ฉันไม่อยากโฟกัสเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่กำลังยืนฉีกยิ้มชื่นบานบนเวทีนัก เลยหันไปให้ความสนใจกับการดื่มทุกอย่างที่ทุกคนชวนดื่มตั้งแต่เริ่มงาน ยันงานเลิก ทำให้ตอนนี้รู้สึกวิงเวียน ใจลอยๆ เหมือนจะอ้วกยังไงไม่รู้ ทำให้ต้องรีบลุกพรวดจากเก้าอี้เมื่อรู้สึกว่าสิ่งที่กินเข้าไปกำลังไหลย้อนกลับจนขมคอ
ห้องน้ำ...ฉันต้องไปห้องน้ำ แต่ว่าไม่ไหวแล้วจ้า
โชคดีที่ตรงนี้ใกล้กับทางออกไปสวนของโรงแรม ฉันเลยให้ปุ๋ยกับต้นไม้ไปหลายทีจนแทบหมดไส้หมดพุง แล้วก็นั่งกองอยู่ตรงนั้น เพราะลุกไม่ไหว
แต่ก่อนที่ฉันจะหมดสติคากระถางต้นไม้ ก็เหมือนมีใครสักคนมาเรียกชื่อ ฉันพยายามมองหน้าชายหนุ่มที่เข้ามา แต่ใบหน้าของเขาเบลอไปหมด
“คุณเทียร์ลุกไหวไหมครับ”
ฉันส่ายหัว แล้วก็พยักหน้าพร้อมส่งเสียงยานคางอย่างคนเมาเต็มคาราเบล “ไหว...ฉานไหว”
“แบบนี้ที่บ้านผมเรียกว่าไม่ไหวนะ”
ฉันเห็นด้วยกับเขา เลยหัวเราะเบาๆ ก่อนที่โลกทั้งใบจะมืดสนิท...
โอ๊ย ปวดหัวชะมัด
ฉันบิดตัวไปมาบนเตียง และนอกจากปวดหัวแทบระเบิดแล้ว ตอนนี้ยังรู้สึกหนาวมากทั้งที่ยังห่มผ้าอยู่อีกด้วย
แต่เดี๋ยวก่อน ฉันจำได้ว่าตัวเองอยู่ในงานแต่งแฟนเก่า แล้วจู่ๆ ทำไมถึงกลับมานอนบนเตียงได้ แบบนี้หมายความว่าต้องมีใครสักคนหิ้วฉันกลับมาส่งที่บ้านสินะ
เฮ่อ น่าอายชะมัดยาด
หวังว่าเจ้าพวกนั้นจะไม่เอาเรื่องนี้มาล้อเลียนฉันวันหลัง
แม้เครื่องปรับอากาศจะยังทำงานอยู่ แต่ฉันทั้งรู้สึกตัวเหนียวแล้วก็หนักหัวไปหมดเลย ถ้าได้อาบน้ำให้ชื่นใจสักหน่อย อาการบ้าๆ พวกนี้คงดีขึ้น
แต่พอฉันขยับตัว ก็เหมือนว่ามีบางอย่างขยับโอบรัดเอวของฉันแน่นขึ้น
ตายล่ะ! ใครกอดฉันอยู่วะ แล้วๆ ทำไมมันถึงรู้สึกว่าเนื้อแนบเนื้อเหมือนไม่มีอะไรกั้นแบบนี้ล่ะ
ฉันรีบใช้มือสั่นๆ ควานหาโคมไฟหัวเตียง แล้วเปิดมันอย่างลนลาน
“นะ...นายเป็นใคร เข้ามาอยู่ในบ้านฉันได้ยังไง” ฉันผลักผู้ชายที่กำลังกอดฉันนอนหลับด้วยความตกใจสุดขีด เพราะถึงฉันจะคบกับนิกกี้มาตั้งแต่สมัยเรียนปีสี่ แต่เพราะว่าเขาไม่เคยทำให้ฉันไว้ใจพอที่จะมอบร่างกายให้ได้
จนถึงตอนนี้ หรืออาจจะเมื่อกี้นี้ ฉันยังบริสุทธิ์อยู่เลย
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ทำไมจู่ๆ ฉันต้องมาเสียตัวเพราะเมาในงานแต่งแฟนเก่าล่ะเนี่ย
“อือ...คุณตื่นแล้วเหรอเทียร์”
ชายหนุ่มที่กอดฉันแน่นไม่ยอมปล่อย ตื่นขึ้นมาแล้วถามเหมือนกับว่านี่มันเป็นเรื่องปกติที่เขาจะอยู่ตรงนี้
“ไอ้คนฉวยโอกาส” จังหวะที่เขาเงยหน้าขึ้น ฉันก็คว้าหมอนแล้วปาอัดหน้าเขาเข้าไปเต็มๆ แต่ก็แค่ครั้งเดียวเท่านั้น เพราะเขาคว้าหมอนใบนั้นเอาไว้ก่อนที่ฉันจะลงมือครั้งที่สอง “ปล่อยนะ!”
“ดุขนาดนี้ แสดงว่าสร่างเมาแล้ว” เขาปาหมอนใบนั้นทิ้งไปแล้วลุกขึ้นนั่ง ส่งผลให้ผ้าห่มที่คลุมกายพวกเราเลื่อนหล่นจากตัว
วินาทีนี้เองฉันถึงตระหนักได้ว่า ฉันกับเขาต่างก็เปลือยเปล่าด้วยกันทั้งคู่
“ว้าย” ฉันยกมือข้างหนึ่งขึ้นปิดของสงวน ส่วนอีกข้างก็เอามาบังหน้าอกคัพซีของตัวเองอย่างยากลำบาก แต่ก็ไม่ลืมที่จะมองหน้าไอ้คนที่กระทำย่ำยีฉันตอนเมาหลับอย่างเอาเรื่อง
“คะ...คุณวิน” ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่า คนที่ทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้จะเป็นหนึ่งในผู้บริหารบริษัทอย่างไรวินท์
บอกตามตรงว่าฉันรู้สึกผิดหวังมาก เพราะด้วยรูปร่างหน้าตา ความสามารถ ทำให้ฉันรู้สึกชื่นชมเขาเสมอมา แต่พ่อเทพบุตรคนนี้กลับกลายเป็นคนเลวที่ฉวยโอกาสตอนผู้หญิงเมา
“ฉันไม่คิดเลยว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้”
“คนแบบไหนล่ะ”
“ก็แบบนี้ไง แบบที่ฉวยโอกาสกับคนเมา”
“นี่คุณคิดว่าผมจะมีอารมณ์กับก้อนเนื้อที่เหม็นอ้วกไปหมดงั้นเหรอ” เขาหัวเราะเบาๆ สีหน้าแววตาดูขี้เล่น แล้วก็น่าดึงดูดเป็นบ้า
ดะ...เดี๋ยวก่อนยายเทียร์ นายคนนี้ข่มขืนหล่อนนะ ยังจะหวั่นไหวอีก
“แล้วที่ฉันกับคุณล่อนจ้อนอยู่ด้วยกันบนเตียงแบบนี้มันหมายความว่ายังไง อย่าบอกนะว่าคุณแค่ถอดเสื้อผ้าของเราออก แล้วนอนกอดให้ความอบอุ่นเฉยๆ น่ะ”
หนุ่มหล่อตรงหน้าปรบมือเบาๆ ท่าทางล้อเลียนมากกว่าจะชื่นชม “สมกับเป็นคุณเทียร์คนฉลาด”
“คุณนี่มันเลวร้ายกว่าที่ฉันคิดไว้ลิบลับเลย ทำผิดไม่ว่า ยังจะโกหกหน้าด้านๆ อีก”
ถูกฉันด่าไปขนาดนั้นแต่ใบหน้าหล่อเหลาของไรวินท์กลับยังประดับไว้ด้วยรอยยิ้มทรงเสน่ห์ เขาจดจ้องดวงตาของฉันนิ่ง รอจนฉันต่อว่าจนจบ แล้วถึงเอ่ยปากออกมาได้
“แล้วถ้าผมบอกว่า คุณเป็นคนถอดเสื้อผ้าของเรา จากนั้นก็ลวนลามผมด้วยปากและลิ้นของคุณจนผมเสร็จตั้งแต่ที่ห้องรับแขกชั้นล่าง ก่อนจะลากผมมาที่เตียงนี่แล้วหลับไปทั้งอย่างนั้น คุณจะเชื่อผมไหม”
“ฉะ...ฉันเนี่ยนะ ชะ...ใช้ปากกับไอ้นั่นของคุณเอง”
ไรวินท์ผงกศีรษะ สีหน้าแววตาเขาจริงจังไม่เหมือนคนกำลังล้อเล่นอยู่อย่างตอนแรก
“ผมพยายามจะขอตัวกลับนะ แต่คุณนั่นแหละไม่ยอม แล้วก็เอาแต่ถามว่า ผมรังเกียจคุณเหรอ คุณไม่สวยเหรอ คุณไม่น่าเอาตรงไหนเหรอ พอผมไม่ตอบ คุณก็บอกว่า ถ้าคืนนี้ผมไม่เอาคุณ คุณจะไปเอากับเด็กบาร์โฮสต์เดี๋ยวนั้น ผมเลยจำเป็นต้องตามใจคุณทุกอย่าง จนกระทั่งคุณหมดแรงหลับไปทั้งอย่างนี้เอง”
“หนามยกโทษให้พี่แล้วใช่ไหม” เขากุมมือเธอแน่น เงยหน้าขึ้นสบตาที่สั่นระริกด้วยความอ่อนไหวของเธออย่างวิงวอน“หนามยกโทษให้แค่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น อีกครึ่งหนึ่งจะคาดโทษเอาไว้ก่อน ถ้าวันหลังพี่ว่านคิดแผนพิเรนทร์อะไรทำนองนี้อีก หนามจะหย่าจริงๆ ด้วย”“จ้าๆ พี่ไม่กล้าทำแล้วจ้ะเมียจ๋า” วรภพพุ่งเข้ากอดเมียอย่างหมดท่า ภาพเจ้าของไร่สุดเข้มที่ลูกน้องต่างเคารพยำเกรงถูกภรรยาสุดที่รักทำลายจนไม่มีเหลือทว่าพอได้กอด ได้ซุกหน้าลงบนอกอวบอั๋น สูดกลิ่นหอมอ่อนจางของเรือนร่างที่ตนหลงใหล เลือดในกายพลันพุ่งพล่านเกินควบคุม“อะ พี่ว่าน จะทำอะไรคะนั่น”เขาไม่ได้ตอบ แต่ใช้สองมือนวดคลึงเอวคอด ก่อนจะเลื่อนลงไปทำอย่างเดียวกันกับสะโพกงามงอน ไม่ต้องพูดถึงใบหน้าที่ตอนนี้จมอยู่กลางหน้าอกเธอ แม้บนร่างจะยังมีเสื้อผ้ากั้นขวางอยู่ แต่ลมหายใจร้อนระอุก็แทรกซึมผ่านไปกระทบผิวอ่อนบางของเธอได้ไม่ยากเย็นพอรุกเร้าร่างระหงจนอ่อนระทวย คนที่คิดจะพลีกายไถ่โทษก็หยัดกายขึ้นจนใบหน้าของทั้งสองห่างกันแค่คืบ ฉับพลันเขาประกบริมฝีปากหยักลงบนกลีบปากฉ่ำวาวสีชมพูอย่างร้อนแรง ราวกับจะกลืนกินลมหายใจของเธอให้หมดสิ้น นวิยายกมือคล้องลำคอแกร่ง แล้ว
“เลิกพาลได้แล้ว หนามไม่เกี่ยว” วรภพกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นเพื่อให้นวิยารู้สึกอุ่นใจ พร้อมกับแสดงออกให้วรัญญารู้ว่าอย่ามาแตะต้องภรรยาของเขา“แหม รู้ย่ะว่ารักกัน แต่น้ำโดนซะขนาดนี้จะขอระบายอารมณ์บ้างไม่ได้หรือไง” วรัญญามองภาพเบื้องหน้าอย่างหมั่นไส้“จริงอยู่ที่เธอต้องทนลำบากกายใจเป็นปี แต่อย่าลืมสิว่าฉันทำตามที่สัญญากับเธอไว้ทุกอย่าง ตอนนี้กิจการที่บ้านเธอฟื้นตัวแล้ว ส่วนหนามก็ได้แต่งงานกับผู้ชายดีๆ อย่างฉัน แล้วเธอจะโมโหอะไรนักหนาไม่ทราบ ยกเว้นก็แต่ว่าตอนนี้เธอนึกเสียดาย เพราะอยากจะแต่งงานกับฉัน”“อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย พี่ว่านไม่ใช่สเปกน้ำ” วรัญญาแค่นเสียงหึ แต่ก็เถียงอะไรอย่างอื่นไม่ออกอีก เพราะหากคิดดีๆ ถึงแผนของวรภพจะทำให้เธอต้องพบกับความยากลำบากอยู่บ้าง แต่เขาก็ทำตามทุกอย่างที่ได้ลั่นวาจาไว้โดยไม่ขาดตกบกพร่อง“พี่น้ำยกโทษให้พวกเราเถอะนะคะ” นวิยาปราดเข้าไปกุมมือที่กำแน่นของวรัญญา เธอทำท่าเหมือนจะร้องไห้ อ้อนวอนคนเป็นพี่ให้อภัย“แกนี่นะ เอะอะก็ร้องไห้ พอๆ อย่าร้องนะ พี่ยกโทษให้ก็ได้ แค่นี้พอใจแล้วใช่ไหม” ถึงจะดูเหมือนคนแข็งๆ แต่ความจริงเธอแพ้น้ำตาของน้องสาวตลอด“ขอบคุณนะคะพี่น้ำ”
“ถ้าพวกท่านเป็นห่วงพี่จริง ก็คงไม่บังคับให้พี่แต่งงานกับผู้ชายรุ่นราวคราวพ่อ โดยไม่สนว่าพี่จะรู้สึกยังไงแบบนั้นหรอก”“พี่น้ำก็เลยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น แล้วโยนความรับผิดชอบทั้งหมดให้หนามแทนใช่ไหมคะ” นวิยาอดตัดพ้อไม่ได้“พี่ยอมรับว่ามันดูเห็นแก่ตัว แต่ความจริงพี่ก็ไม่ได้คิดจะปัดความรับผิดชอบให้แกตั้งแต่แรกนะ แต่เป็นพี่ว่านต่างหากที่มาพบพี่ เพื่อขอร้องให้หนีการแต่งงาน”“พี่ว่านมาพบพี่น้ำ แล้วขอให้หนีงานแต่ง?”“ใช่แล้วล่ะ” วรัญญามองไปทางทะเลอย่างครุ่นคิดแล้วเล่าต่อ “วันนั้นพี่ว่านมาถามฉันว่าชอบคนแก่คราวพ่อเหรอถึงได้ตกลงง่ายๆ แบบนั้น หึ ชอบกับผีน่ะสิ พี่เลยตอกกลับไปว่าเป็นพ่อเขาต่างหากที่มาพูดว่าจะมาสู่ขอพี่เพื่อแลกกับความช่วยเหลือ ไม่ใช่ทางนี้เสนอไปสักหน่อย พอพี่ว่านได้ยินแบบนั้น ก็พูดว่าเขาไม่อยากได้แม่เลี้ยงแบบพี่ ฉันงี้โกรธแทบตาย เลยสวนไปอีกรอบว่าควรจะไปบอกพ่อเขาต่างหาก เพราะทางนี้ก็ไม่ได้อยากเป็นหญ้าอ่อนโดนโคแก่รุ่นลุงรุ่นพ่อและเล็ม” “แล้วยังไงต่อคะ”“พี่ว่านก็เลยเสนอให้พี่หนีไปต่างประเทศก่อนสักปี รอให้เรื่องมันซาแล้วค่อยกลับมา”“แล้วพี่น้ำก็ไปง่ายๆ ?”“ทำไมแกถึงได้มองพี่ในแง่ร้ายขนาด
“ก็เออน่ะสิ” กรกนกหันไปถลึงตาดุๆ ใส่น้องชาย“ในเมื่อเป็นเรื่องเข้าใจผิดก็พอแค่นี้เถอะค่ะ ตอนนี้หนามเข้าใจทุกอย่างแล้ว พี่ว่านกับพี่แตมอย่าเอาเรื่องพี่ตั้มอีกเลยนะคะ พี่เขาคงห่วงว่าหนามจะเสียใจเลยมาเตือนเท่านั้นเอง”ถึงจะไม่พอใจในสิ่งที่กรวิทย์ทำ แต่พอเห็นเขาดูสำนึกผิด แถมยังถูกหมัดลุ่นๆ ของวรภพกับกระเป๋าราคาแพงหูดับของกรกนกกระแทกจนหน้าช้ำไปหมด นวิยาเลยคิดว่าเท่านี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว“ก็ได้ นี่ฉันเห็นแก่หนามกับแตมหรอกนะ ไม่งั้นแกได้คุยกับลูกปืนแน่”“ตั้มขอโทษจริงๆ ครับพี่ว่าน ตั้มก็แค่เป็นห่วงกลัวหนามจะเสียใจ” เมื่อรูปการณ์ออกมาเป็นแบบนี้ กรวิทย์ก็รู้แล้วว่าควรจะยอมรับความจริง แล้วถอยออกมา เพราะระหว่างเขากับนวิยาคงไม่มีทางหวนคืนหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์“เออ แต่อย่าทำอะไรรุ่มร่ามกับหนามอีกแล้วกัน ไม่งั้นอย่าหาว่ากูโหด ไม่ไว้หน้าพี่สาวมึง”กรวิทย์ได้แต่รับคำเสียงอ่อย “ครับพี่ว่าน”“เอาล่ะๆ ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว พวกเราก็ไปหาอะไรกินกันเถอะ ขับรถมาตั้งไกล ฉันหิวจะแย่อยู่แล้วเนี่ย” พูดจบกรกนกก็เดินไปทางร้านอาหารโดยไม่รอคนอื่น กรวิทย์ที่ยังทำตัวไม่ค่อยถูกก็เร่งฝีเท้าตามพี่สาวไปสองสามีภรรยาสบประสา
“ไม่จริง นี่หนามรังเกียจพี่ แต่ไม่รังเกียจไอ้ผู้ชายสารเลวที่หลอกใช้หนามอย่างไอ้ว่านเนี่ยนะ เป็นไปไม่ได้” ความโกรธทำให้กรวิทย์ออกแรงหนักขึ้นอีก เขาพยายามจะดึงนวิยาเข้ามากอดจูบ มั่นใจว่าถ้าได้ทำแบบนี้แล้วเธอจะนึกถึงความรู้สึกสมัยที่ยังเป็นแฟนกันอย่างแน่นอนกระทั่งคนที่ทนฟังคำใส่ร้ายป้ายสีจากปากของกรวิทย์อยู่นานก็อดรนทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เจ้าของไร่หนุ่มก้าวเท้าเร็วๆ จนกระทั่งประชิดตัวคนทั้งคู่ก่อนโพล่งออกมาด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง“เฮ้ย! พูดให้มันดีๆ หน่อย ใครหลอกใช้ใครไม่ทราบ”“พะ...พี่ว่าน” กรวิทย์ผงะ ตกใจจนดวงตาเบิกกว้างราวกับเห็นผี“เออ กูเอง” วรภพปราดเข้าไปดึงนวิยาให้ออกมาอยู่ด้านหลังตนเองอย่างรวดเร็ว ก่อนจะชกเข้าที่ใบหน้าของคนที่บังอาจทำให้เธอเสียใจร้องไห้เต็มแรงจนล้มคว่ำไปกองกับพื้น“โอ๊ย! ไอ้ว่าน! มึงต่อยกู” กรวิทย์รับรู้รสชาติเลือดในปากได้อย่างชัดเจนเริ่มเดือดปุดๆ เขารีบยันตัวลุกขึ้นยืนแล้วมองอีกฝ่ายตาขวาง“กูไม่เอาปืนเป่าหัวมึงกระจุยก็บุญแล้ว ต้องขอบใจพี่มึงโน่นที่ขอไว้” วรภพพูดแล้วประคองนวิยาไปอีกด้าน เปิดทางให้เห็นหญิงสาวหน้าตาสะสวยรูปร่างสูงโปร่งในชุดสูททันสมัยยืนตัวสั่นด้วยควา
หนึ่งสัปดาห์ต่อมาหลังจากใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนที่บ้านพักริมธารน้ำตกปรับความเข้าใจกัน วรภพที่งานยุ่ง แต่ก็อยากอยู่ใกล้ๆ เมียจึงกระเตงนวิยาออกมาทำงานด้วย แต่เพราะรู้ว่าเธอเป็นคนขี้ร้อน และผิวบางๆ นั่นก็ถูกแดดเผาจนแสบแดงง่ายเหลือเกิน หากเขามีความจำเป็นต้องออกไปดูงานกลางแจ้ง ก็จะให้เธอรออยู่ที่ห้องทำงานส่วนตัวซึ่งอยู่ในส่วนของรีสอร์ตแต่วันนี้วรภพออกไปนานแล้วก็ยังไม่กลับมา คุณนายไร่องุ่นที่ไม่มีอะไรทำเป็นชิ้นเป็นอันก็นึกเบื่อ เลยออกจากห้องทำงานของสามีแล้วไปเดินเล่นที่สวนด้านนอกเพื่อฆ่าเวลานวิยาเรียนจบบริหารธุรกิจการโรงแรมจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง ทว่าจนถึงตอนนี้เธอยังไม่มีโอกาสได้ใช้ความรู้ที่เรียนมาเลย คิดถึงตรงนี้เธอก็อดนึกเสียดายไม่ได้ คนอุตส่าห์ร่ำเรียนมาหลายปีกลับทำได้เพียงใช้ปริญญาเรียกรอยยิ้มภาคภูมิใจของพ่อแม่ได้อย่างเดียวหลายครั้งนวิยาคิดจะเอ่ยปากขอตำแหน่งงานเล็กๆ ในไร่จากวรภพ แต่กลัวเขาจะมองว่าเธอจุ้นจ้านไม่เข้าเรื่อง ครั้นจะขอไปช่วยงานที่บริษัทของพ่อแม่ก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะพวกเขาสองคนใช้ชีวิตอยู่ที่โคราช ไม่รู้ว่าปีๆ หนึ่งจะมีโอกาสเข้ากรุงเทพกี่วันกัน“น้องหนาม” เสียงเรียกทุ้มน