เถ้าธุลีในกาลก่อน มอบโอกาสหวนคืน... จากมารดาเลี้ยงผู้ร้ายกาจในความทรงจำอันเลือนราง สู่มารดาผู้หมายมั่นที่อยากจะแก้ไขชะตาที่ผิดพลาด เมื่อสายลมของอดีตพัดหวน เหออวี้หลัน จะถักทอสายใยรักครั้งใหม่ให้มั่นคง หรือจะปล่อยให้กงล้อโชคชะตาซ้ำรอยเดิมอันปวดร้าว?
View Moreความรู้สึกตัวค่อยๆหวนคืนสู่ร่างที่เคยเหน็บหนาวและว่างเปล่า ราวกับฟื้นจากฝันร้ายที่ยาวนาน เปลือกตาหนักอึ้งค่อยๆปรือเปิดขึ้น แสงสว่างนวลตาที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาทำให้เหออวี้หลันต้องหยีตาลงเล็กน้อย กลิ่นหอมอ่อนๆของกำยานชั้นดีลอยอวลอยู่ในอากาศ กลิ่นที่นางห่างหายไปนานเหลือเกิน
นี่ข้า... ยังไม่ตาย?
ความคิดแรกผุดขึ้นในห้วงคำนึง ความทรงจำสุดท้ายคือความเยียบเย็นจับขั้วหัวใจในเรือนพักท้ายจวนอันผุพัง เสียงลมหวีดหวิวคล้ายเสียงคร่ำครวญของวิญญาณโดดเดี่ยว และภาพเลือนรางของเงาร่างสูงสง่าที่หันหลังให้... เงาของบุรุษที่นางเคยเรียกว่าสามี
นางพยายามยันกายลุกขึ้น ความเจ็บปวดรวดร้าวที่ควรจะกัดกินทุกอณูในร่างกลับเลือนหายไปสิ้น มีเพียงความอ่อนเพลียเล็กน้อยเท่านั้น นางกวาดสายตามองไปรอบกายอย่างเชื่องช้า แล้วหัวใจก็พลันกระตุกวูบ!
นี่มัน... เรือนอวี้ฮั่น! เรือนนอนของนางในจวนแม่ทัพจวินเหยียนซี!
ฉากกั้นปักลายหงส์คู่มังกรทองที่นางเคยสั่งให้คนยกออกไปเพราะเห็นว่ามันบดบังทิวทัศน์ โต๊ะเครื่องแป้งไม้จันทน์หอมสลักลายบุปผาที่นางเคยปัดเครื่องประทินโฉมลงแตกกระจายด้วยโทสะ แจกันกระเบื้องเคลือบสีน้ำทะเลที่นางเคยใช้ขว้างปาใส่บ่าวไพร่... ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงตั้งอยู่ที่เดิม ดูงดงาม ประณีต และเป็นพยานความร้ายกาจของนางในอดีต!
เป็นไปไม่ได้! เหออวี้หลันยกมือขึ้นกุมขมับ สัมผัสได้ถึงผิวเนื้อนุ่มเนียน ปราศจากริ้วรอยแห่งวัยและความทุกข์ตรม ผมดำขลับยาวสลวย...
นี่มัน... ร่างกายของนางเมื่อสิบกว่าปีก่อน!
"นายหญิง ท่านฟื้นแล้วหรือเจ้าคะ?" เสียงหวานใสอันคุ้นเคยดังขึ้นข้างเตียง ชุนเถา สาวใช้คนสนิทที่ติดตามนางมาจากบ้านเดิม กำลังประคองอ่างน้ำทองเหลืองเข้ามาด้วยท่าทีนอบน้อม ใบหน้าอ่อนเยาว์นั้นยังไม่มีริ้วรอยความเหนื่อยหน่ายและหวาดกลัวเช่นในความทรงจำสุดท้ายของนาง
"ชุนเถา" เสียงของเหออวี้หลันแหบพร่าเล็กน้อย นางกลืนน้ำลายฝืดคอ พยายามรวบรวมสติ "ตอนนี้... ปีอะไร เดือนอะไร?"
ชุนเถาชะงักไปครู่หนึ่ง ดวงตากลมโตมองนายหญิงด้วยความฉงนสนเท่ห์ "นายหญิง ท่านเป็นอะไรไปเจ้าคะ? หรือว่ายังไม่สร่างไข้ดี? วันนี้คือวันที่สิบห้า เดือนเจ็ด ปีเทียนฉีที่สิบเจ็ดอย่างไรเล่าเจ้าคะ ท่านเพิ่งจะหายประชวรได้ไม่กี่วันเองนะเจ้าคะ"
ปีเทียนฉีที่สิบเจ็ด... เดือนเจ็ด...
ราวกับถูกสายฟ้าฟาดใส่กลางร่าง! เหออวี้หลันจำได้อย่างแม่นยำ ปีนั้นนางเพิ่งแต่งเข้าจวนสกุลจวินได้เพียงสามเดือน! และเป็นสามเดือนที่นางเริ่มเผยธาตุแท้ที่น่ารังเกียจออกมา สามเดือนที่นางเริ่มสร้างรอยร้าวในครอบครัวแห่งนี้!
นาง... ย้อนเวลากลับมาจริงๆ! สวรรค์! นี่ท่านมอบโอกาสให้นางจริงๆหรือ?
ยังไม่ทันที่นางจะได้เรียบเรียงความคิด ประตูห้องก็ถูกผลักเปิดเข้ามาอย่างแผ่วเบา เงาร่างเล็กๆ สองร่างปรากฏขึ้นที่หน้าประตู
ดวงตาของเหออวี้หลันเบิกกว้างจับจ้องไปยังเด็กทั้งสอง... จวินซิงเฉินและจวินเสวี่ยอัน!
เด็กหญิงตัวน้อยในชุดกระโปรงสีชมพูอ่อนยืนเกาะแขนพี่ชายแน่น ดวงตากลมโตคู่สวยที่ควรจะเปล่งประกายสดใสกลับฉายแววหวาดหวั่นระคนอยากรู้อยากเห็น เมื่อสบตากับนาง ร่างเล็กๆนั้นก็สะดุ้งเบาๆ รีบหลบไปอยู่ด้านหลังพี่ชายทันที นั่นคือจวินเสวี่ยอัน... บุตรสาวที่นางเคยผลักไสและตวาดใส่จนต้องหลั่งน้ำตา
ส่วนเด็กชายผู้พี่ จวินซิงเฉิน แม้อายุเพียงเจ็ดแปดขวบ แต่กลับมีท่วงท่าสงบนิ่งเกินวัย เขาสวมชุดผ้าไหมสีน้ำเงินเข้ม ยืนตัวตรงเผชิญหน้ากับนาง ใบหน้าเล็กๆนั้นเรียบเฉย หากแต่แววตาคมปลาบที่จ้องมองมากลับเต็มไปด้วยความเย็นชา ความระแวดระวัง และร่องรอยความเกลียดชังจางๆ ที่นางมองข้ามไปในอดีต
หัวใจของเหออวี้หลันบีบรัดอย่างรุนแรง ความรู้สึกผิดและสงสารถาโถมเข้าใส่ราวคลื่นยักษ์ นี่คือเด็กสองคนที่นางเคยทำร้ายจิตใจอย่างแสนสาหัส คือต้นเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้นางต้องจบชีวิตอย่างน่าสังเวชในชาติก่อน
"พวก... พวกเจ้ามาทำอะไรที่นี่?" เสียงที่เปล่งออกไปสั่นเครือเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว นางพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด
จวินซิงเฉินประสานมือคารวะตามธรรมเนียมอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง น้ำเสียงราบเรียบไร้ความรู้สึก "พวกข้าได้ยินจากบ่าวว่าท่านแม่ฟื้นแล้ว จึงตั้งใจจะมาเยี่ยมคารวะขอรับ" แม้คำพูดจะสุภาพ แต่กลับแฝงไว้ด้วยความห่างเหินอย่างชัดเจน
"ท่าน... ท่านแม่..." จวินเสวี่ยอันกระซิบเสียงเบาอยู่ด้านหลังพี่ชาย ไม่กล้าแม้แต่จะสบตานางตรงๆ
คำว่าท่านแม่ที่เคยทำให้นางรู้สึกเหมือนถูกหนามทิ่มแทง บัดนี้กลับกรีดลึกลงไปในใจยิ่งกว่าเดิม นางคือแม่เลี้ยงใจร้าย คือนางมารร้ายที่พรากความสุขไปจากเด็กน้อยทั้งสอง
"เช่นนั้นหรือ..." เหออวี้หลันฝืนยิ้ม พยายามทำให้น้ำเสียงอ่อนโยนลง "เข้ามาข้างในก่อนสิ ข้างนอกลมอาจจะแรง" นางผายมือเชื้อเชิญอย่างเก้ๆกังๆ
แต่จวินซิงเฉินกลับส่ายหน้าปฏิเสธทันที "ไม่รบกวนท่านแม่พักผ่อนดีกว่าขอรับ พวกข้าเพียงแวะมาดูให้แน่ใจว่าท่านสบายดีแล้ว เช่นนั้นพวกข้าขอตัวก่อน" เขากล่าวจบก็โค้งคำนับอีกครั้ง แล้วจูงมือน้องสาวหมุนตัวเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ไม่แม้แต่จะเหลียวหลังกลับมามอง
ประตูห้องปิดลง... ทิ้งไว้เพียงความเงียบงันและไอเย็นที่มองไม่เห็น เหออวี้หลันมองตามแผ่นหลังเล็กๆสองแผ่นนั้นจนลับสายตา กำแพงที่นางอุตส่าห์ก่อขึ้นในใจพลันพังทลายลง หยาดน้ำตาอุ่นร้อนที่ไม่เคยคิดว่าจะได้หลั่งไหลออกมาอีก เอ่อคลอขึ้นเต็มหน่วยตา
นี่คือจุดเริ่มต้น... จุดเริ่มต้นที่นางต้องแก้ไข
ชุนเถามองเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยความเงียบ นางเห็นแววตาที่เปลี่ยนไปของนายหญิง แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยถามสิ่งใด ได้แต่ยืนรอรับคำสั่งอยู่เงียบๆ
เหออวี้หลันสูดหายใจลึก ปาดน้ำตาที่รื้นขอบตาออกอย่างรวดเร็ว นางจะไม่ยอมอ่อนแอ! นางจะไม่ยอมให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย! ในเมื่อสวรรค์มอบโอกาสครั้งที่สองให้นาง นางก็จะใช้มันเพื่อเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง!
นางหันไปมองเงาสะท้อนของตนในคันฉ่องทองเหลือง ใบหน้าอ่อนเยาว์ที่ยังคงงดงามแต่แฝงไว้ด้วยร่องรอยความเอาแต่ใจและความดื้อรั้น... ร่องรอยที่นางจะต้องลบมันออกไปให้สิ้น
"ชุนเถา" นางเอ่ยขึ้น เสียงมั่นคงขึ้นกว่าเดิม "เตรียมน้ำให้ข้า ข้าจะล้างหน้า แล้วไปเตรียมสำรับเช้ามาให้ข้าที่นี่ด้วย ข้าหิวแล้ว"
ชุนเถาแม้จะประหลาดใจกับการเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆนั้น แต่ก็รีบขานรับและออกไปทำตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว
เหออวี้หลันหลับตาลงอีกครั้ง สัมผัสถึงไออุ่นของชีวิตที่ไหลเวียนอยู่ในร่าง จวินซิงเฉิน... จวินเสวี่ยอัน... รอแม่ก่อนนะ ชาตินี้แม่จะชดใช้ให้พวกเจ้าเอง... ปณิธานอันแรงกล้าก่อตัวขึ้นในใจอย่างเงียบงัน ท่ามกลางความหวังและความหวาดหวั่นต่ออนาคตที่นางต้องเป็นผู้ขีดเขียนขึ้นใหม่ด้วยตนเอง
เมื่อกลับถึงเรือนอวี้ฮั่นอันโอ่อ่า เหออวี้หลันทรุดกายนั่งลงบนเก้าอี้บุต่วนเนื้อดีอย่างอ่อนแรง ภาพดวงตาหวาดกลัวสุดขีดของจวินเสวี่ยอันยังคงติดตรึงอยู่ในมโนสำนึก ราวกับเหล็กเผาไฟที่นาบลงบนหัวใจ นางหลับตาลงช้าๆสูดลมหายใจลึกยาว พยายามข่มความรู้สึกท้อแท้ที่เริ่มก่อตัวขึ้นนางทำพลาดไปเสียแล้ว การไปปรากฏตัวกะทันหันเช่นนี้ มีแต่จะทำให้เด็กน้อยหวาดผวามากขึ้นความจริงข้อนี้ช่างบาดลึก บาดแผลที่มองไม่เห็นซึ่งนางได้สร้างไว้ในใจของเด็กทั้งสองนั้นลึกซึ้งและรักษายากเย็นกว่าบาดแผลทางกายนัก นางต้องอดทน ต้องใจเย็น ต้องค่อยๆเป็น ค่อยๆไปยิ่งกว่านี้"นายหญิง ดื่มชาร้อนๆสักหน่อยเถิดเจ้าค่ะ" ชุนเถาเดินเข้ามาอย่างเงียบเชียบ วางถ้วยชากระเบื้องเคลือบลายดอกโบตั๋นลงบนโต๊ะข้างกายนางอย่างแผ่วเบา แววตาฉายความกังวลระคนไม่แน่ใจเหออวี้หลันลืมตาขึ้น รับถ้วยชามาถือไว้ ไออุ่นจากถ้วยชาค่อยๆซึมซาบผ่านฝ่ามือเข้าสู่ร่างกาย "ข้าไม่เป็นไรชุนเถา แค่ต้องใช้เวลา…" นางตอบเสียงเบา แต่แฝงไว้ด้วยความแน่วแน่ชุนเถานิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรวบรวมความกล้าเอ่ยขึ้น "บ่าวว่า นายหญิงวันนี้ ดู... ดูเปลี่ยนไปนะเจ้าคะ ดู... ใจดีขึ้น" แม้จะเป็นเพีย
ณ เรือนจื่อเถิง อันเป็นที่พำนักของสองคุณชายน้อยและคุณหนูน้อยแห่งจวนแม่ทัพ บรรยากาศยามเช้าแตกต่างจากเรือนอวี้ฮั่นโดยสิ้นเชิง แม้จะสะอาดสะอ้าน แต่ก็ขาดความหรูหราและกลิ่นอายของความมั่งคั่งไปหลายส่วน ลานเล็กๆหน้าเรือนมีต้นจื่อเถิงเลื้อยพันซุ้มไม้อยู่ต้นหนึ่ง แม้ยังไม่ถึงฤดูผลิดอก แต่กิ่งก้านที่แผ่ขยายก็ให้ร่มเงาและความสงบอย่างประหลาดจางมามา บ่าวอาวุโสผู้มีใบหน้าใจดีแต่แฝงแววเหนื่อยล้า กำลังจัดสำรับอาหารเช้าให้เด็กทั้งสองด้วยความเคยชิน โจ๊กขาวสองถ้วย หมั่นโถวสี่ลูก และผักดองหนึ่งจานเล็กเพียงเท่านั้น แต่แล้วนางก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นบ่าวจากครัวหลักสองนางยกถาดอาหารขนาดใหญ่ตามหลังชุนเถาเข้ามา"นี่มัน..." จางมามาเบิกตากว้าง มองอาหารเลิศรสที่ถูกจัดวางลงบนโต๊ะแทนที่สำรับเดิม ซุปไก่ตุ๋นยาจีนส่งกลิ่นหอมกรุ่น ไข่ตุ๋นเนื้อเนียนสีเหลืองอ่อน ปลานึ่งซีอิ๊วหน้าตาน่าทาน อาหารเหล่านี้ ปกติแล้วมีแต่ท่านแม่ทัพและฮูหยินเท่านั้นที่จะได้ลิ้มรส"ฮูหยินสั่งมาให้คุณชายน้อยกับคุณหนูน้อยเป็นพิเศษเจ้าค่ะ" ชุนเถากล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ พยายามเก็บซ่อนความประหลาดใจของตนเองไว้ "บอกว่าอากาศเริ่มเย็นแล้ว ให้บำรุงร่างกายเสี
ภายหลังจากชุนเถาออกไปแล้ว เหออวี้หลันยังคงนั่งนิ่งอยู่บนเตียง ปล่อยให้ความคิดและความรู้สึกหลากหลายไหลเวียนอยู่ในห้วงคำนึง แสงอรุณยามเช้าทาบทอเข้ามาในห้อง สาดส่องให้เห็นรายละเอียดอันวิจิตรบรรจงของเครื่องเรือนและของประดับตกแต่ง ทุกชิ้นล้วนสะท้อนถึงฐานะอันสูงส่งของจวนแม่ทัพและรสนิยมอันหรูหราของนางในอดีตไม่นานนัก ชุนเถาก็นำอ่างน้ำล้างหน้าและเครื่องประทินโฉมเข้ามา นางลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า เดินไปยังหน้าคันฉ่องทองเหลือง มองเงาสะท้อนของสตรีงดงามแรกรุ่น... ใบหน้านี้ยังอ่อนเยาว์นัก ดวงตายังไม่กร้านโลกเช่นในชาติก่อน ผิวพรรณยังผุดผ่องไร้ริ้วรอยแห่งกาลเวลา แต่กระนั้น แววตาที่มองตอบกลับมากลับแฝงไว้ด้วยความเหนื่อยล้าและความเศร้าสร้อยที่เกินกว่าวัยจะพึงมีสิบกว่าปี... ความทุกข์ทรมาน ความโดดเดี่ยว และความสำนึกผิดที่แสนยาวนาน มันได้กัดกร่อนจิตวิญญาณนางไปมากเพียงใดหนอ?นางหลับตาลง สูดหายใจลึก ขับไล่ความอ่อนแอในใจออกไป เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง แววตาคู่นั้นก็กลับมาฉายประกายมุ่งมั่นดังเดิม"ชุนเถา ช่วยข้าแต่งตัว"สาวใช้คนสนิทขานรับอย่างนอบน้อม นางช่วยเหออวี้หลันเลือกอาภรณ์ เป็นชุดกระโปรงยาวสีเขียวหยกเนื้อดี
ความรู้สึกตัวค่อยๆหวนคืนสู่ร่างที่เคยเหน็บหนาวและว่างเปล่า ราวกับฟื้นจากฝันร้ายที่ยาวนาน เปลือกตาหนักอึ้งค่อยๆปรือเปิดขึ้น แสงสว่างนวลตาที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาทำให้เหออวี้หลันต้องหยีตาลงเล็กน้อย กลิ่นหอมอ่อนๆของกำยานชั้นดีลอยอวลอยู่ในอากาศ กลิ่นที่นางห่างหายไปนานเหลือเกินนี่ข้า... ยังไม่ตาย?ความคิดแรกผุดขึ้นในห้วงคำนึง ความทรงจำสุดท้ายคือความเยียบเย็นจับขั้วหัวใจในเรือนพักท้ายจวนอันผุพัง เสียงลมหวีดหวิวคล้ายเสียงคร่ำครวญของวิญญาณโดดเดี่ยว และภาพเลือนรางของเงาร่างสูงสง่าที่หันหลังให้... เงาของบุรุษที่นางเคยเรียกว่าสามีนางพยายามยันกายลุกขึ้น ความเจ็บปวดรวดร้าวที่ควรจะกัดกินทุกอณูในร่างกลับเลือนหายไปสิ้น มีเพียงความอ่อนเพลียเล็กน้อยเท่านั้น นางกวาดสายตามองไปรอบกายอย่างเชื่องช้า แล้วหัวใจก็พลันกระตุกวูบ!นี่มัน... เรือนอวี้ฮั่น! เรือนนอนของนางในจวนแม่ทัพจวินเหยียนซี!ฉากกั้นปักลายหงส์คู่มังกรทองที่นางเคยสั่งให้คนยกออกไปเพราะเห็นว่ามันบดบังทิวทัศน์ โต๊ะเครื่องแป้งไม้จันทน์หอมสลักลายบุปผาที่นางเคยปัดเครื่องประทินโฉมลงแตกกระจายด้วยโทสะ แจกันกระเบื้องเคลือบสีน้ำทะเลที่นางเคยใช้ขว้างปาใส่บ
Comments