“แล้วเข้ามานี่มีธุระอะไร”
“คือ ฉันจะถามว่าฉันเข้าไปในห้องน้องเปรียวได้ไหม เห็นว่าเมื่อเย็นไม่ได้ทานข้าวฉันจะเอาข้าวต้มไปให้แก”
“เธอน่ะเหรอ รู้จักห่วงใยลูก”
“ถ้าฉันรู้ว่าคุณจะกวนประสาทขนาดนี้ฉันไม่เข้ามาถามให้เมื่อยปากหรอกเข้านอนดีกว่าเป็นไหนๆ”
“โอเคๆ เธออยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ แต่อย่าให้เดือดร้อนวุ่นวายล่ะ หมดธุระแล้วก็ไปสิ” เขาพูดเหมือนอนุญาตและไล่เธอกรายๆ ดวงยิหวาหน้างอเดินออกมาจากห้องทำงานของเขาด้วยความขุ่นเคือง
เด็กหญิงเปรียวปรียานอนร้องไห้ท้องร้องจ๊อกๆ อยู่บนเตียงสีหวานของตนด้วยความน้อยใจ เธอกำลังคิดถึงภาพมารดากำลังตักข้าวให้น้องปราณ ก่อนนอนคุณแม่ก็อ่านนิทานให้น้องปราณฟัง ทุกอย่างที่น้องชายได้รับเธอกลับเฝ้ามองอยู่ห่างๆ ไม่มีใครสนใจเธอเลย แต่น้องเปรียวลืมคิดไปว่าที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะตัวเธอเองนั่นล่ะ...
ก๊อกๆๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้เด็กหญิงปาดน้ำตาออกจากใบหน้าที่มีแววสวยคมโดดเด่นในอนาคตอันใกล้ แล้วมองประตูอย่างฉุนเฉียวตอนนี้เธอยังไม่มีแก่ใจจะคุยกับใครทั้งนั้น แม้แต่น้ำหวานหรือเอื้อง
“ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน ออกไป๊ ฉันอยากอยู่คนเดียว” เด็กหญิงแผดเสียงก้องโดยไม่กลัวว่าอาเปลวจะโกรธ เพราะตอนนี้กำลังอยากเรียกร้องความสนใจจากทุกคนโดยเฉพาะ คุณแม่
“โอเค เปรียวไม่อยากทานข้าวต้มฝีมือคุณแม่ปราณก็ไม่ว่าอะไร...” เสียงน้องชายเอ่ยมาจากปลังประตูทำให้น้องเปรียวตาโตด้วยความตื่นเต้นดีใจที่ได้ยินว่า คุณแม่ทำข้าวต้มให้เธอ เด็กหญิงเก็บอาการไว้ด้วยหัวใจพองโตแต่ก็แกล้งพูดเสียงแข็ง
“ไม่เห็นจะอยากกิน กินได้รึเปล่าก็ไม่รู้”
“ถ้าเปรียวไม่กินแล้วจะเสียใจปราณลองแล้วอร่อยเหาะไปเล้ย ใช่มั้ยครับคุณแม่”
“ใช่ที่สุดจ้ะลูกรัก” เสียงมารดาที่คุยอยู่กับน้องชายทำให้ เด็กหญิงตาโตด้วยความตื่นเต้นแนบหูกับบานประตูใจเต้นระทึกด้วยความดีใจลึกๆ ที่มารดาสนใจตนบ้าง
ประตูห้องนอนสีหวานค่อยๆ แง้มออกมาน้อยๆ ใบหน้าของเด็กหญิงโผล่มาอย่างไว้เชิงเรือนผมยาวสลายถึงกลางหลังที่ถักเปียไว้อย่างงดงามไหวตามการเคลื่อนไหวของเจ้าตัวราวเจ้าหญิงตัวน้อยแสนซน หน้าตามอมแมมด้วยคราบน้ำตาเกรอะกรังก็ยิ่งทำให้ดวงยิหวารู้สึกเอ็นดูน้องเปรียวอยู่ไม่น้อย นี่มันตัวเธอสมัยเด็กๆ เลยล่ะ คุณแม่ของเธอเคยบอกไว้อย่างนั้น
“เข้ามาสิ แต่แค่ปราณคนเดียวนะ”
“ก็ได้ แต่หากปราณเข้าไปแล้วเปรียวทานข้าวต้มให้หมดนะ เพราะปราณจะรีบกลับห้องไปฟังคุณแม่เล่านิทาน” น้องปราณพูดเชิงเชิญชวนตามที่ดวงยิหวาบอกไว้
“นี่คิดจะชิ่งเปรียวเหรอปราณ ตัวไม่อยู่ข้างเปรียวแล้วใช่มั้ย”
“เปล่า แต่ปราณก็อยากได้คุณแม่ อยากให้คุณแม่อยู่ข้างๆ เรา เอาเถอะเปรียวทานข้าวเถอะ ปราณจะอยู่เป็นเพื่อน รู้มั้ยอาเปลวโกรธมากนะ”
“ช่างอาเปลวสิ ก็เปรียวกินข้าวไม่ลงจริงๆ นี่นาตอนนั้น”
“แล้วตอนนี้ล่ะ...”
“หิวมากจนปวดท้องไปหมดไงล่ะ...” ว่าแล้วเด็กหญิงก็ตักข้าวต้มหอมกรุ่นยั่วน้ำลายเข้าปากเคี้ยวอยางเอร็ดอร่อย
ดวงยิหวาที่แอบดูอยู่หน้าประตูเพราะน้องปราณแอบแง้มไว้ยิ้มอย่างยินดีที่เด็กหญิงรับประทานอย่างตั้งใจสีหน้าและแววตาของน้องเปรียวดูมีความสุขจนเธอเองก็น้ำจะไหล นี่แสดงว่าดวงดาหวันไม่เคยใส่ใจลูกๆ เลยสินะ ความรู้สึกรักและสงสารเด็กทั้งสองคนมีท่วมท้นจนเธอก็ยังตกใจในความรู้สึกของตนเอง ดวงยิหวาเดินกลับห้องของตนเองอย่างครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรที่จะให้เด็กๆ มีความสุข
ทางด้านน้องเปรียวนั้นกำลังยิ้มอย่างมีความสุขเด็กหญิงมองถ้วยข้าวต้มที่เธอไม่ยอมให้น้องชายเอาไปเก็บด้วยหัวใจพองโตน้ำตาแทบไหลเมื่อข้าวต้มถ้วยนี้มารดาเป็นคนลงมือปรุงเอง เธอไม่เคยได้รับประทานอาหารฝีมือของคุณแม่เลยสักครั้ง และตั้งแต่จำความได้ก็ไม่เคยเห็นมารดาเข้าครัวหรือทำงานอะไรนอกจากแต่งตัวสวยไปวันๆ ไม่เคยสนใจเลยว่าวันนี้เธอกับน้องจะอยู่กินกันอย่างไร มีเพียงอาเปลวเท่านั้นที่ดูแลพวกเธอมาอย่างดีแต่บางครั้งงานอาเปลวก็เยอะเสียจนไม่ค่อยมีเวลาดูแลพวกเธอ...
คุณแม่ดาหวันทำอาหารให้เธอกิน เธอจะได้กินอาหารฝีมือของคุณแม่อีกไหมนะ พรุ่งนี้จะต้องตื่นแต่เช้าเพื่อจะดูว่าคุณแม่ทำอาหารให้จริงๆ รึเปล่า...
เช้าวันใหม่เด็กๆ ก็ยังคงไปเรียนตามปกติ แต่เช้านี้แม้น้องเปรียวจะไม่ได้เห็นหน้าพี่เลี้ยงของเธอแต่เด็กหญิงไม่ได้ใส่ใจนักเพราะตอนนี้เธอมีเรื่องที่น่าสนใจกว่า เด็กหญิงตื่นเต้นจนไม่อาจจะทนนอนตื่นสายได้วันนี้น้องเปรียวจึงตื่นตั้งแต่ตีห้าครึ่ง เพื่อจะได้อาบน้ำแต่งตัวไปดูคุณแม่ทำอาหาร ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเห็น แต่เมื่อออกมาจากห้องก็พบว่าน้องชายเปิดประตูออกมาพร้อมๆ กันพอดี
“ว้าว วันนี้เปรียวตื่นเช้าจังแฮะ”
“ก็ทำไมละทีตัวยังตื่นเช้าเลย” เปรียวปรียาเมินหลบสายตาน้องชายเขินๆ แล้วเดินเชิดหน้าเดินนำไปก่อนน้องปราณยิ้มกับท่าทางที่เปลี่ยนไปของแฝดผู้พี่
เปลวเงยหน้าจากหนังสือพิมพ์มองหลานๆ ที่เดินลงมาพร้อมกันอย่างแปลกใจ วันนี้ดูน้องเปรียวสดใสกว่าทุกวัน ชายหนุ่มวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะอาหารกล่าวทักทายหลานๆ ด้วยน้ำเสียงสดใส ที่รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ เขาได้เห็นใบหน้าสดชื่นสดในของหลานทั้งสองมานานแล้ว
“วันนี้ดูสดใส ตื่นเช้ากันจังนะครับมีอะไรพิเศษรึเปล่าเอ่ย” น้ำเสียงอาหนุ่มอ่อนโยนเสมอเมื่อพูดกับหลานๆ
“เปล่านี่คะ ก็แค่น้องเปรียวอยากลองตื่นเช้าเหมือนปราณมั่งก็เท่านั้นเองค่ะ”
“อ้อ เหรอจ๊ะ อืม... ก็มีเหตุผลดีนะ” เปลวพยักหน้าเห็นด้วยพลางยกหนังสือพิมพ์ขึ้นอ่านเพื่อปิดบังรอยยิ้มของตนไว้ เพราะกลัวว่าหากน้องเปรียวเห็นเขายิ้มหรือหัวเราะตอนนี้เธอจะโกรธเอาได้
“เอ่อ... อาเปลวคะแล้วพี่เอื้องไปไหนคะ”
“พี่เอื้องเขามาขอลาออกหลายวันแล้วจ้ะ เพราะต้องกลับไปดูแลพ่อแม่ที่กำลังป่วยหนักที่บ้าน น้องเปรียวดูแลตัวเองได้ใช่ไหม” เปลวให้เหตุผลที่ดีที่สุด
“ค่ะ เปรียวดูแลตัวเองได้ เปรียวโตแล้ว...” เด็กหญิงพยักหน้าอย่างเข้าใจแล้วนั่งรอมารดาอย่างใจจดจ่อ
“อาเปลวอ่านข่าวอะไรครับดูเหมือนจะสนุกจนยิ้มไม่หุบ” น้องปราณเองก็รู้ดีว่าเพราะเหตุใดเอื้องจึงลาออกจึงชวนคุยเปลี่ยนเรื่องเสีย
“สองคนนี้ไม่รู้คุยอะไรกันน้องเปรียวไปหานมอุ่นๆ ในครัวมาดื่มดีกว่า” เด็กหญิงว่าพลางเดินเข้าไปในครัวทั้งๆ ที่เหยือกนมพร้อมดื่มของเธออยู่บนโต๊ะแล้ว
ร่างสูงโปร่งของเด็กหญิงเดินเบาๆ เหมือนย่องไปยังห้องครัวด้วยใจเต้นตึกตักตื่นเต้นที่จะได้เห็นภาพมารดาทำอาหารเช้าให้พวกเธอรับประทาน มันก็เหมือนความฝันของเด็กๆ ทั่วไป ที่อยากเห็นคุณแม่ของตนทำอาหาร ถักเปียสวยๆ ให้ก่อนไปโรงเรียน เข้านอนก็มีคุณแม่อ่านนิทานให้ฟัง และเมื่อคืนนี้เธอก็ได้ฟังนิทานก่อนนอนแล้วยังฝันดีที่สุดอีกด้วย เด็กหญิงยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อเห็นคุณแม่สวมผ้ากันเปื้อนกำลังพูดคุยกันเบาๆ กับป้าสำลีเรื่องอาหาร
ตอนที่82. ตอนอวสานบทส่งท้าย...น้องเปรียวกับน้องปราณโบกมือลาเพื่อนๆ ซึ่งพ่อแม่มารับกลับบ้านด้วยรอยยิ้ม เด็กทั้งสองมีความสุขที่สุด ณ ตอนนี้ พวกเขาไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดหรือขาดความรักความอบอุ่นแม้แต่น้อย แม้ดวงยิหวาจะไม่ใช่แม่ที่แท้จริงแต่ความรักความผูกพันที่มีในสายเลือดก็ผูกพวกเขาไว้ด้วยกันอย่างเหนียวแน่นยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด“เด็กๆ จ๊ะ มาทานข้าวกันได้แล้วค่ะ พี่ฝนจะตั้งโต๊ะแล้ว”ดวงยิหวาเรียกลูกๆ ด้วยรอยยิ้ม เธอรู้สึกดีใจที่น้องเปรียวรู้จักคิดแยกแยะและให้อภัยรินลดา หญิงสาวเชื่อว่าเด็กทั้งสองจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันไปในอนาคต“คุณแม่ว่าน้องเปรียวทำถูกมั้ยคะ” เด็กหญิงถามหน้ายุ่ง“ถูกสิคะ การให้อภัยเป็นสิ่งที่ดี การมีเพื่อนก็เป็นสิ่งที่ดี ลูกของคุณแม่น่ารักที่สุดค่ะ” ดวงยิหวายิ้มแล้วลูบเรือนผมของน้องเปรียวเบาๆ อย่างรักใคร่เอ็นดู“แล้วสามีละครับที่รัก น่ารักรึเปล่า” เปลวถามขึ้นพร้อมทั้งยื่นหน้ามาจุ๊บแก้มนวลใสของภรรยาต่อหน้าเด็กๆ ดวงยิหวาหันมาค้อนขวับแล้วหยิกหมับเข้าที่ต้นแขนแกร่งเต็มแรงด้วยความหมั่นไส้ที่สามีชอบแสดงความรักกับเธอต่อหน้าเด็กๆ แบบนี้“คนบ้าหน้าไม่อาย นี่แน่ะๆ”“โอ๊ยๆ เจ็บครับที่รั
ตอนที่81.“ก็มองเหมือนจะถอดเสื้อผ้ายิหวา แบบนี้ไง คนบ้า”เธออ้อมแอ้มตอบรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาทั่วร่างกับสายตาของสามีที่มองมาเหมือนจะกลืนกินทั้งที่เธอสวมเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ของเขาอยู่ แต่ภายใต้เสื้อตัวใหญ่ที่ยาวถึงโคนขาเสลาก็ไร้สิ่งอื่นห่อหุ้มความงามของอิสรีไว้และตอนนี้ดวงยิหวาก็รู้สึกเหมือนไม่ได้ใส่อะไรอยู่ดี“อื้ม สามีของยิหวานี่หื่นจริงๆ เลยนะครับ ไม่ไหวเลยมองภรรยาแบบจะกลืนกินได้ยังไงกัน สู้กินจริงๆ ไม่ดีกว่าเหรอ..” เขาเย้ายิ้มๆ ยกร่างบางมานั่งบนเคาน์เตอร์หินอ่อนตัวยาวตรงอ่างล้างหน้าที่สามารถขึ้นไปนั่งได้สบายๆ ทันที“อุ้ย พี่เปลวไม่นะ ยิหวาอยากอาบน้ำ หิวแล้ว”“ก็ใครว่าเราจะไม่อาบน้ำล่ะที่รัก”“ก็ปล่อยสิคะ ยิหวาจะอาบน้ำ พี่เปลวอาบแล้วก็ออกไปสิ” หญิงสาวต่อรองเมื่อเห็นใบหน้าเกลี้ยงเกลาหล่อเหลาของสามีที่บ่งบอกว่าจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้วก็ใจสั่นหวิวเพราะแรงปรารถนาจากดวงตาคมมันชัดเจนเหลือเกิน นี่อย่าบอกนะว่าเขาจะ...“ยิหวาจ๋า พี่อยากรักยิหวาอีกแล้ว”ไม่พูดเปล่าแต่ร่างแกร่งแทรกเข้ามาระหว่างเรียวขาเสลาแล้วโน้มใบหน้างามลงมาชิด ปลายจมูกคมปัดเบาๆ กับปลายจมูกรั้นอย่างหยอกเย้าแล้วริมฝีปากหยักก็บดจูบ
ตอนที่80.“คุณแม่ก็บอกว่า หากสิ้นปีนี้ไม่มีวี่แววว่าจะได้อุ้มหลาน พี่เตรียมตัวกระเด็นออกจากชีวิตลูกสาวท่านไปเลย” เปลวยิ้มกรุ้มกริ่มมองเธอตาหวานเชื่อมอย่างมีความหมาย ดวงยิหวาหน้าแดงรู้ทันทีว่าตนพลาดท่าคนเจ้าเล่ห์เสียแล้ว“ยี้ คนบ้า เจ้าเล่ห์กับยิหวาอีกแล้วนะ อุ้ย ไม่เอาค่ะ นี่ยังไม่มืดนะคะเพิ่งจะสี่โมงเย็นเอง” หญิงสาวจะลุกหนีคนเจ้าเล่ห์ที่เริ่มมือไม้อยู่ไม่สุขแต่ก็ดูเหมือนจะช้าไป “ไม่เป็นไรหรอกที่รัก เราทำอะไรกันเพลินๆ เผลอแป๊บเดียวมันก็ค่ำแล้ว มาทำเจ้าตัวเล็กให้คุณแม่อุ้มดีกว่าไม่อย่างนั้นพี่ได้โดนเฉดหัวออกจากชีวิตยิหวาแน่ๆ เลย”ชายหนุ่มพูดงึมงำอยู่กับซอกคอขาวเนียนที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีชมพู ดวงยิหวาใจสั่นเมื่อรู้ตัวดีว่าไม่สามารถต้านทานแรงพิศวาสอันเร่าร้อนจากสามีได้ ริมฝีปากบางระเรื่อที่พยายามจะคัดค้านก็ถูกครอบครองด้วยปากร้อนๆ ของคนที่รอเวลานี้มาทั้งวันอย่างหิวกระหาย ลิ้นหนาสอดไล้ดูดกลืนเรียวลิ้นเล็กอย่างเร่าร้อนช่ำชอง ดวงยิหวาครางเบาๆ ด้วยความซ่านหวิวมือร้อนผ่าวก็กำจัดเสื้อผ้าของเธอออกจากร่างกายอย่างรวดเร็วจนดวงยิหวานึกทึ่งที่เขาสามารถทำได้รวดเร็วกว่าที่เธอถอดเองเสียอีก“อื้ม พี่เปลว
ตอนที่79.“เออนะ เหมือนกันทั้งคนทั้งม้า ไอ้วิทย์อยากจะบ้า”หมอวิทย์ทำท่าเหมือนอยากจะขาดใจตาย เจ้าม้าสาวเอียงคอมองเขาตาใสแจ๋ว มันคงจะสงสัยว่ามนุษย์คนนี้เป็นอะไรไปเป็นแน่แท้เปลวเดินตรงขึ้นไปห้องหอแสนหวาน ชายหนุ่มเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าห้องว่างเปล่าแต่ได้ยินเสียงน้ำไหลซู่ๆ อยู่ในห้องน้ำเปลวยิ้มกริ่มจินตนาการไปไกล“ยิหวาจ๋า ทำอะไรอยู่จ๊ะที่รัก..”แสร้งร้องเรียกภรรยาแต่เธอไม่ตอบเขาจึงเดินไปเปิดประตูห้องน้ำด้วยความคาดหวังว่าจะเห็นร่างเปลือยเปล่างดงามของภรรยาอยู่ภายใต้สายน้ำเย็นฉ่ำแต่..เมี้ยวววว เจ้าแมวเหมียวสีตุ่นๆ กระดำกระด่างหน้าตาน่าเกลียดเปียกมะลอกมะแลกถูกยื่นมาตรงหน้าตามด้วยเสียงหัวเราะสดใสของภรรยา“อะไรกันนี่ยิหวา..” เปลวหน้าหงิกเมื่อมันไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดไว้สักนิด“ก็น้องแมวไงคะ พอดีว่าฝนเจอมันหลงมาอยู่ข้างรั้วเมื่อกี้ ยิหวาเลยจะเลี้ยงมันไว้แต่ตัวมันเปรอะมากก็เลยพามามันมาอาบน้ำเช็ดตัวให้แห้งค่ะ”เธอบอกแล้วพามันไปเช็ดตัวและไดร์เป่าขนให้มันอย่างอ่อนโยนเจ้าแมวน้อยก็อยู่นิ่งให้บริการมันด้วยท่าทางแสนสุขน่าหมั่นไส้ เปลวเดินไปกอดร่างบางไว้แล้วซุกจมูกลงกับพวงแก้มนุ่มอย่างออดอ้อนกลัวว่า
ตอนที่78.“ยิหวาจ๋า สวยเหลือเกินคนดี..” เปลวครางแผ่วละเรียวลิ้นจากยอดทรวงสีหวานที่ดูดกลืนกินอย่างเอร็ดอร่อยเพื่อมุ่งไปยังทุ่งดอกไม่แสนสวยที่ส่งกลิ่นหอมยั่วยวนให้ดื่มกินความหวานล้ำที่เคยได้ลิ้มรสมาก่อนหน้านี้ทำให้เปลวแทบอดใจไม่ไหวที่จะได้ลิ้มรสน้ำหวานจากดอกไม้สาวฉ่ำเยิ้มหลอกล่อให้เขาหลงใหลมึนเมา มือหนาเลื่อนไล้ไปยังต้นขาและสะโพกตึงแน่นลูบไล้วนเวียนใกล้ดงดอกไม้งามหยอกเย้าให้เธอดิ้นพล่านด้วยความซ่านกระสัน ดวงยิหวาเผยอครางกระเส่ามือเรียวจิกบ่ากว้างของเขาแน่นเพื่อระบายความเสียวเสียด เลือดในกายสาวร้อนระอุเดือดพล่านราวกับว่ากายของเธอจะมอดไหม้ลงไปเพราะลิ้นและมือร้อนๆ ของเขา“อื้ม พี่เปลว อา...” ดวงยิหวาครางกระเส่าเมื่อลิ้นร้อนไล้เลียต่ำลงไปยังสะดือน่ารักและต่ำลงๆ จนถึงกึ่งกายสาวพร้อมกับนิ้วแกร่งเดินทางมาถึงจุดอ่อนไหวชื้นฉ่ำด้วยน้ำหวานเอ่อซึมยั่วเย้าให้ดูดดื่มและเปลวก็ไม่รอช้าที่จะทำดังนั้นและเมื่อลิ้นร้อนแตะแต้มลงบนกลีบดอกไม้งามดวงยิหวาก็สะดุ้งสุดตัวทั้งยังครางออกมาด้วยความซ่านกระสันสุดใจ ร่างงามส่ายพลิ้วดั่งใบไม้ต้องลมเมื่อถูกความเสียวซ่านโจมตีจากทั้งมือและปากของเขาก็ทำให้เธอแทบขาดใจ แล้วร่
ตอนที่77.แต่เพราะพ่อเลี้ยงเปลวไม่อยากให้ใครพูดถึงเพราะสงสารหลานๆ จึงให้ดวงยิหวาสวมรอยเป็นดวงดาหวันไปชั่วคราวรอจนมั่นใจว่าหลานๆ รับได้จึงจะบอกความจริงให้รับรู้ ซึ่งทุกคนก็เข้าใจดีเพราะเจ๊ขาเม้าท์ทั้งสองถึงแม้จะเป็นคนที่ค่อนข้างพูดมากและชอบจับกลุ่มนินทาคนอื่นแต่พวกนางก็พูดในเรื่องที่มีมูลความจริงทุกเรื่อง ดังนั้นความเป็นมาของดวงยิหวาจึงไม่มีใครติดใจทั้งยังร่วมยินดีกับการแต่งงานอันยิ่งใหญ่ของพ่อเลี้ยงเปลวกับดวงยิหวาที่กำลังจะมีขึ้นอีกด้วยเมื่อเรื่องวุ่นวายต่างๆ ผ่านไปเปลวก็จัดการทำบุญและจัดการเรื่องศพของดวงดาหวันที่เอื้องอำพรางคดีด้วยการฝังไว้ที่ชายป่าท้ายไร่นั่นเองซึ่งอาคมได้บอกกับเขาตอนที่ยอมจำนนต่อความผิดที่ก่อไว้แต่สุดท้ายเมื่ออาคมรู้ว่าหญิงสาวที่ตนรักนั้นได้จบชีวิตลงเขาก็ฆ่าตัวตายในคุก นับว่าอาคมมีความรักที่จริงใจต่อเอื้องมากอย่างไม่น่าเชื่อ เปลวได้นำอัฐิของปราบกับดวงดาหวันและเอื้องมาทำบุญครั้งใหญ่และนำไปเก็บไว้รวมกันอย่างน้อยๆ พี่ชายของเขาก็คงจะได้อยู่ใกล้ๆ คนที่รัก และเอื้องก็คงจะได้รับรู้ว่าตนมีญาติมีพี่น้องอยู่ในโลกใบนี้แต่สำหรับดวงดาหวันซึ่งจากโลกนี้ไปโดยที่เธอไม่มีโอกาสได้บ