แสงตะวันอ่อนยามเช้าทอประกายผ่านม่านผ้าไหมที่พาดยาวในท้องพระโรง ขบวนขันหมากจากตระกูลเหวิ่นเรียงรายเป็นระเบียบ บรรยากาศเคร่งขรึมแต่แฝงความสง่างาม เหวิ่นจือหยูค่อยๆ ก้าวเดินเข้ามาในท้องพระโรงอย่างช้าๆ องค์ชายหลี่หยวนเจ๋อเงยหน้าขึ้นเมื่อเสียงขันทีประกาศถึงการมาถึงของเจ้าสาว
ในนาทีนั้นเองที่เขาเห็นเหวิ่นจือหยูในชุดแต่งงานสีแดงเพลิงปักลายหงส์ทองงดงาม เครื่องประดับบนศีรษะสะท้อนแสงจนวิบวับ ทุกอิริยาบถของนางแสดงถึงความสงบและสง่างาม หลี่หยวนเจ๋ออดไม่ได้ที่จะรู้สึกสะดุดตา เขาเคยได้ยินชื่อเสียงของเหวิ่นจือหยูมามากมาย ในแง่ร้ายเสียส่วนใหญ่ แต่ในวันนี้ ภาพที่ปรากฏตรงหน้าเขาแตกต่างไปจากที่เคยรับรู้
“คิดไม่ถึงเลยว่านางจะดูเป็นผู้ใหญ่ถึงเพียงนี้”ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในใจของหลี่หยวนเจ๋อ แต่ทันใดนั้น ความไม่พอใจที่ถูกบังคับให้แต่งงานกับสตรีที่เขาไม่ได้รักก็กลับมาท่วมท้นในจิตใจ
เมื่อถึงเวลาพิธี เสียงขลุ่ยและฆ้องดังขึ้นก้องไปทั่วท้องพระโรง เป็นสัญญาณเริ่มพิธีแต่งงานขององค์ชายหลี่หยวนเจ๋อและคุณหนูเหวิ่นจือหยู เหล่าข้าราชบริพารต่างพากันเฝ้ามองด้วยความชื่นชมในความขลังและความงดงามของงานแต่ง
เหวิ่นจือหยูยืนนิ่งในชุดเจ้าสาวสีแดงสดปักลายหงส์ทองที่งดงาม หัวใจของนางเต้นแรงแต่ใบหน้านิ่งเรียบ สายตาของนางทอดมองตรงไปข้างหน้า ภายใต้ผ้าบางที่คลุมหน้า แม้จะรู้สึกถึงสายตาของคนรอบข้าง แต่นางก็ไม่สนใจ นางกระซิบบอกหัวใจของตัวเองให้เข้มแข็ง แม้การแต่งงานครั้งนี้จะเกิดขึ้นเพียงเพราะพันธะและความเหมาะสม หาได้เกิดจากความรักก็ตาม
องค์ชายหลี่หยวนเจ๋อเดินเข้ามาใกล้นางด้วยท่วงท่าสง่างามตามแบบฉบับองค์ชาย สายตาเย็นชาของเขากวาดมองเจ้าสาวผ่านม่านบางๆ อย่างลอบสำรวจ แม้ภาพลักษณ์ของนางจะดูเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน แต่ในใจเขายังเต็มไปด้วยความไม่ไว้ใจและขุ่นเคือง แต่ถึงกระนั้น เขายังคงรักษาท่าทีที่สงบนิ่ง ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมาให้ใครเห็น
“ข้าต้องใช้ชีวิตร่วมกับสตรีที่มีนิสัยที่ข้าชิงชังได้อย่างไร” คำถามก้องในใจของเขา ร่างสูงสง่าก้าวไปยืนเคียงข้างเหวิ่นจือหยูพร้อมกับความรู้สึกที่ปั่นป่วน
เมื่อพิธีการเริ่มต้น เหวิ่นจือหยูและหลี่หยวนเจ๋อต้องคุกเข่าลงพร้อมกันต่อหน้าฮ่องเต้และฮองเฮาผู้เป็นประธานในพิธี ก่อนจะพากันลุกขึ้นยืน ฮ่องเต้ทรงยิ้มแย้มพึงพอใจขณะมองดูโอรสและว่าที่พระชายา
“วันนี้เป็นวันที่สำคัญสำหรับเจ้าทั้งสอง” ฮ่องเต้ตรัสด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยความสุข
“ข้าหวังว่าเจ้าจะครองรักกันอย่างยั่งยืน และปกป้องแผ่นดินร่วมกันในอนาคต”
คำอวยพรของฮ่องเต้เปี่ยมไปด้วยความเมตตา องค์ชายหลี่หยวนเจ๋อทำเพียงพยักหน้าตอบเบาๆ ก่อนจะโค้งคำนับ โดยไม่แม้แต่เหลือบมองเจ้าสาว ขณะที่เหวิ่นจือหยูยอบกายรับคำด้วยความนอบน้อม และแอบมองไปทางเขา หัวใจของนางเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เพราะนี่คือจุดเริ่มต้นใหม่ นางจะทำให้ดีที่สุดเพื่อพิสูจน์ตัวเอง
พิธีมงคลสมรสดำเนินไปตามธรรมเนียม เหวิ่นจือหยูและหลี่หยวนเจ๋อถวายคำนับฮ่องเต้และฮองเฮา จากนั้นทั้งคู่จึงคำนับฟ้า ดิน และบรรพบุรุษ และฐานะสามีภรรยาอย่างเป็นทางการ ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยพิธีการที่สง่างาม โดยมีเหล่าข้าราชบริพารต่างเฝ้าดูอยู่ด้วยชื่นชมในความงดงามของคู่บ่าวสาว แต่ทว่าองค์ชายหลี่หยวนเจ๋อแม้จะทำพิธีด้วยท่าทีสง่างาม แต่ใจของเขาอยู่ไกลจากสถานที่แห่งนี้ ทุกอย่างดูเป็นเพียงพิธีการที่เขาจำใจต้องทำ เขาไม่แม้แต่จะมองเหวิ่นจือหยูขณะที่ทั้งสองกราบไหว้
เหวิ่นจือหยูแอบมองใบหน้าขององค์ชายที่ยังคงนิ่งสงบราวกับไม่มีความรู้สึกใดๆ นางสัมผัสได้ถึงความเย็นชาที่แผ่ออกมาจากคนข้างกาย ใบหน้างดงามยังคงนิ่งเงียบ แต่หัวใจของนางกลับสั่นไหวในใจ แต่ก็ต้องกัดฟันแน่นเก็บซ่อนความรู้สึกไว้ในใจ ถึงแม้จะรู้ว่าองค์ชายไม่ได้ต้องการนาง แต่ด้วยรู้ถึงบทบาทของตนในฐานะพระชายา นางก็ต้องแสดงบทบาทนี้ให้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
หลังจากเสร็จสิ้นพิธีการแล้ว ขบวนแห่นำตัวเจ้าสาวก็เริ่มขึ้น เหวิ่นจือหยูถูกนำตัวไปยังเรือนหอขององค์ชายหลี่หยวนเจ๋อ เมื่อมาถึง เหล่านางกำนัลช่วยกันจัดเตรียมสถานที่ ที่ประดับประดาด้วยโคมไฟแดง เป็นสัญลักษณ์แห่งความสุขสมหวัง
เหวิ่นจือหยูนั่งอยู่บนเตียง เพื่อรอให้เจ้าบ่าวเข้ามาปลดผ้าคลุมหน้าตามธรรมเนียม ภายใต้ผ้าคลุมแดง หัวใจของนางเต้นแรงด้วยความกังวล นี่คือช่วงเวลาที่นางจะได้เผชิญหน้ากับหลี่หยวนเจ๋ออย่างแท้จริง แม้จะรู้สึกวิตก แต่เหวิ่นจือหยูก็พยายามทำให้ตัวเองสงบ นางคิดว่าการแสดงออกที่นิ่งสงบจะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น
ในที่สุดประตูห้องหอก็เปิดออก ร่างสูงขององค์ชายเดินเข้ามาด้วยท่าทีสุขุม สายตาเย็นชาของเขากวาดมองไปรอบๆ ห้องหอที่ถูกตกแต่งอย่างงดงามด้วยโทนสีแดง แม้บรรยากาศรอบตัวจะเต็มไปด้วยความสวยงามและความสุขที่ควรจะเป็น แต่ในใจของเขายังคงเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ขัดแย้ง
เขาตรงมายังเจ้าสาวที่นั่งอยู่บนเตียง ก่อนจะหยุดอยู่ตรงหน้านางชั่วครู่ จากนั้นจึงหยิบไม้ไผ่สำหรับปลดผ้าคลุมขึ้นมาด้วยท่าทางเฉยเมย แล้วใช้มันยกผ้าคลุมหน้าของเจ้าสาวขึ้น
เมื่อผ้าคลุมหน้าเลื่อนขึ้น จนเผยให้เห็นใบหน้าที่งดงามของเหวิ่นจือหยูทั้งคู่ต่างมองสบตากัน องค์ชายมองพระชายาอย่างละเอียด นางดูสง่างามและนุ่มนวลยิ่งกว่าที่เขาเคยคิด ภายในใจของเขารู้สึกเต้นอย่างประหลาด ไม่ใช่เพราะความสวยงามของนาง แต่เป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดในตัวนาง ซึ่งทำให้เขารู้สึกอึดอัดกับความรู้สึกแบบใหม่
แต่ทันใดนั้นเขาก็กลับมานึกถึงความทรงจำในอดีต “นางจะเปลี่ยนไปได้จริงหรือ”
เขาวางไม้ไผ่ลงและนั่งลงข้างๆ เจ้าสาว บรรยากาศในห้องเงียบสนิท ไม่มีใครพูดอะไรสักคำเดียว จนแทบได้ยินเสียงลมหายใจ
“ขอบพระทัยที่องค์ชายกรุณาปลดผ้าคลุมให้เพคะ” เหวิ่นจือหยูเป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อน เสียงของนางนุ่มนวลและอ่อนโยน
หลี่หยวนเจ๋อพยักหน้ารับ โดยไม่ได้ตอบอะไร นัยน์ตาของเขาจับจ้องเหวิ่นจือหยูอย่างสำรวจ แม้เขาจะรู้สึกว่านางเปลี่ยนไป แต่นางยังคงเป็นคนที่เขาไม่รู้จักดีพอ
“หากมีสิ่งใดที่หม่อมฉันทำได้เพื่อให้องค์ชายสบายใจ โปรดบอกหม่อมฉันเถิดเพคะ หม่อมฉันจะพยายามอย่างดีที่สุด” เหวิ่นจือหยูกล่าวต่อ น้ำเสียงของนางแฝงด้วยความจริงใจ
คำพูดนั้นทำให้หลี่หยวนเจ๋อหัวเราะเบาๆ ทว่าดวงตาเย็นชา
“ข้าคงไม่มีอะไรที่จะให้คนไม่เอาไหนอย่างเจ้าช่วยหรอก ไม่ต้องพยายามให้เสียเวลา”
คำพูดของเขาทำให้หัวใจของเหวิ่นจือหยูเจ็บแปลบ แต่นางคาดไว้แล้วว่าจะต้องเผชิญกับสิ่งนี้ นางจึงพยายามไม่ให้ความรู้สึกเหล่านั้นแสดงออกมาทางสีหน้า
“หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ” นางตอบเสียงเรียบ หากแต่ในใจกลับปั่นป่วน
“ที่หม่อมฉันถามไปเพียงแค่มารยาท ถ้าทำให้ท่านไม่พอใจได้โปรดให้ท่านคิดเสียว่าไม่เคยได้ยินจากหม่อมฉันที่ถาม”
หลี่หยวนเจ๋อยังคงนิ่ง แม้ในใจจะรู้สึกโกรธในคำพูดที่เหมือนไม่แยแสของนาง ทั้งที่เมื่อก่อนนางทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้แต่งงานมาเป็นพระชายาของเขา แต่ตั้งแต่หลังอุบัติเหตุนางเป็นคนละคน ที่ไม่อยากแต่งงานกับเขาเลย หนำซ้ำยังจะยกเขาให้กับน้องสาวอย่างง่ายดาย ทั้งที่ก่อนหน้าคุณหนูตระกูลเหวิ่นต่างก็แย่งที่จะได้รับความสนใจจากองค์ชายอย่างเขา
“เจ้า ..” หลี่หยวนเจ๋อตอบสั้นๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกจากห้องหอไป
เหวิ่นจือหยูมองตามหลังเขาไป ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง แม้วันนี้นางจะได้กลายเป็นพระชายาแล้ว แต่นางรู้ดีว่าการพิสูจน์ตัวเองและเอาชนะใจหลี่หยวนเจ๋อจะไม่ใช่เรื่องง่าย
“ข้าจะไม่ยอมแพ้” เธอบอกตัวเองในใจ แม้เส้นทางนี้จะเต็มไปด้วยอุปสรรค แต่เธอสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ปล่อยให้องค์ชายดูแคลนนางได้อีกต่อไป