“ผมเรียกคุณเก้าได้ไหมครับ”
“ได้สิคะ แล้วให้เก้าเรียกคุณว่าอะไรดี หรือให้เรียกบอสตามยัยพลอย”
“โห ไม่เอาดีกว่า คำนั้นให้แค่พนักงานที่โชว์รูมเรียกพอแล้ว คุณเรียกผมว่าพี่เวย์ก็ได้ครับ ผมชื่อเวธิศ หรือว่าจะเรียก...ที่รัก ผมก็ไม่ติดนะ”
อีกฝ่ายหยอดแบบทีเล่นทีจริง แต่เพราะหน้าตาเป็นมิตรหรือรอยยิ้มตารูปสระอิน่ารักนั่น เลยทำให้คนฟังไม่ได้รู้สึกตะขิดตะขวงใจ
“งั้นเก้าขอเรียกคุณเวย์แล้วกันนะคะ”
“ตามสบายครับ ว่าแต่คุณเก้าจะดื่มอะไรดี”
“อะไรกันคะบอส มาตั้งสองคน แต่ถามแค่ยัยเก้า ไม่แฟร์เลย” พลอยพราวแกล้งตัดพ้อ ก่อนหันไปขยิบตาให้เพื่อนสาวที่ดูท่าจะตกบอสเธอได้ตั้งแต่แรกพบ ส่วนเธอก็แอบเล็งเพื่อนคนหนึ่งของบอสที่นั่งใกล้ๆ เขาอยู่เหมือนกัน เรียกว่าต่างคนต่างปักหมุดเป้าหมายของตนไม่ทับไลน์กัน
ยิ่งตกดึกบรรยากาศในผับก็ยิ่งคึกคัก เสียงเพลงจังหวะเร้าใจทำให้คนที่มาต่างออกไปวาดลวดลายโชว์สเต็ปกันอย่างสนุกสนาน นพรดาและพลอยพราวกลายเป็นดาวเด่นของฟลอร์ที่มีหนุ่มๆ แวะเวียนมาขอเต้นรำด้วยไม่ขาด โดยเฉพาะเวธิศที่คอยประกบสองสาวไม่ห่างราวกับเป็นบอดี้การ์ด
นพรดาไม่ได้ออกมาเที่ยวกลางคืนแบบนี้นานมากแล้ว ตั้งแต่เข้ามาทำงานที่บริษัท ไหนบอสของเพื่อนก็คุยสนุกเป็นกันเองจนทำให้เธอหายประหม่า และทำตัวกลมกลืนกับเขาได้อย่างสนิทใจ เวธิศเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์คนหนึ่ง แถมยังช่างเอาใจ
“นี่ครับมาการิต้าของคุณเก้า” จู่ๆ เขาก็ส่งแก้วค็อกเทลสีสวยให้เธอหลังจากที่กลับมานั่งพักที่โต๊ะ
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวตอบพร้อมกับยกแก้วค็อกเทลขึ้นจิบ พลางรู้สึกถึงความร้อนวาบไปทั้งตัวมากกว่าแก้วก่อนหน้าที่ดื่มไป อาจเพราะแก้วนี้ใส่เตกีล่าหรือเหล้าเยอะไปหน่อย หรือไม่ก็เพราะคืนนี้เธอดื่มไปมากกว่าปกติ เพราะความสนุกและบรรยากาศพาไป แต่ยังพอประคองสติได้อยู่ไม่ได้เมาอะไร
“เห็นคุณพลอยบอกว่าตอนนี้คุณเก้าเป็นเลขาผู้บริหารหรือครับ”
“ค่ะ”
“แล้วเคยอยากลองเปลี่ยนที่ทำงานดูไหมครับ แบบเปลี่ยนไปหาประสบการณ์ที่อื่นดูบ้าง” เวธิศยิงคำถามด้วยใบหน้ายิ้มๆ
“ก็เคยคิดนะคะ”
“ว้า...แค่คิดเท่านั้นหรือครับ”
นพรดาเสยกแก้วมาการิต้าขึ้นมาจิบสวยๆ จะให้บอกได้ไงว่าเธอโปรยใบสมัครไปทั่วแล้ว แต่ไม่มีที่ไหนติดต่อมา หรือถ้ามีติดต่อมาก็ให้เงินเดือนแสนจะน้อย
“ก็ถ้ามีที่อื่นที่ดีกว่าและน่าสนใจ เก้าก็อยากลองดูเหมือนกันค่ะ” หญิงสาวกึ่งยิงกึ่งผ่าน
“งั้นถ้าคุณสนใจ...” เขาพูดพลางหยิบนามบัตรออกมายื่นให้ “ก็โทรหาผมได้ทุกเมื่อนะครับ หรือเราแลกไลน์กันไว้ก็ได้ จะได้คุยกัน ไม่ต้องเรื่องงานก็ได้”
นพรดารับนามบัตรของเขามา และยอมแอดไลน์กับอีกฝ่าย พร้อมส่งยิ้มให้แบบแบ่งรับแบ่งสู้ แต่ก็ไม่รังเกียจที่จะคีปคอนเนคชั่นกับอีกฝ่ายไว้ เผื่อในอนาคตข้างหน้าใครจะไปรู้ได้
วันดีคืนร้ายเกิดอีตาบอสจอมโหดของเธอนึกอยากไล่ตะเพิดกันขึ้นมา อย่างน้อยก็พอมีทางเลือกเพิ่ม ไม่ต้องตกงานกินแกลบไง
คิดเพลินๆ จู่ๆ โทรศัพท์ในมือก็สั่นครืดๆ ขึ้นมาขัดจังหวะ พอเห็นชื่อที่ขึ้นหน้าจอ ใบหน้าสวยเก๋ก็ออกอาการเซ็งขึ้นมาทันที
‘พ่อคนที่สอง’ จะใคร ถ้าไม่ใช่เขา แต่นี่มันเวลาไหน เลิกงานตั้งนานแล้ว วันนี้เธอไม่มีอารมณ์จะทำโอฟรีด้วยเลยแกล้งกดปิด
“ไม่รับสายเหรอครับ”
“เบอร์แปลกน่ะค่ะ สงสัยจะเป็นพวกมิจฉาชีพ” เวธิศ พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
ไม่ถึงสองวินาที โทรศัพท์ของนพรดาก็สั่นครืดๆ ขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้กลับเป็นเบอร์โทรแปลกจริงๆ ไม่มีชื่อ หญิงสาวหรี่ตามองอย่างชั่งใจ ความสงสัยทำให้เผลอกดรับ
“คุณกดตัดสายผมทำไมเนี่ย”
เลขาสาวสะดุ้งโหยง เกือบปาโทรศัพท์ทิ้งลงพื้นเสียเดี๋ยวนั้น จนได้ยินเสียงเย็นเฉียบข่มขวัญถามผ่านสายอีกหน เธอจึงได้สติรีบหันไปก้มศีรษะให้เวธิศนิดๆ เชิงขอโทษที่ต้องรับสาย ก่อนเดินเลี่ยงออกไปข้างนอกเพื่อเลี่ยงเสียงเพลงที่ดังมาก
“ค่ะบอส”
“มารับผมทีสิ” ฟังแล้วอยากจะบึนปากใส่ เขาเห็นเธอเป็นอะไรเนี่ย เลขาหรือว่าคนขับรถ
“งั้นเดี๋ยวเก้าโทรเรียกลุงชัยคนขับรถให้นะคะ”
“ไม่! ผมต้องการให้คุณมารับด้วยตัวเอง มาเดี๋ยวนี้เลย!” สั่งเสร็จก็ตัดสายตามเคย ไม่รอให้ปฏิเสธด้วยซ้ำ
“อีบอสผีบ้านี่ มันใช่เวลาไหมเนี่ย”
นพรดาเผลอสบถด่า มือกำหมัดแน่น อยากจะกรี๊ดลั่นโลก นานๆ ทีเธอจะได้เฉิดฉาย ได้เที่ยวหาความสุขใส่ตัวบ้างอะไรบ้าง ก็ต้องมีมารคอหอยที่คอยขัดขวางความสุขเสียนี่
ไม่ไปได้ไหมเนี่ย!
เธอก็ได้แต่คิดเท่านั้น ในเมื่องานใหม่ยังหาไม่ได้ งานที่ เวธิศเสนอมาก็ยังเล่นตัวไม่ได้ตอบตกลงไป จะทำไงได้นอกจาก...
ทำใจและทำตามคำสั่งของคนผีบ้านั่น มือเรียวสวยรีบต่อสายหาเพื่อนรักทันที
“ยัยพลอย ฉันกลับก่อนนะ ฝากขอโทษคุณเวย์ด้วยที่ไม่ได้เข้าไปบอกกล่าว”
“อ้าว! เกิดอะไรขึ้นแก ทำไมมาทิ้งกันกลางทางงี้ล่ะ แล้วนี่แกอยู่ไหน”
“ฉันออกมาแล้ว กำลังรอเรียกแท็กซี่หน้าผับ”
“เรียกไปไหน เดี๋ยวฉันไปส่ง” พลอยพราวถามอย่างเป็นห่วง
“ก็บอสฉันน่ะสิ บอกให้ไปรับเขาที่งานเลี้ยง จะเรียกคนขับรถให้ก็ไม่ยอม ต้องให้ไปรับด้วยตัวเอง เผด็จการชะมัด” เลขาสาวบ่นอย่างหัวเสีย ก่อนจะหันไปเห็นรถแท็กซี่ที่วิ่งผ่านมาจึงรีบโบกรัวๆ
“แก แท็กซี่มาแล้ว ค่อยคุยแล้วกันนะ”
“เออๆ มีอะไรก็โทรมาแล้วกัน” นพรดาได้แต่ถอนหายใจก่อนตัดสายเพื่อนไปอย่างเสียดาย
หมูเขาจะหาม ทำไมต้องมีอีบอสมาสอดทุกทีเลยเนี่ย!!
“แล้วทำไมเพิ่งมาพูดเอาตอนนี้”“เพราะผมเป็นคนโง่ที่ไม่รู้จักหัวใจตัวเองไง แต่พอเกิดจะรู้สึกตัวขึ้นมาอีกที หัวใจผมก็หายไปแล้ว... ตอนนี้ผมไม่ใช่เจ้านาย และคุณเองก็ไม่ใช่เลขาของผมอีกต่อไป ฉะนั้นผมเลยไม่มีอำนาจอะไรจะไปบังคับคุณได้ ตอนนี้ผมมันก็เป็นได้แค่เพียงผู้ชายธรรมดาๆ คนนึงที่รักคุณอย่างหมดหัวใจ...ผมมาที่นี่เพราะผมรู้แล้วว่า คุณเป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิต และผมไม่ต้องการสูญเสียคุณไปอีกแล้ว แต่งงานกับผมนะครับขวัญฟ้า”นานทีเดียวกว่าหล่อนจะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด หญิงสาวแกล้งอมยิ้มถามตาเจ้าเล่ห์“ไปเอามาจากไหนคะ” “ครับ?”“ก็คำพูดน้ำเน่าๆ เมื่อกี้น่ะสิ ท่องมากี่วัน”“แล้วคุณซึ้งบ้างไหมล่ะ”“ก็พอใช้ได้นะคะ” ระพีวิชญ์ยิ้มแก้มปริ ก่อนหุบฉับ “แต่คงต้องฝึกอีกเยอะ”“แปลว่าตกลง” หล่อนไม่ตอบแต่กลับย้อนถาม“แล้วคุณไม่กลัวพ่อฉันตีหัวแตกอีกหรือไง พ่อฉันน่ะไม่ใช่แค่มือหนักนะ ยิงปืนก็แม่นด้วย”คำถามนั้นทำเอาระพีวิชญ์อดหัวเราะไม่ได้ ทำไมเขาจะไม่รู้ฤทธิ์เดชว่าที่พ่อตาจอมดุ เขาเองก็เกือบตายเพราะถูกพ่อเลี้ยงดามพ์แพ่นกบาลแยกมาแล้ว “กลัวสิ” เขาแกล้งทำหน้าขรึม “ แต่...ทำไงได้ล่ะ ผมรักลูกสาวท่านนี่ ก็คงต
หล่อนหัวเราะเสียงใส เมื่อได้ยินคำบ่นของอีกฝ่ายกลับมา ระยะหลังๆมานี่ความสัมพันธ์ระหว่างหล่อนกับแม่เลี้ยงสาวดูเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นกว่าเดิมมาก แม้สรรพนามที่ใช้เรียกขานก็เปลี่ยนจาก “คุณอร” เป็น “น้าอร” ไปด้วย ทว่าให้สนิทสนมกันมากขึ้นเท่าใด หล่อนก็ยังไม่กล้าพอที่จะเรียกอีกฝ่ายว่า “ แม่” และดูเหมือนคุณอรไพลินเองก็พอใจกับฐานะของตัวเอง และไม่เคยเรียกร้องอะไรเช่นกัน“ป๋ามีอะไรคะ ...จะให้ขวัญไปต้อนรับแขกพิเศษ? ได้ซิคะ ว่าแต่แขกพิเศษที่ว่านี่ใครเหรอคะชื่ออะไร และจะมาเมื่อไหร่ล่ะคะ หา...ว่าไงนะ?!! …มาถึงที่โรงแรมแล้วเหรอ ป๋าทำงี้ได้ไง...”ขวัญฟ้าแทบกรี๊ดสลบ ทว่าอีกฝ่ายรู้ทันชิงวางสายไปก่อน ทำให้หล่อนหมดโอกาสปฏิเสธไปโดยปริยาย“แขกพิเศษ ใครกันนะ?” หญิงสาวทำหน้ายุ่ง ชักเริ่มสังหรณ์ใจแปลกๆ‘ห้องรับแขกพิเศษ’ ที่ใช้รับรองเฉพาะแขกวีไอพีสำคัญๆของโรงแรมที่ส่วนมากจะเป็นผู้มีชื่อเสียงระดับประเทศ หรือไม่ก็อาจเป็นแขกของท่านเจ้าของโรงแรมเอง ภายในตกแต่งตามสไตล์ล้านนางดงาม เพดานสูงสลักเสลาด้วยไม้แกะสลักสวยแปลกตาเข้ากับบรรยากาศรอบๆ และเมื่อมองผ่านมีหน้าต่างกระจกบานใหญ่ที่มีกรอบโค้งยาวจรดพื้นจะเห็นบริเ
“ตัวก็สูงนะคะ หุ่นคล้ายๆนางแบบ แต่ดูสวยสง่ากว่าเยอะเลยค่ะ อ้อ...แล้วเวลายิ้มมีรอยลักยิ้มน่ารักๆด้วยล่ะค่ะ”“คุณขวัญฟ้า!” อธิปัตย์งึมงำ ทำให้ทุกคนหันไปมองอย่างสนใจ ฝ่ายระพีวิชญ์ถึงกับนิ่งอึ้งไป จนกระทั่งพยาบาลคนนั้นออกไปจากห้อง คนเป็นเพื่อนจึงอดถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้“เอาไงดีล่ะไอ้พี” คนถูกถามนิ่งคิดไปพักเดียวก็ยิ้มออกมา ในขณะที่คนอื่นๆล้วนรอฟังคำตอบ“ก็แกบอกฉันเองไม่ใช่เหรอว่า ฉันกำลังจะกลายเป็นผู้บริหารที่เนื้อหอมที่สุดในประเทศ แล้วฉันจะทำงานเยอะๆ ได้ไงล่ะ ถ้าไม่มี...ผู้ช่วย...จริงไหม...”ชายหนุ่มเอ่ยออกมาด้วยสีหน้ามุ่งมั่น ดวงตาเป็นประกาย คำตอบนั้นแม้ไม่ให้ความกระจ่างอะไรซักนิดหากคำว่า ‘ผู้ช่วย’ ของเขานั้น ทำให้รัชนีพัชราถึงกับหน้าม่อยลงอย่างผิดหวังอย่างแรง หลังจากการแถลงข่าวเรื่องโครงการก่อสร้างรีสอร์ตสุดหรูในเครือ ทวิชา โฮเต็ลแอนด์รีสอร์ตเสร็จสิ้นลงไปไม่นานนัก ข่าวต่างๆก็เริ่มตามมาเป็นระลอก โดยเฉพาะกระแสข่าวเล็กๆน้อยๆของนักบริหารหนุ่มรูปหล่อคนใหม่ของเมืองไทยเท่านั้นที่ยัง เป็นข่าวรายวันอยู่ทุกคนล้วนจับตามองว่า สาวคนไหนกันแน่ ที่จะสามารถคว้าหัวใจ ชายหนุ่มที่แสนเพอร์เฟกค
กุหลาบแรกแย้มสีขาวสวย ตัวแทนของความรักบริสุทธิ์ที่ครั้งหนึ่งหล่อนเคยได้รับจากใครคนหนึ่ง หากมายามนี้มันกลับเปื้อนทั้งหยดเลือดและหยาดน้ำตา ขวัญฟ้าเงยหน้ามองเพดาน หลับตานิ่ง เพื่อสะกดกลั้นไม่ให้น้ำตาแห่งความเจ็บปวดไหลออกมา ดอกกุหลาบงามหลุดมือร่วงลงสู่พื้นช้าๆ พร้อมกับหัวใจรักอันชอกช้ำ... จบสิ้นกันเสียที“ขอให้คุณสมหวังกับคนที่คุณรักอย่างแท้จริงนะคะ ลาก่อน... ”“ไง เพื่อนยาก” อธิปัตย์โผล่หน้าเข้ามายิ้มทะเล้น“ไปไหนมาคะพี่ปัตย์ เพื่อนเจ็บทั้งทีจะดูแลบ้างก็ไม่มี” คนเป็นน้องแกล้งตวาดแวด ทว่าคนถูกตวาดใส่กลับลอยหน้าลอยตาทำไม่รู้ไม่ชี้“เรื่องอะไรพี่ต้องดูด้วย ถึงไม่มีพี่ ไอ้พีมันก็มีคนที่อยากดูแลอยู่แล้วนี่ จริงไหมครับ...”คนถูกกระแนะกระแหนหันไปพยักเพยิดกับคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง ระพีวิชญ์ขมวดคิ้ว แต่พอประตูเปิดกว้าง รอยสงสัยจึงกลับกลายเป็นความดีใจแทน “พี่วินทร์!” คนเจ็บทำท่าจะลุก ทำให้หญิงสาวที่อยู่ใกล้ๆต้องรีบเข้ามาประคองไว้ อธิปัตย์เปิดทางให้ไรวินทร์เดินนำเข้ามาก่อน แต่พอตัวเขาจะก้าวตามเข้ามาก็บังเอิญเหลือบไปเห็นดอกกุหลาบตกที่พื้นเสียก่อนชายหนุ่มเอียงคอมองอย่างสงสัย ก่อนก้มเก็บ
เสียงเด็กน้อยยังคงพร่ำเรียกร้องความสนใจอย่างไม่ย่อท้อนั้นทำให้หล่อนได้คิด หล่อนจึงตัดสินใจร้องบอกคนขับ“เอ่อ...คุณช่วยเปิดกระจกแป๊บนึงได้ไหมคะ ฉันอยากได้ดอกไม้”แม้ขัดใจหากคนฟังก็จำต้องเปิดกระจกให้อย่างเสียไม่ได้ ดอกกุหลาบหลากสีหลายดอกชูช่อสวยน่ารัก ทว่าหญิงสาวกลับเลือกหยิบเพียงดอกกุหลาบแรกแย้มสีขาวสะอาดขึ้นมาเพียงดอกเดียว ทำให้คนขายตัวน้อยถึงกับหน้าเสีย “ไม่รับเพิ่มอีกซักดอกหรือจ๊ะพี่สาว สวยๆทั้งนั้นเลย ซื้อหลายดอกหนูลดให้ก็ได้นะ”“ไม่ล่ะจ้ะ พี่ขอกุหลาบสีขาวนี่ดอกเดียวพอแล้ว เอ้า...นี่เงินค่ากุหลาบจ้ะ”หล่อนส่งเงินให้ แต่พอหนูน้อยเห็นก็อุทาน“แบ๊งค์พัน! โอ้ย!...พี่ไม่มีแบ๊งค์ย่อยเหรอจ้ะ เช้านี้หนูเพิ่งขายได้ไม่กี่ดอกไม่มีเงินทอนหรอกจ้ะ”“ไม่ต้องทอนหรอกค่ะ เก็บไว้ซื้อขนมกินเถอะ พี่ให้”“คุณครับ ไฟเขียวแล้ว” คนขับหันมาเตือน ทำให้หญิงสาวต้องรีบยัดเงินใส่มือเด็กน้อยที่สั่นเทาด้วยความตื่นเต้น พลางเงยหน้าส่งยิ้มแป้นให้ ดวงหน้าขะมุกขะมอมสว่างสดใสขึ้น ดุจแสงแรกของดวงตะวัน ก่อนยกมือไหว้ท่วมหัว“ขอบคุณค่าพี่สาวคนสวย หนูขอให้พี่โชคดี มีแฟนหล่อๆ รวยๆ นะจ้ะ” คนได้ฟังอดยิ้มเศร้าๆ กับตัวเ
“คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ”คุณหมอเดินออกมาแจ้งกับผู้หญิงร่างบางที่ยืนรออยู่หน้าห้อง แล้วหันไปกล่าวกับชายร่างสูงที่สวมชุดปลอดเชื้อซึ่งเดินตามออกมาทีหลัง“โชคดีมากๆเลยนะครับที่ได้คุณหมอเก่งๆอย่างคุณไรวินทร์มาช่วยอีกแรง”“คุณหมอชมผมเกินไปแล้วครับ ที่จริงผมก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากมายเลย”“แต่ดิฉันเห็นด้วยกับคุณหมอนะคะ โชคดีมากๆ ที่คุณวินทร์ยอมกลับมา ไม่งั้นฉันก็คงทำอะไรไม่ถูกแน่ๆ ยิ่งตอนนี้คุณระพีวิชญ์ก็ไม่อยู่ด้วย มีหวังดิฉันแย่แน่ๆ เลยค่ะ” สราวดีส่งยิ้มบางๆ ให้“ติ๊ดๆ”เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น สราวดีรีบเปิดกระเป๋าหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา หล่อนหันไปบอกชายหนุ่มข้างๆ ที่เตรียมเดินเลี่ยงไปอีกทางอย่างรู้มารยาท“เบอร์ที่บ้านน่ะค่ะ” ไรวินทร์พยักหน้าน้อยๆ เชิงรับรู้“ค่ะ คุณนิ่ม...ว่าไงนะคะ ใครเป็นอะไรนะคะ ตอนนี้อยู่ที่ไหน ค่ะๆ เข้าใจแล้ว เดี๋ยวฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลย... ”คนฟังไม่ทันเอ่ยถาม หญิงสาวก็รีบหันมาบอกเสียก่อน “คุณวินทร์คะ คุณนิ่มเพิ่งโทรมาบอกให้รีบไปที่โรงพยาบาลค่ะ เรื่องคุณระพีวิชญ์...”“จริงสิ! นายระพีวิชญ์ถูกยิง” ไรวินทร์เพิ่งนึกได้ “เขาเป็นไงบ้าง”“ตอนนี้ยังอยู่ในไอซียูค่ะ”“งั้นคุ