เฉินเฟิงหันไปสบตากับคนรักที่เข้ามาสมทบ ความจริงพวกเขาไม่จำเป็นต้องถามกิ่งแก้วก็ได้ แค่อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่สามีของเธอพกติดตัวก็รู้แล้วว่าคงไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดา ไหนจะยาพิษที่ซุกซ่อนอยู่ในช่องปากอีก ตอนนี้ผู้ต้องสงสัยคงรู้ตัวแล้วว่าของที่ซ่อนอยู่ได้อันตรธานหายไปหมดแล้ว จึงรีบร้อนพูดถึงเรื่องในอดีตขึ้นมา“คุยกันมาตั้งนานผมว่าทุกคนคงคอแห้งกันแล้ว ถ้ายังไงเรามาดื่มน้ำดับกระหายก่อนพูดคุยกันต่อดีกว่าครับ” เจ้ากระต่ายยิ้มกว้าง รับห่อกระดาษที่ไหว้วานให้คนรักใช้พลังพิเศษอบแห้งแล้วบดให้เป็นผง“คิดจะวางยาเราเหมือนที่ทำให้พวกเราหลับสินะ” พ่อของกรจับจ้องห่อกระดาษไม่วางตา ลิ้นในโพรงปากพยายามควานหายาพิษที่ซ่อนไว้“!!!” กิ่งแก้วได้ยินเช่นนั้นก็ตระหนกตกใจ“ก็แค่น้ำชาครับ ส่วนที่ผมทำให้พวกคุณหลับก็เพราะอยากให้พี่นิคยั้งมือต่างหาก ไม่อย่างนั้นคงถูกแทงตายพร้อมกันทั้งคู่ไปแล้ว” ปากบอกว่าเป็นน้ำชา แต่เมื่อชงเสร็จก็ไม่ได้แก้มัดให้ลุกมากินดี ๆ กลับเดินนำมันไปกรอกปากพวกเขาทั้งคู่“แค่ก ๆ ๆ” กิ่งแก้วสำลักน้ำหน้าดำหน้าแดง หันไปมองสามีก็เห็นอีกฝ่ายเม้มปากแน่นสนิท เป็นตายก็ไม่ยอมเปิดปากรับน้ำชารสชาติแปลกแปร่งเข้าปาก“ผ
บ้านกักตัว“อึก...” กิ่งแก้วกะพริบตาถี่ ๆ เธอรู้สึกเหมือนตัวเองฝันร้ายไปตื่นหนึ่ง “ทำไมขยับตัวไม่ได้… กรี๊ด!” แต่เมื่อลองพลิกตัวหันไปมา กลับเจอใบหน้าของสามีที่เป็นต้นเหตุของฝันร้ายในระยะใกล้ จึงช่วยไม่ได้หากเธอจะเผลอกรีดร้องออกมา“จะกรี๊ดหาพระแสงอะไรวะ” พ่อของกรโดนรมยาไปมากกว่าใคร ชายวัยกลางคนจึงค่อนข้างเวียนหัวมาก มาเจอเสียงกรี๊ดข้างหูอีกเลยยิ่งแย่ไปกันใหญ่ปวดหัวฉิบ!“ก็ ก็…” กิ่งแก้วพูดอะไรไม่ออก เธอไม่รู้แล้วว่าสิ่งที่เจอในความฝันเป็นความจริงหรือตอนนี้เธอกำลังอยู่ในความฝันกันแน่ ไม่อย่างนั้นแล้วเธอจะถูกจับมัดจนขยับตัวไม่ได้ขนาดนี้ได้ยังไงความทรงจำสุดท้ายคือเธอกับสามีพาลูกชายไปรับวัคซีนกระตุ้นพลัง จากนั้น…เฮือก!ไม่นึกถึงก็ยังไม่เป็นอะไร พอนึกขึ้นมาภาพแรกที่ถูกเรียกออกมาก็คือปากของสัตว์ร้ายที่อ้าออกกว้าง เผยคมเขี้ยวที่พร้อมจะกัดคอเธอให้ขาดภายในคำเดียว… กับสามีที่ดึงเธอมาใช้ต่างโล่ป้องกันภัย“คุณจะฆ่าฉันหรือยังไง หา!!” คราวนี้สติของเธอกลับมาเต็มร้อยแล้ว คนข้างกายเป็นคนดึงเธอไปรับเขี้ยวของแร็กคูนยักษ์โดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว“แล้วตายไหมล่ะ หา!” พ่อของกรกวาดสายตามองซ้ายขวาก่อนจะทุ่มเถ
กี๊ซ... งึม ๆ ๆผลของการเก็บงำฝีมือมาตลอดของเฉินเฟิงทำให้สามารถจับพ่อของกร (หรือเปล่าก็ไม่รู้) ได้โดยที่ไม่มีการเจ็บตัวกันเกิดขึ้น หากคนคนนี้รู้อยู่แล้วว่าใครมีพลังอะไรคงหาทางป้องกันตัวมากกว่าที่เป็นอยู่ เพราะหลังจากค้นตัวดูแล้วก็พบว่าตามร่างกายมีอาวุธและของมีคมถูกซุกซ่อนอยู่เป็นจำนวนมากเมื่อนิโคลัสตรวจสอบในช่องปากก็เจอแคปซูลยาพิษถูกซ่อนอยู่ในนั้นด้วย จึงจำเป็นต้องรมยาอีกครั้งเพื่อตรวจหาวัตถุอันตรายที่อาจทำให้ผู้ต้องสงสัยเสียชีวิตก่อนสอบสวนเฉินเฟิงนำร่างของมังคุดไปนอนใต้ต้นไม้ให้ลมช่วยพัดกลิ่นดอกพุดซ้อนที่ถูกปรับแต่งออกไปจนหมด เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วก็ถามถึงสาเหตุที่ลงมือกับพ่อของกรกี๊ซ ๆ (กลิ่นเขาแปลก ๆ)“กลิ่นอย่างนั้นเหรอ” เฉินเฟิงลูบคางครุ่นคิด เขากับคนรักก็มีจมูกที่ดีขึ้นหลังกลายพันธุ์ แต่ดูเหมือนว่ามังคุดจะรับกลิ่นได้ดีกว่า“ถ้าอย่างนั้นไปดมให้ครบทุกคนเลยดีไหม” จะได้แยกคนที่แฝงตัวมาก่อนที่จะตื่นกี๊ซ ๆ ๆ (เดี๋ยวจัดการให้)มังคุดรับคำอย่างแข็งขัน วิ่งเข้าไปในหมู่บ้านทันทีโดยไม่ฟังคำอธิบายเพิ่มเติม พอเข้าไปเจอกลิ่นหอมหวานของดอกพุดซ้อนที่ยังเจือจางอยู่ในอากาศก็…ตุบหลับไปอีกรอบ“เฮ
“คิดได้แล้วมั้ง” นิโคลัสเห็นคนรักเอาแต่มองตามสามคนนั้นก็เอ่ยในสิ่งที่คิดว่าเจ้ากระต่ายน่าจะกำลังตั้งคำถามกับตัวเอง“เป็นอย่างนั้นได้ก็ดีสิครับ” จะได้อยู่กันอย่างสงบสุข คอยรับศึกด้านนอกอย่างเดียวก็เหนื่อยพอแล้ว ถ้าต้องมาผิดใจกันเองคงทำงานกันไม่ราบรื่นฟุดฟิดมังคุดสูดจมูกในอากาศครู่หนึ่ง ก่อนเจ้าตัวจะผุดลุกขึ้นแล้วออกวิ่งตามสามคนนั้นไปตึง ตึง ตึง“มังคุด!!” เฉินเฟิงเรียกแร็กคูนยักษ์ไว้ไม่ทัน รู้ตัวอีกทีมันก็อ้าปากหมายจะกัดพ่อของกรให้จมเขี้ยว“อ๊ะ” กิ่งแก้วกับกรทันเห็นร่างใหญ่โตจากทางหางตาเท่านั้น พวกเขาไม่ทันส่งเสียงอะไรออกไป ก็เห็นบิดาใช้ฝ่ามือยันใบหน้าของแร็กคูนยักษ์แล้วกระโดดลอยตัวหลบการโจมตีได้อย่างฉิวเฉียดมังคุดไม่คิดว่าเป้าหมายจะหลบการโจมตีของมันพ้น อีกทั้งยังใช้ตัวมันเองเป็นแท่นกระโดดหลบหนี หัวคิ้วขมวดเข้าหากันเตรียมหาทางจัดการกับมนุษย์กลิ่นแปลกปลอมคนนี้อีกครั้งเจ้าตัวโตย่อขาหลังลงหันตัวไปตามทิศที่เป้าหมายอยู่ เตรียมจะพุ่งชนให้ได้รับบาดเจ็บและเปิดโอกาสให้มันได้งับอีกสักคำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรวดเร็วชนิดที่ว่าไม่มีใครตั้งตัวทัน สมองประมวลผลได้แค่ว่าสัตว์เลี้ยงของเฉินเฟิงกำลังโ
ทั้งสามหมู่บ้านเริ่มเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูหลังสงคราม ใครเจ็บก็รักษา ใครตายก็ทำพิธี ส่วนคนที่ไม่ได้ออกไปสู้ก็ต้องทำงานหนักกว่าแนวหน้าให้มากหน่อย กลายเป็นกิจวัตรประจำวันในช่วงสองวันแรก กระทั่งไม่เหลือคนตายให้ทำพิธีและคนเจ็บก็พ้นขีดอันตราย เมื่อนั้นการแจกจ่ายวัคซีนกระตุ้นพลังจึงได้เริ่มขึ้น“เอาล่ะ ไหน ๆ มีใครออกไปสู้ข้างนอกมาบ้าง” คุณยายร้านขายของชำเรียกทุกคนในหมู่บ้านให้ไปรวมกันที่ศาลาประชุม ทันทีที่เธอเอ่ยจบชาวบ้านต่างก็ยกมือกันทั่วหน้า แม้แต่เด็กน้อยไม่กี่สิบขวบก็ร่วมยกมือไปกับเขาด้วย“เอาเรื่องจริงไม่โกหกนะ” หญิงชราหรี่ตา เด็กพวกนี้คิดว่าเธอหูตาฝ้าฟางแล้วจะสมองเลอะเลือนไปด้วยหรือยังไง “ให้โอกาสแก้ตัวอีกที” คนยกมือมองหน้ากันไปมา พวกเขาล้วนเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน ถึงจะรู้ดีแก่ใจว่าใครทำงานหรือไม่ทำงานก็พูดได้ไม่เต็มปากนักเพราะยังต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน ครั้นจะเปิดโปงก็คงทำให้มองหน้ากันไม่ติด“พวกเธอนี่นะ ทำไมถึงให้คนไม่ทำงานเอาเปรียบกันได้หา! ใครที่ยังยกมือไม่เลิกทั้งที่ไม่ได้ออกไปสู้ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ” คุณยายขึ้นเสียงดังพร้อมกระทุ้งไม้ค้ำเดินดังตึง เท่านั้นแหละ คนที่รู้ตัวว่าทำผลง
คนเป็นลุงถึงได้วิ่งหน้าตั้งไปยังประตูหน้าค่ายได้อย่างหมดห่วงไปเปลาะหนึ่ง อย่างน้อยหลานชายก็คงปลอดภัยในระดับหนึ่งสองผู้นำใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีก็วิ่งมาถึงหน้าประตูค่าย เนื่องจากถนนหนทางชำรุดจากการต่อสู้ ทำให้ไม่สามารถนำรถยนต์ออกมาใช้ได้ อีกทั้งระยะทางก็แค่ไม่กี่กิโลเมตร วิ่งไปจะเร็วกว่า ยังดีนายพลอธิที่ออกกำลังกายเป็นประจำ“แฮ่ก ๆ ๆ คุณ... แฮ่กๆ ยามาโมโตะจริง ๆ ด้วย” ผิดกับดนัยที่หอบจนลิ้นห้อย โอย… เขาต้องหัดออกกำลังกายบ้างแล้ว“ครับ ผมเอง” ยามาโมโตะถูกเชิญให้มานั่งรอในห้องรับรอง แม้จะเพิ่งผ่านการต่อสู้ที่หนักหน่วงมา แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังอุตส่าห์นำน้ำและขนมมาเสิร์ฟให้ระหว่างรอ ทางฝั่งลูกน้องที่ติดตามอยู่ห่าง ๆ ก็ไม่ได้เข้ามาด้วย ทางหนึ่งก็รักษาเพื่อนที่บาดเจ็บจากการต่อสู้กับมนุษย์ค้างคาว อีกส่วนหนึ่งก็แบ่งไปเฝ้าระวังและหาทางหนีทีไล่เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินอยู่ด้านนอก“ไม่คิดเลยว่าคุณจะเดินทางมาเร็วขนาดนี้” ท่านนายพลลอบปาดเหงื่อตรงขมับ เริ่มพูดคุยกับหัวหน้าจากค่ายอื่นก่อน ส่วนสายตาก็สำรวจมองสิงหาที่นั่งนิ่งอยู่ข้างกัน ก่อนจะโล่งใจที่เด็กหนุ่มไม่มีร่องรอยบาดเจ็บให้เห็น“ระหว่างทางค่อนข้างราบรื