วันที่เหวิ่นจือหยูต้องเตรียมตัวสำหรับพิธีแต่งงานมาถึงแล้ว ทั่วทั้งจวนเต็มไปด้วยบรรยากาศของการเฉลิมฉลอง ทุกคนล้วนตื่นเต้นและยินดีกับคุณหนูใหญ่ คนรับใช้ต่างเร่งรีบเตรียมข้าวของและจัดเตรียมทุกอย่างอย่างลุล่วง ถึงแม้ว่าหลายคนยังคงหวั่นกลัวกับความโมโหร้ายที่เคยได้ยินเกี่ยวกับคุณหนูจือหยู แต่ในช่วงหลังพวกเขาก็เริ่มสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนและความนุ่มนวลที่เธอแสดงออกมา ทำให้บรรยากาศในจวนดูอบอุ่นและเป็นมิตรขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนต่างยินดีที่ได้เข้ามารับใช้คุณหนูใหญ่ของจวน
ในห้องแต่งตัว เหวิ่นจือหยูนั่งอยู่หน้ากระจกขนาดใหญ่ สาวใช้สามคนช่วยกันจัดแต่งเส้นผมของนางอย่างพิถีพิถัน พวกนางตกแต่งเครื่องประดับทองคำและหยกบนศีรษะของคุณหนูอย่างประณีต ชุดแต่งงานที่นางสวมเป็นชุดฮั่นฝูสีแดงสดที่งดงามยิ่งนัก ลวดลายหงส์ที่ปักด้วยด้ายทองเปล่งประกายสะท้อนแสง ทุกอย่างล้วนบ่งบอกถึงความสูงส่งของฐานะว่าที่พระชายา
เหวิ่นจือหยูมองตัวเองในกระจก เธอแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงนั้นคือเหวิ่นจือหยูที่เคยมีชื่อเสียงเลวร้ายเมื่อไม่นานมานี้จริงหรือ นางยิ้มเบาๆ ให้กับตัวเอง ความรู้สึกหลากหลายปะทุขึ้นในใจ ทั้งความกลัวและความหวังที่ปะปนกัน
“คุณหนู” เสียงของอี้เหมยสาวใช้คนสนิท ดังขึ้นเบาๆ
“วันนี้ท่านงดงามมากจริงๆ เจ้าคะ เหมือนองค์หญิงในฝันเลย”
เหวิ่นจือหยูยิ้มรับ ถึงแม้จะรู้สึกดีที่ได้รับคำชม แต่ความงามภายนอกอาจไม่สำคัญเท่ากับการพิสูจน์ตัวเองในวันข้างหน้า การทำให้องค์ชายหลี่หยวนเจ๋อยอมรับในตัวนางได้นั้นย่อมเป็นเรื่องยากยิ่งกว่าใดๆ ชีวิตหลังแต่งงานยังไม่รู้ว่าจะเป็นเช่นใด
ขณะที่นางนั่งครุ่นคิด เสียงฝีเท้าของผู้มาใหม่ดังขึ้น นางเหลือบมองผ่านกระจก ก็พบว่าเป็นน้องสาวต่างมารดา เดินเข้ามาในห้อง ใบหน้าของเหวิ่นลี่หยาดูสวยงามเช่นเคย นางสวมใส่ชุดผ้าไหมเนื้อดีสีชมพูอ่อน แต่อย่างที่เคยเป็นมา เหวิ่นลี่หยาไม่ได้มาพร้อมกับคำอวยพรใดๆ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยอิจฉาและความขุ่นเคืองที่เก็บซ่อนเอาไว้
“พี่จือหยู” เหวิ่นลี่หยากล่าวเบาๆ พร้อมกับรอยยิ้มที่มีแต่ความเสแสร้ง
“ข้าต้องยอมรับว่าวันนี้พี่งดงามมากจริงๆ”
คำชมของเหวิ่นลี่หยาแม้จะฟังดูจริงใจ แต่วาดรวีรู้ดีว่าเบื้องหลังคำพูดเหล่านั้นมีนัยที่เจ็บปวดไม่ต้องการให้นางมีความสุข เหวิ่นลี่หยานั้นแอบชอบองค์ชายหลี่หยวนเจ๋อมานาน การที่เหวิ่นจือหยูได้กลายเป็นพระชายาขององค์ชาย ทำให้เหวิ่นลี่หยาไม่สามารถปิดบังความอิจฉาริษยาได้
เหวิ่นจือหยูมองหน้าน้องสาวอย่างใจเย็น แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสุภาพ “ขอบใจเจ้ามาก ลี่หยา”
เหวิ่นลี่หยาจ้องมองใบหน้างดงามของคนเป็นพี่อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะก้าวเข้ามาใกล้มากขึ้น สาวใช้ที่อยู่ในห้องเงียบกริบไปหมด ขณะที่คุณหนูคนเล็กก้มลงมาพูดกับพี่สาวด้วยเสียงที่เบาลง
“แม้ว่าพี่จะได้แต่งงานกับองค์ชาย แต่ข้าเชื่อว่าความรู้สึกของพระองค์ไม่ได้เปลี่ยนไป พี่เองก็รู้ดีว่าเขายังไม่ยอมรับพี่ ข้าสงสัยว่าพี่จะรักษาสถานะพระชายาไว้ได้อย่างไร ถ้าเขายังไม่รักพี่”
คำพูดของน้องสาวที่ไม่เคยประสงค์ดีมันช่างเจ็บแสบเหมือนเข็มทิ่มแทง แต่เหวิ่นจือหยูก็ยังคงเก็บอารมณ์ของตัวเองไว้ นางรู้ดีว่าไม่ควรตอบโต้ เพื่อไม่ให้สถานการณ์แย่ลง นางสูดหายใจลึกและตอบกลับอย่างสงบ
“เจ้าพูดถูก น้องข้า” เหวิ่นจือหยูยอมรับอย่างเปิดเผย
“เขายังไม่รักข้า และข้าเองก็ไม่คาดหวังว่าจะได้รับความรักในทันที แต่เชื่อเถอะหญิงชายอยู่ด้วยกันในฐานะสามีภรรยากัน สักวันความใกล้ชิดนั้นก็จะทำให้รักกันจนได้ ยิ่งอยู่กับหญิงที่งดงามอย่างข้าแล้ว บุรุษอย่างองค์ชายต่อให้ใจเเข็งแค่ก็คงไม่อาจรอดพ้นได้ เจ้าว่าไหม”
เหวิ่นลี่หยาฟังคำตอบของพี่สาวด้วยความไม่พอใจ นางไม่คาดคิดว่าเหวิ่นจือหยูจะสงบและมั่นคงเช่นนี้ ยิ่งนางเห็นพี่สาวที่นางเคยดูถูกเปลี่ยนไป นางก็ยิ่งหงุดหงิด
“เราจะได้เห็นกัน” เหวิ่นลี่หยากล่าวด้วยความหงุดหงิด ก่อนที่จะหมุนตัวออกจากห้องไป
เหวิ่นจือหยูมองตามหลังน้องสาวด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย นางรู้ว่าความอิจฉาของเหวิ่นลี่หยาจะเป็นอีกหนึ่งอุปสรรคที่นางต้องเผชิญ แต่สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการเตรียมตัวสำหรับพิธีแต่งงานที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า
เมื่อเหล่าสาวใช้จัดเตรียมเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับเสร็จแล้ว เหวิ่นจือหยูก็มองตัวเองในกระจกอีกครั้ง นางหายใจเข้าลึกๆ เพื่อเรียกความมั่นใจกลับคืนมา วันนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตใหม่ นางสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ปล่อยให้ใครหรือสิ่งใดมาขัดขวางการเริ่มต้นใหม่นี้ได้
ในขณะเดียวกันที่ห้องบรรทมขององค์ชายหลี่หยวนเจ๋อ บรรยากาศภายในเงียบสงบ แม้จะเป็นวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา แต่องค์ชายกลับรู้สึกไร้ความตื่นเต้นใดๆ
“ข้าจะต้องแต่งงานกับนางจริงๆ หรือนี่”เขาพึมพำกับตัวเอง
หลี่หยวนเจ๋อยืนอยู่ที่ริมหน้าต่างห้องบรรทมของตน เขามองออกไปยังท้องฟ้าที่ปลอดโปร่ง สายลมอ่อนๆ พัดผ่านเข้ามาทำให้ม่านบางเบาโบกสะบัดเล็กน้อย บรรยากาศรอบตัวเงียบสงบ ขัดกับความวุ่นวายภายนอกที่เกิดขึ้นจากการเตรียมงานแต่งงาน ร่างสูงสง่ายืนทอดถอนใจ ความรู้สึกอึดอัดที่เกิดขึ้นจากการต้องทำตามรับสั่งของฮ่องเต้โดยที่ไม่สามารถขัดขืนได้แม้ว่าจะไม่เต็มใจ
“ข้าต้องแต่งงานกับเหวิ่นจือหยู ผู้หญิงที่เอาแต่ใจและร้ายกาจ ข้าไม่อยากจะเชื่อว่าโชคชะตาจะเล่นตลกกับข้าถึงเพียงนี้” หลี่หยวนเจ๋อคิดในใจขณะที่คิ้วขมวดแน่น
แต่ถึงแม้เขาจะรู้สึกเช่นนั้น หลี่หยวนเจ๋อก็รู้ดีว่าตนไม่สามารถหลีกเลี่ยงการแต่งงานครั้งนี้ได้ คำสั่งของฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาจักร การปฏิเสธไม่ใช่ทางเลือก เขาต้องเดินไปตามเส้นทางที่ถูกกำหนดให้ แม้จะเป็นเส้นทางที่เขาไม่ต้องการก็ตาม
“องค์ชาย ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว” เสียงกงกงดังขึ้นจากด้านนอกประตู
“อีกไม่นานท่านจะต้องไปที่ท้องพระโรงเพื่อเริ่มพิธี” องค์ชายเพียงแต่พยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเดินออกจากห้องบรรทมไป พร้อมกับความหนักอึดในใจที่ยังคงมี
ที่จวนของตระกูลเหวิ่น เหวิ่นจือหยูยืนอยู่หน้ากระจกอีกครั้ง สายตาของนางจับจ้องไปที่ตัวเองในชุดแต่งงานสีแดงอันงดงาม ท่ามกลางความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด นางพยายามสูดหายใจลึก เพื่อให้ใจสงบ พยายามมองตัวเองเป็นสตรีที่สามารถรับมือกับทุกสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น วันนี้นางไม่ได้เป็นเพียงคุณหนูเหวิ่นจือหยูธรรมดาอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นพระชายาขององค์ชายหลี่หยวนเจ๋อ หัวใจของนางเต็มไปด้วยความกดดัน
“คุณหนู เหลือเวลาอีกไม่นานนะเจ้าคะ” อี้เหมยพูดพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนและชื่นชม
เหวิ่นจือหยูพยักหน้า ก่อนจะค่อยๆ เดินออกจากห้อง พร้อมกับอี้เหมยสาวใช้ส่วนตัวที่ติดตามเธอไป ทุกย่างก้าวของนางเต็มไปด้วยความหนักอึ้ง ไม่ใช่เพราะชุดที่สวมใส่ แต่มาจากภาระในใจที่นางต้องแบกรับ นางรู้ดีว่าตนเองยังไม่ได้รับความเชื่อถือจากหลี่หยวนเจ๋อ และอาจจะไม่ได้รับความรักเช่นกัน แต่เหวิ่นจือหยูก็ตัดสินใจว่าจะไม่ยอมแพ้