จินเป่าที่ถูกเพื่อนเพื่อนรักหักหลังจนต้องทำให้ตัวเขาเองถึงแก่ความตาย แต่ชะตากรรมกับนำเขาไปสู่อีกมิติหนึ่ง มิติแห่งนั้นแทบทุกคนมีวรยุทธ แต่จินเป่าเองก็ได้ไปอยู่ในร่างของสตรีที่เคยมีวรยุทธ์ที่สูงส่งแต่ตอนนี้ผู้นั้นกับไร้วรยุทธเสียแล้ว นามของสตรีผู้นั้นคือมู๋จินเป่า ซึ่งเป็นลูกอนุในตระกูลมู๋ หลังจากถูกขับไล่ออกจากจวนใหญ่ ก็มีผู้คอยรังแกตลอดจนในที่สุด จินเป่าจึงพาคนรับใช้หนีออกจากจวน เพื่อตามหาสิ่งของที่จะมาปลดผนึกพิษให้ตัวเขานั้นกับมีวรยุทธได้ดั่งเดิม การเดินทางของทั้งสองดำเนินไปด้วยความราบเรียบเนื่องจากในร่างกายของทั้งสองมีสิ่งที่ทำให้สัตว์ในหลายอย่างยอมศิโรราบแต่โดยดี เกิดการต่อสู้กันบ้างกับนักยุธทั่วไป หลังจากที่ตามหาสิ่งที่ทำให้ร่างกายปลดผนึกพิษได้แล้ว กลุ่มของเธอก็ถูกตามไล่ล่าจนแทบจะเอาตัวไม่รอด พอรอดมาได้แล้วจินเป่ากับคนรับใช้ก็ต้องการที่จะเข้าเรียนที่สำนักศึกษาระดับหนึ่งของมิติสามัญแห่งนี้ และคนในตระกูลมู๋ก็ต้องการศึกษาในสำนักศึกษาแห่งนี้เช่นเดียวกัน เมื่อพวกเขาเข้าทดสอบการเข้าศึกษาที่สำนักแห่งนั้นก็ได้ปะมือกันจนทำให้อดีตพี่สาวและน้องชายของเธอได้หลุดออกจากการแข่งขันในการเข้ารับการศึกษา เมื่อการทดสอบการศึกษาสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีจึงเอาเองก็เป็นผู้ที่อยู่ในลำดับ 1 ของสำนักการศึกษาในครั้งนี้ เมื่อใกล้ที่จะออกจากสำนักพวกเขาจึงต้องทำภารกิจบางอย่างที่ไม่เคยมีผู้ใดต้องสำเร็จมาก่อน เมื่อจบจากการศึกษาแล้วจินเป่า กับคนรับใช้ที่มาพบภายหลังว่าเป็นพี่น้องกันนั้นก็ออกตามหาอดีตกัน
View More"ปาร์ตี้คืนนี้ถือว่าจัดงานเลี้ยงให้พวกเธอทุกคนนะ"
หัวหน้าแก๊งนักฆ่าอันดับหนึ่งของประเทศเอ่ยประกาศ
งานปาร์ตี้ขนาดเล็กมีคนประมาณยี่สิบกว่าคนทุกคนล้วนเป็นนักฆ่า งานที่รับส่วนมากจะเป็นตามหาของหายากให้กับคนมีเงิน
เป็นบอดี้การ์ดให้กับคนรวยๆ งานไหนเสี่ยงๆที่ได้เงินดีๆ บ้างก็เป็นสายลับต่างๆ และบางครั้งก็มีงานลอบสังหาร แล้วแต่บอสใหญ่จะจัดให้
"แล้วฉันก็อยากจะมอบรางวัลให้คนที่ทำภาระกิจนี้สำเร็จ จินเป่า"
หัวหน้าแก๊งกล่าวและเรียก จินเป่าเพื่อเข้ามารับรางวัล
จินเป่านักฆ่าอันดับห้าของแก๊ง รับงานไหนมาไม่เคยผิดพลาด ทำงานดีมีไหวพริบ จนทำให้เพื่อนรวมแก๊ง ชื่นชมในตัวเธอ และก็อิจฉาเธอเช่นเดียวกัน
จินเป่าเดินมารับรางวัล ผู้คนในงานตบมือแสดงความดีใจกันทุกคน จินเป่ามองดูเต่ามังกรหยกสีน้ำผึ้งสวยงามมาก หลังจากนั้นก็เก็บใส่กระเป๋าเสื้อ
"จินเป่าฉันดีใจกับเธอด้วยจริงๆนะ เธอเก่งมากเลย"
ชิงเหยียนกล่าวแล้วก็เข้าไปกอดจินเป่าแล้วลูบหลังเบาๆ
หลังจากนั้นชิงเหยียนก็หายไปกับอวิ้น
"คุณจัดการแล้วใช้ไหมอวิ้นงานนี้ถ้าเราทำสำเร็จฉันก็จะได้ขึ้นเป็นลำดับที่ห้าตามคุณไปเรื่อยๆ"
ชิงเหยียนคุยกับอวิ้นเบาๆ
"ไม่ใช้ว่าคุณให้ผมช่วยกำจัดจินเป่าเพื่อนรักของคุณเสร็จแล้ว จะมาจัดการกับผมหรอกนะ"
อวิ้นถาม
"ฉันจะทำแบบนั้นได้ยังไงล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะเพื่อนฉันคนนี้ขวางทางฉันคุณคิดว่างานนี้คนที่ได้รับเต่ามังกรหยกสีน้ำผึ่งนั้นจะเป็นใครกันหยกสีน้ำผึ้งเลยนะคุณคิดดูสิ"
ชิงเหยียนกล่าว
"แต่แผนของเราคือทำให้รถระเบิดแล้วตกเหวนิ แล้วคุณจะไม่เสียดายหยกนั้นหรอ"
อวิ้นพูด
"ก่อนที่พรุ่งนี้จะเป็นข่าวดัง เราต้องลงไปหาหยกในซากรถถ้ามีคนไปเจอเรา ฉันก็จะอ้างว่าคุณมาเป็นเพื่อนฉันเพื่อมาดูเพื่อนรักของฉัน ฉันต้องการมาเจอเขาเป็นคนแรก"
ชิงเหยียนเอ่ยพลางคิด
"แล้วมันจะไม่น่าสงสัยหรอ"
อวิ้นถาม
"ไม่หรอกเอาตามที่ฉันบอกนั่นแหละ ยังไงบอสใหญ่ก็อยากให้มันตายอยู่แล้วด้วย แค่มันตายไปก็จบเดียวเรื่องอื่นค่อยแก้ที่หลังก็ได้"
กล่าวจบชิงเหยียนก็เดินไปในงานปาร์ตี้ต่อโดยไม่รู้เลยว่าบอสใหญ่มองอยู่
หลังจากชิงเหยียนเดินไปบอสใหญ่ก็ออกมาจากมุมมืดแล้วกล่าวกับอวิ้น
"อวิ้นคุณทำเกือบสำเร็จแล้วพรุ่งนี้ต้องทำให้คนอื่นรู้ว่าชิงเหยียนจัดการกับเพื่อนรักเขายังไง กำจัดทีเดียวได้สองคนเลยดีจริงๆ555 เรื่องหยกสีน้ำผึ้งนั้นก็ถือเสียว่าเป็นของดูต่างหน้าของจินเป่าแล้วกัน คิดเสียว่าเป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายที่ฉันมอบให้เขา"
บอสใหญ่กล่าวจบก็จากไป
อวิ้นได้รับคำสั่งจากบอสให้จักการชิงเหยียนและจินเป่าพร้อมๆกัน แต่การที่เป่าหูจินเป่ามันยากมากเพราะเธอรักเพื่อนของเธอมาก แต่ชิงเหยียนนั้นเธอพร้อมที่จะทรยศเพื่อนตลอดเวลา อวิ้นอดเสียดายจินเป่าไม่ได้ จินเป่ารักเพื่อนมากแต่ในเมื่อมันเป็นงานของเขา เขาต้องทำ จินเป่าเธอโดดเด่นเกินไป เก่งจนบอสกลัว เธอเข้าร่วมกับแก๊งไม่ถึงสองปี รับงานมาไม่เคยพลาด แล้วตอนนี้บอสเริ่มหยุดงานเธอ แต่ก็มีผู้จ้างวานระบุเลยว่าต้องเป็นเธอที่ทำงานนี้เท่านั้น บอสกลัวว่าถ้าจินเป่าจะเก่งกว่านี้ จะออกไปหาสังกัดใหม่ หรือทำสังกัดของตัวเองด้วยซ้ำ และถ้าเป็นแบบนั้นก็เท่ากับแย่งงานบอสเป็นคู่แข่งกับบอส บอสเลยคิดที่จะตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ส่วนชิงเหยียนก็เป็นเพื่อนรักของจินเป่าเลยพลอยต้องกำจัดไปด้วย แต่ดูๆแล้วชิงเหยียนเองก็อยากกำจัดจินเป่าไม่น้อย และถ้าหาเต่ามังกรหยกสีน้ำผึ้งเจอมันก็ต้องเป็นของเขา
งานเลี้ยงจบตอนเที่ยงคืนต่างคนก็ต่างกลับบ้าน จินเป่าขับรถมาคนเดียวชวนชิงเหยียนกลับด้วยก็ไม่ยอมกลับ
“งั้นก็ตามใจเธอนะชิงเหยียนขับรถกลับดีดีล่ะเธอดื่มเยอะมากฉันเป็นห่วง”
จินเป่ากล่าวกับเพื่อน
“ก็ฉันเองก็ขับรถมาเหมือนกันนิ ฉันไม่อยากเอารถทิ้งไว้ที่นี้ บ้านเธอเองก็ไกล ไหนจะมาส่งฉันเอารถอีก” ชิงเหยียนตอบบ่ายเบี่ยงที่จะกลับกับเพื่อน
แต่ชิงเหยียนขับรถตามจินเป่าไป ทางบ้านจินเป่าต้องขับขึ้นเขา มีหน้าผาสูงพอขับไปถึงจุดหน้าผาสูง จู่ๆรถก็ระเบิด ใช่แล้วรถระเบิดเพราะ อวิ้นเอาระเบิดไปติดไว้ในรถจินเป่าแล้วเอารีโมทไว้ในรถชิงเหยียนหนึ่งอันแล้วให้ชิงเหยียนติดตัวหนึ่งอันเพื่อให้ชิงเหยียนกดและอีกอันเพื่อให้ตามสืบว่าชินเหยียนเป็นคนทำให้รถของจินเป่าระเบิด ชิงเหยียนเห็นรีบพุ่งรถชนให้รถจินเป่าตกหน้าผาไปแล้วตัวเองก็ขับไปต่อทันที
และโยนรีโมทระเบิดทิ้งไป
"ลูกทั้งสองชอบพอกันแล้วผู้เป็นพ่อจะขัดได้อย่างไรกันล่ะ ถึงแม้พวกเจ้าจะเป็นลูกบิดาเดียวกันแล้วอย่างไรหากผู้เป็นพ่อและเป็นแม่ยินยอมให้แต่งกันก็ไม่มีผู้ใดว่าพวกเจ้าทั้งสองได้หรอก"จางเทียนกล่าวขึ้น ทุกคนก็รวมดีใจกับทั้งสอง ผู้เป็นแม่มองบุตรสาวของเขาเอง เขาได้เลี้ยงเด็กผู้นี้มาเพียงปีเดียวเท่านั้น พบกันอีกทีก็ต้องมอบให้บุรุษผู้อื่นดูแลแล้วหรือ แล้วถ้าแต่งกับคนตระกูลหวัง นางคงไม่ไปตกระกำลำบากที่ตระกูลหวังหรอกหรือ น้ำตาของนางจึงไหลมา"เสี่ยงซิ่วเจ้าเป็นอะไรไป ทำไมเจ้าร้องไห้ไม่ดีใจหรอกหรือที่บุตรสาวของเจ้ามีคนดูแลแล้ว"หนิงฮว่าถามขึ้น"นางคงดีใจที่อยู่ๆบุตรสาวกลับมาพบบิดามารดาก็พาบุตรเขยมาให้นางดูตัวด้วยเลย แล้วเรื่องผู้นำตระกูลล่ะ จางเหมยเจ้ายินดีจะรับหรือไม่"จางเทียนถามขึ้น"ท่านพ่อลูกยังใช้ชีวิตไม่คุ้มเลยเจ้าคะ ลูกเพิ่งมาจากมิตินิมิตรเพียงแค่ครึ่งปียังอยากที่จะหาประสบการณ์อยู่ ที่ลูกมาจวนตระกูลจางในวันนี้ก็เพื่อที่จะช่วยท่านพ่อท่านแม่ แล้วลูกอยากให้ท่านพ่อกับท่านแม่รับรู้ว่าลูกมีคนรัก และเราทั้งสองก็จะออกท่องยุทธภพกัน ลูกคิดว่าหน้าที่ผู้นำตระกูลจางนั้น ท่านพี่จางหยงกับพี่ซิงอีน่าจะทำได้
เมื่อจินเป่าไปถึงก็เห็นทุกคนกำลังตกอยู่ในอันตรายและจางซินที่กำลังใช้วิชาแฝดมิติแผดเผาเพียงลำพัง จึงทำให้เขาต้องยื่นมือเข้าช่วย เขาสั่งการให้อินหย่าหลบไปซ้อนตัวให้รออินบุหลันมาแล้วค่อยออกมาหา และเขาก็ส่งแสงสีเขียวออกไปยังร่างบุรุษคนที่กำลังสู้อยู่กับจางซิน เมื่อแสงวรยุทธสีเขียวนั้นต้องร่างบุรุษผู้นั้นเขาก็ตอบ และร่างของบุรุษผู้นั้นลอยขึ้นถ่อยออกห่างจากจางซิน เมื่อบุรุษผู้นำรับแสงของทั้งสองแล้วแสงสีเขียวของจริงเป่าก็พุ่งลงไปหาจางซิน แสงสีแดงของจางซินก็พุ่งไปหาจินเป่าอย่างคุ้นเคยแสงทั้งสองพันรอบๆตัวของนักพรตและรอบๆตัวของแสงนั้นจึงทำ ให้แสงสีแดงและสีเขียวเปลี่ยนเป็นสีรุ้ง เมื่อห่าวอู๋อวี่เห็นว่าผู้ที่ยืนส่งแสงสีเขียวนั้นอยู่หน้าประตูทางเข้าตระกูลจางเขาดีใจมาก เขารีบทะยานไปหานางทันที ซิงอีเองก็เห็นเช่นเดียวกัน แม้นตอนนี้เขาจะบาดเจ็บไปทั่วร่างกายแต่เมื่อเห็นน้องสาวผู้นี้แล้วเขาก็เพิ่งไปหานาง"ทุกคนช่วยกันคุ้มกันจินเป่า" ห่าวอู๋มู่ลี่ที่ได้สติรีบกล่าวขึ้น เมื่อสลัดกลุ่มที่กำลังจะจับตัวซิงอีได้แล้ว พวกเขาก็กรูกันเข้าไปเพื่อคุ้มกันจินเป่า เมื่อนักพรตนั้นต่อสู้ไม่ไหวแล้ว พลังภายในของเขาเหมือนถ
ห่าวอู๋อวี่ไม่รอช้า ใช้วรยุทธทุกอย่างที่มี จนในที่สุดเขาก็คิดถึงเคล็ดวิชารำดาบทศทิศพิศดาร เขาพุ่งตัวไปยังผนังของวรยุทที่โปร่งใสเขาเริ่มรำดาบเมื่อเขาเริ่มรำและหมุนไปรอบๆเกาะวรยุทนั้น เมื่อห่าวอู๋อวี่กลับไปตรงจุดเดิมและวาดดาบลงเกราะวรยุทธก็แตกออก พญาหงส์ขาวตกลงทันที นักพรตนั้นตกตลึงไม่น้อยเขาไม่เคยเห็นใครทำลายเกราะวรยุทของตนมาก่อน เขาจึงรีบสร้างเกาะวรยุทธอีกครั้ง จางซินเก็บพญาหงส์ขาวของจินเป่าไว้ในมิติล่องหนของนาง ตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่ามีคนที่ทำลายเกราะวรยุทธได้พวกเขารีบไปใกล้ผนังวรยุท"ข้างในนี้มันยังเป็นพื้นที่ปลอดภัยอยู่ จางหยงเจ้าคุ้มกันทั้งสามอยู่ด้านในนี้ ส่วนคนอื่นๆรีบหาทางออกไปช่วยซิงอี จางซินเจ้าต้องออกไปอย่างปลอดภัย รอรวมพลังกับจินเป่า วรยุทธของคนผู้นั้นต้องเป็นเจ้าสองคนที่ร่วมมือกันได้ข้าเพียงแค่เปิดผนึกก่อนวรยุทธ์นี้ออกไปได้เท่านั้น หากไปสู้กับคนผู้นั้นก็แค่จะรั้งไม่ให้เขาทำร้ายพวกเราไปมากกว่านี้ "ซิงอีละ ข้าเป็นห่วงนางข้าต้องออกไปช่วยนางท่านอาจารย์เพียงลำพังไม่สามารถต้านพวกนั้นได้หรอก"จางหยงกล่าวขึ้น "เรื่องนั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนอื่น เจ้าคิดดูสิถ้าบิดามารดาของนางเ
เดิมทีโอวป๋าลู่เพียงรู้สึกถูกชะตาและคับคล้ายคับคาเด็กที่เขาช่วยไว้ แต่เมื่อพูดถึงตระกูลจางเขาก็นึกขึ้นได้ว่ามีคนที่หน้าตาคล้ายกับนางและเขาก็เดาเอาเองบุตรของตระกูลจาง ซึ่งนางก็เคยพูดเรื่องตระกูลจางอยู่ จึงทำให้เขาพานางมาเมืองหลวงด้วยและให้นางอยู่ในตระกูลโอวอย่างเดียว เพื่อปกป้องนาง และตอนนี้ก็ถึงเวลาสำคัญ เขาจึงจำเป็นต้องปกป้องนางอยู่ เขามองดูลูกศิษย์ของเขาที่มีกลุ่มคนมากมายกำลังกรูกันเข้ามาเขายังคิดอยู่ในใจว่าจะลงมือช่วย แต่แล้วคลื่นหนึ่งก็พุ่งเข้าใสกลุ่มนั้น คนของตระกูลซูหลายคนล้มลงกับพื้น ทุกคนจึงหันหน้าไปมองบุรุษผู้หนึ่งที่อยู่ตระกูลอี้ เมื่อซิงอีมองตามก็รู้ว่าเป็นห่าวอู๋อวี่ เขาดีใจที่ห่าวอู๋อวี่ช่วยสหายทั้งสามได้ทัน เขาจึงพยายามมองหาคนข้างกายของห่าวอู๋อวี่ก็ไม่พบกับจินเป่า แต่พบกับสตรีผู้หนึ่งคนผู้นั้นหน้าตาสะสวยเช่นเดียวกับจินเป่า จึงทำให้ซิงอีรู้สึกเคืองอยู่ในใจ"ท่านอาจารย์ทำเขาทำไม คนพวกนี้เป็นคนของตระกูลข้าเอง เขากำลังจะช่วยท่านน้าสะสางปัญหาของตระกูลจาง"ซูซวี่กล่าวขึ้น "งั้นเจ้าก็บอกคนของตระกูลเจ้าให้หยุดก่อเรื่องได้แล้วข้าเพียงไม่ชอบเท่านั้นเอง"ห่าวอู๋อวี่กล่าวขึ้น ทำให้
ทางด้านจินเป่านั้นนั่งอยู่บนที่นอนในโรงเตี๊ยมข้างกายของนางนั้นมีเด็กน้อยผู้หนึ่งกำลังกินหมั่นโถวอยู่เด็กน้อยผู้นั้นมองหน้าจินเป่า"พี่สาวท่านไม่ลุกขึ้นมากินข้าวหน่อยหรือ นั่งสมาธิแบบนี้เกือบจะหนึ่งเดือนอยู่แล้วท่านไม่โหยหิวบ้างหรือ"เด็กน้อยพูดออกมาเบาๆ ตั้งแต่วันที่เขาพบกับกลุ่มนั้นที่ข้างล่างเขาก็ไม่ลงไปในเวลากลางวันอีกเลย ได้แต่ไปซื้ออาหารในเวลาตกค่ำแล้วเท่านั้น พี่ชายกับพี่สาวนั้นก็หายไปไม่กลับมาเสียที เป็นนางที่ต้องนั่งเฝ้าคนที่นั่งอยู่บนเตียงเช่นนี้ ไม่นานความปรารถนาของเด็กน้อยก็เป็นจริงเมื่อเขากำลังจ้องหน้าสตรีที่กำลังนั่งสมาธิอยู่ ขนตาของนางกระตุกสามครั้งก็ลืมตาขึ้น "อินหย่า ทำไมเจ้ามากินหมั่นโถอยู่ที่นี้ละ เบี้ยที่มีหมดแล้วหรือ"จินเป่าถามอินหยาเนื่องจากว่าลืมตาขึ้นก็เห็นนางนั่งกินหมั่นโถอยู่"จะหมดได้อย่างไรล่ะพี่สาว ค่าใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ไม่กี่วันก็พบกับกลุ่มบุรุษและสตรีกลุ่มหนึ่งซึ่งทำให้ข้าลำบากใจ ข้าจึงไม่อยากไปข้างล่างนั้นอีกจึงเลือกที่จะซื้อของที่เก็บไว้กินได้นานมากินในห้องนี้แทน"อินหยากล่าวขึ้น จินเป่าจึงพาอินหย่าไปนั่งกินอาหารด้านล่าง เมื่อมาถึงทั้งสองก็นั่งก
ในวันสถาปนาผู้นำคนใหม่ของตระกูลจางนั้นจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ท่านผู้นำคนเก่านั้นถูกจับให้แต่งชุดสีขาวขอบทอง มองแล้วยังมีอายของลักษณะผู้นำอยู่ แต่ตอนนี้ทั้งหัวของเขานั้นขาวโพนไปด้วยผมขาว ทำให้ดูแก่ชรามากและเหมาะสมที่จะแต่งตั้งผู้นำคนใหม่ ส่วนสตรีทั้งสองของเขานั้นถูกจับให้อยู่ในชุดสีขาวราวกับว่านางทั้งสองนั้นได้บวชชี ทั้งสามนั้นถูกบ่าวรับใช้ควบคุมตลอดเวลา เมื่อเวลาสายสายเหล่าตระกูลใหญ่ทั้งเก้าตระกูลก็เข้ามายังตระกูลจางและประจำตำแหน่งของตัวเองที่ถูกจัดขึ้น เวลานี้เองจางหยงที่ยืนอยู่ที่สูงสุดกับจางเทียนผู้นำคนเก่าที่นั่งอยู่บนสุด ณ เวลานี้จุดนั้นแทบจะมีเพียงเขาสองคน เมื่อกลับมาจากมิตินิมิตรแล้วจางหยงก็เพิ่งได้เห็นผู้นำตระกูลจางเป็นครั้งแรก น้ำตาของเขาเออเต็มหน่วยเขาโค้งคำนับราวกับว่านับถืออย่างมาก จางเทียนยิ้มให้เขาเพราะเขาเองเพิ่งรู้ว่าบุรุษผู้นี้ไม่ใช่บุตรชายแท้ๆของเขา แต่เป็นบุตรชายของหวังจิ้งแต่ในความผูกพันธ์นั้นเขาก็ยังคิดอยู่ว่าบุรุษผู้นี้คือบุตรชายของเขา ถึงแม้จะยกตำแหน่งผู้นำตระกูลให้เขาก็ยินดี วันนี้จางหยงเองมาในชุดสีแดงปักเลื่อมด้วยผ้าชิ้นบางสีทองทำให้เขามองดูมีสง่าเสียเหลือเกิน จ
Comments