หลินหลินนั่งเอนหลังบนเก้าอี้ม้าโยก มองระบบเก็บเกี่ยวผลผลิตและขายออกแบบอัตโนมัติ ผลผลิตนางตั้งระบบไว้ เก็บ 50% ขายออก 50% แต่ผลผลิตก็ออกไวมาก ทำให้นางต้องอัปเดตโกดังอยู่ตลอด
ตอนนี้นางมีเงินในระบบจากการขายแจกันและของจากระบบเยอะมาก เรียกได้ว่าโจรปล้น 100 ครั้งก็ยังไม่หมดตัว ฮ่าๆๆ เมื่อมองดูแล้วนี่คงใกล้รุ่งเช้าแล้ว หลินหลินจึงออกจากมิติไปยังห้องพัก
พรึ่บ..
หลินหลินมองห้องที่มืดสนิท ข้างนอกคงยังไม่สว่าง แต่มีแสงของพระอาทิตย์โผล่พ้นขึ้นมาบ้างแล้ว นางลองเปิดประตูออกไปข้างนอก ไม่คิดว่าจะเจอใคร แต่กลับพบเสี่ยวเอ้อนั่งอยู่ตรงริมสุดทาง หรือว่าที่นี่เสี่ยวเอ้อรอให้บริการแขกตั้งแต่รุ่งเช้า....
เสี่ยวเอ้อไม่รอช้ารีบเข้ามาสอบถามนางทันที แต่ก็ต้องชะงักกับความงามของสตรีตรงหน้า เพราะคุณหนูท่านนี้ไม่ใช่คุณหนูคนเมื่อวาน แต่เป็นห้องนี้แน่ เพราะเมื่อวานเป็นเขาเองที่พานางมาส่ง คุณหนูท่านนี้งดงามมาก.. มากกว่าทุกคนที่เขาเคยพบเห็นมา เสี่ยวเอ้อเรียกสติตนเอง โค้งตัวก้มหน้าลง และสอบถามทันที
"คุณหนูต้องการสิ่งใดหรือไม่ขอรับ"
หลินหลินยืนนิ่ง.... คิดในใจว่าเสี่ยวเอ้อต้องจำนางไม่ได้แน่ ถึงได้ตกใจขนาดนั้น ระหว่างที่คิดอยู่นั้น.... เสี่ยวเอ้อ.. ที่เห็นคุณหนูไม่ตอบก็กลัวว่านางจะไม่พอใจ จึงรีบสอบถาม
"คุณหนูต้องการน้ำชาเพิ่มหรือไม่ขอรับ หรือให้ข้าน้อยยกน้ำมาใส่อ่างให้อาบเลยหรือไม่ขอรับ"
หลินหลินพยักหน้าให้เสี่ยวเอ้อ
"รบกวนเจ้าเปลี่ยนกาน้ำชาใหม่ให้ข้า และเอาน้ำมาเติมในอ่างด้วย"
เสี่ยวเอ้อรีบรับคำและโค้งจากไปทำตามคำสั่งทันที หลินหลินคิดว่าที่นี่ให้บริการดีมากๆ วันหลังคงต้องใช้บริการโรงเตี๊ยมจันทราอีกแน่
แต่ที่นางไม่รู้คือเสี่ยวเอ้อที่บริการนางนั้น เขาฝ่าฝืนกฎของโรงเตี๊ยม มารอคอยอย่างมีความหวังที่หน้าห้องพักชั้น 3 ซึ่งเกินขอบเขตหน้าที่ของเขา เสียงหัวใจของเขาเต้นระรัวด้วยความกังวล ไม่ใช่เพราะกลัวถูกลงโทษ แต่เพราะความหวังอันริบหรี่ที่จะได้เงินมาช่วยมารดาที่กำลังจะจากเขาไป
ภาพของท่านแม่อันเป็นที่รักที่นอนซมด้วยความเจ็บปวดปรากฏขึ้นในมโนสำนึกของเขา ทุกครั้งที่เขาเห็นน้ำตาแห่งความทุกข์ทรมานของท่านแม่
หัวใจของเขาก็แทบแหลกสลาย เขาทำงานหนักทุกวัน แทบไม่ได้หยุดพัก แต่เงินที่หามาได้ก็ยังไม่เพียงพอต่อการรักษา
“หากสวรรค์ยังมีเมตตา โปรดประทานปาฏิหาริย์ให้ข้าด้วยเถิด"
เขาภาวนาในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า หวังว่าวันนี้จะเป็นวันที่โชคชะตาจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเขาและมารดา เมื่อวานที่ได้ตำลึงไปทำให้เขาคิดได้ หากเขาโชคดีแบบนี้อีกสักครั้งสองครั้ง .... หากคุณหนูนางเมตตาให้ตำลึงกับเขาอีก เขาจะรวบรวมตำลึงไปรักษามารดาที่เจ็บป่วยได้ไวขึ้น ตอนนี้ยังขาดอีก 3 ตำลึง
ท่านหมอบอกให้เขาทำใจ เขาภาวนาต่อสวรรค์ให้เมตตาเขาสักครั้ง..... ให้เขาได้มีโอกาสได้รักษามารดา เป็นคำอธิษฐานของเขาตลอด 1 ปีที่ผ่านมา
แม้เขาจะพยายามทำงานหนักแค่ไหน... ค่าแรงก็ไม่เพียงพอ เพราะเขาต้องซื้ออาหารให้คนทั้งบ้าน จ่ายค่าเช่าบ้าน และต้องแบ่งเงินมาซื้อยาให้ท่านแม่เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดอีกด้วย"
หลินหลินรอเสี่ยวเอ้อไม่นาน เสี่ยวเอ้อก็มาพร้อมกับกาน้ำชาชุดใหม่
"เสี่ยวเอ้อรีบนำกาน้ำชาวางลงบนโต๊ะ ดูก็รู้ว่าเขารีบร้อนแค่ไหน เพราะมือของเสี่ยวเอ้อแดงเป็นเทือก น่าจะเผลอทำน้ำร้อนลวกมือตนเองเป็นแน่
หลินหลินสำรวจเสี่ยวเอ้ออยู่เงียบ ๆ เสี่ยวเอ้อกลับออกไปขนถังน้ำร้อนใบใหญ่ขึ้นมาเทลงอ่างไม้และเดินไปเปิดจุกกั้นน้ำที่ส่งต่อน้ำลงมายังถังอาบน้ำเพื่อผสมน้ำให้อุ่น
ทุกการกระทำเสี่ยวเอ้อดูเร่งรีบ หันออกไปมองพระอาทิตย์ที่กำลังจะโผล่พ้นขอบฟ้าอยู่บ่อยครั้ง ใบหน้าชื้นเหงื่อทั้งที่อากาศหนาวเย็น แสดงว่าต้องกังวลหรือไม่ก็กลัวอะไรบางอย่าง
หลินหลินลองใช้ดวงตาตรวจสอบทันที ไม่นานก็มีป้ายขึ้นเต็มไปหมด ป้ายแรกที่อยู่บนสุดคือ
*อยากรักษามารดาที่ป่วยหนัก (อ่านเพิ่มกด)*
*คาดหวังว่าจะได้ตำลึงเพิ่ม (อ่านเพิ่มกด)*
*กังวลผู้ดูแลมาพบเจอ (อ่านเพิ่มกด)*
*ผิดหวังไม่พบคุณหนูท่านเมื่อวาน (อ่านเพิ่มกด)*
ฮ่าๆๆๆ ..... ดวงตาตรวจสอบแม้จะบอกแบบไม่เจาะจง แต่ก็มีรายละเอียดให้อ่านเพิ่มเติม นางลองกดป้ายที่ 2 คาดหวังว่าจะได้ตำลึงเพิ่ม กดคำอธิบายเพิ่มเติม ......จากที่อ่านสรุปออกมาคือ เสี่ยวเอ้อคนนี้ชื่อว่า ฉางอี้ เป็นคนดี ซื่อสัตย์ และใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก เลี้ยงดูแม่ที่ป่วยและน้องสาวตัวน้อย ตอนนี้ต้องการหาตำลึงเพิ่มอีก 3 ตำลึง เพื่อไปจ่ายค่าหมอและค่ายาให้มารดา
แต่ระบบดวงตาตรวจสอบนี่สุดยอดไปเลย ยิ่งกว่านักสืบอีก รู้ลึก รู้ดี จริง ๆ หลินหลินปิดดวงตาตรวจสอบลง
"เสี่ยวเอ้อ ...ที่นี่มีบริการออกไปซื้อของให้ลูกค้าหรือไม่"
"มีขอรับ...คุณหนูอยากได้อะไรขอรับ"
"ข้าอยากได้ปิ่นปักผม เครื่องประดับ สักหลาย ๆ ชิ้นหน่อย ข้าจะนำไปแจกบ่าวในเรือน"
ฉางอี้ครุ่นคิด เขาอยากจะรับงานนี้แต่กลัวว่าจะเลือกมาไม่ถูกใจคุณหนูท่านนี้...
หลินหลินไม่ปล่อยให้ฉางอี้คิดนาน นางรู้ว่าเขากังวลอะไร
"เจ้าไม่ต้องเลือกแบบที่หรูหรามาก เอาที่เจ้าชอบก็ได้ ข้าแค่จะนำไปแจกให้บ่าวไพร่ในเรือน หรือเจ้าเข้าไปในร้านแล้วก็เลือก ๆ ชี้ ๆ มาเลยก็ได้ ทำได้หรือไม่"
ฉางอี้ยิ้มกว้าง
"ทำได้ขอรับ ข้าทำได้"
หลินหลินให้เหรียญทองไปถึง 1 เหรียญ นางบอกฉางอี้ว่านางจะรออยู่ที่นี่ หากไม่พอให้เอาเงินนี้มัดจำและให้คนของทางร้านมาเก็บเงินที่นางเพิ่ม
ที่นางทำแบบนี้นางก็แค่อยากจะพิสูจน์.....ระบบขึ้นว่าฉางอี้เป็นคนดีซื่อสัตย์ เมื่อเขาเจอเงินก้อนใหญ่ เขาจะโลภเอาของคนอื่นมาเป็นของตนหรือไม่ เขาจะขโมยเงินนี้แล้วทำให้ครอบครัวตนเองสุขสบายหรือไม่ ถ้าฉางอี้เลือกข้อนี้นางก็ไม่กังวล ถือซะว่าสวรรค์ตอบแทนในความอดทน อดกลั้น และซื่อสัตย์ที่ผ่านมาของเขา ทำให้เขามาเจอนาง แต่หากเขาเลือกความซื่อสัตย์ ไม่ละโมบของผู้อื่น
นางนี่แหละขอเป็นตัวแทนสวรรค์ ส่งมอบของขวัญให้คนดี ๆ แบบนี้เอง
ระหว่างรอฉางอี้ หลินหลินก็เดินไปเปิดหน้าต่างนั่งตรงตั่ง มองออกไปข้างนอก คิดวางแผนว่าวันนี้นางจะทำอะไรบ้าง อย่างแรกวันนี้นางจะไปเหมาเครื่องประดับตามร้านต่าง ๆ มาประมูลในระบบ นางอยู่ที่เมืองนี้แค่พรุ่งนี้เท่านั้น นางจะออกเดินทางไปทางใต้ อยากไปปักหลักที่นั่น
ภารกิจแรก เหมาเครื่องประดับ จานชาม ให้มากที่สุด แต่จะเหมายังไงให้ไม่มีใครรู้ว่าเป็นนาง เพื่อความปลอดภัยนางควรจะปิดบังไม่ให้ใครรู้ว่าของทั้งหมดอยู่ที่นาง คิดได้ดังนั้น ก็นึกไปถึงชายชรากับเด็กน้อย นางคิดแผนดี ๆ ได้แล้ว ในเมื่อนางอยู่ที่เมืองนี้อีกแค่ 1 คืน ถ้างั้นก็ลุยเลยล่ะกัน
หลินหลินคิดได้ว่าในระบบมีชุดเวทระดับสูง แล้วจะมีเครื่องมือเวทปิดบังตัวตนพวกนี้ไหมนะ ร่างบางจึงเปิดจอเข้าระบบซื้อขายแลกเปลี่ยน หาอยู่นานในที่สุดก็เจอ.....
“ผ้าคลุมล่องหน?...”
เห้ยนางไม่ได้จะไปปล้นใครนะ จะเอาผ้าคลุมล่องหนมาทำไม? แต่ก็น่าสนใจอยู่นะ เหมือนพ่อมดแม่มดอะไรทำนองนี้
หลินหลินเลือกดูต่อไปจนไปพบผ้าคลุมภาพลวงตา ความวิเศษ สามารถทำให้คนที่พบเห็นท่านในแบบที่ท่านตั้งค่าไว้
"หืม......น่าสนใจมาก"
หลินหลินกดอ่านรายละเอียด ก็พบว่าของชิ้นนี้เหมาะกับนางมาก เพราะนางต้องเดินทางไกล แม้มันจะเขียนว่าสามารถตั้งค่า ทำให้ผู้สวมใส่งดงาม หรือขี้เหร่ได้ หลินหลินกดซื้อทันที ผ้าคลุมตัวนี้เป็นเหมือนชุดคลุมมีหมวกปิดขึ้นมาที่หัว พอนางลองสวมใส่ก็มีให้นางตั้งค่า ....เมื่อนางตั้งค่าเสร็จก็หัวเราะออกมาทันที
“ฮ่า ๆ ๆ"
นางถอดเสื้อคลุมออก นางคิดว่าฉางอี้คงกำลังมาแล้ว และเป็นตามคาด
“ก๊อก ๆ ๆ ๆ”
"คุณหนู ข้าน้อยซื้อของมาให้แล้วขอรับ"
"เข้ามาได้"
ฉางอี้เปิดประตูเดินเข้ามา เขาไม่ปิดประตู 2 บาน แต่เลือกแง้มไว้ 1 บาน เพื่อเป็นการให้เกียรตินาง ฉางอี้เดินตรงมายังโต๊ะกลางห้องพร้อมทั้งวางห่อผ้าและใบยืนยันซื้อขายกับทางร้าน
หลินหลินเปิดห่อผ้าดู ฉางอี้เลือกเป็นปิ่น ต่างหู นางเดาว่าที่เขาไม่เลือกแหวนเพราะคงกลัวว่าผู้รับจะใส่ไม่พอดี
หลินหลินยิ้มน้อย ๆ สิ่งที่นางสนใจไม่ใช่ว่าเขาเลือกอะไรมา แต่เป็นใบบันทึกการซื้อขายกับทางร้าน เขาเป็นคนที่ซื่อสัตย์เหมือนที่ระบบบอกไว้จริง ๆ
หลินหลิน ยื่นถุงผ้าให้ฉางอี้ เขาขอบคุณนางหลายต่อหลายครั้ง ในมือกำเหรียญไว้แน่น
ฉางอี้มั่นใจว่าเขาต้องได้มากถึง 1 ตำลึงแน่นอน ขอบคุณสวรรค์ ขอบคุณสวรรค์ เขาพยายามใช้ชีวิตต่อไป....
ฉางอี้เก็บถุงเงินเข้าอกเสื้อ เพราะยังไม่ถึงเวลาเข้างาน ฉางอี้จึงตัดสินใจกลับบ้าน เอาเงินไปเก็บที่บ้านย่อมปลอดภัยกว่า
เมื่อมาถึงบ้าน ฉางอี้ก็รีบเดินตรงเข้าไปในห้องนอน เขาซ่อนเงินเก็บไว้ใต้โต๊ะเขียนหนังสือเก่าๆ ใกล้พังตัวหนึ่ง ความจริงโต๊ะตัวนี้ถูกทิ้งไว้ในซอยเปลี่ยว เขาเก็บมันมาและพยายามซ่อมมัน จึงได้รู้ว่ามันมีลิ้นชักลับ
เมื่อรู้ดังนั้นเขาจึงปล่อยให้สภาพมันพังอย่างเดิม แต่ใช้ช่องลับแทน ใครที่มาเห็นก็จะคิดว่าแค่โต๊ะพังๆ ตัวหนึ่ง ไม่น่าสนใจอะไร
ฉางอี้หยิบถุงผ้าออกจากอกเสื้อ เขาเทเหรียญตำลึงออกมาเพื่อเก็บลงลิ้นชัก แต่ต้องขยี้ตา....เพราะไม่ใช่เหรียญเงิน แต่เป็นเหรียญทอง!..... 2 เหรียญทองประกบติดกัน ร้อยด้วยด้ายแดง
น้ำตาลูกผู้ชายไหลรินอย่างไม่อายใคร เสียงร้องไห้ที่ดังออกมาทำให้มารดาของฉางอี้ที่อยู่ห้องข้างๆ ต้องรีบพยุงตัวลุกขึ้นจากเสื่อ
นางใช้เรี่ยวแรงที่มีทั้งหมด รีบเข้ามาหาลูกชายและกอดเขาเอาไว้เท่าที่แรงนางมี
“อาอี้ แม่อยู่นี่ ลูกเป็นอะไรเจ้า แค่กๆ แค่ก เป็นอะไรร้องไห้ทำไม แค่กๆ “
"ท่านแม่.... ท่านแม่ ...ฮือๆ ข้าดีใจขอรับ ดีใจเหลือเกิน สวรรค์ท่านเมตตาพวกเราแล้ว ท่านได้ยินคำขอของข้าแล้ว ฮือๆ "
นางฉางหยู เมื่อได้ยินว่าไม่ใช่เรื่องร้าย ก็ได้แต่รอให้ลูกของนางสงบลงโดยโอบกอดลูกของนางไว้
ฉางอี้เมื่อได้ระบายออกมาแล้ว เขาก็สวมกอดมารดา
"เรามีเงินรักษาท่านแล้วขอรับ"
ฉางอี้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้มารดาฟัง เมื่อฟังจบมารดาก็คุกเข่าโขกหัวขอบคุณสวรรค์ เด็กน้อยฉางลี่ลี่เห็นอย่างนั้นก็ทำตาม
"ลี่ลี่ขอบกุนสาวันเจ้าคร้า" (ลี่ลี่ขอบคุณสวรรค์เจ้าค่ะ)
ทั้ง 3 กอดกันกลม นี่เป็นความรู้สึกที่โล่งใจ สบายใจ ดีใจครั้งแรกในชีวิตพวกเขา....
ฉางอี้วางแผนจะรักษามารดาก่อนอย่างแรก เขาต้องเดินทางขึ้นเหนือถัดจากเมืองนี้ไป 2 เมือง ฉางอี้ปรึกษามารดา เขาจะลาออกจากงานวันนี้และออกเดินทางพรุ่งนี้
พวกเราจะไปตั้งรกรากอาศัยอยู่ยังเมืองที่ท่านหมออยู่ ฉางอี้ตั้งใจจะหางานทำในเมืองที่มารดารักษาตัวเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย แม้มีเงิน....แต่เขาก็ยังเลือกที่จะประหยัดทุกทาง ใช้จ่ายทุกอย่างให้รัดกุม วันนี้เขาจะกลับไปลาออกเลยและเก็บของ ติดต่อเช่าเกวียนเพื่อออกเดินทางพรุ่งนี้
เขาจำได้ว่าคุณหนูเข้าพัก 3 คืน นางจะอยู่ถึงพรุ่งนี้ เขาอยากจะไปขอบคุณคุณหนูอีกครั้ง วันนี้จึงมาดักรอที่โรงเตี๊ยม รอแล้วรออีกจนดึกแล้วก็ยังไม่พบ จึงถามเสี่ยวเอ้ออีกคน ก็ได้คำตอบว่านางออกจากห้องหลังฉางอี้ไปแป๊บเดียว
ฉางอี้รอตั้งแต่ยามซื่อ - ยามซวี (09.00-20.59) แต่ก็ไม่พบคุณหนูท่านนั้น นางไม่ได้กลับมาโรงเตี๊ยม...
ความผิดหวังถาโถมเข้าใส่ฉางอี้ ราวกับแสงสว่างที่ริบรี่