“ขอบคุณมากนะคะ”
เสียงหวานดังขึ้นก่อนร่างอรชรจะปรากฏขึ้นหลังเคาน์เตอร์พร้อมกับเงินทอนของลูกค้า ยื่นให้ไรเดอร์ที่มารับของไปส่งให้ลูกค้าเหมือนทุกวัน ดวงตากลมโตมองประตูกระจกที่ลั่นเสียงกระดิ่งกำลังปิดลงพร้อมกับยิ้มมองยอดในบัญชี วันนี้รายได้เป็นไปตามเป้าที่เธอตั้งเอาไว้ นับว่าไม่เลวกับร้านขายดอกไม้เล็ก ๆ ของเธอ
กวินตรา หญิงสาววัยยี่สิบสี่ปีเจ้าของร้านขายดอกไม้เล็ก ๆ ข้างตึกสำนักงานสูงเสียดฟ้า ใบหน้างามตามแบบฉบับลูกเสี้ยวญี่ปุ่นไทยจีน คุณแม่ของเธอเป็นคนกรุงเทพโดยกำเนิดแต่มีเชื้อจีน ส่วนคุณพ่อเป็นลูกครึ่งไทยญี่ปุ่นหน้าคมผิวขาวหล่อเหลาจนสาวน้อยใหญ่จ้องตาเป็นมัน แต่พ่อของเธอนั้นรักเพียงแม่ของเธอไม่เคยเหลียวแลใคร กวินตราจึงมีปณิธานว่าหากจะมีสามีสักคนก็ขอให้พบเจอคนแบบพ่อที่รักเดียวและทำทุกอย่างเพื่อครอบครัว
หลังจากพ่อและแม่ประสบอุบัติเหตุเมื่อหลายปีก่อนก็ได้ทิ้งสมบัติไว้ให้ไม่น้อยเลย เหล่าญาติมิตรที่ไม่เคยเจอหน้ากันหลายปีต่างมารวมตัวโดยไม่ได้นัดหมาย
ภายในงานศพของพ่อและแม่ ไม่ใช่ว่าพวกเขาห่วงที่จู่ ๆ เธอกลายเป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่อายุยี่สิบหรอกนะ แต่ที่มาหาเพราะอยากจะเป็นผู้จัดการมรดกที่พ่อและแม่ของกวินตราหามาได้อย่างยากลำบากต่างหาก
ท่ามกลางความโชคร้ายของกวินตรา ยังดีที่มีหัสดินเข้ามาในชีวิตขณะที่เธออ่อนแอไร้ที่พึ่งเขาเป็นดั่งแสงสว่างและบ้านที่อบอุ่นให้กวินตราได้พึ่งพิง เมื่อสองใจตรงกันทั้งคู่จึงเริ่มคบหากัน
หัสดินไม่เคยแตะต้องเธอนอกจากหอมแก้มและจูบเท่านั้น เมื่อกวินตราบอกเขาว่าเธออยากรอให้พวกเขาแต่งงานกันเธอจะให้ทุกอย่างที่หัสดินต้องการ หัสดินเข้าใจทุกอย่าง ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ทั้งคู่คบหากันมาหลายปี ในที่สุดก็ถึงเวลาที่หัสดินจะทำในสิ่งที่รอมานานเสียที
“แต่งงานกันนะมิน” ร่างสูงนั่งคุกเข่าถือกล่องกำมะหยี่สีแดง ข้างในมีแหวนเพชรที่เขาเพียรเก็บเงินทั้งชีวิตเพื่อซื้อมาสู่ขอคนที่ตนรักและอดทนเฝ้ารอวันนี้มานานถึงสี่ปี
ดวงหน้างามน้ำตารื้นมองชายตรงหน้าด้วยความตื้นตัน เธอพยักหน้าแทบจะทันที ในที่สุดสิ่งที่พวกเขารอคอยที่จะสร้างครอบครัวด้วยกันก็มาถึงเสียที
3 เดือนต่อมาหลังจากที่กวินตราถูกแฟนหนุ่มขอแต่งงาน
“อื้ม ไม่เป็นไร เมไปทำธุระเถอะ มินเข้าใจ” กวินตราคุยโทรศัพท์กับเมธาวีเพื่อนสนิท เพราะวันนี้หัสดินติดงานด่วนจึงมาลองชุดแต่งงานกับเธอไม่ได้ กวินตราจึงชวนเพื่อนสนิทมาเป็นเพื่อน แต่เพื่อนสนิทก็ดันมาบอกว่ามาไม่ได้แล้วเพราะพี่ชายใช้ให้ไปทำธุระแทน กวินตราจึงเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องมาทำทุกอย่างคนเดียว
“ขอโทษจริง ๆ นะ ไว้ทำธุระเสร็จฉันจะแวะไปหาที่ร้าน” ปลายสายตอบอย่างรู้สึกผิด
“ไม่เป็นไรเลย นี่ดูชุดนี้สวยใช่ไหม”
พูดจบกวินตราได้เปิดกล้องให้เพื่อนรักดูชุดที่เธอเลือกอยู่นานสองนานให้ดูพร้อมกับหมุนตัวโชว์ เมธาวีถึงกับชมเพื่อนรักว่าเลือกแบบได้สวยเข้ากับตัวจริง ก่อนจะขอตัววางสายไปเพราะถึงคิวที่ตัวเองจะเข้าไปทำธุระแล้ว
หลังจากวางสายเพื่อนรักในที่สุดกวินตราก็เลือกแบบชุดของตัวเองเอาไว้ทั้งหมดสามแบบ เป็นชุดไทยหนึ่งและชุดราตรีอีกสองสำหรับพิธีการจนจบงาน อาทิตย์หน้ายังต้องมาถ่ายพรีเวดดิ้งอีกทำให้เธอต้องมานั่งเลือกชุดสำหรับถ่ายรูปอีก ในขณะที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเอาแบบไหนดีเธอก็คิดถึงคำพูดของว่าที่เจ้าบ่าว ‘เธอชอบแบบไหนเราก็ชอบทั้งนั้น’
กวินตราหน้าแดงเมื่อคิดถึงใบหน้าของว่าที่สามีสวมชุดที่เธอพยายามคัดเลือก แต่ยังไม่ทันจะได้ตัดสินใจพนักงานที่ดูแลก็เดินมาบอกว่ามีคนมาขอพบ กวินตราคิดในใจหรือจะเป็นหัสดินมาเซอร์ไพรส์เธอที่ร้าน
แต่ความจริงกลับไม่ใช่ คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเป็นคนที่เธอไม่เคยเจอมาก่อน
“สวัสดีค่ะ” ร่างอรชรที่อยู่ในชุดเหมือนพนักงานออฟฟิศ ดวงหน้าสวยแต่นัยน์ตากลับซ่อนความเปรี้ยวเฉียบคมตามประสาคนใต้
“ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณคือ...”
“ดิฉันชื่อมารีญาค่ะ เป็นรุ่นน้องของพี่ดิน พี่คือแฟนพี่ดินใช่ไหมคะ” มารีญายืนยันตัวตนทันที
ขณะที่กวินตราหลงคิดว่าหัสดินนั้นแสนดีเสมอ นี่คงเป็นห่วงว่าเธอจะเหงาเพราะเขาไม่ว่างจึงได้ขอให้รุ่นน้องมาช่วยเธอหรือเปล่า พอคิดอย่างนั้นในใจของเธอจึงไร้ความกังวลเชิญหญิงสาวเข้ามานั่งในห้องรับรองกับตนทันที
มารีญากวาดตามองอัลบั้มรูปที่วางเกลื่อนอยู่บนโต๊ะพร้อมกับเบ้ปากหนึ่งครั้งแล้วมองใบหน้างามของภรรยารุ่นพี่ที่เธอแอบชอบมานาน รู้สึกเจ็บใจที่แม้เธอบอกว่าท้องกับเขาเขายังไม่คิดจะรับผิดชอบและเปลี่ยนใจมาหาเธอ กลับขอกวินตราแต่งงานเสียอย่างนั้น
ย้อนกลับไป 1 เดือนที่แล้ว
“พี่บอกแล้วไงว่าพี่รับผิดชอบเราไม่ได้” หัสดินโกรธจนเลือดขึ้นหน้าเมื่อรุ่นน้องในแผนกที่เข้ามาทำงานได้เพียงสี่เดือนอยู่ ๆ ก็เดินมาบอกว่าท้องกับเขา
“ทำไมจะไม่ได้ นี่ลูกของเรานะคะ”
“พี่มีแฟนแล้ว เข้าใจไหม”
“ไม่รู้ล่ะ ถ้าพี่ไม่บอกหนูจะไปบอกเอง”
“หยุดนะ”
ด้วยที่กลัวความผิดเรื่องที่ตนพลาดพลั้งไปได้เสียกับรุ่นน้องที่ทำงานในวันงานกินเลี้ยงบริษัท วันนั้นเขาโดนหัวหน้าท้าดวลจนทำให้ตัวเองเมาจนขาดสติ ในขณะที่กำลังจะไปเรียกรถแท็กซี่กลับบ้านมารีญาก็มาบอกว่าจะขับรถไปส่งเขาที่บ้านแล้วหลังจากนั้นเขาเองก็จำอะไรไม่ได้ รู้ตัวอีกทีคือเขากับมารีญานอนอยู่บนเตียงด้วยกันโดยไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้น
เขาจึงคิดที่จะขอกวินตราแต่งงาน คิดว่าเรื่องทุกอย่างจะจบลงแต่มันกลับไม่เป็นอย่างนั้น เพราะมารีญาดันตั้งท้อง หัสดินไม่รู้จะทำอย่างไรกับเรื่องนี้เพราะไม่มีทางที่เขาจะทิ้งคนแสนดีอย่างกวินตราไปแน่นอน
“พี่มินคบกับพี่ดินมานานแล้วเหรอคะ” กวินตราที่กำลังมองชุดในอัลบั้มเพราะรุ่นน้องของแฟนหนุ่มบอกว่าจะช่วยเลือก
“จ้ะ ก็อืม...ตั้งแต่พี่เรียนปีสอง มาถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้มั้ง”
กวินตรายิ้มเขิน ใบหน้างามเปื้อนสีแดงเมื่อคิดถึงแฟนหนุ่มของตน ผิดกับมารีญาที่พ่นลมออกมาด้วยความหงุดหงิด
“ดีจังเลยนะคะ แล้วพี่ดินเคยนอกใจพี่บ้างมั้ยคะ”
กวินตราชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะหัวเราะ “ไม่จ้ะ”
“ไม่เหรอคะ ไม่มีเลยเหรอคะ หรือจริง ๆ พี่แค่ไม่รู้”
ดูเหมือนคำถามนี้จะสะกิดใจของกวินตราไม่น้อย เธอมองเด็กสาวที่อายุน่าจะห่างจากเธอประมาณสามปีด้วยความสงสัย
“หมายความว่ายังไงคะ”
“ตอนพี่ดินเล่าคิดว่าพี่มินแค่เป็นคนดี แต่พอมาเจอตัวจริงถึงได้รู้ว่าเป็นคนซื่อ พอลองได้คุยที่ไหนได้พี่เป็นคนโง่นี่เอง ไม่น่าล่ะแฟนไปทำคนอื่นท้องถึงไม่รู้”
ราวกับถูกสายฟ้าฟาดลงกลางใจอย่างจัง ภาพวิมานในฝันที่เคยวาดฝันเริ่มหลั่งไหลเข้ามาในหัวราวกับสายน้ำก่อนจะค่อย ๆ แตกสลายไปพร้อมกับรอยยิ้มของอีกคนที่ส่งมาให้
กวินตราชาไปทั้งตัวเมื่อมองอีกคนที่ยิ้มอย่างเลือดเย็นขณะมองเธอ แม้ว่าที่ผ่านมาหัสดินจะไม่เคยนอกลู่นอกทางกับเธอเลยสักครั้ง แต่เรื่องอย่างนี้หญิงสาวยอมรับว่าเคยมีแอบคิดแอบกลัวอยู่บ้าง
“นะ นี่ นี่น้องหมายถึงอะไร”
“หนูท้องกับพี่ดิน”
มารีญาเอาใบตรวจที่โรงพยาบาลให้กับกวินตราดู ทันทีที่อ่านพบว่าผลเป็นดั่งที่เด็กสาวตรงหน้าพูดเอาไว้ไม่มีผิด ทั้งยังมีชื่อของหัสดินที่เซ็นรับเป็นพ่อของเด็กอีก ไม่มีอะไรที่ชัดเจนไม่มากกว่านี้อีกแล้ว กวินตราแทบประคองร่างของตัวเองไม่อยู่ ใบตรวจที่ถืออยู่ในมือร่วงลงพื้นขณะที่มารีญาเดินออกจากห้องไปทิ้งเอาไว้เพียงว่าที่เจ้าสาวให้จมอยู่กับความคิดมากมายถาโถมจนหน้ามืด
“ว๊ายยย ตายแล้ว” เสียงสุดท้ายที่กวินตราได้ยินก่อนจะหมดสติไป