จินเป่าที่ถูกเพื่อนเพื่อนรักหักหลังจนต้องทำให้ตัวเขาเองถึงแก่ความตาย แต่ชะตากรรมกับนำเขาไปสู่อีกมิติหนึ่ง มิติแห่งนั้นแทบทุกคนมีวรยุทธ แต่จินเป่าเองก็ได้ไปอยู่ในร่างของสตรีที่เคยมีวรยุทธ์ที่สูงส่งแต่ตอนนี้ผู้นั้นกับไร้วรยุทธเสียแล้ว นามของสตรีผู้นั้นคือมู๋จินเป่า ซึ่งเป็นลูกอนุในตระกูลมู๋ หลังจากถูกขับไล่ออกจากจวนใหญ่ ก็มีผู้คอยรังแกตลอดจนในที่สุด จินเป่าจึงพาคนรับใช้หนีออกจากจวน เพื่อตามหาสิ่งของที่จะมาปลดผนึกพิษให้ตัวเขานั้นกับมีวรยุทธได้ดั่งเดิม การเดินทางของทั้งสองดำเนินไปด้วยความราบเรียบเนื่องจากในร่างกายของทั้งสองมีสิ่งที่ทำให้สัตว์ในหลายอย่างยอมศิโรราบแต่โดยดี เกิดการต่อสู้กันบ้างกับนักยุธทั่วไป หลังจากที่ตามหาสิ่งที่ทำให้ร่างกายปลดผนึกพิษได้แล้ว กลุ่มของเธอก็ถูกตามไล่ล่าจนแทบจะเอาตัวไม่รอด พอรอดมาได้แล้วจินเป่ากับคนรับใช้ก็ต้องการที่จะเข้าเรียนที่สำนักศึกษาระดับหนึ่งของมิติสามัญแห่งนี้ และคนในตระกูลมู๋ก็ต้องการศึกษาในสำนักศึกษาแห่งนี้เช่นเดียวกัน เมื่อพวกเขาเข้าทดสอบการเข้าศึกษาที่สำนักแห่งนั้นก็ได้ปะมือกันจนทำให้อดีตพี่สาวและน้องชายของเธอได้หลุดออกจากการแข่งขันในการเข้ารับการศึกษา เมื่อการทดสอบการศึกษาสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีจึงเอาเองก็เป็นผู้ที่อยู่ในลำดับ 1 ของสำนักการศึกษาในครั้งนี้ เมื่อใกล้ที่จะออกจากสำนักพวกเขาจึงต้องทำภารกิจบางอย่างที่ไม่เคยมีผู้ใดต้องสำเร็จมาก่อน เมื่อจบจากการศึกษาแล้วจินเป่า กับคนรับใช้ที่มาพบภายหลังว่าเป็นพี่น้องกันนั้นก็ออกตามหาอดีตกัน
view more"ปาร์ตี้คืนนี้ถือว่าจัดงานเลี้ยงให้พวกเธอทุกคนนะ"
หัวหน้าแก๊งนักฆ่าอันดับหนึ่งของประเทศเอ่ยประกาศ
งานปาร์ตี้ขนาดเล็กมีคนประมาณยี่สิบกว่าคนทุกคนล้วนเป็นนักฆ่า งานที่รับส่วนมากจะเป็นตามหาของหายากให้กับคนมีเงิน
เป็นบอดี้การ์ดให้กับคนรวยๆ งานไหนเสี่ยงๆที่ได้เงินดีๆ บ้างก็เป็นสายลับต่างๆ และบางครั้งก็มีงานลอบสังหาร แล้วแต่บอสใหญ่จะจัดให้
"แล้วฉันก็อยากจะมอบรางวัลให้คนที่ทำภาระกิจนี้สำเร็จ จินเป่า"
หัวหน้าแก๊งกล่าวและเรียก จินเป่าเพื่อเข้ามารับรางวัล
จินเป่านักฆ่าอันดับห้าของแก๊ง รับงานไหนมาไม่เคยผิดพลาด ทำงานดีมีไหวพริบ จนทำให้เพื่อนรวมแก๊ง ชื่นชมในตัวเธอ และก็อิจฉาเธอเช่นเดียวกัน
จินเป่าเดินมารับรางวัล ผู้คนในงานตบมือแสดงความดีใจกันทุกคน จินเป่ามองดูเต่ามังกรหยกสีน้ำผึ้งสวยงามมาก หลังจากนั้นก็เก็บใส่กระเป๋าเสื้อ
"จินเป่าฉันดีใจกับเธอด้วยจริงๆนะ เธอเก่งมากเลย"
ชิงเหยียนกล่าวแล้วก็เข้าไปกอดจินเป่าแล้วลูบหลังเบาๆ
หลังจากนั้นชิงเหยียนก็หายไปกับอวิ้น
"คุณจัดการแล้วใช้ไหมอวิ้นงานนี้ถ้าเราทำสำเร็จฉันก็จะได้ขึ้นเป็นลำดับที่ห้าตามคุณไปเรื่อยๆ"
ชิงเหยียนคุยกับอวิ้นเบาๆ
"ไม่ใช้ว่าคุณให้ผมช่วยกำจัดจินเป่าเพื่อนรักของคุณเสร็จแล้ว จะมาจัดการกับผมหรอกนะ"
อวิ้นถาม
"ฉันจะทำแบบนั้นได้ยังไงล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะเพื่อนฉันคนนี้ขวางทางฉันคุณคิดว่างานนี้คนที่ได้รับเต่ามังกรหยกสีน้ำผึ่งนั้นจะเป็นใครกันหยกสีน้ำผึ้งเลยนะคุณคิดดูสิ"
ชิงเหยียนกล่าว
"แต่แผนของเราคือทำให้รถระเบิดแล้วตกเหวนิ แล้วคุณจะไม่เสียดายหยกนั้นหรอ"
อวิ้นพูด
"ก่อนที่พรุ่งนี้จะเป็นข่าวดัง เราต้องลงไปหาหยกในซากรถถ้ามีคนไปเจอเรา ฉันก็จะอ้างว่าคุณมาเป็นเพื่อนฉันเพื่อมาดูเพื่อนรักของฉัน ฉันต้องการมาเจอเขาเป็นคนแรก"
ชิงเหยียนเอ่ยพลางคิด
"แล้วมันจะไม่น่าสงสัยหรอ"
อวิ้นถาม
"ไม่หรอกเอาตามที่ฉันบอกนั่นแหละ ยังไงบอสใหญ่ก็อยากให้มันตายอยู่แล้วด้วย แค่มันตายไปก็จบเดียวเรื่องอื่นค่อยแก้ที่หลังก็ได้"
กล่าวจบชิงเหยียนก็เดินไปในงานปาร์ตี้ต่อโดยไม่รู้เลยว่าบอสใหญ่มองอยู่
หลังจากชิงเหยียนเดินไปบอสใหญ่ก็ออกมาจากมุมมืดแล้วกล่าวกับอวิ้น
"อวิ้นคุณทำเกือบสำเร็จแล้วพรุ่งนี้ต้องทำให้คนอื่นรู้ว่าชิงเหยียนจัดการกับเพื่อนรักเขายังไง กำจัดทีเดียวได้สองคนเลยดีจริงๆ555 เรื่องหยกสีน้ำผึ้งนั้นก็ถือเสียว่าเป็นของดูต่างหน้าของจินเป่าแล้วกัน คิดเสียว่าเป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายที่ฉันมอบให้เขา"
บอสใหญ่กล่าวจบก็จากไป
อวิ้นได้รับคำสั่งจากบอสให้จักการชิงเหยียนและจินเป่าพร้อมๆกัน แต่การที่เป่าหูจินเป่ามันยากมากเพราะเธอรักเพื่อนของเธอมาก แต่ชิงเหยียนนั้นเธอพร้อมที่จะทรยศเพื่อนตลอดเวลา อวิ้นอดเสียดายจินเป่าไม่ได้ จินเป่ารักเพื่อนมากแต่ในเมื่อมันเป็นงานของเขา เขาต้องทำ จินเป่าเธอโดดเด่นเกินไป เก่งจนบอสกลัว เธอเข้าร่วมกับแก๊งไม่ถึงสองปี รับงานมาไม่เคยพลาด แล้วตอนนี้บอสเริ่มหยุดงานเธอ แต่ก็มีผู้จ้างวานระบุเลยว่าต้องเป็นเธอที่ทำงานนี้เท่านั้น บอสกลัวว่าถ้าจินเป่าจะเก่งกว่านี้ จะออกไปหาสังกัดใหม่ หรือทำสังกัดของตัวเองด้วยซ้ำ และถ้าเป็นแบบนั้นก็เท่ากับแย่งงานบอสเป็นคู่แข่งกับบอส บอสเลยคิดที่จะตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ส่วนชิงเหยียนก็เป็นเพื่อนรักของจินเป่าเลยพลอยต้องกำจัดไปด้วย แต่ดูๆแล้วชิงเหยียนเองก็อยากกำจัดจินเป่าไม่น้อย และถ้าหาเต่ามังกรหยกสีน้ำผึ้งเจอมันก็ต้องเป็นของเขา
งานเลี้ยงจบตอนเที่ยงคืนต่างคนก็ต่างกลับบ้าน จินเป่าขับรถมาคนเดียวชวนชิงเหยียนกลับด้วยก็ไม่ยอมกลับ
“งั้นก็ตามใจเธอนะชิงเหยียนขับรถกลับดีดีล่ะเธอดื่มเยอะมากฉันเป็นห่วง”
จินเป่ากล่าวกับเพื่อน
“ก็ฉันเองก็ขับรถมาเหมือนกันนิ ฉันไม่อยากเอารถทิ้งไว้ที่นี้ บ้านเธอเองก็ไกล ไหนจะมาส่งฉันเอารถอีก” ชิงเหยียนตอบบ่ายเบี่ยงที่จะกลับกับเพื่อน
แต่ชิงเหยียนขับรถตามจินเป่าไป ทางบ้านจินเป่าต้องขับขึ้นเขา มีหน้าผาสูงพอขับไปถึงจุดหน้าผาสูง จู่ๆรถก็ระเบิด ใช่แล้วรถระเบิดเพราะ อวิ้นเอาระเบิดไปติดไว้ในรถจินเป่าแล้วเอารีโมทไว้ในรถชิงเหยียนหนึ่งอันแล้วให้ชิงเหยียนติดตัวหนึ่งอันเพื่อให้ชิงเหยียนกดและอีกอันเพื่อให้ตามสืบว่าชินเหยียนเป็นคนทำให้รถของจินเป่าระเบิด ชิงเหยียนเห็นรีบพุ่งรถชนให้รถจินเป่าตกหน้าผาไปแล้วตัวเองก็ขับไปต่อทันที
และโยนรีโมทระเบิดทิ้งไป
เมื่อทั้งหกเห็นภาพที่ปรมาจารย์ไป๋อวิ้นนั้นสัมผัสกับแหวนได้ ทุกคนก็ตระหนักขึ้นแล้วว่ามีของมีค่าบางประเภทที่สามารถหยิบฉวยไปได้นั่นเอง ต่างคนก็ต่างที่จะลองหยิบฉวยของมีค่าเหล่านั้นแต่ก็ไม่สามารถที่จะนำมันมาไว้ในมือของตนได้เลย ทุกคนต่างปวดแสบมือไปหมด พวกเขาหันไปมองปรมาจารย์ไป๋อวิ้นแล้วได้แต่ถอนหายใจ "ข้าไม่ได้หยิบฉวยของมีค่ามีสุ่มสี่สุ่มห้าเสียเมื่อไหร่กัน ข้าเพียงมองแล้วมันคุ้นสายตาข้าทข้าจะลองเข้าไปดูเพียงเท่านั้นเอง ของในที่นี้หากเป็นของเราเราจะสามารถสัมผัสมันได้หากไม่ใช่ของของเรา เราสัมผัสเราก็จะเจ็บปวดเช่นพวกเจ้านั้นแหละ"ปรมาจารย์ไป๋อวิ้นกล่าวขึ้น ทุกคนก็เกิดความโลภอยู่ในตัวจึงมองไปรอบๆของเรานั้นแต่ก็ไม่มีผู้ใดรู้สึกคุ้นเคยกับของเหล่านี้เลย"ท่านอาจารย์ไม่ต้องหลองข้าแล้ว พวกข้าไม่รู้สึกคุ้นเคยกับของเหล่านี้เลยสักนิด"จางซินกล่าวขึ้น เมื่อของในที่นี่ไม่ใช่ของของพวกเขาพวกเขาจึงล้มเลิกความที่จะอยากได้ของเหล่านั้นมาเป็นของตัวเอง แต่ตอนนี้ทุกคนก็วิตกกังวลว่าจะออกไปจากที่นี่ได้อย่างไร"ถ้าข้ารู้นะว่าของเหล่านี้ไม่มีของของข้าอยู่ ข้าก็ไม่เข้ามาตั้งแต่แรกแล้วล่ะ แบบนี้น่าจะให้ปรมาจารย์ไป๋อว
เพื่อพวกเขาเข้ามาเสร็จแล้วก็ต้องพบกับความประหลาด ด้านในนี้มีแก้วแหวนเงินทองอยู่มากมาย ตรงกลางโถงกว้างมีไข่ขนาดใหญ่หนึ่งใบวางอยู่ ลวดลายของใข่ใบนั้นมีลวดลายที่งามวิจิตรยิ่งนัก และไอวิเศษที่เข้มข้นก็ไหลออกมาจากไข่ใบนี้นี้เอง แต่ช่างแปลกเมื่อพวกเขาทั้งเจ็ดเข้ามาในนี้แล้ว ไอวิเศษนั้นก็ไม่สามารถที่จะทำอันตรายใดๆกับพวกเขาทั้งเจ็ดนั้นได้ "ไข่นั้นมันเป็นไข่อะไรกัน ลวดลายแปลกตาจัง"ซิงอีถามขึ้นเขาไม่เคยเห็นมันมาก่อน"มันน่าจะเป็นไข่มังกรข้าเคยศึกษามา น่าจะเป็นไข่มังกรศักดิ์สิทธิ์เป็นแน่ รวดลายของมันช่างมากมายขนาดนี้ มันน่าจะเป็นสัตว์อสูรที่อยู่ในขั้นที่สูงๆเป็นแน่ แต่เราจะนำมันออกจากไข่ได้อย่างไรกัน หรือว่าเราจะพามันออกจากถ้ำนี้ได้อย่างไร"ต้าเหว่ยกล่าวขึ้น ซิงอีจึงพยายามลองเก็บของที่อยู่ในนี้ดู เหมือนของเหล่านี้จะไม่ยอมเข้ามาในมิติของนางเลยสักชิ้น รวมถึงไข่ที่ต้าเหว่ยบอกว่าเป็นไข่มังกรด้วย มันไม่ยอมเข้ามาเลยสักนิด "ข้าเกรงว่าสมบัติที่อยู่ในนี้พวกเราไม่สามารถที่จะครอบครองมันได้ รวมทั้งไข่มังกรที่เจ้าว่าด้วย"จางซินกล่าวขึ้น ด้านข้างนอกนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงของพญาวานรนั้นกำลังอาละวาดอยู่ เพร
ความเคลื่อนไหวของสัตว์อสูรตัวใหญ่นั้นเงียบลงแล้ว แสดงว่ามันน่าจะสงบลงพวกเขาจึงวางแผนกันใหม่ว่าจะเข้าไปยังถิ่นที่อยู่ของมันได้อย่างไรเนื่องจากไอวิเศษที่เข้มข้นพวกเขาไม่สามารถที่จะทนกลับไอวิเศษที่อยู่รอบๆตัวของมันได้เลย "ข้าว่าหากพวกเราเข้าไปใกล้ๆมันแล้วไอวิเศษนั้นมันเข้มข้นมากพวกเราจะไม่ตายเพราะไอวิเศษนั้นหรอกหรือ มันมีสิ่งใดบ้างที่จะทำให้ไอวิเศษนั้นลดน้อยลงได้หรือว่าเราสัมผัสกับไอวิเศษนั้นได้น้อยลงล่ะ"ห่าวอู๋มู๋ลี่กล่าวขึ้น"มันไม่น่าจะลดไอวิเศษนั้นได้เนื่องจากว่าเรานั่งเสพไอวิเศษนั้นอยู่สามวันมันก็ยังไม่ลดเลยใครมีวิธีดีๆบ้างล่ะ"ไป๋อวิ้นกล่าวถามคนอื่น"เราใช้วิธีหลอกล่อดีหรือไม่ ให้คนกลุ่มนึงอยู่ฝั่งด้านในโน้น หากว่าคนกลุ่มหนึ่งหลอกล่อมันออกไปยังจุดนี้แล้ว คนกลุ่มที่อยู่ด้านในนั้นก็เคลื่อนตัวเข้าไปดูว่าข้างในมีสิ่งใด วิธีนี้พวกเราจะแบ่งกันเป็นสามคนและสี่คนดีหรือไม่"จางหยงกล่าวขึ้น"แล้วมันจะไม่รู้หรือว่ายังมีอีกกลุ่มที่อยู่ด้านในถ้ำนี้ไม่ได้หลอกล่อมันออกไปนอกถ้ำ"ต้าเหว่ยถามขึ้น"ท่านบอกเองไม่ใช่หรือว่ามันตาบอดเพียงแค่เราอยู่ด้านไหนและกบกินกายของเราแล้วเราอยู่เฉยๆอะไรการเคลื่อนไหว
ทางด้านทั้งหกและสัตว์อสูรหนึ่งตนที่ตอนนี้กำลังนั่งบำเพ็ญอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งพวกเขารับรู้ได้ถึงพลังงานภายในห่างพวกเขาออกไปหากเดินทางเข้าไปไม่เกินครึ่งก้านผู้พวกเขาต้องเจอกับบางสิ่งบางอย่างที่มีแรงกดดันมหาศาล อยู่ในนั้นพวกเขาเลือกจุดนี้เพราะว่าไอวิเศษนั้นมาถึงกลุ่มของพวกเขาทำให้พวกเขาได้ใช้ประโยชน์จากไอวิเศษของสิ่งเหล่านั้น เมื่อเวลาผ่านไปส่มวันจู่ๆก็รู้สึกว่าตัวของเขานั้นเย็นวูบน่าจะสามครั้งได้ นางยิ้มด้วยความดีใจเพราะวรยุทธของนางอยู่เฉยๆก็เพิ่มขึ้น อาจจะเป็นเพราะผู้เป็นนายของเขานั้นมีวรยุทธเพิ่มขึ้นก็ได้ ทุกคนมองหันมาที่ลี่หลินเพียงคนเดียวเพราะพวกเขาทุกคนสามารถรับรู้ถึงแรงกดดันก่อนที่วรยุทธนั้นจะเพิ่มขึ้น"ไม่ใช่ว่าเจ้าจะบรรลุวรยุทธอีก 3 ขั้นแล้วหรือ"ไป๋อวิ้นถามขึ้น"ข้านั่งฝึกวรยุทธภายในอยู่สามวัน ข้าไม่คิดว่าร่างกายของข้าจะเพิ่มวรยุทธขึ้นได้มากขนากนี้ ข้าคิดว่าผู้เป็นนายของข้าน่าจะมีวรยุทธเพิ่มขึ้นข้าถึงได้ผลประโยชน์ขนาดนี้"ลี่หลินพูดด้วยความดีใจ"ลี่หลินเจ้าเสื่อกับผู้เป็นนายของเจ้าได้แล้วหรือ พวกเขาอยู่ที่ใดกัน พวกเราจะรีบตามพวกเขาไป"ซิงอีกล่าวขึ้น ลี่หลินได้แต่ส่ายหัวมันรับ
หลังจากกลุ่มของจินเป่าไปตกอยู่สถานที่หนึ่งนั้นราวๆสามวันพวกเขาทั้งสามนั้นก็รู้สึกตัว พวกเขาเหี่ยวสถานที่หนึ่งเหมือนเป็นกองฟางและมีแอ่งตรงกลางแต่กองฟางที่พวกเขานอนนั้นมองแล้วลักษณะเป็นสีขาวไข่มุก ซึ่งพวกเขาก็ไม่รู้ว่าเป็นที่ใด ห่าวอู๋อวี่ลุกขึ้นได้จึงนั่งขับเคลื่อนวรยุทธของตัวเอง เส้นลมปานของเขานั้นเสียหายไปสามส่วน เลือดยังคลั่งอยู่ที่สมองเขาก็กระอักเลือดออกมาคำตอบ เจ้าอีกาดำสามขาจื่ออี้เฉินงั้นถึงกับปีกหักและขาที่สามของมันก็หักเลยทีเดียว ร่างกายของมันกระทบกับของแข็งประเภทใดตัวมันเองก็ยังไม่รู้ จินเป่าเมื่อลืมตาขึ้นมาก็รับรู้ได้ถึงคลื่นมหาศาลถาโถมเข้าตัวของตัวนางเอง นางรู้สึกเย็นวูบวาบสามครา นางลืมตาแล้วมองมือของตัวเองทั้งสองข้างวรยุทธของนางนั้นเพิ่มขึ้นอีกแล้วตั้งสามขั้น แต่นางสงสัยยิ่งนักวรยุทธของผู้อื่นนั้นสูงขึ้นนั้นจะเกิดทัฑคาด แต่ทำไมนางซึ่งวรยุทธสูงเลยระดับมามหาศักดิ์สิทธิ์มาเกินสามขั้นแล้ว นางยังไม่ถูกทัณฑฆาตเสียเลย นางมองไปรอบๆก็เห็นเจ้าอีกาดำสามขาที่นอนหมดแรงอยู่กับฟางสีขาวไข่มุกนั้น นางจึงหยิบยาสมุนไพรรักษาเส้นลมปราณธรรมดาออกมาให้มันกินไปพลางๆ และยื่นน้ำอมฤตให้ นางมองดูหน้าข
พญาหงส์ขาวที่กำลังต่อสู้นั้นหยุดชะงักและม้วนตัวพุ่งไปหาต้นขจีทันที ห่าวอู๋อวี่เองยังไม่ทันได้ตั้งตัวด้วยซ้ำ พญาหงส์ขาวที่ต่อสู้กันอยู่ดีๆก็พุ่งไปหาจินเป่า จินเป่าที่ตอนนี้เห็นท่าไม่ดีเขากำลังอยู่ใกล้ต้นขจีเพียงนิดเดียวหากเขาหลบก็ไม่ทันเสียแล้ว เจ้าต้นขจีก็มัวแต่พลักดันนักยุทธให้ถ่อยกลับไปแต่มันไม่ได้ใช้ตามองจินเป่า เนื่องจากว่ากลิ่นอายของนางนั้นเป็นต้นหลิวต้องแสงจันทร์ในเมื่อนางนั้นได้กลืนกินพลังของต้นหลิวต้องแสงจันทร์แล้ว นางก็ปล่อยพลังของมันออกมา จึงทำให้ต้นขจีซึ่งเป็นพืชวิเศษเหมือนกันไม่สามารถแยกแยะได้ว่าเป็นมนุษย์มันจึงไม่ได้ระวังตัวจากจินเป่าเลย แต่พญาหงส์ขาวรับรู้การไปของจินเป่าดีจึงพุ่งไปหานางและพ่นไฟใสทันที นางแบมือเก็บไฟดังเดิม แต่คราวนี้เจ้าพญาหงส์ขาวนั้นพุ่งเข้ามาหานางอย่างรวดเร็ว จึงไม่ทันระวังและเก็บมันเข้าไปในมิติทันที หลังจากที่มันเข้าไปในมิติแล้วจินเป่าจึงใช้กริชที่กรีดเลือดของตัวเองนั้นแทงเข้าไปยังรากของต้นขจีทันที "วี้ดๆๆๆๆๆๆ วี้ดๆๆๆๆ วี้ดๆๆๆๆๆ"เสี่ยงต้นขจีกรีดร้องและเอนไปเอนมาตอนนี้รากของมันถอนขึ้นจากดินเสียแล้ว จินเป่าได้ทีจึงโบกมือและเก็บต้นขจีก่อนที่มันจากอาละ
ทั้งสองคุยกันอยู่สักพักก็เข้าใจกันส่าตะจัดการเช่นไร"นั่นไงทั้งสองคนอยู่ตรงนั้นกำลังคุยกันอยู่แล้วแผนของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อล่ะลี่หลิน"จางซินกล่าวถาม"แผนของพวกเขาคือให้พวกเราทุกคนระวังตัวเองและแก้ไขสถานการณ์ไปตามเหตุการณ์ต่างๆ"ลี่หลินกล่าวขึ้น ทุกคนก็มองไปยังลี่หลินเพราะพวกเขาไม่แน่ใจว่านางได้สื่อสารกับผู้เป็นนายจริงหรือไม่ เนื่องจากพอถามพบนางก็ตอบทันที "งั้นพวกเราก็ต้องดูแลตัวเองและปกป้องด้วยให้ได้ เพื่อที่จะไม่เป็นตัวถ่วงของพวกสองคนนั้น"ไป๋อวิ้นกล่าวขึ้น"แต่มีบางสิ่งบางอย่างที่ข้าสงสัยยิ่งนัก ทำไมข้าที่อยู่มิติแห่งนี้มาตั้งแต่เกิด แต่ไม่เคยรับรู้ถึงเรื่องนี้เลยล่ะ เรื่องที่มีผลขจีสุกอะไรนั่น ทำไมหรือพอดูดูแล้วเหมือนจะเป็นเรื่องใหญ่ เพราะสัตว์อสูรต่างๆก็รายล้อมเข้ามา และนักยุทธต่างๆก็เหมือนสนใจสิ่งเหล่านี้ ข้าอยากรู้เหลือเกินว่ามันเป็นสิ่งใด"ต้าเหว่ยกล่าวขึ้น"ข้าเองก็สงสัยว่าทางราชสำนักไม่ได้ส่งผู้ใดมาเข้าชิงผลขจีเลย เป็นไปได้หรือไม่ว่าทางราชสำนักนั้นไม่สนใจกับสมุนไพรชนิดนี้ เจ้าที่อยู่ในเมืองหลวงนั้นจึงไม่รู้ว่ามีของดีแบบนี้"ห่าวอู๋มู๋ลี่กล่าวขึ้น ทุกคนขอพยักหน้าพร้อมที่จ
เมื่อถึงยามเที่ยงคืนแล้วสัตว์อสูรตนนั้นก็ออกมาจากต้นขจีมันเป็นสัตว์อสูรสีขาวสว่างไสว มองไกลๆราวกลับนกกินรีสีขาวแต่พอมองดีๆก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่กินรีแต่อย่างใด"นั่นมันพญาหงส์นิสัตว์มหาอสูรที่เฝ้าอยู่ต้นขจีมันคือพญาหงส์นี่เอง"บุรุษกลุ่มที่จับตัวทั้งสองคนมากล่าวขึ้น "พวกเจ้าแกะมัดมือข้าทั้งสองได้แล้วกระมังข้าจะได้หาวิธีที่จะเอาชนะสัตว์มหาอสูรตนนั้น"ห่าวอู๋อวี่กล่าวขึ้น กลุ่มคนที่จับตัวพวกเขามาจึงปรึกษากันไม่นานเขาก็แกะเชือกวิญญาณนั้นออก "ข้าทั้งสองจำเป็นที่จะต้องโจมตีพร้อมๆกันแล้วพวกเจ้ามีใครที่ต้องการที่จะลงมือบ้าง ข้าจะได้วางแผนเผื่อพวกเจ้า"ห่าวอู๋อวี่กล่าวขึ้น ทั้งหมดที่จับตัวทั้งสองคนมานั่นนั่งเงียบทันทีไม่มีผู้ใดกล่าวสิ่งใดเพราะไม่มีใครต้องการที่จะลงมือ "ทำไมพวกท่านไม่คิดที่จะลงมือเลยหรอ ในเมื่อต้องการของแต่ถ้าไม่ลงมือพวกท่านจะมีหน้ารับของพวกนี้ได้อย่างไร"จินเป่าถามขึ้ม"เอาเป็นว่าพวกข้าไม่ลงมือต่อสู้กับสัตว์มหาสูรแต่พวกข้าจะลงมือแย่งชิงกับผู้มียุทธเหล่านั้นเอง ถ้าพวกข้าได้ผลขจีมามากพอพวกข้าจะแบ่งให้พวกเจ้า "บุรุษผู้หนึ่งกล่าวขึ้น"ข้าเองจะไปสู้กับสัตว์อสูรเหล่านั้นแต่ข้าเอง
เมื่อยามค่ำคืนเข้ามากล้ำกรายในห้องห่าวอู๋อวี่กับจินเป่านอนด้วยกันบนเตียงนอน"ข้าอยากให้มันเป็นแบบนี้ตลอดไปจังที่เราสองคนได้นอนกอดกันบนเตียงนุ่มแบบนี้ หากเราช่วยท่านพ่อตากับแม่ยายได้แล้วเราแต่งงานกันนะ"ห่าวอู๋อวี่กล่าวออกมาอย่างหยอกล่อและจิงจังในท่าที จินเป่าไม่ได้กล่าวอะไรนางได้ยินเสียงกุกกักนอกประตูนางรู้ดีว่าห่าวอู่อวี่รับรู้ได้ก่อนนางเสียอีกแต่เขาก็แกล้งพูดไปต่างๆนานา เมื่อด้านนอกได้ยินเสียงคนพูดคุยกัน เขาก็ไม่กล้าที่จะบุกเข้ามา ห่าวอู๋อวี่สังเกตเห็นถึงข้อนี้"ข้านอนแล้วนะเจ้าเองก็นอนเถอะ"ห่าวอู๋อวี่กล่าวขึ้น เพื่อจะได้เดินตามแผนของกลุ่มคนที่มาดักจับสองคนเขา สักพักใหญ่ๆเสียงเคลื่อนไหวภายในห้องก็สงบลง บุรุษผู้หนึ่งโบกมือเป็นสัญญาณให้ผู้ที่อยู่ด้านหลังค่อยๆเปิดประตูโรงเตี้ยมให้ แล้วค่อยๆบุกเข้าไปจับตัวทั้งสองได้ เมื่อถูกจับทั้งสองคนก็แกล้งทำเป็นหลับไหลไม่ได้สติ จินเป่าทำท่าทางตกใจตื่นขึ้นมา"หวกเจ้าเป็นใครกัน ทำไมถึงมาจับพวกข้าเช่นนี้ พวกข้าทั้งสองไปทำอะไรให้พวกเจ้าโกรธเคืองกัน"จินเป่าพูดขึ้น"แม่นางอย่าดิ้นรนเลย อย่าต่อรองกับการจับกุมในครั้งนี้ พวกเราวางแผนมานานแล้ว แล้วคนที่จับต
Mga Comments