@บ้านธาม
"บ้านของนายใหญ่จังเลยเนาะ เคยแต่ขับรถผ่านแต่ไม่เคยแวะเข้ามาสักครั้ง" เหมียวหมุนตัวมองไปรอบๆ บ้านของธามดูใหญ่โตมากกว่าบ้านของเธอเป็นสิบเท่าเลย
"เข้ามาสิฉันจะได้แนะนำให้พ่อกับแม่รู้จัก"
"ห๊ะ!? เอาจริงดิ"
"อือ..."
ไม่คิดว่าธามจะพามาให้พ่อกับแม่ของเขารู้จักด้วย เอาจริงๆ เธอไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาเลย
"คุณพ่อคุณแม่ครับ นี่เหมียวเพื่อนในห้องเรียนที่ผมเคยเล่าให้ฟัง"
"สวัสดีค่ะ"
"สวัสดีจ้ะ หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มเชียว ตามสบายเลยนะหนูไม่ต้องเกรงใจ"
"ขอบคุณมากค่ะ"
"ผมจะให้เหมียวมาทำงานพิเศษอยู่ที่บ้านของเรานะครับ พอดีว่าแม่ของเธอป่วยหนักแล้วทำงานไม่ได้เธอก็เลยต้องเป็นเสาหลักของบ้านทำงานส่งน้องเรียนครับ"
"โถ่ลูกเป็นเด็กดีจริงๆ ตามสบายเลยนะลูก แม่ไม่ว่าอะไรหรอก"
"ขอบคุณมากครับคุณแม่"
ค่อยยังชั่วที่พ่อแม่ของธามเข้ากับเธอได้ดี เธอนึกว่าคนรวยๆ แบบนี้เขาจะหยิ่งไม่พูดกับคนจนๆ อย่างเธอซะอีก แต่พ่อแม่ของธามไม่เป็นเหมือนที่เธอคิดเอาไว้เลย ทั้งสองท่านใจดีมากและพูดสุภาพกับเธอด้วย นี่สินะที่เขาเรียกว่าผู้ดีทั้งฐานะการเงินและจิตใจ
"ตามมาสิเหมียว"
"เอ่อ....โอเคๆ"
เหมียวเดินตามธามขึ้นไปด้านบนอย่างกล้าๆ กลัวๆ จนกระทั่งเข้าไปในห้องห้องนึงที่ด้านในเต็มไปด้วยตู้หนังสือ
"ถามจริงนี่ห้องของนายหรอทำไมมีแต่หนังสือล่ะ สมกับเจ้าชายหนอนหนังสือจริงๆ" ในห้องเรียนธามได้ชื่อว่าเด็กเนิร์ดประจำห้องพร้อมกับฉายาเจ้าชายนอนหนังสือ เพราะเขาชอบอ่านหนังสือทุกครั้งที่มีเวลาว่าง
"นี่แค่ด้านนอกห้องนอนอยู่ข้างใน"
"อ๋อ แล้วทำไมมีหลายห้องล่ะ มีตั้งหลายประตู" เหมียวเดินลึกเข้าไปอีกก็พบกับประตูห้องที่ปิดสนิทอยู่ทั้งสองฝั่งซ้ายขวา ไม่รู้ว่าเป็นห้องอะไรของธาม
"ประตูแรกซ้ายมือเป็นห้องฟิตเนสที่ฉันใช้ออกกำลังกาย ประตูแรกขวามือเป็นห้องสัตว์เลี้ยงของฉัน ประตูที่สองซ้ายมือเป็นห้องลับ ประตูที่สองขวามือห้องนอนไง เดินตรงไปก็จะเป็นระเบียง เป็นห้องสำหรับนั่งอ่านหนังสือ"
"โห มีหลายห้องจัง ว่าแต่นายเลี้ยงสัตว์ด้วยหรอ"
"อยากไปดูมั้ยล่ะ"
"อื้อๆ"
ด้วยความที่เธอเองก็เป็นคนรักสัตว์เพราะที่บ้านเลี้ยงแมว ก็คิดว่าธามก็น่าจะเลี้ยงสัตว์เล็กๆ น่ารักๆ เหมือนกับบุคลิกที่ดูเงียบๆ อย่างเขา
เธอเคยอ่านเจอตามในอินเตอร์เน็ตสำหรับคนบางคนที่มีโลกส่วนตัวสูงไม่ค่อยสุงสิงหรือออกไปไหน มักจะมีสัตว์เลี้ยงอยู่ในบ้านนั่งเล่นอยู่กับมันได้ทั้งวัน เช่นหมากับแมว
"นะ นาย นะ นี่มันงูนี่นา" เหมียวถึงกับยืนขาแข็งเดินต่อไปไม่ได้ เมื่อรู้ว่าสัตว์เลี้ยงของธามก็คืองูทั้งสองฝั่งเป็นตู้กระจกใสและมีงูอยู่ด้านใน
เธอกลัวงูมากๆ กลัวสัตว์เลื้อยคลาน ถึงจะเป็นคนที่ชอบสัตว์รักสัตว์แต่สำหรับงูเป็นข้อยกเว้น
"ไม่ต้องกลัวมันไม่กัดหรอก"
"ฉะ ฉันจะกลับ"
"มาก่อนสิ ฉันยังไม่ทันได้แนะนำลูกรักของฉันให้เธอรู้จักเลย"
"....." ธามหันมาคว้าข้อมือของเหมียวให้เดินตามเขาไป
"นะ นายฉันไม่ชอบงู กลับกันเถอะฉันไม่อยากดูแล้ว"
"ไม่ต้องกลัว งูพวกนี้ฉันเลี้ยงมันมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว มันเชื่องจะตาย ถ้าฉันชอบใครมันก็จะชอบด้วย"
"....." ถึงจะบอกแบบนั้นเธอก็ยังไม่คลายความกลัวอยู่ดี
ธามเดินมาถึงตู้กระจกใหญ่ที่อยู่ด้านในสุด ด้านในกระจกถูกจัดขึ้นให้เหมือนป่าดงดิบ แต่กลับมองไม่เห็นงูที่ธามบอกเลย
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
"ซีซ่าออกมาหน่อยสิ"
ฟู่ววว!!
"กรี๊ดด!!" เหมียวถึงกับกรี๊ดลั่น เมื่อซีซ่าที่ธามเรียกคืองูจงอางขนาดใหญ่ มันกำลังแผ่แม่เบี้ยอยู่ตรงหน้าของเธอ ถึงแม้จะมีตู้กระจกกั้นอยู่มันก็ยังทำให้เธอกลัวอยู่ดี "ธะ ธามมันจะฉกฉันกลับกันเถอะ"
"ดูนี่สิฉันจะทำอะไรให้ดู" ธามล้วงมือเข้าไปในตู้กระจกต่อหน้าของเหมียว
แทนที่งูจงอางใหญ่ตัวนั้นจะฉกเขามันกลับใช้หัวของมันสัมผัสกับมือของธามอย่างอ่อนโยน
"ทำไมมันถึงไม่ฉกนายล่ะ นี่มันอสรพิษแห่งป่าเลยนะ"
"ฉันบอกแล้วว่ามันเชื่อง งูจงอางตัวนี้ฉันช่วยมันมาจากข้างถนนน่ะ ตอนนั้นมันยังตัวน้อยๆ สีเหลืองๆ อยู่เลยเหมือนเพิ่งจะออกจากไข่ ฉันพามันกลับมาเลี้ยงที่บ้านจนโตขนาดนี้"
"....."
"ฉันเลี้ยงงูอยู่สามตัวตัวใหญ่นั่นเป็นงูหลามพม่า ส่วนอีกตัวนึงคืองูแบล็คแมมบ้า ตัวที่สามก็ซีซ่านี่แหละ"
"ดูถ้านายจะรักมากเลยนะถึงกับตั้งชื่อให้เชียว"
"ก็สัตว์เลี้ยงไง ก็เลี้ยงมาตั้งแต่เด็กๆ ก็รักนั่นแหละ"
"กลับกันเถอะ ฉันรู้สึกอึดอัดยังไงก็ไม่รู้"
"ป่ะ"
ธามพาเหมียวเดินออกมาจากห้องสัตว์เลี้ยงของเขา
"เฮ้อ ไม่คิดเลยนะว่านายจะเลี้ยงสัตว์น่ากลัวแบบนี้ ฉันคิดว่านายจะเลี้ยงพวกหมาหรือแมวซะอีก"
"ฉันก็ชอบนะ แต่ฉันชอบแบบนี้มากกว่า"
"นายมีอะไรให้ฉันตื่นเต้นมากกว่านี้มั้ย นอกจากที่นายไม่ได้สายตาสั้นแต่ใส่แว่นเพราะกันฝุ่นเข้าตา ทำตัวเหมือนกับเด็กเนิร์ดไม่ให้มีใครสนใจ แล้วก็เลี้ยงสัตว์น่ากลัวแบบนี้"
"เดี๋ยวอยู่ไปเธอก็ชินเอง"
"ยังมีอีกหรอ?"
"....." ธามยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพาเหมียวเดินเข้าไปในห้องนอนของเขา
ด้านในห้องถูกเก็บเป็นระเบียบเรียบร้อย ดูแล้วมันไม่มีที่เธอต้องทำความสะอาดเลย
"น่าจะให้ทำตรงไหนหรอ ของนายก็ดูเป็นระเบียบสะอาดอยู่แล้วนี่"
"ก็ไม่ต้องทำอะไร แค่มานั่งอยู่เฉยๆ ก็พอ"
ธามเดินไปเปิดผ้าม่านแล้วก็เปิดประตูหน้าระเบียง ห้องของเขามันอยู่ทางด้านหลังที่เป็นสวนพอดี บรรยากาศมันดีมากๆ เลย
"น้องชายของเธอเรียนอยู่ชั้นไหนแล้วล่ะ"
"ปีหน้าก็ขึ้นม.2แล้ว"
"เด็กก็เธอหลายปีเลยนี่นา"
"อื้อ เป็นลูกหลงน่ะ อายุก็เลยห่างกัน"
"....."
"ถามทำไมหรอ"
"ฉันมีของที่เคยใช้ตอนเรียนอยู่มัธยม ตอนนี้ไม่ได้ใช้แล้วก็เลยจะฝากเธอเอาไปให้น้องของเธอใช้"
"อะไรหรอ?"
"อยู่ในตู้นั่นน่ะเธอไปเลือกดูเอาเลยฉันไม่ได้ใช้แล้วอยากได้อันไหนก็ไป"
"....." เหมียวเดินไปเปิดตู้ตามที่ธามบอก ด้านในตู้เต็มไปด้วยหนังสือและเสื้อผ้านักเรียนที่ยังดูสะอาดตาเหมือนไม่เคยได้ใช้ พร้อมกับของใช้มากมายที่เขาเก็บเอาไว้ในตู้นี้
"ของทั้งหมดนั่นเธอเอาไปได้หมดเลย"
"โอเค ขอบใจมากนะ"
"เดี๋ยวตอนเย็นฉันจะไปส่งเธอที่บ้านนะ"
"อื้อ"
หนึ่งปีต่อมาหลังจากที่เหมียวคลอดลูกคนที่สี่และพักฟื้นจนร่างกายหายเป็นปกติดีธามก็กลับไปทำงานที่บริษัทอีกครั้ง เพราะสามแฝดก็พูดรู้เรื่องบ้างแล้วและไม่ดื้อซนเหมือนตอนเด็กๆ เขาก็เลยสามารถกลับไปทำงานที่บริษัทได้ แต่ก็ต้องกลับมาก่อนเวลาเพื่อไปรับสามแฝดที่ศูนย์เด็กเล็ก เพราะเหมียวต้องคอยดูแลลูกน้อยอยู่ที่บ้าน จึงไม่สามารถไปรับลูกชายทั้งสามคนได้“แม่ค้าบ…มาแล้วค้าบ…” เสียงพี่ชายฝาแฝดคนโตดังมาแต่ไกลก่อนที่สามแฝดจะวิ่งแข่งกันเข้ามาในบ้านเสียงเอะอะดังลั่น“อย่าเสียงดังกันสิครับพี่ๆ น้องนอนหลับอยู่นะ”“ขอโทษครับ”“ลูกหลับไปนานแล้วหรอเหมียว”“เพิ่งหลับไปได้สักพักเอง วันนี้แกเป็นอะไรก็ไม่รู้งอแงทั้งวันเลย กว่าจะกล่อมให้นอนหลับได้ก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน”“ฮันนี่ไม่สบายหรือเปล่าเหมียว”“ไม่รู้สิ แต่เท่าที่ดูแกก็ไม่ได้เป็นอะไรผิดปกติตรงไหนนะ ก็คงจะเหมือนพี่ชายของแกนั่นแหละตอนที่ยังอายุเท่ากันก็งอแงไม่แพ้กันแบบนี้เลย”“…..” ธามเดินไปดูลูกสาวที่นอนอยู่ในเปล “ลองพาไปหาหมอดูมั้ย เผื่อว่าแกจะไม่สบาย”“ตามใจสิ แต่แกนอนหลับอยู่ ขืนไปปลุกตอนนี้ได้อาละวาดเต็มบ้านแน่”“จริงด้วย”“นายพาสามแฝดไปอาบน้ำเปลี่ยนเส
5 เดือนต่อมา“ไหวเปล่าธาม…”“ไหวสิ แค่นี้เอง”เพราะตอนนี้เหมียวท้องใหญ่ขึ้นมากความรับผิดชอบในการเลี้ยงลูกก็เลยตกไปอยู่ที่ธามเพียงคนเดียว ไม่ว่าจะมีพี่เลี้ยงมากี่คนก็ไม่สามารถกำราบความดื้อของลูกชายทั้งสามคนได้เลยพวกแกทั้งดื้อซนและไม่เอาใครขนาดปู่กับย่าที่คิดว่าสามารถกำราบเด็กดื้อให้อยู่หมัดได้ก็ไม่สามารถเอาสามแฝดได้ลงเลย“เป็นไงบ้าง เจ้าตัวเล็กดื้อหรือเปล่า” ธามปล่อยสามแฝดไปวิ่งเล่นด้วยกัน ส่วนเขาก็มานั่งอยู่ข้างๆ ภรรยาพร้อมกับใช้มือลูบท้องของเธอไปมาอย่างอ่อนโยน ท้องนี้เธอได้ลูกสาวและก็คงจะสมใจคนเป็นพ่ออีกเช่นกัน เพราะธามอยากได้ลูกสาวเป็นลูกคนเล็กสุดท้องและก็คงไม่เอาอีกแล้ว เพราะเหนื่อยบวกกับกลัวว่าร่างกายของเหมียวจะรับไม่ไหวถ้าปล่อยให้ท้องติดๆ กันหลายครั้ง“ไม่ดื้อเลย น่ารักมาก” ท้องนี้เหมียวไม่มีอาการแพ้ท้องไม่มีอาการอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว เธอกินได้ตามปกติไม่เหม็นหรือไม่รู้สึกอยากกินอะไรที่แปลกๆ อาหารของเธอก็กินเหมือนกับที่เคยกินทุกวัน“โตมาอย่าดื้อเหมือนพี่ๆ สามคนนะลูก หนูต้องเป็นเด็กดีคอยกำราบพี่ๆ นะ”“พูดอะไรแบบนั้น สามแฝดยังเด็กอยู่ก็ต้องดื้อเป็นธรรมดาตามประสาเด็ก เดี๋ยวพวกแกโตข
สามเดือนถัดมา“มีอะไรหรือเปล่าลูกหนูเหมียว”“นั่นสิ ทำไมถึงเรียกทุกคนมาเจอกันพร้อมหน้าพร้อมตาแบบนี้ล่ะ มีเรื่องพิเศษอะไรหรอ?”พ่อกับแม่ของธามเอ่ยถามขึ้น พร้อมกับมองหน้าของเหมียวด้วยความสงสัย“หนูมีเรื่องสำคัญจะบอกทุกคนค่ะ หนูคิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นสำหรับทุกคนมาก” คำพูดของเธอทำให้ทุกคนขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัย แล้วก็อยากรู้ว่าเป็นเรื่องอะไรที่เหมียวบอกว่ามันเป็นเรื่องสำคัญและน่าตื่นเต้นสำหรับพวกเขา“เหมียว…มันไม่ใช่อย่างที่ฉันคิดใช่มั้ย” ธามถามขึ้น“อ่าห๊ะ…นายเข้าใจถูกแล้ว” เหมียวหันไปมองหน้าธามพร้อมกับยิ้มจนตาหยีสิ่งที่เขาเข้าใจมันถูกแล้ว เธอกำลังจะมีลูกให้กับเขาอีกคนนึง และเธอก็เพิ่งจะมารู้ตัวเมื่อเช้าเองเพราะรู้สึกถึงความผิดปกติของร่างกายตัวเอง ก็เลยลองซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจดูเอง แล้วก็พบกับข่าวดีว่าเธอกำลังมีลูกอีกคนไม่คิดว่ามันจะติดง่ายขนาดนี้ เพราะเธอกับธามมีอะไรกันแค่ครั้งนั้นครั้งเดียวเอง และก็ป้องกันอย่างดีด้วย“ต๊าย…นี่แม่กำลังจะได้หลานอีกคนแล้วเหรอเนี่ย คราวนี้จะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายอีกนะ หรือจะได้แฝดอีก”“โอ้วว…ผมขอเป็นลมก่อนนะครับคุณแม่”ธามถึงกับแข้ง
หนึ่งปีถัดมา“เหมียวจ๋า…” ธามเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับเปล่งน้ำเสียงอ่อยภรรยาสาวที่กำลังนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียง“ว่าไงหืม…คอแห้งเหรอคะ”“ครับ คอแห้ง อดอยากมานานแล้ว ไม่ทราบว่าคุณภรรยาจะใจดีหรือเปล่า”“แหม…ให้ฉันนับหน้าเจ็ดหลังเจ็ดขนาดนั้น คงไม่ต้องถามแล้วละมั้งว่าฉันอนุญาตมั้ย”“แหะๆ ฉันยังไม่อยากให้มีตอนนี้อ่ะดิ เข็ดกับสามแฝดมากเลย”ร่างหนาค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ๆ ภรรยาแล้วคลานขึ้นไปหาเธอบนเตียง พร้อมกับหยิบถุงยางที่ใส่ไว้ในลิ้นชักออกมาสองสามชิ้น เป็นถุงยางที่เขาซื้อมาไว้ตั้งแต่คบกับเธอแรกๆ จนถึงตอนนี้มันก็ยังอยู่ที่เดิม ถ้าไม่ได้ใช้ก็ไม่เคยเอาออกไปไหน“นับหน้าเจ็ดหลังเจ็ดยังไม่พอ ต้องป้องกันด้วย รอให้สามแฝดโตกว่านี้อีกนิดเราค่อยมีลูกคนที่สี่กันเนอะ”“สามคนก็พอแล้วมั้ง”“ขอลูกผู้หญิงคนสุดท้ายอีกคนนะ แต่รอให้สามแฝดก่อนก็แล้วกัน”“ตามใจ”ชุดนอนที่เหมียวใส่มันเป็นเพียงชุดนอนกระโปรงผ้าลาตินห์บางๆ และแทบจะไม่ต้องถอดชุดเลยกึด~“อึ๊…ธะ ธามมันแสบจัง อยะ อย่าดันลึกได้มั้ย”“มันคับอะ แน่นด้วย ยัดไม่เข้าเลย”เพราะทั้งสองคนห่างหายจากเรื่องอย่างว่ามานาน นี่เป็นครั้งแรกในรอบสองปีที่ทั้งสองเพิ่งจะมี
8 เดือนต่อมา“ธามลูกร้องเสียงดังนายไม่ได้ยินหรอ” เหมียวเดินเข้ามาในบ้านเพราะได้ยินลูกร้องเสียงดัง ขณะที่เธอกำลังตากผ้าของพวกแกอยู่หลังบ้าน“อือ…ฉันพึ่งได้นอนเองนะ เมื่อคืนทั้งคืนก็ไม่ได้นอนเลย” ธามตอบอึมอำ ดีนะที่ฝาแฝดที่เหลือไม่ได้ตื่นเพราะเสียงร้องด้วย“เดี๋ยวฉันดูลูกเองนายนอนไปเถอะ”“อ่า…โอเค ฝากแป๊บนึงนะ”จากนั้นธามก็นอนหลับไปอีกทันที ช่วงนี้เขาเหนื่อยกับสามแฝดมากเพราะพวกแกไม่เอาใครเลยนอกจากธามคนเดียว แม้กระทั่งเหมียวที่เป็นแม่ อาจจะเป็นเพราะธามเลี้ยงและดูแลพวกแกมาตั้งแต่เด็กๆ จนถึงปัจจุบันก็เลยติดพ่อมากกว่าแม่“จุๆ เล่นอยู่กับแม่นะครับให้พ่อนอนหลับนะ” เธอพาลูกชายคนเล็กที่ตื่นก่อนเพื่อนออกมานั่งเล่นที่สนามหญ้านอกบ้าน ขณะที่เธอกำลังตากผ้าอยู่กับแม่บ้าน เพื่อไม่ให้รบกวนพี่ชายฝาแฝดทั้งสองคนที่กำลังนอนหลับอยู่“คุณหนูตื่นเร็วจังเลยนะคะ ป้าเห็นว่าเพิ่งจะหลับไปเอง”“คนนี้นอนหลับแป๊บเดียวเองค่ะป้า ไม่เหมือนพี่ชายของเขา แต่ถ้าตื่นมาพร้อมกันก็พากันวุ่นวายจนไม่ได้ทำอะไร”“ธรรมดาของเด็กวัยกำลังอยากรู้อยากเห็นค่ะ”เหมียวปล่อยลูกให้คลานเล่นไปบนพื้นสนามหญ้า ส่วนเธอก็รีบไปช่วยแม่บ้านตากผ้าต่อ มั
สองเดือนถัดมาธามแทบจะไม่ได้กลับไปทำงานที่บริษัทเลย เพราะต้องคอยช่วยเหมียวดูแลลูกๆ ถึงจะมีพี่เลี้ยง มีแม่บ้าน แต่เขาก็ไม่ได้ไว้ใจให้ใครดูแลมากนัก และเหมียวเองก็ยังไม่หายดี เธอยังทำอะไรไม่ได้มากทุกอย่างเลยตกไปอยู่ที่เขาคนเดียว การเลี้ยงลูกน้อยแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย และบวกกความเหนื่อยไปอีกคูณสามงานไม่ได้ทำวันๆ ยุ่งอยู่กับลูกแฝดสามของตัวเอง“อึกแง้ แง้ แง้” เสียงแฝดคนกลางร้องออกมาลั่นบ้าน จากนั้นแฝดอีกสองคนก็พากันร้องออกมาตามๆ กันมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะให้แฝดทั้งสามคนนอนหลับพร้อมกัน เพราะถ้าคนใดคนหนึ่งร้องขึ้นมาคนที่เหลือก็จะร้องตามทันที ทำเอาคนเป็นพ่อถึงกับหัวหมุนเลยทีเดียว ไม่รู้ว่าจะโอ๋คนไหนก่อน“แอ้ แอ้ แอ้”“ง้าก ง้าก ง้าก”“โอ๋ๆ ใจเย็นๆ กันก่อนนะลูก พ่อไม่รู้จะโอ๋คนไหนแล้วเนี่ย”“มีอะไรหรือเปล่าธาม ทำไมสามแฝดถึงพากันร้องดังแบบนี้ล่ะ” เหมียวที่นอนอยู่ไฟอยู่ด้านนอก เข้ามาดูด้วยความสงสัยเพราะได้ยินเสียงลูกชายสามคนร้องดังไปถึงนอกบ้าน“เหมือนเดิมแหละ ร้องคนนึงคนที่เหลือก็พากันร้องตาม” ธามตอบ“มาเดี๋ยวฉันช่วย”“ไม่ต้องๆ เธอไม่ต้องทำอะไรหรอกเดี๋ยวจะเจ็บแผลเอา ไปนอนพักเถอะเดี๋ยวฉ