ร่างบางสั่นสะท้าน เสียงสะอื้นไห้คร่ำครวญระงมไปทั้งห้อง เธอไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะลุกไปเปิดไฟด้วยซ้ำ เพราะใช้สติที่หลงเหลือเพียงนิดฝืนขับรถกลับมาที่คอนโดจนหมดแล้ว กว่าสี่ชั่วโมงตั้งแต่บ่ายสามโมงจนถึงตอนนี้เธอยังคงนั่งร้องไห้อยู่บนโซฟาตัวโปรดที่เธอและหัสดินซื้อมาไว้นอนดูหนังด้วยกันทุกวันหยุดที่เขามาหา
ราวกับโลกทั้งใบพังทลาย ความฝันที่เคยวาดเอาไว้ถูกพังทลายลงภายในไม่กี่ชั่วโมง ความไว้ใจตลอดหลายปีที่ผ่านมาถูกผู้ชายที่เธอคิดมาตลอดว่าเขาคือคนที่เธอสามารถฝากชีวิตไว้ได้
หญิงสาวคิดวนในหัวไม่หยุด ไม่รู้ว่าทั้งหมดนี้มันเป็นความจริงหรือแค่เธอฝันอยู่กันแน่
“กลับมาแล้วครับ” เสียงทุ้มดังขึ้นปลุกหญิงสาวให้ตื่นจากภวังค์อันเจ็บปวดของตัวเอง
“ทำไมไม่เปิดไฟละมิน”
ทันทีที่ภายในห้องมีแสงสว่าง หัสดินได้เห็นแฟนสาวที่นั่งก้มหน้าอยู่เงยหน้าขึ้น ดวงตาแดงก่ำมองเขาด้วยสายตาที่ไม่เคยมองเขามาก่อน กวินตราลุกจากโซฟาที่เธอนั่งอยู่ด้วยท่าทางอิดโรย หอบร่างบอบช้ำและหยาดน้ำตาที่ยังคงไหลรินเข้าไปหาชายหนุ่มที่กำลังทำตัวไม่ถูกเพราะแฟนสาวไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน
“เป็นอะไรครับ ถูกใครรังแกมาหรือเปล่า บอกดินมาดินจะไปจัดการมันเอง”
กวินตราไม่พูดเพียงแค่หัวเราะออกมาเท่านั้น เธอหยิบกระดาษที่มารีญาทิ้งเอาไว้ให้ขึ้นมาแล้วส่งให้หัสดินก่อนจะกลับมานั่งที่เดิม
มือหนาหยิบกระดาษที่หญิงสาวส่งให้อย่างงุนงงก่อนจะเปิดอ่านก็พบว่ามันเป็นใบแจ้งผลตรวจครรภ์แถมยังมีชื่อเขาแจ้งว่าเป็นพ่อด้วย หัสดินรู้แล้วว่าตอนนี้กวินตรารู้เรื่องทั้งหมด
“ตอนไหน” กวินตราถามด้วยน้ำเสียงไร้ชีวิตชีวาราวกับคนไม่มีวิญญาณ
“คือ...คือดินอธิบายได้นะ”
“งั้นก็อธิบายมาสิ ทำเรื่องแบบนั้น...ไปตอนไหน”
ประโยคสุดท้ายราวกับมีดแหลมที่ปักกลางอกของกวินตรา ก่อนจะกรีดเป็นแผลยาวบาดลึกตัดขั้วหัวใจ เจ็บปวดจนเธอแทบไม่อยากจะมองหน้าของเขาเลยด้วยซ้ำ
“มัน...คือดินไม่ได้ตั้งใจ วันนั้นดินเมาสาบานได้เลย เรามีอะไรกันครั้งเดียวแค่คืนนั้น แต่หลังจากนั้นดินไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับน้องเขาเลยนะ ดินรักมินคนเดียว”
ฟังจบหยดน้ำตาที่แห้งไปไม่นานก็ไหลลงมาอีกครั้ง คำว่ารักของหัสดินเมื่อก่อนมันเหมือนเป็นยาที่เอาไว้เยียวยาจิตใจของเธอ ได้ยินทีไรก็ใจฟูชุ่มฉ่ำ ผิดกับตอนนี้ที่คำว่ารักของเขาเมื่อได้ฟังมันเหมือนยาพิษ เพราะมันสวนทางกับสิ่งที่เขาทำให้เธอเห็นเหลือเกิน
“ช่างเถอะ ยังไงเด็กก็เกิดมาแล้ว ดินไปทำหน้าที่ของตัวเองเถอะยังไงเด็กก็ไม่ผิด”
“หมายความว่ายังไง”
กวินตราเงียบไปครู่หนึ่งราวกับครุ่นคิดอย่างหนักที่จะพูดประโยคต่อไปซึ่งไม่คิดว่าชีวิตนี้จะได้พูด
“เราเลิกกันเถอะ”
“อะไรนะ มะ ไม่นะมิน ดินไม่เลิกเด็ดขาด”
“แล้วดินจะทำยังไง นั่นชีวิตเด็กทั้งคน ดินจะให้เขาเกิดมาไม่มีพ่อเหรอ”
“ก็ดินจะรับผิดชอบเด็ก แต่ดินจะไม่ยอมเสียมินไป”
กวินตราเกือบจะใจอ่อนสงสารเขาแล้วหากไม่คิดถึงตอนที่ตัวเองเสียพ่อกับแม่ไป เธอรู้ดีกว่าชีวิตที่ไร้พ่อขาดแม่นั้นเป็นยังไง แม้ว่าเธอจะรักหัสดินแค่ไหนก็ไม่อยากปล่อยให้เด็กที่ไม่ได้ผิดอะไรต้องมารับผิดชอบกับการกระทำของผู้ใหญ่แบบนี้
หลังจากที่เอ่ยคำลาก่อนจะออกมาในคืนนั้นโดยไม่สนคำรั้งของชายหนุ่ม เธอไม่อยากอยู่นานกลัวตัวเองจะใจอ่อน ขณะที่ขับรถโดยไร้จุดหมายอยู่นั้นกวินตราเห็นว่ามีร้านอาหารกลางคืนที่บรรยากาศดีอยู่ร้านหนึ่งจึงแวะเข้าไปเผื่อจะได้นั่งคิดว่าจะเอายังไงต่อ กวินตราได้โทรหาเมธาวีเพื่อนสนิทให้มาเจอเธอที่ร้านอาหาร น้ำสีอำพันในแก้วใสถูกกระดกดื่มครั้งแล้วครั้งเล่าในขณะที่อาหารบนโต๊ะไม่ถูกแตะแม้แต่น้อย
“เห้ยมิน พอแล้วเดี๋ยวก็เมาพอดี” เมธาวีมาทันได้เห็นเพื่อนรักที่ปกติเหล้าไม่เคยแตะทว่าตอนนี้กับยกดื่มปานน้ำจึงรีบเข้ามาห้ามทันที
“เมาก็ดีจะได้ลืมเรื่องบ้า ๆ นั่น”
พอได้ยินเพื่อนรักพูด เมธาวีจึงนั่งลงตรงข้ามกับกวินตราก่อนจะเอ่ยถามเรื่องที่กวินตราโทรมาเล่าทั้งน้ำตาอีกครั้งว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“สรุป เรื่องมันเป็นไง เล่าให้ฟังอีกที”
กวินตราได้เริ่มเล่าเรื่องให้เพื่อนรักฟังตั้งแต่ต้นจนจบก่อนจะกระดกเหล้าในขณะที่เมธาวีตบโต๊ะดังฉาด เจ็บแค้นแทนเพื่อนรักแล้วยังเสียดายที่ตอนนั้นตนดันติดธุระพอดี ไม่อย่างนั้นคงไม่ปล่อยให้เพื่อนรักที่แสนดีอย่างกวินตราถูกเหยียดหยามถึงร้านเช่าชุดแต่งงานขนาดนั้น
“แหม่ เสียดายจริง ๆ ไม่อย่างนั้นแม่จะสั่งสอนสักหน่อย แอบกินของคนอื่นไม่ว่ายังจะมาเลือกเวลาบอกได้พอดิบพอดีอย่างกับคิดมาแล้วแบบนี้ ฉันละเจ็บใจแทนแกจริง ๆ” เมธาวีรินเหล้าใส่แก้วให้ตัวเองก่อนจะกระดกดื่มเป็นเพื่อนกวินตรา เจ็บใจที่ผู้ชายเลวทำกับเพื่อนรักที่แสนดีของเธอ
“ช่างมันเถอะ มันจบแล้ว จบหมดแล้วทุกสิ่ง ฮึก...ทุกอย่าง”
พูดไปน้ำตาก็ไหลพรากไป กวินตราบอกกับตัวเองในใจว่าอย่าได้เห็นแก่ตัว แม้จะรักหัสดินเพียงใดก็อย่าได้เห็นแก่ตัวเด็ดขาด ตัดใจเสียแต่ตอนนี้
“โธ่...มินพอแล้ว ๆ ไม่พูดถึงเรื่องบ้านั่นแล้ว วันนี้เมจะเมาเป็นเพื่อนมินเอง”
พูดจบกวินตราก็ชนแก้วกับเมธาวีอย่างหนักจนคนที่คออ่อนอย่างกวินตรากินไปไม่กี่แก้วก็เมาคอพับไปแล้ว เมธาวีเห็นสภาพเพื่อนรักเป็นแบบนี้แน่นอนว่าไม่ปล่อยกลับบ้านแน่ เธอตัดสินใจทิ้งรถของกวินตราไว้ที่ร้านแล้วพากวินตรากลับคอนโดของเธอแทน
รุ่งเช้าเมธาวีทำโจ๊กให้เพื่อนรักทานเพราะคิดว่าต้องแฮงค์หนักแน่ แล้วก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ กวินตราปวดหัวเดินออกมาด้วยสภาพที่ไม่น่าดูนัก เธอลากร่างบางที่ไร้วิญญาณมานั่งตรงเคาน์เตอร์ครัว ชิมอาหารฝีมือเพื่อนรักโดยไม่ลืมปากหวานชมแม่ครัวอีกด้วย เห็นกวินตราไม่ได้เป็นหนักอย่างที่เธอกลัว รุ่งเช้ายังคงกินข้าวได้ปกติแถมยังมีสติเมธาวีเองจึงโล่งใจไม่น้อย
“แล้วนี่มินจะเอาไงต่อ”
“ตัดสินใจแล้วล่ะ เราจะจบทุกอย่าง”
การตัดสินใจของเพื่อนเมธาวีจะไม่ขัดเลยแม้แต่น้อย กลับกันเธอมองหน้าเพื่อนรักคิดไปถึงวันที่กวินตราโทรมาเล่าว่าหัสดินได้ขอเธอแต่งงาน ตอนนั้นเธอจำได้ว่าเพื่อนรักมีความสุขแค่ไหน ไม่คิดเลยว่าความสุขจะจากเพื่อนเธอไปเร็วแบบนี้
“งั้นอยู่ที่ห้องเมไปก่อนนะ รอดีขึ้นค่อยกลับไปเก็บของ”
“อืม...ขอบใจนะ”
กวินตราฝืนยิ้มให้เมธาวีก่อนจะก้มลงตักโจ๊กร้อนเข้าปากแล้วกลืนราวกับมันไม่ร้อน เมธาวีมองแล้วอดสงสารเพื่อนรักไม่ได้ ที่ไหนได้เธอคิดผิดมาตลอดที่ว่าเพื่อนของเธอไม่ได้เป็นอะไรมาก กวินตราปกติก็ไม่ค่อยแสดงความรู้สึกออกมาตรง ๆ อยู่แล้ว เพราะเมื่อวานเมาเธอจึงได้เห็นเพื่อนรักพรั่งพรูความเสียใจออกมาขนาดนั้น
เมธาวีคิดหาวิธีที่อยากจะทำให้เพื่อนรักกลับมายิ้มได้อีกครั้งเลยเอ่ยชวนกวินตราไปเที่ยวที่ไร่ของพี่ชายของเธอ ช่วงนี้เป็นช่วงท่องเที่ยวป่านนี้เจ้าพี่บ้างานของเธอคงหัวปั่นไม่มีเวลาดูแลเจ้าแฝดตามเคย เธอเลยถือโอกาสพากวินตราไปพักกายพักใจเสียเลย
“นี่มินอยากไปเที่ยวมะ”
ร่างบางชะงักเมื่อได้ยินประโยคชักชวนของเพื่อนรักก่อนจะครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วถาม
“ไปไหนเหรอ”
“ไร่ของพี่ธัชกร ช่วงนี้นักท่องเที่ยวเยอะ พี่ชายฉันน่ะบ้างานป่านนี้คงไม่ได้หลับไม่ได้นอน น่าจะไม่มีเวลาดูลูกด้วยซ้ำมั้ง มินสนใจไปเป็นพี่เลี้ยงเด็กชั่วคราวมั้ย นี่หลาน ๆ ของเราน่ะน่ารักมากเลยนะ รับรองว่าถ้ามินเห็นต้องรักต้องหลงแน่ ๆ”
กวินตราเงียบคิดไปครู่หนึ่ง ก็จริงที่ก่อนหน้านี้หลังจากเรียนจบเมธาวีที่เคยบอกว่ายังไงก็จะทำงานอยู่ที่กรุงเทพกับเธอ แต่พอได้กลับบ้านไปไม่กี่เดือนดันเปลี่ยนใจเสียอย่างนั้น ทุกวันนี้ก็ไป ๆ มา ๆ นานทีจะลงมาช่วยเธอขายดอกไม้ พอถามก็บอกติดหลานไม่อยากจะกลับมาที่กรุงเทพอีกแล้ว แถมมาทีก็เล่าเรื่องหลานตัวน้อยให้ฟังจนเธออยากจะเจอบ้างเหมือนกัน
ธัชกรหันไปมองกวินตราแล้วพยักหน้าให้อย่างเข้าใจขณะที่เมธาวีเองก็ดูไม่ได้ใส่ใจเหมือนเมื่อก่อนแล้วเขาจึงตอบรับหลังจากที่ทานอะไรเสร็จวันนี้เมธาวีจะขอไปเดินตรวจงานกับกวินตราด้วย ส่วนธัชกรจะตามไปทีหลังเพราะว่าจะรออยู่คุยกับชัญญาก่อนในห้องรับแขกทั้งคู่ได้นั่งลงแล้วเปิดใจ ชัญญาเริ่มบทสนทนาทันทีไม่อ้อมค้อม“ฉันคิดดีแล้วนะคะ คือว่าฉันจะไปจากที่นี่”“คุณจะไปไหน อยู่ที่นี่ก่อนก็ได้ผมไม่ว่าหรอก ลูกจะได้อยู่กับคุณด้วย”ชัญญาคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าธัชกรต้องพูดแบบนี้ เขาเป็นคนดีเสมอต้นเสมอปลายจริง ๆ“ฉันรู้ค่ะว่าคุณไม่ว่า แต่ฉันคงติดอยู่ที่นี่ตลอดไม่ได้หรอกนะคะ อีกอย่างไม่นานคุณก็จะแต่งงานใหม่ ถ้ามีเมียเก่าอยู่ด้วยมันจะดูน่าเกลียดไปมั้ย ฉันไม่อยากตกเป็นขี้ปากพวกเด็ก ๆ ในไร่” ชัญญาพูดทีเล่นทีจริง“ใครจะกล้าว่าคุณ ที่นี่ก็บ้านของคุณเหมือนกันอย่าลืมสิครับ...เอาเป็นว่าคุณตัดสินใจยังไงผมจะไม่ขัดขวางเลย แต่ขออย่างเดียวขอให้คุณมาเยี่ยมเด็ก ๆ บ้าง ที่นี่ต้อนรับคุณเสมอนะ”ชัญญาน้ำตาคลอ เธอพึ่งจะคิดได้ว่าจร
ชัญญามองหน้าหัสดินด้วยแววตาเห็นอกเห็นใจ“คุณไม่เสียดายเหรอคะ”“เสียดายสิครับ เสียดายมาก ๆ แต่ว่าผมเองก็ทำให้โอกาสมันหลุดมือไปเอง อีกนิดเดียวพวกเราจะได้แต่งงานกันแล้วแท้ ๆ แต่ผมกลับทำมันพังเพราะอารมณ์ชั่ววูบของตัวเอง”“พวกคุณกำลังจะแต่งงาน แล้วมันเกิดอะไรขึ้นคะ” ชัญญาพลิกเปลี่ยนท่านอนคว่ำเพื่อรอฟังเรื่องของอีกคนที่ดูเหมือนจะน่าสงสารกว่าเธอเสียอีกหัสดินถอนหายใจออกมายาว ๆ ก่อนจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้กับชัญญาฟังชัญญายกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกใจ เธอฟังจบก็ถอนหายใจออกมาอย่างเสียไม่ได้ ที่แท้ชีวิตของชายคนนี้ก็น่าสงสารขนาดนี้ แต่เธอกลับคิดว่าเขาเข้มแข็งมาก ๆ ที่กล้าจะยอมรับความจริง“อยากกลับไปหาคุณมินมั้ยคะ ถ้าคุณอยากแย่งเธอฉันจะช่วย” ชัญญาถามด้วยสีหน้าจริงจังหัสดินชะงักไปครู่ใหญ่ ความคิดมากมายตีกันในหัวแต่ครู่เดียวชัญญาก็หลุดขำออกมา“ล้อเล่นน่ะค่ะ”“ตกใจหมดเลยครับ บอกตรง ๆ ผมก็เสียดายมินนะ แต่ว่าผมคงไม่แย่งเธอกลับมาแล้วละครับ ตอนนี้เธอเจอคนดี ๆ แล้ว ผมคงไม่เห็
นานแล้วที่เขาไม่ได้ฉลองงานเลี้ยงที่เต็มไปด้วยสีสันขนาดนี้ ต้องขอบคุณกวินตราที่เข้ามาในชีวิตของเขา เขารู้สึกราวกับว่าตัวเองนั้นได้กลับไปแก้ไข้ข้อบกพร่องที่เคยเป็นพ่อและสามีที่เอาแต่ทำงานไม่สนใจครอบครัว และเธอคือคนที่รับข้อบกพร่องนั้นของเขาได้ ทว่าจากนี้ไปธัชกรจะไม่ยอมปล่อยให้มันเกิดขึ้นอีก“เริ่มรู้สึกเสียดายแล้วเหรอครับพี่ดิน” ทนายหนุ่มกระซิบข้างหูพี่ชายด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง“เปล่า พี่คิดว่าวันนี้มินดูมีความสุขมากเท่านั้น เผลอ ๆ บางทีอาจจะมีความสุขมากกว่าอยู่กับพี่อีก”“เห้อ คนดีจริงจริ๊งพี่ชายผม ไปดีกว่าครับไปสนุกก่อนกลับ ผมจะเมาให้เละไปเลย”ณัฐชัยลุกขึ้นแล้วคว้าเอาแก้วของตัวเองเพื่อไปสนุกกับสาว ๆ คนงานในไร่ที่อยู่อีกโต๊ะ ก็ด้วยฝีปากช่างพูดช่างเจรจาเขาหาเรื่องมาเล่าจนสาว ๆ นี่กรี๊ดกร๊าดชอบใจกันทั้งโต๊ะ แต่ว่ามีอยู่คนหนึ่งที่เอาแต่มองทนายจอมเจ้าชู้แล้วเบ้ปากวันก่อนยังของขึ้นใส่เธออยู่เลย วันนี้ไปหน้าม่อใส่คนงานบ้านเธอเสียแล้ว เกลียดจริง ๆ ผู้ชายแบบนี้เมธาวีคิดในใจก่อนจะถือแก้วแอลกอฮอล์ของตัวเองเดินเลี
ธัชกรจับแขนของหญิงสาวก่อนจะแกะเธอออก ทว่ายังไม่ทันจะได้เอาเธอออกจากตักเสียงของน้องสาวเธอก็เรียกกวินตราที่ยืนอยู่หน้าประตูบ้านพอดี ธัชกรใจหล่นไปอยู่ตาตุ่ม ร่างของชัญญาถูกธัชกรผลักจนล้มลงที่พื้นกวินตรามองทั้งคู่ด้วยสายตาที่ผิดหวังก่อนจะรีบวิ่งขึ้นไปบนห้องไม่สนกระทั่งเพื่อนสนิทที่เรียกเธอครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งยังตามมาก็ไม่ทันกวินตราปิดประตูห้องทันทีแล้วล็อกเอาไว้ปัง หญิงสาวหันไปเจอสภาพห้องถึงกับตะลึง ข้าวของเสื้อผ้าของเธอถูกรื้อกระจายเต็มห้อง กวินตราจึงเดินไปที่ตู้เสื้อผ้ากลับพบว่ามีเสื้อผ้าของคนอื่นมาแทนที่แล้วหญิงสาวเข้าใจแล้ว ธัชกรให้ภรรยาเก่าของเขากลับมาอยู่ที่นี่เหมือนที่แม่บ้านบอกจริง ๆ“มิน มินเปิดประตูให้ผมหน่อย” ธัชกรเรียกหญิงสาวอยู่หน้าห้อง กวินตรายกมือปาดเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้เขาธัชกรเดินเข้ามาในห้องพอได้เห็นอย่างนั้นเขาถึงกับตกใจ มองหน้าหญิงสาวที่ตนรักก็คิดว่าเธอเข้าใจผิดเขาไปมากมายแล้วในตอนนี้“ผมไม่ได้ให้ชัญญามาอยู่ที่ห้องนี้นะ ผมให้เธอไปนอนกับลูก”“ช่างเถอะค่ะ มินไ
กวินตราเดินขึ้นชั้นสองได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็ก ๆ จึงเดินเข้าไปหา เห็นเมธาวีนั่งปลอบหลานชายทั้งสองอยู่ด้วยความยากลำบากเนื่องจากขาของเธอเจ็บและเด็ก ๆ ก็ดิ้นอยากจะเจอพ่อท่าเดียว“เม” กวินตราเดินเข้าไปนั่งข้าง ๆ ก่อนจะยิ้มให้กับนที และรพีที่กำลังร้องไห้จนใบหน้าเล็ก ๆ แดงก่ำ“อามิน พ่อกรอยู่ไหนครับ” เด็กน้อยเดินเข้าไปหาหญิงสาวที่นั่งลงตรงหน้าตนเองกวินตรารับร่างเล็ก ๆ ทั้งสองเข้ามากอดเอาไว้ ดูเหมือนนทีกับรพีจะสงบลงได้เมื่อถูกกวินตรากอดเอาไว้ เมธาวีเห็นแบบนั้นก็เข้ามากระซิบว่าเธอจะไปเอาของว่างมาให้ เด็ก ๆ จะได้ใจเย็นลง เมธาวีเลยชวนพี่เลี้ยงลงไปเตรียมของช่วยเธอและป้าน้อยก็ต้องขอตัวไปเตรียมกับข้าวตอนเย็นภายในห้องจึงเหลือแค่กวินตรากับเด็กแฝดสองคน“อยากฟังนิทานมั้ย อามินจะเล่าให้ฟัง”“นิทานเหรอครับ นทีชอบนิทาน” เด็กน้อยยิ้มกว้างก่อนจะวิ่งไปหยิบหมอนกับผ้าห่มมาเตรียมนอนรอฟัง“รพีก็ชอบครับ ตั้งแต่แม่ไม่อยู่พวกเราก็ไม่เคยฟังนิทานเลย”กวินตราถอนหายใจด้วยความสงสารก่อนจะนอนลงแล้วอ้าแ
“คงอย่างนั้นมั้งคะ” กวินตราพูดก่อนจะหันไปเปิดดูตู้เย็น แต่ว่าในครัวมีแม่บ้านที่กำลังนั่งเตรียมผักอยู่ บางคนก็อยากจะร่วมวงเลยพูดขึ้นบอกทนายหนุ่มแขกของกวินตรา“ใช่ค่ะคุณทนาย เมื่อก่อนพ่อเลี้ยงไม่ได้ร่ำรวยอย่างทุกวันนี้หรอกนะคะ ทั้งสองคนเรียนจบมามีแค่ตัวเปล่า แต่แม่ของหนูเล่าให้ฟัง...” แม่บ้านวัยสิบเจ็บเล่าทำให้ทนายหนุ่มรีบเดินเข้าไปนั่งร่วมวงแม่บ้านเมาท์มอยเรื่องเจ้านาย“...ว่ายังไงครับเล่าหน่อย”เห็นทนายหนุ่มมีความสนใจใคร่รู้เรื่องชาวบ้าน แม่บ้านช่างเมาท์จึงได้เล่าต่อถึงเรื่องราวในอดีตของทั้งสองคนโดยที่ลืมไปเลยว่ากวินตรากับธัชกรมีความสัมพันธ์ดี ๆ ด้วยกันอยู่“ก็เมื่อก่อนเห็นว่าที่นี่เป็นที่ของพ่อคุณชัญญาค่ะ แต่ถูกเจ้าพ่อเมืองลำปางคนก่อนซื้อไป คุณธัชกรเห็นว่าที่นี่สำคัญกับคุณชัญญามากเขาจึงซื้อเอาไว้ก่อนจะทำสวนและต่อเติมโฮมสเตย์หลังจากที่แต่งงานมีลูกกันน่ะค่ะ”“อ้อ แบบนี้นี่เองสินะครับ พอดีผมส่งผู้ชายคนใหม่คนนั้นเข้าคุกไปแล้ว แบบนี้คุณธัชกรคงไม่คิดจะพาคุณชัญญากลับมาที่นี่หรอกมั้งใช่มั้ยครับ ก็ที่นี