“เจียวมิ่ง เรื่องที่ฉันสั่ง นายจัดการหรือยัง”
“จัดการแล้วครับคุณชายใหญ่” “ดี!! เย็นนี่ฉันจะสั่งสอนพวกมันเอง” เสียงเข้มโพล่งขึ้น ดวงตาทอประกายกล้าอย่างโหดเหี้ยม เมื่อนึกถึงพวกคนพาลที่ใส่ร้ายโรงงานผลิตของเขา ช่วงที่คุณปู่ล้มป่วย #โกดังร้างแห่งหนึ่ง “ปล่อยกู พวกมึงเป็นใครจับตัวกูมาทำไม!” คนที่ถูกมัดแขนไขว้หลัง พร้อมผ้าสีดำปิดตา ทว่า เสียงร้องตะโกนด่าทอก็ยังไม่หยุด เขาเป็นนักเลงหางแถว ที่ว่าจ้างให้คนเข้าไปผสมเครื่องดื่มในโรงงาน จนล็อตนั้นไม่สามารถส่งออกได้แถมยังเสียหายหลายล้านบาท เมื่อก่อน เป็นผู้จัดการโรงงาน แต่เพราะติดการพนันจนโงหัวไม่ขึ้น เรื่องฉ้อโกงจึงเกิด เมื่อถูกจับได้จึงถูกดำเนินคดี แถมถูกไล่ออก และนั่นทำให้เขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก ตึก ตึก เสียงฝีเท้าหนักกระแทกลงพื้น ชายคนนั้นเงียบเสียงก่อนจะเงี่ยหูฟัง แม้ว่าดวงตาถูกปิดสนิท แต่ก็พอเดาได้ว่าใครเป็นคนจับเขามา พรึ่บ วินาทีที่ผ้าปิดตาเปิดออก ใบหน้าหล่อคม ความสูงราวร้อยเก้าสิบ ยืนเด่นเป็นสง่า ทว่าสีหน้าดันเฉยชาไร้ความรู้สึก “คุณตงหยาง ปล่อยผมไปเถอะครับ ผมขอโทษ” “ตอนนี้ คิดขอโทษไม่สายไปหน่อยเหรอ เรื่องที่แกทำมันทำให้ฉันเสียเวลา เสียเงินไปเท่าไหร่” เขาสะกิดลูกน้องให้แก้เชือกที่ผู้พันธนาการไว้ จนหลุดพ้น ชายคนนั้นคลานเข่าเข้ามาพร้อมกอดขาเขาแน่น รู้ถึงชะตากรรมของตัวเองที่กำลังจะเกิดขึ้น “ผมผิดไปแล้ว ผมคิดน้อย ปล่อยผมไปเถอะ ถือซะว่าเห็นแกผลงานที่ผมเคยทำให้บริษัทคุณ” “อย่างงั้นเหรอ” เขาตอบกลับมาก็จริง แต่แววตาที่มองมานั่น มันไม่ได้สร้างความสงสารแม้แต่น้อย แต่กลับฉายแววโหดเหี้ยม เกรี้ยวกราดมากกว่า “ผมจะไม่ทำอีก จะให้ผมชดใช้ยังไงก็ได้ แต่ไว้ชีวิตผมด้วยครับ ผมขอร้อง” “ชดใช้งั้นเหรอ ให้ไว้ชีวิตด้วย” เขาพยักพเยิดหน้าพลางยิ้มมุมปาก ถดถอยขาออกจากอ้อมกอดของชายคนนั้น ก่อนที่จะสั่งลูกน้องคนสนิท “เจียวมิ่ง เอาของมา” ตัวสั่นงันงก ดวงตาแดงก่ำ มองตามคำสั่งของคนเป็นนาย ชายหนุ่มวัยเพียงสามสิบ มองตามแผ่นหลังของคนสนิททายาทตระกูลดัง เจียวมิ่งถือมีดคล้ายดาบยาวเข้ามาในห้องมืด เพียงสายตาของคนที่นั่งคุกเข่ามองเห็นเขาก็ปล่อยโหอย่างไม่คิดอาย พร้อมก้มคำนับขอชีวิตอยู่หลายรอบ แต่สิ่งที่ได้จากปากมาเฟียหนุ่มก็คือ “ฉันไม่ฆ่าแกหรอก” คำพูดนั้น เหมือนจะสร้างรอยยิ้มให้กับคนที่ร้องขอชีวิต ขณะที่ตัวเขาเองเอื้อมมือไปถือดาบ แล้วทอดสายตามองเงาตัวเองที่สะท้อนในนั้น พร้อมความคมกริบของดาบด้วย “แต่...มือที่แกทำผิด กับลิ้นที่สั่งคนอื่น ฉันขอนะ” เขาพูดแต่สีหน้านิ่งมาก ไม่แสดงออกใดๆ ด้วยซ้ำราวกับว่าไม่รู้สึกรู้สากับเรื่องที่ตัวเองจะกระทำจากนี้ “คุณหยาง....ผมขอร้อง อย่า อร้างง” เสียงร้องโหยหวนครั้งสุดท้าย เมื่อบอดี้การ์ดจำนวนหนึ่ง เขามาจับตัวเขาไว้ พร้อมกับ กดมือลงพื้น ให้ตงหยางได้กระทำตามใจ มิหนำซ้ำ ลิ้นที่อยู่ในโพล่งปากก็ถูกเฉือนทิ้ง บริเวณนั้นเต็มไปด้วยเลือดสีสดที่ไหลเต็มพื้น ก่อนที่เขาจะสั่งลูกน้องให้จับชายคนนั้นไปโยนทิ้ง จะเป็นหรือตาย เขาก็ไม่สน จัดการเสี้ยนหนามไปแล้วหนึ่ง ก็เดินกลับมาที่รถด้วยท่าทางนิ่งเฉยกับเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดไปก่อนหน้า “จะกลับบ้านเลยไหมครับ” เสียงที่ดูจะเกรงใจเอ่ยถามด้วยความถ่อมตน เจียวมิ่ง ทำงานกับตงหยางมาหลายปี แค่เขาส่งสายตาเจียวมิ่งก็รู้ความในใจของเจ้านายแล้ว “อืม” เป็นคำตอบสั้นๆ ที่คลออยู่ในลำคอเกร็ง เมื่อผู้เป็นนายพูดแบบนั้น ตัวเขาก็รีบสาวเท้าแทรกร่างไปที่ฝั่งคนขับ ส่วนรถบอดี้การ์ดคันอื่น ก็ขับตามมาทีหลัง ชายหนุ่มหลับตานิ่ง เหมือนนั่งทำสมาธิ ไม่มีใครเดาได้ว่าภายในหัวของเขานั้นคิดอะไรอยู่ รถหรูวิ่งเข้ามาในตัวคฤหาสน์ อาณาเขตที่กว้างขวางแห่งนี้ ประดับไปด้วยโคมไฟจนทอแสงสว่างไปโดยทั่ว เมื่อรถจอดสนิท ก็ลืมตาขึ้นทันที “ถึงแล้วครับนาย” “อืม” ก็ยังตอบสั้นเหมือนเดิม เมื่อเจียวมิ่งเดินมาเปิดประตูให้ ตัวเขาก็หย่อนเท้าลงมาแตะที่พื้น จากนั้นก็มองเข้าไปในตัวตึกใหญ่ เวลานี่สองทุ่มนิดๆ ตามเวลาของเมืองนั้น ภายในห้องก็คงมีใบหน้าสวยนอนรออยู่แล้ว ตงหยางไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงสาวเท้าเข้าไปในตัวบ้าน พร้อมทั้งเร่งขึ้นไปที่ชั้นสอง มุ่งหน้ามาที่ห้องนอนของตัวเอง เพียงแค่เปิดประตูเข้ามาเท่านั้น “.....” ว่างเปล่าไร้เงาของซิงเหยียน “หายหัวไปไหนของเธอ!” เส้นเลือดตรงขมับโปนปูดบ่งบอกถึงความโกรธที่สุมอยู่ในอก เขาถอดเสื้อสูทสีเข้มแล้วเหวี่ยงลงที่นอน ก่อนจะคลายเนกไท ออกแล้วเดินออกมาจากห้อง อาณาจักรบ้านหลังใหญ่ มีหลายมุมของบ้าน ตอนนี้ไม่รู้ว่าซิงเหยียนหลบไปอยู่มุมไหน ฮ่า ฮ่า เสียงหัวเราะชอบใจ ของตงฉิน เมื่อเล่าเรื่องราวของวันนี้ให้ซิงเหยียนได้ฟัง “พี่ฉินมันตลกขนาดนั้นเลยเหรอ” “เธอว่ามันตลกไหม” “จะตลกได้อย่างไรคะ น่าสงสารออก เธอเดินชนประตูกระจกนะ แน่นอนว่ามันต้องเจ็บ พี่เห็นแทนที่พี่จะช่วย แต่ดันไปยืนหัวเราะเธอ เป็นฉันก็คงอาย” เรื่องเล่าของตงฉิน ไม่ได้สร้างเสียงหัวเราะให้ซิงเหยียนก็จริง แต่ในความสนิทที่เคยเป็นแบบนี้ ทุกครั้งที่มีเรื่องอะไร ตงฉินจะเอามาเล่าให้น้องฟังเสมอ อายุของทุกคู่ห่างกันแค่สองปี ตอนนี้ซิงเหยียนยี่สิบสอง ส่วนตงฉินยี่สิบสี่ เขาทั้งคู่ก็ดูเหมือนจะไม่มีใครเปลี่ยนเลย เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก อีหยางโหดมากกก ว่าแต่เหยียนเหยียนจะโดนอะไรไหม🥺ตงหยางกลับเข้ามาที่โรงพยาบาล ทว่า เป็นจังหวะที่หมอกำลังเข็นร่างของซิงเหยียน ออกจากห้องฉุกเฉิน เขารีบวิ่งไปประชิดเตียงผู้ป่วย พร้อมคำถามที่ถามหมอประจำตัว"ซิงเหยียนเป็นยังไงบ้างครับ""คุณเป็นอะไรกับเขาหรือครับ""ผมเป็นสามีเธอ""อ้อ....โชคดีที่มาโรงพยาบาลทัน แม่และเด็กปลอดภัย ส่วนคนไข้เธอสลบไปด้วยความตกใจ ต้องพักฟื้นอีกสักหน่อย"รอยยิ้มที่ไม่เคยเกิดขึ้นมานานแล้ว ฉีกออกจนกว้าง แค่คำว่าแม่ลูกปลอดภัยทำเอาหัวใจชื่นมื่นขึ้นมาซิงเหยียนถูกส่งตัวมาที่ห้องพักฟื้นโดยมีตงหยางเป็นคนเฝ้าไม่ห่าง เขาแทบไม่หลับไม่นอน ไม่ออกไปไหนกลัวว่าซิงเหยียนตื่นขึ้นมาจะไม่เจอใคร นาทีนั้นหมอซางก็เข้ามาพอดี"เป็นไงบ้าง"เขาเอ่ยถามคนเฝ้า ตงหยางตอนนี้เหมือนแมวเชื่องๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น"ปลอดภัยแล้ว"แคร่กๆเธอไอแห้งๆ ก่อนจะลืมตาตื่นขึ้นมา ทว่าเมื่อรู้สึกตัวเท่านั้นก็กวาดสายตามอง จากนั้นก็เห็นว่าตงหยางนั่งอยู่ข้างเตียง"พี่หยาง ลูกละ ลูกเป็นยังไง เขาอยู่ไหม"ชายหนุ่มเอื้อมมือไปลูบกลุ่มเส้นผม เผยอริมฝีปากจูบอย่างอ่อนโยนโดยไม่แคร์หมอซางที่ยืนอยู่ ทำเอาหมอซางต้องปลีกตัวออกไปปล่อยให้ทั้งคู่คุยกัน"ลูกเราปลอดภัย เขายังอยู่"น้
หนึ่งเดือนผ่านไปไวเหมือนโกหก ท้องของซิงเหยียนป่องขึ้นเล็กน้อย เธอยังคงทำตัวเหมือนเดิม ไปทำงานที่โรงพยาบาล แต่มีตงหยางคอยเฝ้าอยู่ไม่ห่าง แถมสถานะเขาตอนนี้เหมือนคนที่โรงพยาบาลจะพอรู้แล้วการมานั่งเฝ้า ซื้อของมาฝาก หรือแม้กระทั่ง การคอยรับกลับคอนโด แม้ว่าซิงเหยียนเธอจะไม่กลับด้วย แต่ตงหยางก็คอยขับรถตาม รถที่ซิงเหยียงนั่ง"นับวันยิ่งประสาท"เธอบ่นกับตัวเองเบาๆ ขณะที่นั่งอยู่ในรถ เมื่อรถจอดสนิท เธอก็เดินลง มุ่งหน้าขึ้นลิฟต์ ไปยังห้องที่เธออยู่ ส่วนตงหยางหน้าที่หลักคงเป็นบอดี้การ์ดคอยตามเมียไปแล้ววันเวลาผ่านไป ตงฉินคอยทำหน้าที่ประธานบริษัท ส่วนคุณนายหลี่ก็เข้าวัดสวดมนต์ ปรับเปลี่ยนไปเยอะ ที่เปลี่ยนเพราะตัวเองวิตกจนหาที่พึ่ง ไม่อยากจะคิดมากเรื่องลูกชายทั้งสอง ไม่อยากเห็นพี่น้องต้องชิงอำนาจกันแต่ใครจะไปคิดว่า สิ่งที่ตงฉินทำ เขาแค่อยากดัดนิสัยพี่ชาย คนหน้าตายชักสีหน้าตลอดอย่างเขาสมควรโดนแบบนี้เสียบ้างวันหยุดของซิงเหยียน ปกติก็ไม่ค่อยออกไปไหน ด้วยความที่ตัวเองท้องแถมก็เดินเที่ยวค่อนข้างลำบาก ทว่า วันนี้กลับนึกอยากเดินไปหาซื้อของ เพราะรู้สึกว่าของใช้ภายในห้องมันเริ่มหมด อีกทั้งตงฉินก็ไม่ได้ซื
ตงหยางซดเหล้าจนตาแดงก่ำ เดินเซมาที่ห้องของน้องชาย เวลานี่ห้าทุ่มเข้าไปแล้ว เขามีเรื่องที่อยากจะคุยกับตงฉินให้รู้เรื่องก๊อก ก๊อกเคาะประตูในขณะที่ตัวเองแถบยืนไม่อยู่ เมื่อประตูแง้มออก ก็รับจับไปที่คอเสื้อตงฉิน ทว่าเรียวแรงคนเมา มันไม่ได้ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงเหมือนก่อน ทำให้ตงฉินสะบัดร่างเขากองไปอยู่ที่พื้น"พี่มีอะไร""แกจะเอายังไง""เรื่อง? ""เรื่องซิงเหยียน แกเลิกยุ่งกับซิงเหยียนซะ"ขณะพยายามพยุงร่างตัวเองขึ้นมาเพื่อพูดกับน้องชาย ทำเอาตงฉินเบ้ปาก จากนั้นก็มองพี่ชายที่ตัวเองยกย่องเสมอมา"ท่านประธานตงหยางผู้ชักสีหน้านิ่งตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ดูสภาพพี่ตอนนี้สิ เหมือนหมาข้างถนน เมาขนาดนี้ หากคนอื่นเห็นจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน""แกไม่ต้องนอกเรื่องฉันถามว่าแกจะเอายังไง เลิกยุ่งกับซิงเหยียนซะ""อยากให้เลิกยุ่งเหรอ เอาอะไรมาแลกดีละ""แกหมายความว่ายังไง""ทุกอย่าง ต้องมีเงื่อนไข พี่อยากให้ผมเลิกยุ่งกับซิงเหยียน พี่จะเอาอะไรมาแลกถึงจะสมน้ำสมเนื้อ""แกอยากได้อะไร""อืม....สิ่งที่อยากได้งั้นเหรอ ตำแหน่งท่านประธานดีไหม""ตงฉิน!!""ก็แล้วแต่พี่นะ แลกไม่แลกผมไม่เดือดร้อนอยู่แล้ว ตอนนี้เหยียนเหยียนท้อง
"นายครับ คนของเราบอกว่าคุณซิงเหยียนไปพบหมอที่ห้องสูติครับนาย"เจียวมิ่งรายงานเสียงเข้ม ทำเอาตงหยางที่นั่งตวัดลายเซ็นต้องเงยหน้าขึ้นมองหน้าคนสนิท พร้อมทั้งทวนคำพูดของเจียวมิ่งด้วย"ว่าไงนะ ห้องสูติเหรอ เธอไปทำอะไร""ไม่ทราบเหมือนกันครับนาย"ตงหยางนึกคิด แผนกสูติส่วนมากเขาเป็นแผนกที่หญิงตั้งครรภ์ควรจะไป แต่ทำไมซิงเหยียนถึงเข้าไปพบหมอที่แผนกนั้น เมื่อครุ่นคิดแล้ว ก็ถึงกับดีดตัวพรวดพราดขึ้นจากเก้าอี้"นายจะไปไหนครับ"เขาไม่ตอบ สิ่งที่เขาทำคือมุ่งหน้าออกจากบริษัท จากนั้นก็ไปที่คอนโดของหญิงสาวเวลานี้ซิงเหยียนนั่งทานผลไม้ พร้อมกับเปิดทีวีดูสิ่งบันเทิง มือน้อยๆ ของเธอลูบไปที่ท้อง พร้อมคำพูดแสนหวาน"ทานเก่งนะเรา แม่อ้วนเป็นหมูแล้ว ตั้งแต่ที่หายแพ้ก็เอาแต่กินไม่หยุด หนูคงชอบทานผลไม้ใช่ไหม"พูดกับลูกในครรภ์พร้อมรอยยิ้ม พลางหยิบแอปเปิลเข้าปาก เคี้ยวอย่างอร่อย ไม่นานนักเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นก๊อก ก๊อก"สงสัยคุณอาฉินมาแล้ว มาเร็วกว่าที่คิด"เธอคิดว่าเป็นตงฉิน เพราะนัดกันไว้แล้ว ตงฉินติดงานหลังเลิกงานบอกว่าจะมาหาเธอเพื่อถามอาการ เพราะวันนี้เธอไปตรวจครรภ์มาร่างเล็กเดินไปที่ประตูก่อนที่จะเปิดมันออก
แต่ใครจะไปคิดว่า ตงหยางใช้คำอาจสั่งให้น้องชายเข้าประชุมแทน ส่วนตัวเองก็มานั่งเฝ้าซิงเหยียนเธอเดินออกมาด้านนอกโดยไม่สนใจที่จะมองตงหยาง ในเมื่อตัดแล้วก็ต้องการตัดให้ขาด แต่"พี่หยาง ปล่อยฉันนะ"อยู่ๆ ร่างสูงที่เดินตามเธอมา แล้วรีบคว้าที่แขนเธอพาเธอมาที่รถแม้ว่าเจียวมิ่งจะไม่ใช่คนขับ แต่คนอย่างตงหยางไปที่ไหนก็ต้องมีคนคอยคุมภัยอยู่แล้ว"พี่จะพาฉันไปไหนฉันไม่ไป""ขึ้นรถ แค่จะไปส่ง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาฉันไม่เคยได้ทำหน้าที่พี่ชายกับเธอ วันนี้ฉันขอทำหน้าที่แทนตงฉินแล้วกัน""แล้วพี่ฉินไปไหน? ""ตงฉินมีประชุม"พี่ชายอย่างนั้นเหรอ เธออยากจะหัวเราะ แต่มันฝืดเคืองมากกว่า พี่ชายที่มีลูกเขาอยู่ในท้องแต่ก็ต้องจำยอมขึ้นไปนั่ง ก็เขาดันร่างเธอขนาดนั้น ไม่อยากขัดขืนให้เกิดอันตรายแม้แต่นิดเขาบอกว่าจะไปส่งเธอ แต่ดันพาเธอมาร้านอาหาร แต่มันก็น่าแปลกทั้งน่าขำ ตอนที่เป็นสามีภรรยากัน แทบจะไม่พาเธอไปไหน ทานข้าวก็มีแต่ทานในบ้าน ออกงานแค่ครั้งเดียวคือวันรับตำแหน่ง"ร้านนี่อร่อยนะ ปกติฉันไม่เคยพาเธอมาทานแบบนี้สักครั้ง เธออยากทานอะไรเป็นพิเศษไหม""ไม่ค่ะ พี่ฉินซื้ออาหารไปไว้ให้ฉันหมดแล้ว อีกอย่างฉันก็ยังไม่หิว ห
ในเมื่อไม่อยากกระทำอะไรที่มันร้ายแรงลงกว่าเดิม ตงหยางจำยอมที่จะออกจากห้องรู้สึกว่าที่ผ่านมาตัวเองแย่จริงๆ เพราะพินัยกรรมสมบัตินั้นแท้ๆ ที่ทำให้เขาต้องใช้สัญญามาบีบบังคับเธอทางอ้อมหลังจากที่ตงหยางออกไปจากห้อง ความรู้สึกเสียใจก็ย่อมมี แต่ก็ต้องอดกลั้นมันไว้ ไม่อยากให้ความอ่อนแออยู่เหนือทุกอย่าง ไม่อย่างนั้นก็ตัดเขาออกจากใจไม่ได้สักทีสองวันผ่านไปตงหยางสั่งให้ลูกน้องมาสืบ จนรู้ว่าซิงเหยียนมาทำงานที่โรงพยาบาล และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอมาทำ พอเขารู้ก็เหมือนจะเสียใจมาก เพราะตัวเองไม่ขอรับรู้เรื่องของเธอก่อนหน้า จนวันนี้มาถึง แต่ก็คงเป็นผลกรรมที่ตัวเองได้ทำไว้ หากเธอจะโกรธจนไม่ให้อภัย ก็คงเป็นเพราะชะตาลิขิตไว้แล้วยิ่งตอนนี้คนที่ตีสนิทกับซิงเหยียนก็คือน้องชาย แน่นอนว่าหากซิงเหยียนจะกลายมาเป็นน้องสะใภ้ เขาเองย่อมรับไม่ได้ และไม่มีวันยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้น#โรงพยาบาลเป๋ยร่างสูงมุ่งหน้ามาที่ห้องบัตร สายตาของเขาเรียบนิ่งก่อนหยุดยืนแล้วพูดเสียงเย็น"ฉันมาหาหมอ""เป็นอะไรมาค่ะ"ซิงเหยียนรับคำแต่ยังไม่เงยหน้าขึ้นมอง เมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคืออดีตสามี ทำเอาดวงตาคู่สวยเลิ่กลั่ก จังหวะนั้น