วิญญาณสาวใหญ่สมหญิง บุญเมตตา สาวโสดวัยหมดเมนส์ผู้ยังใช้คำนำหน้าว่านางสาว ตื่นขึ้นมาในร่างสาวน้อยนามว่าลี่ชิง
ลี่ชิงวิญญาณออกจากร่าง เรียกง่าย ๆ คือตายแล้ว นางเสียเลือดมากเกินไปจากการคลอดทารกแฝด
สวรรค์สร้างหรือนรกส่ง เยว่เหล่าจึงถีบวิญญาณสมหญิงเข้ามาในร่างเด็กสาวผู้กำลังแหกขาคลอดลูก กว่าเจ้าเด็กอ้วนสองคนจะหลุดออกมาจากท้องได้ เล่นเอาวิญญาณสาวใหญ่ถึงกับหมดเรี่ยวแรง
ลี่ชิงสมหญิงรู้สึกสำนึกพระคุณแม่ขึ้นมาทันที
คลอดลูกมันทำไมยากลำบากอย่างนี้ ยิ่งมีเจ้าก้อนแป้งสองก้อนในท้องยิ่งลำบากลำบนเข้าไปอีก เกิดใหม่อีกทีก็ได้แหกขาคลอดเลย ทั้งที่ไม่ได้ผ่านขั้นตอนหฤหรรษ์ถูกเสกเด็กเข้าท้อง จะสนุกเสียวซาบซ่านเพียงใดก็ยังไม่เคยสัมผัส
เยว่เหล่ารังแกข้า!
ฟื้นมาปุบปับได้รับความรู้สึกเจ็บปวดทรมานในการคลอดทันที
ฮึ! สาแก่ใจท่านแล้วกระมังผู้เฒ่าจันทรา
บนเตียงกว้างในห้องนอนตกแต่งอย่างเรียบง่าย เครื่องเรือนมีราคาปานกลาง มุ้งหมอน ผ้าปูเตียงเนื้อดี เสียงอุแว๊ ๆ ๆ อะแง๊ ๆ ๆ ๆ ๆ ดังรบกวนโสตประสาทให้ต้องตื่นขึ้นมาอย่างไม่เต็มใจนัก
บนเตียงกว้างวิญญาณสาวใหญ่ในร่างสาวน้อยรู้สึกตัวตื่นเพราะเสียงเด็กร้อง ลี่ชิงคนใหม่ลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก รู้สึกปวดหน่วงตรงปากช่องคลอด ปากแผลยังปวดหนึบจนชา เสียงเด็กร้องไห้จ้ายังดังเข้าหูมาเป็นระยะ
มือเรียวคว้าสะเปะสะปะไปด้านข้าง รู้สึกถึงหมอนรองนอนแข็งโป๊ก
'นี่มันหมอนอะไรกัน หมอนคนโบราณทำไมมันแข็งอย่างนี้' สมหญิงในร่างลี่ชิงได้แต่บ่นในใจ
พลันจมูกได้กลิ่นหอมละมุน กลิ่นหอมชวนให้สบายใจ กลิ่นหอมบอกไม่ถูกมันเป็นกลิ่นที่ผสมปนเปกับผิวเนื้อเรือนกายคน กลิ่นหอมเย็นเคล้ากลิ่นบางอย่างที่นางไม่เคยได้กลิ่นมาก่อน กลิ่นนุ่มชวนหลงใหล ชวนเคลิบเคลิ้มอย่างประหลาด
นางซุกจมูกลงสูดดมกลิ่นหอมติดผ้านี้อย่างเต็มปอด ยิ่งดมยิ่งรู้สึกผ่อนคลาย ที่ไหล่รู้สึกถึงความอุ่นซ่านประคองกอด นี่มันอะไรกัน จมูกโด่งรั้นยังซุกไซ้สูดดมกลิ่นหอมทั้งที่ตายังลืมไม่ขึ้น
"ชอบกลิ่นพี่มากหรืออย่างไร" เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยขึ้นแผ่วเบา
"ว๊าย ...ทะ ท่าน"
คุณป้าสมหญิงตาโตเท่าไข่ห่าน เมื่อพบว่าสิ่งที่นอนหนุนอยู่นั้นคือท่อนแขนของบุรุษ สายตากวาดมองทั่วเรือนร่างแข็งแกร่งหนั่นแน่นเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อทุกสัดส่วน เรือนกายกำยำล่ำสัน แววตาเจ้าเล่ห์อย่างบัณฑิตผู้มีภูมิ ใบหน้าหล่อเหลาร้ายกาจ ปากหยักสีระเรื่อชวนจูบจุมพิต ผิวเนียนละเอียดคร้ามแดดเล็กน้อย
"เหตุใดจึงมองสามีเช่นนี้ชิงเอ๋อร์ เจ้าฟื้นแล้วรึ เจ็บแผลหรือไม่"
"จะ เจ็บ เจ้าค่ะ" สาวน้อยกลอกตาไปมาอย่างระแวดระวัง
"ให้พี่ดูแผลหน่อยได้หรือไม่" หน้าหล่อคมหันมาถาม กอดนางไว้ในวงแขน
"ห๊า...ดูแผลตรงไหนกัน" ในใจนางกระตุกวูบ อะไรกันนอกจากฟื้นมาในร่างแหกขาคลอดแล้วยังต้องมาแหกขาให้ผู้ชายดูน้องสาวอีกเหรอ เกินไปแล้วนะเยว่เหล่า เกินไปแล้ว
"ไม่ได้ ข้าอาย"
"อายอันใดกัน จำไม่ได้รึว่าก่อนเรามีบุตร เจ้าชอบให้พี่ชิมตรงนั้น" เขาพูดเสียงกระเส่าลามก
ตอนนี้แก้มใสแดงแปร๊ดลามไปถึงใบหู ได้แต่ซุกหน้าเข้าหาฝ่ามือของตนเอง
"หยุดพูดนะ ห้ามพูดเช่นนี้"
"เราเป็นสามีภรรยากันอายอันใด พี่เห็นหมดแล้ว ตกลงให้พี่ดูได้หรือไม่"
"ไม่ได้ ยังไม่ได้ มันยังไม่สวย" ลี่ชิงสมหญิงนึกถึงสภาพน้องสาวผ่านสมรภูมิการคลอดมาหมาดๆ จะให้ผู้ชายมาแหกดูได้ยังไง ตั้งแต่ฟื้นมายังไม่ทันได้สำรวจของตัวเองเลย
"สวยหมายถึงงามอย่างนั้นรึ เจ้างามเสมอสำหรับพี่" เสียงทุ้มเอ่ยปลอบประโลม
"ท่านช่วยเลิกกอดข้าประเดี๋ยวเถิด ไปเอาเจ้าก้อนซาลาเปาสองก้อนมากินนมข้าด้วย"
"เจ้าเรียกบุตรของเราว่าอย่างไรนะ"
"เจ้าก้อนซาลาเปา"
"มารดาช่างใจร้าย ใยไม่เรียกว่าบุตรชายบุตรสาวเล่า"
"เอ่อ...ความหมายเดียวกัน" สมหญิงตอนนี้ทำหน้าไม่ถูก ตื่นมาก็มีลูกเลย ให้ผูกพันกับก้อนแป้งยักษ์สองก้อนที่เพิ่งหลุดออกมาจากรูน้องสาวกะทันหันขนาดนี้ โทษนะยังไม่ได้ทำใจ
ร่างแกร่งคลายวงแขน เดินไปที่เตียงทารก อุ้มก้อนแป้งยักษ์มาส่งให้นางทีละก้อน เด็กชายเด็กหญิงน้อยอ้าปากหิวนม ร้องไห้กระจองอแงแผดเสียงลั่น
"ให้พี่ช่วยเจ้าเถิดฮูหยิน"
สามีสุดหล่อเดินเข้ามาหา ช่วยกระตุกสาบเสื้อเผยให้เห็นเต้านมอวบตึงพ้นออกจากเสื้อนาง มือหนาประคองบุตรทั้งสองเข้าหาเต้านม ช่วยจัดท่าทางซ้ำยังช่วยประคองจับเต้านมของนางใส่ปากน้อยที่กำลังทำปากจุ๊บจั๊บอยากดื่มนมมารดา
สายตาคมมองนางอย่างเสน่หาปนแววตาภาคภูมิใจ นั่งมองภรรยาให้นมบุตรด้วยแววตาตื้นตัน
วิญญาณสาวใหญ่ได้แต่ร้องประท้วงเยว่เหล่า ตอนนี้นางกำลังอวดทรวงอกใหญ่อร่ามตา ให้นมบุตรต่อหน้าสามี แก้มร้อนผ่าวแดงก่ำจนเปลี่ยนเป็นสีแทบดำคล้ำ
ตั้งแต่เกิดมาจนอายุ 48 ปีไม่เคยให้ผู้ชายคนไหนได้เห็นหน้าอกมาก่อน นี่อะไรทั้งช่วยจับเต้า ทั้งช่วยจัดท่า
วิญญาณสมหญิงมองเด็กน้อยดื่มนมจากเต้า น้ำตาใสไหลรินหลั่งออกมาเองโดยไม่อาจควบคุมได้
"ฮือๆๆๆๆๆๆ" นางร้องไห้โฮออกมาอย่างดัง
"เป็นอะไรไปฮูหยิน เจ็บเต้านมรึ" สามีได้แต่กลอกตาไปมา ทำหน้าเลิ่กลั่ก ทำตัวไม่ถูก
"ข้า...ข้าเป็นอะไรก็ไม่รู้ ฮือ ๆ ๆ ๆ ดีใจ ปลื้มใจได้เป็นแม่คนแล้ว ลูกของเราช่างน่ารัก ท่านก็น่ารัก น่ารักไปหมดเลย ฮือ ๆ"
สามีหนุ่มหล่อได้แต่ยิ้มขำภรรยา เขาใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำมูกน้ำตาให้แม่ลูกอ่อน เข้าใจไปเองตามท่านหมอบอกว่าภรรยาอาจอารมณ์ไม่คงที่หลังคลอดบุตร....ใครจะไปนึกว่าในร่างนี้มันคือวิญญาณคุณป้าวัยหมดเมนส์กำลังตื้นตันที่ตัวเองได้เกิดใหม่พร้อมมีลูกทันที
สามีก็หล่อเหลาแสนดีออกปานนี้
มันโชคสองชั้นยิ่งกว่าป๊อกเก้าเด้งกินรอบวง
ราชโองการสมรสพระราชทานประกาศออกไปทั่วเมืองหลวง จวนพระราชทานหลังใหญ่มีแปดห้องนอนพร้อมเรือนย่อยอีกสี่เรือน พระสนมเฟยฉางให้ชื่อจวนนี้ว่าอ้ายหนี่ แรงงานมากมายถูกเกณฑ์มาสร้างจวนอ้ายหนี่ขึ้นอย่างเร่งด่วนให้แล้วเสร็จทันงานสมรสพระราชทาน จวนขนาดใหญ่สีขาวสะอาดตกแต่งด้วยคิ้วไม้หลี่สีน้ำตาลทอง เป็นจวนที่ถอดประกอบมาจากเมืองอื่นคล้ายกับเป็นการซื้อสำเร็จมาตั้งบนที่ดินที่เตรียมไว้ แล้วทาสีตกแต่งใหม่เพื่อให้ทันวันงาน ด้วยความที่ต้องสร้างจวนนี้ให้แล้วเสร็จภายในสองสัปดาห์ ช่างไม้ทั่วสารทิศรวมถึงช่างไม้หลวงรวมกับช่างไม้ที่ร้านของท่านราชครูแทบไม่ได้หลับได้นอน จวนอ้ายหนี่แล้วเสร็จในเวลาเพียงสิบวัน ใช้งบการสร้างส่วนพระองค์ประทานให้แก่แม่ทัพเหวินซูเป็นรางวัลทำศึก ส่วนเฉินเซียวหลางถูกองค์ฮ่องเต้กึ่งบังคับให้กลับไปรับตำแหน่งเดิมที่เคยสอบได้คือตำแหน่งจอหงวนหรือจ้วงหยวน รับหน้าที่ดูแลกรมการค้า ระดับขุนนางขั้นสาม บัญชีรายชื่อของเขายังอยู่ในระยะเวลาสองปีเพื่อเรียกมารายงานตัว พระสนมเฟยฉางรับเด็กฝาแฝดเป็นบุตรบุญธรรม พระสนมทูลเสนอให้เฉินเซียวหลางกลับไปรับตำแ
ลี่ชิงให้นมบุตรเรียบร้อย เด็กทั้งสองอิ่มจนหลับไป ญาติผู้ใหญ่ฝั่งแม่ทัพเหวินซูเอาเด็กน้อยทั้งสองไปอุ้มเล่น ผลัดกันอุ้มกับฮูหยินใหญ่ เสนาบดีเหวินหลางเยี่ยบิดาของแม่ทัพดีใจมาก อุ้มหลานชายไม่ยอมปล่อย ท่านราชครูอี้ชวนเข้ามาแย่งอุ้มพร้อมสวมกำไลข้อเท้าทำจากทองคำลายอินทรีย์ให้เด็กชายน้อย ท่านราชครูมอบกำไลข้อเท้าให้เด็กหญิงน้อยเช่นกัน เมื่อเหล่าคนแก่เห็นรอยยิ้มอันบริสุทธิ์ของเด็ก ยิ่งหลงใหลกว่าคราวที่ตนมีลูกเสียอีก ลี่ชิงนั่งหน้ามุ่ยเป็นกังวลเรื่องของตนเอง นางกลัวว่าทุกคนจะแย่งเจ้าลูกหมูน้อยไปจากอ้อมอก ลี่ชิงทั้งหวาดกลัวทั้งกังวลกับทุกเรื่องจนร้องไห้ออกมา เหวินซูกับเฉินเซียวหลางได้แต่เข้ามาปลอบนาง ช่วยเช็ดน้ำตาให้ไม่ห่าง ฮ่องเต้เสด็จ! ขันทีกล่าวด้วยเสียงแหลมเสียดแก้วหูดังขึ้นด้านนอก องค์ฮ่องเต้เสด็จมาจากทางตำหนักใหญ่ พระองค์อยากใช้ความคิดเพียงลำพังเกี่ยวกับเรื่องนี้ แม่ทัพคนโปรดคู่บัลลังก์หาเรื่องยุ่งยากซับซ้อนมาให้พระองค์ปวดหัวในรอบสิบปี ไหนจะเรื่องรางวัลทำศึกที่ขอไว้อีก มีอย่างที่ไหน อยากได้สตรีในจวนผู้อื่นเป็นรางวัลทำศึก
ทั้งแม่ทัพเหวินซูและเฉินเซียวหลางรวมถึงทุกคนทำหน้าเหมือนเห็นผี เจ้าลูกหมูก็ร้องโยเยขึ้นมา ลี่ชิงเดินไปอุ้มลูก ฮูหยินใหญ่เดินเข้ามาช่วยนางโอ๋เด็กน้อยทั้งสองให้เงียบเสียงลง เมื่อเจ้าลูกหมูถูกลี่ชิงอุ้มไว้ในอ้อมแขน เด็กน้อยซุกหน้าเข้าหาอ้อมอกมารดาอย่างคุ้นเคย ฮูหยินใหญ่อุ้มเด็กหญิงน้อยไว้ในอ้อมแขน เด็กหญิงดันกายออกจากอก ยื่นมือน้อยไปทางมารดา ลี่ชิงจำต้องนั่งลง อุ้มบุตรทั้งสองไว้ในอ้อมกอด “ข้าขออธิบายทีหลัง ที่นักพรตกล่าวเป็นความจริง ข้าไม่ใช่ลี่ชิง” คุณป้าสมหญิงถอนหายใจ กลัวอย่างเดียวว่าจะถูกแย่งลูกหมูไป แล้วคนพวกนี้ก็จับคุณป้าไปทรมานเหมือนในภาพยนตร์สยองขวัญ “พิสูจน์เลือดบุตรให้เสร็จสิ้นก่อนเถิด” เหวินซูกล่าวออกมา เขายังมองไปทางร่างบางกอดบุตรไว้ในอ้อมแขน นักพรตเริ่มพิธีกรรมอีกครั้ง นำจอกเลือดทั้งสองจอกมาวางตรงหน้าเหวินซู จอกเลือดอีกสองจอกมาวางตรงหน้าเฉินเซียวหลาง สองบุรุษลุ้นจนแทบขาดอากาศหายใจ เลือดของแม่ทัพเหวินซูรวมกับเลือดของเด็กชาย ส่วนเลือดของเด็กหญิงรวมกับเลือดของเฉินเซียวหลาง “เด็กชายเป็นบุตร
องค์ฮ่องเต้ประทับที่เก้าอี้ตำแหน่งประธาน ด้านข้างมีองค์สนมกุ้ยเฟยประทับเยื้องอยู่ทางด้านซ้าย ตำแหน่งรองลงมาคือราชครูอี้ชวนผู้เป็นท่านตาของแม่ทัพ เสนาบดีเหวินหลางเยี่ยบิดาแม่ทัพกับฮูหยินผู้เป็นมารดาแม่ทัพนามว่าอี้ฟางเจิน บุตรสาวราชครูอี้ชวน “ถวายพระพรฝ่าบาท ขอจงทรงพระเจริญหมื่นปีพ่ะย่ะค่ะ คารวะเสด็จอาหญิง คารวะท่านพ่อท่านแม่” แม่ทัพเหวินซูคารวะองค์ฮ่องเต้ พร้อมด้วยญาติผู้ใหญ่ทุกคน แม่ทัพเหวินซูไม่ได้คาดคิดว่าญาติผู้ใหญ่ฝ่ายตนจะแห่กันมามากมายขนาดนี้ ดูหน้าบิดามารดากับท่านตาของเขานั่นเล่า เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง เขาแอบเห็นมือท่านตาถือกำไลข้อเท้าเด็กทองคำ นักพรตราชวงศ์แต่งกายด้วยอาภรณ์สีเขียวขลิบเทา กำลังนำกระดานชนวนออกมาขีดเขียนอักขระ แพทย์หลวงต่างเข้ามายืนด้านข้างเพื่อช่วยการตรวจพิสูจน์ไม่ให้บิดพลิ้วได้ “ถึงเวลาแล้วพ่ะย่ะค่ะ ให้ทำพิธีที่กรมพิธีการหรือทำที่นี่พ่ะย่ะค่ะ” หัวหน้านักพรตกล่าวกับองค์ฮ่องเต้ “ทำที่นี่ เจิ้นขี้เกียจเดิน” องค์ฮ่องเต้อยากรู้เต็มทน เช่นเดียวกับทุกคนในห้องนี้ หากจะเดินย้อนกลับไปที่กรมพิธีการก็ใช้เวลาอีกไม
รถม้าคันงามตีตราสัญลักษณ์อินทรีย์ ทำจากไม้หลี่เนื้อดีสลักลายอินทรีย์กรุด้วยทองคำแผ่นบาง รถม้าแล่นไปตามถนนสายหลักของเมืองหลวง แม่ทัพเหวินซู เฉินเซียวหลางและลี่ชิงนั่งอยู่ภายในรถม้าคันเดียวกัน เฉินเซียวหลางรินชาให้ศิษย์พี่ เขารินให้ตนเองกับลี่ชิงทีหลัง “ข้าผิดเอง” เฉินเซียวหลางถอนหายใจ “เรื่องนี้คงไม่ถือว่าเจ้าเป็นคนผิด เจ้าเองก็ดูแลลี่ชิงเป็นอย่างดี ทั้งช่วงนางตั้งครรภ์จนเด็กทั้งสองคลอดออกมา” “แล้วหากเด็กทั้งสองเป็นบุตรของท่าน” เฉินเซียวหลางมองหน้าศิษย์พี่เหวินซู “ข้าต้องรับเด็กทั้งสองไปเลี้ยงดูในฐานะบุตรข้า”เหวินซูตอบ เขาลอบมองหน้าลี่ชิง อยากรู้ว่านางคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ “แล้วเจ้าเล่าลี่ชิง จะทำอย่างไรต่อ” เฉินเซียวหลางหันไปถามลี่ชิง เฉินเซียวหลางนึกถึงคราวที่เขาขอนางแต่งงาน เขามองสร้อยข้อมือที่เคยใช้ขอนางแต่งงาน นางยังสวมอยู่บนข้อมือไม่เคยถอด แต่เมื่อนึกถึงเรื่องราชโองการ เฉินเซียวหลางถึงกับถอนหายใจออกมา “ข้าตกลงแต่งให้คุณชายเฉิน” ลี่ชิงเงยหน้าขึ้นสบตาแม่ทัพเหวินซู “แล้วข้าเล่า” แม่
ยามเหม่า ณ จวนสกุลเฉิน บ่าวไพร่สาวใช้ในจวนสกุลเฉินคึกคักตั้งแต่ต้นยามเหม่า ฟ้ายังไม่ทันสางดีเสียด้วยซ้ำ ทุกคนวิ่งวุ่นกันจ้าละหวั่น สาวใช้ตระเตรียมอาภรณ์งดงามและเครื่องประดับให้ฮูหยินน้อยอย่างสมฐานะ อาภรณ์ไหมตัวนอกถูกส่งมาจากจวนแม่ทัพเหวินซู พร้อมเครื่องประดับทำจากปะการังแดง ฮูหยินใหญ่เลือกเครื่องประดับผมให้ลี่ชิง ฮูหยินใหญ่หลี่เฟยปักปิ่นทำจากทับทิมบนมวยผมของลี่ชิง “เจ้างามมากลี่ชิง” “ขอบคุณท่านแม่เจ้าค่ะ” “วันนี้ผลจะเป็นอย่างไร พวกเราคงต้องยอมรับความจริง” ฮูหยินใหญ่แววตาหม่นเศร้า เมื่อนึกถึงผลตรวจพิสูจน์โลหิตเด็กน้อยทั้งสอง หากเป็นบุตรแม่ทัพเหวินซูจริง สกุลเฉินต้องคืนทั้งแม่ทั้งลูกให้กับเหวินซูตามราชโองการ เฉินเซียวหลางมองลี่ชิงแต่งกายอย่างงดงาม ผิวขาวอมชมพูตัดกับอาภรณ์ไหมสีส้มแดง เครื่องประดับเข้าชุดขับเน้นความงามของผิวพรรณสตรีตรงหน้า เฉินเซียวหลางถึงกับลืมหายใจเมื่อเห็นลี่ชิงเดินออกมาหน้าเรือน หลากหลายความรู้สึกถาโถมเข้ามาในห้วงอารมณ์ ทั้งกลัวสูญเสียนางกับลูกไป ทั้งรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้าง เมื่อนึกถึงความเป็นจริงที