยและเจียลี่ด้วยความสงสัยได้แต่เดินตามไปอย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ เขาเห็นเยี่ยนฟางหันมาหาหลายครั้ง แต่ทุกครั้งนางเหมือนจะถอนหายใจให้เขาเป็นคำตอบ

เมื่อมาถึงบ้าน เจียลี่ก็รีบจัดแจงทำกับข้าวในครัว กลิ่นหอมของอาหารหลากหลายชนิดโชยเข้าจมูกของเยี่ยนฟางจนท้องร้อง เจียลี่แบ่งอาหารส่วนหนึ่งใส่ภาชนะใบเล็กไว้ให้เจ้าแมวน้อย พลางนั่งกินข้าวพูดคุยกับบิดาแล้วเล่าเรื่องที่เจอในวันนี้ให้เขาฟัง

ตกกลางคืนจึงอุ้มเยี่ยนฟางเข้าไปนอนในห้อง นางขดม้วนผ้าห่มทำเป็นที่นอนแล้ววางเจ้าแมวน้อยไว้ก่อนจะห่มผ้าให้อีกชั้น เยี่ยนฟางมองเจียลี่ไม่วางตา หรี่ตาซ้าย หลับตาขวาดูลักษณะท่าทางของนางอย่างเคร่งเครียดราวกับกำลังดูตัวเจ้าสาวให้ชายหนุ่มแสนซื่อบื้อผู้นั้นก็ไม่ปาน ขณะกำลังคิดอะไรเพลิน ๆ หางตาข้างซ้ายเหลือบเห็นสิ่งหนึ่งลอยแวบเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าต่างห้อง แสงโคมจากในห้องสะท้อนไปที่ใบหน้าของเขา

“ไอ๊หยา! ผีหลอกวิญญาณหลอน” เยี่ยนฟางสะดุ้งโหยงจนขนพองตาเบิกโพลง หัวใจแทบหยุดเต้น “เจ้าบ้าเอ๊ย โผล่มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง อยากให้ข้าหัวใจวายตายหรือไง” เยี่ยนฟางได้แต่สบถในใจ

“เยี่ยนฟาง เจ้าจะนอนที่นี่ ไม่กลับบ้านกับข้าหรือ” หลินเซินนั่นเองที่ลอยมาคุยกับนางข้างหน้าต่าง เขาทำตาละห้อยรู้สึกว่าต้องอยู่คนเดียวแล้วเหงา ๆ

“เหมียว เหมียว” เยี่ยนฟางตอบกลับสองคำเป็นอันเข้าใจได้ว่า “ใช่แล้ว” เขาจึงได้แต่ทำหน้าหงอย แต่เมื่อหันมาเห็นเจียลี่ที่กำลังนอนหลับตาก็พลันยิ้มออกมาในทันใด ตัดสินใจแล้วว่าวันนี้จะไม่กลับบ้าน เขาขึ้นไปอยู่บนหลังคาเปลี่ยนที่นอนดูดาวชั่วคราวอมยิ้มอย่างมีความสุข แกล้งหลับตานอนอยู่ครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงก๊อกแก๊กเข้ามาใกล้ ก่อนจะสัมผัสได้ว่าเจ้าตัวกลม ๆ ขนนุ่ม ๆ แอบมานอนอยู่ข้างเขาอย่างเคย

เช้าวันต่อมา

เจียลี่เตรียมกับข้าวสองสามอย่างไว้ให้เยี่ยนฟาง นางนั่งดูเจ้าแมวน้อยกินอาหารที่นางทำอย่างเอร็ดอร่อยก็รู้สึกเอ็นดู ครั้นอิ่มแล้วทั้งสองก็พากันเดินเล่นรอบบ้าน ชมดอกไม้ต้นไม้ที่อยู่บริเวณนั้น

“นี่เจ้าแมวน้อย รู้สึกไหมว่ามีคนแอบตามเรามา” เจียลี่อุ้มเจ้าแมวน้อยขึ้นมา กระซิบเบา ๆ เตรียมจะวิ่งหนีหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

“อื้ม คนผู้นั้น ข้ารู้จักเป็นอย่างดีเลยล่ะ ต้องขออภัยแม่นางด้วย ที่ข้าไม่อาจสั่งสอนวิธีเข้าหาสตรีอย่างถูกต้องให้เขาได้ เจ้าหมาป่าเดียวดายผู้นี้ช่างน่าสงสารยิ่งนัก” เยี่ยนฟางอยากจะบอกนางตามที่คิดหากแต่เวลานี้แมวน้อยอย่างนางยังพูดไม่ได้จึงมีแต่เสียงร้องเหมียว เหมียวให้ได้ยิน

“เจ้าก็คิดเหมือนข้าใช่ไหมเล่า เช่นนั้น เราค่อย ๆ หนีกลับบ้านดีกว่า” เจียลี่ตั้งท่าจะเผ่นแนบไปทางฝั่งตรงข้าม แต่ทว่าเยี่ยนฟางรีบกระโดดลงจากอ้อมแขนนางแล้วร้องเหมียว เหมียวเสียงดังไปทางด้านหลังต้นไม้ใหญ่ เจียลี่มองตามนางอย่างสงสัยใคร่รู้

“เยี่ยนฟาง เจ้าเรียกข้าหรือ” หลินเซินส่งเสียงกระซิบเข้าหูนาง ก่อนจะได้ยินเสียงเหมียว เหมียว อีกรอบ เขาจึงค่อย ๆ ก้าวเท้าออกมาจากด้านหลัง ปรากฏตัวให้เจียลี่ได้เห็นว่าเจ้าคนที่แอบตามนางคือใคร เพื่อป้องกันไม่ให้นางเข้าใจผิด เยี่ยนฟางจึงเดินไปหาเขาแล้วกระโดดให้เขาอุ้ม

“เอ่อ พอดีข้าตามหาสัตว์เลี้ยงของข้าอยู่ ไม่คิดว่าจะอยู่กับเจ้า” หลินเซินเอ่ยปากบอกนาง พลางลูบหัวของเยี่ยนฟาง

“ค่อยยังชั่ว ถือว่าพอมีไหวพริบอยู่บ้าง” เจ้าแมวน้อยตัวน้อยส่งเสียงเหมียว เหมียวอย่างพอใจ

“เช่นนั้นหรือ ข้าบังเอิญเจอนางที่ตลาด ไม่คิดว่าจะมีเจ้าของ จึงพากลับมาที่บ้านด้วย”

“ข้าชื่อหลินเซิน ส่วนแมวน้อยของข้า นางชื่อเยี่ยนฟาง เราสองคนอยู่บ้านบนเขาลูกนั้น” หลินเซินแนะนำตัวเองให้นางฟัง

เจียลี่อมยิ้มกับท่าทางเคอะเขินของเขา เมื่อเห็นว่าเขาดูไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ทั้งยังเลี้ยงเจ้าแมวน้อยอย่างทะนุถนอม คงจะมีจิตใจที่ดีอยู่บ้าง

“เจ้าเรียกข้าว่าเจียลี่ก็ได้” นางยิ้มให้เขาอีกครั้ง ทำให้หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะอีกรอบ

นับจากนั้น ทั้งสองคนก็ได้พบปะพูดคุยกันอย่างคนธรรมดาทั่วไป หลินเซินมักจะอ้างว่าเจ้าแมวน้อยคิดถึงนางจึงพามาเยี่ยมทุกวัน หากแต่จะมามือเปล่าหานางทุกวันก็คงไม่ได้

ในเมื่อบิดาของนางก็นั่งอยู่ข้าง ๆ กัน เขาจึงนำโสมป่าหายากกับสุราดอกท้อรสดีที่ทำเองติดไม้ติดมือมาฝากอยู่เสมอ เวลาผ่านไปหลายวัน บิดาของนางเริ่มแน่ใจแล้วว่าบุตรสาวคงจะพบโชคชะตาที่รอคอยแล้ว อดไม่ได้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ วางแผนจะจัดงานแต่งงานให้นางในเร็ววัน “ในที่สุดบุตรสาวของข้าก็จะได้ออกเรือนแล้ว” เขาตะโกนก้องในใจอย่างมีความสุข

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 56 จบบริบูรณ์

    ณ ตำหนักโคมดวงจิตเจียลี่นั่งรำลึกความหลังตอนที่นางเป็นเซียนน้อยดูแลตำหนัก แล้วชี้ให้หลินเซินดูว่าโคมดวงจิตของเขาเคยตั้งอยู่ตรงนี้“ข้าไม่นึกเลยว่าจะเป็นเจ้า” เจียลี่หันมามองหลินเซิน “ผู้เฒ่าหยางคงจะหมดห่วงแล้วล่ะ”“ข้าติดหนี้เจ้าแล้ว มากมายจนนับไม่ถ้วน หากไม่มีเจ้า จิตวิญญาณของข้าคงแตกสลายไป” น้ำเสียงของหลินเซินแผ่วเบา“ไม่มีทางยอมให้เป็นเช่นนั้นหรอก” เจียลี่ส่ายหน้า นางกุมมือเขาเอาไว้ ทำสีหน้าจริงจัง “ข้าจะปกป้องเจ้าเอง ไม่ว่าใครหน้าไหนกล้าทำร้ายเจ้าอีก ข้าไม่ปล่อยไว้แน่”หลินเซินเลิกคิ้วแล้วยิ้มให้นาง “เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าข้าเป็นถึงอดีตเทพสงคราม จะมีใครกล้าทำอะไรข้า”“นั่นสิเนอะ” เจียลี่หัวเราะกับคำตอบของเขา “หลินเซิน ไปดูก้อนเมฆสีรุ้งกันเถอะ ข้าไม่ได้เห็นนานแล้ว” นางเอ่ยปากชวนเขาไปที่ผาน้ำตกทั้งสองนั่งเล่นชมทิวทัศน์อยู่นานจนถึงเวลาพลบค่ำที่ตะวันเริ่มลาลับขอบฟ้า จู่ ๆ เจียลี่ก็นึกได้ว่าเวลาบนดินแดนสวรรค์กับดินแดนมนุษย์ไม่เหมือนกัน“ข้าว่ารีบกลับลงไปที่บ้านเถอะ ไม่รู้ป่านนี้เยี่ยนฟางกับหมิงเฟยจะเป็น

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 55 สลาย

    ช่วงสายของวันหนึ่งที่อากาศแจ่มใส หลินเซินนั่งกินถังหูลู่อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ริมบ่อน้ำ เขาหันมามองเจียลี่ที่กำลังหัดร่ายเวทด้วยความจริงจังนึกขำในใจ“เจียลี่ ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปเถิด เจ้าทำหน้าเครียดเกินไปแล้ว” นับตั้งแต่ที่เขาคืนพลังเซียนเพื่อฟื้นชีวิตนาง หลินเซินก็กลายเป็นชนเผ่าหมาป่าธรรมดาที่มีพลังเวทนิดหน่อย กระนั้นยังคงเป็นหมาป่ากินพืชเช่นเดิม“ข้าอยากเป็นเร็ว ๆ นี่ ถ้าเกิดอะไรขึ้น ข้าจะได้ช่วยพวกเจ้าได้” เจียลี่ยังคงพยายามจ้องไปที่มือข้างหนึ่งของนางที่มีพลังเซียนส่องแสงวิบวับ“เจ้าต้องผ่อนคลายให้มากกว่านี้แล้วเจ้าจะเข้าใจว่าต้องทำเช่นไร” หลินเซินให้กำลังใจ เขารินน้ำชาดอกท้อให้นาง “ดื่มก่อน”“อื้ม” เจียลี่พยักหน้า แล้วนึกถึงเรื่องที่นางมีความสุข พลันกลีบดอกท้อปรากฏขึ้นอยู่รอบตัวทั้งคู่ นางโบกมือไปทางซ้ายขวาบังคับสายลมพัดกลีบดอกท้อปลิวไสวไปทั่วทั้งป่า “ข้าเข้าใจแล้วหลินเซิน” นางยิ้มดีใจทั้งคู่พูดคุยกันกระหนุงกระหนิงทั้งวันจนตะวันลับฟ้าจึงพากันเดินกลับบ

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 54 สัญญา

    เจียลี่ลุกขึ้นมานั่งร้องไห้เป็นเผาเต่าทันทีที่ฟื้นขึ้นมา นางไม่อยากให้หลินเซินต้องทำเช่นนี้ จนหมิงเฟยต้องเข้ามาปลอบใจ“ท่านพี่ ทำใจดี ๆ ไว้เถิด ถ้าเขาเห็นว่าท่านเป็นเช่นนี้ วิญญาณคงจะไม่สงบสุข” หมิงเฟยยื่นผ้าเช็ดหน้าให้นางซับน้ำตา“ข้าขออยู่คนเดียวได้หรือไม่” นางคงยังไม่อยากพูดกับใคร ในใจเศร้าสร้อยเกินจะคิดอะไร“ขอรับ” หมิงเฟยพยักหน้าแล้วเดินออกมานอกห้องในป่าลึกท้ายหมู่บ้าน เยี่ยนฟางกำลังนั่งกอดเข่าอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ น้ำตานองหน้าเพราะนึกถึงสิ่งที่นางทำ ทั้งยังไม่กล้าสู้หน้าหมิงเฟยจึงหลบออกมานั่งคนเดียวครั้นเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ นางจึงเงยหน้ามองผู้มาเยือน“หลินเซินนนน” เยี่ยนฟางกลั้นใจไม่ไหว ร้องไห้โฮจนตัวโยนหลินเซินจึงนั่งลงข้าง ๆ ลูบหัวของนางเหมือนอย่างเคย “จำได้หรือไม่ วันแรกที่ข้าเจอเจ้า”“อื้ม”“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ได้ตั้งใจ อย่าโทษตัวเองนักเลย” หลินเซินยื่นขนมหวานให้นาง “หมิงเฟยตามหาเจ้าอยู่ ไม่อยากเ

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 53 ไม่มีทางเลือก

    เวลานี้ หลินเซินจำเรื่องราวในอดีตได้หมดทุกอย่างแล้ว พลังตบะเซียนและร่างกายของเขากลับมาเป็นเช่นเดิม เขาร่ายเวทก้าวเข้าสู่หุบเขากองกระดูกในทันทีการปรากฏตัวของเขาทำให้หมิงเฟยและพรรคพวกรู้สึกโล่งใจ ยามนี้เขาแทบจะทนแรงฟาดฟันของเยี่ยนฟางไม่ไหวแล้ว หลินเซินมองเห็นความโกลาหลที่พื้นเบื้องล่าง เขามองหาเยี่ยนฟางและหมิงเฟยเป็นลำดับแรก จากนั้นก็เคลื่อนที่มาหยุดตรงหน้านางในพริบตา“จงหลับ!” นิ้วชี้ของเขาจิ้มไปหว่างกลางหน้าผากของเยี่ยนฟาง เขาเอื้อมมือคว้าตัวนางเอาไว้ แล้วส่งให้หมิงเฟย จากนั้นตรงดิ่งไปที่ร่างของเจียลี่พูดกับหมิงเฟยว่า “พาคนออกไปจากที่นี่แล้วร่ายเวทหล่อเลี้ยงร่างของนางเอาไว้”หมิงเฟยพยักหน้ารับคำ ครั้นหลินเซินร่ายม่านเขตแดนของตนขึ้นมา หุบเขากองกระดูกที่แสนอึมครึมจึงมีโพรงแห่งแสงสว่างเล็ก ๆ ปรากฏขึ้น“เฉิงซาน ทางนี้” หมิงเฟยตะโกนบอกพรรคพวกเมื่อทุกคนในที่แห่งนี้มองเห็นทางออกต่างพยายามสลัดให้หลุดจากคู่ต่อสู้ของตนเองหลินเซินมองเห็นเทพมารลอยอยู่เหนือเทพอาวุโส กำลังจะร่ายเวทใส่ร่างของเขา เพียงแต่ได้ยินเสียงร้อ

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 52 ซ่งเทียนเย่

    “เทียนจวิน วันนี้มีเรื่องอะไรหรือถึงได้อารมณ์ดี” ซ่งเสวี่ยหยางถามเขา“แค่วันธรรมดาหนึ่งวันบนดินแดนสวรรค์ เห็นเจ้าเพิ่งกลับมาเลยอยากทวงของฝาก” ซ่งเทียนเย่ยิ้มแป้นให้เขา“ท่านก็รู้ว่าข้าไม่ได้ไปเที่ยวเล่น ปราบปีศาจที่มีพลังมารก็ทำให้ข้าเหนื่อยไม่น้อย” เขาส่ายหน้าพลางเดินไปที่มุมหนึ่งของตำหนัก “แต่ก็เอาเถอะ ข้าได้ยินมนุษย์พูดกันว่าสุราแคว้นเป่ยรสชาติดีจึงได้ถือติดมือมาด้วย” เขายื่นสิ่งที่พอจะเรียกว่าของฝากให้ซ่งเทียนเย่“เจ้าช่างรู้ใจ ดื่มเป็นเพื่อนกันสักหน่อยดีหรือไม่”หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ออกไปนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่บนเกาะลอยฟ้าของตำหนักเทพสงคราม ดื่มสุรากันคนละจอกสองจอกพลางพูดคุยเรื่องที่ได้พบเจอในแต่ละวัน“ท่านอา” เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กน้อยสองคนเรียกซ่งเสวี่ยหยาง เขาหันไปมองต้นเสียงแล้วพูดว่า “พวกเจ้าสองคน ช้า ๆ หน่อย” แต่เด็กทั้งสองกลับวิ่งเร็วขึ้นกว่าเดิมเพราะคิดถึงเขา“เฮ้อ ดูสิ บิดาของเขานั่งอยู่ตรงนี้แท้ ๆ” ซ่งเทียนเย่พูดหยอกผู้เป็นน้องชาย“ช่วยไม่ได้ ข้าไม่อยู่ตำหนักตั้งนาน เอ้า! นี่ของฝากพวกเจ้า” เขาร่ายเวทเรียกไข่ของวิหคเพลิงออก

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 51 ด้ายสีทอง

    TW: ความรุนแรง อดีตของหลินเซินและเจียลี่ราวกับเรื่องราวของเยว่เล่อกับนางยังไม่หนักหนาพอ ใต้เท้าหนุ่มเปิดประตูเข้ามาเห็นภาพที่นางกำลังนั่งกอดเขาอยู่บนเตียงจึงเกิดความเดือดดาล ปรี่เข้ามากระชากคอเสื้อของเยว่เล่อแล้วออกหมัดใส่หน้าเขาไปหนึ่งทีนางรีบวิ่งเข้ามาประคองเขาพยายามห้ามไม่ให้เยว่เล่อโต้ตอบแต่กลับกลายเป็นว่าใต้เท้าหนุ่มยิ่งไม่พอใจที่ผู้หญิงของเขาทำเช่นนั้น“มันเป็นชู้รักของเจ้างั้นรึ” เขาตวาดเสียงดังก้องแล้วเข้าไปกระชากตัวนางจากเยว่เล่อ บีบข้อมือของนางแรงจนช้ำแดงเถือกเยว่เล่อไม่อาจทนเห็นใครทำร้ายนางได้อีก เขาขัดคำสัญญาของนางแล้วพุ่งตรงมาบีบคอของใต้เท้าหนุ่มในทันที เยว่เล่อกัดคอของเขาแล้วสูบเลือดที่มีจนหมดตัว ทิ้งร่างเหี่ยว ๆ กองไว้บนพื้นนางไม่เคยเห็นเขาในสภาพเช่นนี้มาก่อนจึงตกตะลึงไปชั่วขณะแต่แล้วก็เดินมากอดเขาเอาไว้“ไปจากที่นี่กันเถิดนะเยว่เล่อ” นางมองหน้าเขาสายตาอ้อนวอนทั้ง ๆ ที่บริเวณบ้านเงียบงันแต่กลับมีเสียงหนึ่งคล้ายเสียงของใต้เท้าหนุ่มตะโกนโวยวายไม่เป็นเรื่อง คนใช้ในจวนจึงรีบวิ่งตาลีตาเหลือกเข้ามาในห้อง ครั้นได้เห็นภาพเ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status