เทียร์ถูกเพื่อนสนิทกับคนรักหักหลัง แต่เธอก็ยังทำเป็นเข้มแข็งแล้วไปงานแต่งของพวกเขาอย่างไม่ยี่หระ ท่ามกลางสายตาเห็นอกเห็นใจของทุกคน เธอดื่มจนเมามาย และตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของไรวินท์ หนึ่งในผู้บริหารหนุ่มสุดฮอทของบริษัท แต่เขากลับบอกเธอว่าไม่อะไรเกิดขึ้น ไม่รู้ว่าเพราะรู้สึกเสียหน้า หรือเป็นเพราะว่าเขามีเสน่ห์เกินต้าน เธอถึงได้ถามคำถามยัวยุเสือร้ายที่หลับใหลอยู่ให้ตื่นคืนมา ทำให้ชั่วคืนที่เธอน่าจะต้องนอนเศร้าเดียวดาย กลายเป็นค่ำคืนอันเร่าร้อนดุจเพลวเพลิง... เพียงชั่วคืน และเรื่องรักสุดวาบหวิวที่ทำให้หัวใจเร้าร้อน
View Moreฉันเคยสงสัยว่าทำไมเวลาดูซีรีส์ ฉากที่ตัวละครหลักถูกบอกเลิกจะต้องเป็นขณะฝนตกด้วย แต่เหมือนตอนนี้ฉันจะได้พบกับคำตอบแล้วล่ะ
คงเป็นเพราะความเปียกชื้น บรรยากาศขมุกขมัวชวนอึดอัดหายใจไม่ออก กับหัวใจที่กำลังแหลกสลายของคนหนึ่งคน มันชวนให้ตัวละครดูน่าสมเพชอย่างที่สุดนี่เอง
“เทียร์ เราขอโทษจริงๆ นะ” นิกกี้พูดคำนี้ออกมาประมาณสิบครั้งเห็นจะได้ ทว่านี่ไม่นับรวมกับก่อนหน้านี้ที่พอเขาทำผิดอะไร ก็พูดออกมาอย่างคล่องปาก
แต่ฉันเองก็อภัยให้ทุกครั้ง เพราะเชื่อว่าเขาแค่พลาดไป
“นี่เทียร์จะไม่พูดอะไรสักคำจริงเหรอ”
ฉันที่เบนสายตาออกไปมองเม็ดฝนที่นอกหน้าต่างนานแล้ว หันกลับมาสบตาสีเข้มที่ตนเองเคยหลงใหลมากมายอีกครั้ง ด้วยแววตาไม่ต่างจากปลาตาย ทั้งที่หัวใจเต้นตุบหนักหน่วงจนอกด้านซ้ายแทบจะระเบิดอยู่รอมร่อ
แต่ฉันไม่มีทางทำให้ผู้ชายเลวๆ อย่างนิกกี้รู้สึกว่าตนเองมีค่าพอให้ผู้หญิงคนนี้ร้องห่มร้องไห้อ้อนวอนอีก
“เฮ้ย! เอาจริงดิ” นิกกี้ดูหัวเสีย แต่ฉันไม่แน่ใจว่าเขาโมโหที่ฉันไม่พูดอะไร หรือเพราะฉันดูเศร้าน้อยกว่าที่ควรจะเป็นกันแน่
“นิกอยากให้เทียร์พูดอะไรล่ะ” ฉันถามกลับเสียงเรียบไร้ความรู้สึก
“เราไม่ได้ตั้งใจให้ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ แต่แนนเขาท้อง เทียร์เข้าใจเราใช่ไหม”
อ่อ ที่แท้เขาก็แค่อยากให้ฉันปลดปล่อยเขาจากความรู้สึกผิด เพื่อที่จะได้เดินหน้าต่อกับนังคนหน้าด้านนั่นอย่างสบายใจนี่เอง
“นอกจากเรื่องที่นิกทำแนนท้อง ยังมีเรื่องอะไรที่อยากบอกเราอีกไหม”
“เธอก็เป็นซะอย่างนี้ไง น่าเบื่อฉิบหาย!” นิกกี้หายใจฟืดฟาดอย่างหัวเสีย เรียกได้ว่าเป็น ‘สันดาน’ ประจำของผู้ชายคนนี้เพื่อทำให้ฉันเป็นคนผิดที่ประสาทเสียอยากรู้อะไรมากเกินกว่าที่เขาอยากจะให้รู้
เดี๋ยวนะ แต่คนที่น่าจะหัวเสียมันฉันไม่ใช่เหรอ ทำไมคนที่นอกใจอย่างเขาถึงทำเหมือนตัวเองเป็นคนถูกล่ะ
โลกมันกลับตาลปัตรขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรนะ...
“ถ้านิกหมดเรื่องพูดแล้ว เทียร์กลับก่อนนะ”
“เฮ้ย จะไปง่ายๆ แบบนี้เหรอ”
“นั่นสินะ จะไปง่ายๆ โดยไม่พูดอะไรเลยได้ยังไงกัน” ฉันกระตุกมุมปากยิ้มหน่อยๆ “เราเลิกกันเถอะ” พูดจบฉันก็เชิดหน้าแล้วยืนขึ้น พลางมองต่ำอย่างดูแคลน
“เทียร์อย่าทำเหมือนตัวเองดีกว่าคนอื่นนักเลย ถ้าเธอไม่ทำตัวน่าเบื่อ แล้วนิกจะไปปรึกษาแนนจนทุกอย่างกลายเป็นแบบนี้ไหมล่ะ”
ไอ้เวรนี่ ไม่สำนึกสักนิดเลยสินะ!
“ถ้านิกไม่สำส่อน หน้ามืดจะเอาสดแบบไม่ป้องกัน ก็คงไม่โดนผู้หญิงหน้าด้านแบบนั้นจับด้วยการปล่อยให้ท้องหรอก”
“เทียร์!” เสียงของนิกดังพอให้คนที่อยู่ในร้านอันเงียบสงบหันมามองพวกเราเป็นตาเดียว
“ทำขนาดนี้แล้วฉันไม่เอากาแฟราดหัวนาย ก็นับว่าบุญแล้ว ยังกล้ามาขอให้ฉันเข้าใจอีก เข้าใจพ่อมึงสิ ไอ้สารเลว!”
ตั้งแต่คบกันมาฉันแทบไม่เคยพูดคำหยาบเลย นิกกี้คงกำลังช็อกถึงได้ถลึงตาจนแทบถลนออกจากเบ้า
“ต่อไปนี้ต่างคนต่างอยู่ แล้วแกจะไปสมสู่กับใครก็เชิญ ไม่เกี่ยวกับฉัน เพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว ชัดนะ...”
ด้วยเพราะกาแฟถ้วยนี้รสดีเกินที่จะเสียเปล่าไปกับคนใจหมาสันดานเสียอย่างไอ้หมอนี่ ฉันพยายามหักห้ามใจเอาแก้วที่ยังมีกาแฟเหลือกว่าครึ่งกระแทกลงบนโต๊ะ แทนที่จะราดหัวอดีตแฟนเมื่อหนึ่งนาทีก่อนของตัวเองอย่างที่ใจอยากจะทำเหลือเกิน แล้วค่อยๆ หมุนตัวเดินออกจากคาเฟ่ไปทั้งที่ข้างนอกฝนยังตกหนัก
ให้ตายสิ ฉันไม่ได้อยากตากฝน แค่ทนเห็นหน้าไอ้คนเฮงซวยนั่นต่อไม่ได้อีกแล้วเท่านั้นเอง...
หนึ่งเดือนต่อมา...
"ผมรักคุณ" คำนี้ยังคงก้องอยู่ภายในใจอย่างชัดเจน แม้ว่าเวลานี้ฉันกำลังยืนอยู่หลังโต๊ะเล็กๆ ที่ปูด้วยผ้าสีขาวในงานแต่งของผู้ชายที่เคยพูดประโยคนี้กับฉัน แต่เจ้าสาวของเขากลับเป็นผู้หญิงอีกคน ทั้งที่ในความเป็นจริงเจ้าสาวควรจะเป็นฉัน ไม่ใช่หญิงแพศยาที่แอบไปกินแฟนหนุ่มของเพื่อนรักอย่างยายนั่น
รอยยิ้มแห่งความสุข คำอวยพร ตลอดจนสายตารักใคร่ที่ออกมาจากดวงตาของเจ้าบ่าว กลับกลายเป็นของคนที่ใช้คำว่า "ท้อง" มาเป็นข้ออ้างในการร้องขอความรับผิดชอบ
แต่ก็นั่นแหละ หญิงร่านกับชายที่อวัยวะเบื้องล่างอยู่ไม่สุขจนพ่ายแพ้ให้กับความใคร่ก็ดูเหมาะสมกันดีแล้ว
บางทีพระเจ้าอาจจะสงสาร ไม่อยากเห็นฉันเป็นคนโง่ที่ไม่รู้อะไรต่อไป ถึงได้บันดาลให้ฉันรู้ถึงเรื่องราวคาวโลกีย์พวกนี้ก่อนที่จะสูญเสียความสาวที่เฝ้าหวงแหนให้กับคนที่ไม่คู่ควรอย่างไอ้นิกกี้ก็ได้
แต่ถึงจะพยายามทำเป็นเก่งยังไง ความจริงหัวใจมันก็เจ็บอยู่ดีปะ
ไม่เอาน่า ฉันไม่ควรร้องไห้ เพราะนอกจากดูอ่อนแอแล้ว อาจจะทำให้คนบางคนเข้าใจผิดว่าฉันกำลังเรียกร้องความสนใจจากเจ้าบ่าวของคนอื่น
แล้วเรื่องอะไรผู้หญิงสวยๆ ที่หลายคนต่างชื่นชมอย่างฉันจะต้องทำตัวให้ตกต่ำลงด้วยเล่า
ไม่มีทางเสียล่ะ!
ฉันกระดกแก้วไวน์แก้วที่ห้าพร้อมกลืนความเสียใจลงท้องไป แล้วจ้องมองไปบนเวทีด้วยสีหน้าและแววตาที่สงบเยือกเย็น ไม่ยินดียินร้าย หนำซ้ำยังยิ้มรับทักทายบรรดาเพื่อนคนอื่นๆ ที่เข้ามาสมทบอย่างเป็นธรรมชาติสุดๆ
แน่นอน เพราะคนหน้าไม่อาย แถมยังตอแหล ตอนนี้กำลังยืนอยู่บนเวทีนั่นต่างหาก
ในเมื่อคนผิดไม่ใช่ฉันสักหน่อย ก็ยืนเชิดๆ เริดๆ ไปสิคะ กลัวอะไร
พอเพื่อนๆ เห็นว่าฉันไม่ได้เสียใจอะไรนักหนา พวกเขาก็พากันยิ้ม และหยอกเอินกันไปตามปกติ ซึ่งมันทำให้ฉันไม่หลงเหลือความรู้สึกอับอายใดๆ ที่จู่ๆ แฟนก็ไปแต่งงานกับอดีตเพื่อนสนิทตัวเอง
หลังจากเต้นรำและดื่มฉลองในอาฟเตอร์ปาร์ตี้ของงานแต่งจนพอใจแล้ว ณภัทรก็อุ้มเจ้าสาวคนสวยขึ้นไปยังห้องพักสุดหรูของโรงแรมห้าดาวซึ่งเป็นสถานที่จัดงานแต่งงานของพวกเขาที่จัดขึ้นหลังจากที่เขาเข้ารับตำแหน่งประธานบริษัทคนใหม่ได้ไม่นานเขาวางเจ้าสาวที่ใส่สวมชุดเดรสสั้นรัดรูปสีขาวแหวกอกสุดเซ็กซี่ลงบนเตียงขนาดคิงไซส์ แล้วตามขึ้นไปกอดก่าย ลูบไล้ผิวกายเนียนละเอียดไปมาช้าๆ สายตาคมจดจ้องเนินอกที่โผล่พ้นเนื้อผ้าออกมาอย่างหมิ่นเหม่ด้วยแววปรารถนาร้อนแรง“เจ้าสาวของอาเซ็กซี่มากเลยรู้ไหม”“เซ็กซี่ แล้วน่าเอาด้วยไหมคะ” พริ้มพราวยิ้มยั่วยวน พลางรั้งกระโปรงที่สั้นอยู่แล้วให้เลิกขึ้นมาจนเห็นจีสตริงสีขาวประดับไข่มุกรำไรณภัทรกลืนน้ำลายพลางครางลึกในลำคอ ทั้งที่เห็นเพียงเท่านี้ แต่ในหัวสมองกลับจินตนาการเตลิดไปไกลแล้ว พอเห็นเขาเอาแต่จ้อง พริ้มพราวจึงต้องสร้างแรงจูงใจให้เจ้าบ่าวของเธอด้วยการแยกขาออก เผยให้เห็นพูเนื้ออวบอูมที่ฉ่ำแฉะเพราะถูกเม็ดมุกเสียดสีตลอดงานเลี้ยง“ว่ายังไงคะ”“พราวของอาทั้งสวยทั้งน่ากิน” ณภัทรตอบเสียงพร่า เพราะบางสิ่งบางอย่างกำลังพองขยายจัดรู้สึกอึดอัดที่กลางหว่างขาจนปวดตุบๆ“งั้นก็กินสิคะ ทำให้พ
“แต่พราวเป็นแค่นักศึกษาจบใหม่ จะไปรับผิดชอบบริษัทไหวได้ยังไงคะ” ตอนคุณปู่ถ่ายโอนอำนาจการบริหารให้พ่อเธอ ท่านก็คร่ำหวอดในวงการธุรกิจจนมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับแล้ว แตกต่างจากเธอที่ผ่านการฝึกงานก่อนจบการศึกษาแค่ปีเดียวเท่านั้น“เรื่องนั้นพราวไม่ต้องห่วง เพราะอาเตรียมการทุกอย่างไว้หมดแล้ว”ความจริงณภัทรสามารถอาศัยตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงบวกกับการเป็นผู้จัดการมรดก กระทำการลับหลังทายาทที่อายุน้อยด้อยประสบการณ์อย่างเธอได้ไม่ยาก แต่จากเอกสารที่ทนายประจำตระกูลนำมาแสดง ไม่มีส่วนใดเลยที่เขาจะเล่นแง่แล้วยักย้ายถ่ายเทไปเป็นของตนเอง ดังนั้นถ้าเขาบอกว่าจัดการทุกอย่างไว้รอเธอแล้ว เขาก็ต้องทำแบบนั้นจริงๆ อย่างแน่นอน “พราวจะทำได้แน่เหรอคะ”“อย่าลืมสิครับ ว่าพราวยังมีอาอยู่อีกทั้งคน” สายตาที่เขาจับจ้องพริ้มพราวเต็มไปด้วยความเชื่อมั่น และไม่ใช่แค่เชื่อในตัวเธอเท่านั้น แต่ยังมีความเชื่อมั่นในตัวเองอีกด้วย“พราวเชื่ออาภัทรค่ะ” พริ้มพราวสบตาที่เต็มไปด้วยความมั่นคงของเขา แล้วจรดปลายปากกาเซ็นรับทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเก็บรักษาไว้ให้เธอมาในที่สุด“เนื่องจากทรัพย์สินของตระกูลมีจำนวนมาก ผมคงต้องใช้เวลาประมาณหนึ่ง
ณภัทรโน้มกายลงทาบทับร่างงามที่สั่นสะท้าน แล้วประกบริมฝีปากจูบหญิงสาวที่เสร็จสมสุดขีดจากการกระทำของเขาอย่างดูดดื่ม แต่ไม่ลืมขยับสะโพกตอกตรึงเข้าไปในช่องทางแน่นหนึบระรัว กระทั่งอารมณ์พลุ่งพล่านแตกกระจายใส่ร่องแมวน้อยยั่วเยอย่างแสนสะใจ“โอ้ว!!! พริ้มพราว” ณภัทรกดสะโพกแนบแน่นหลับตาพริ้ม ซึมซับความรู้สึกสุดยอดจากการหลั่งน้ำกามแรงๆ จนหยาดหยดสุดท้าย ในขณะบดจูบริมฝีปากอิ่มอย่างรักใคร่หลงใหลสองร่างกอดก่ายลูบไล้สัมผัสกันอย่างแสนคิดถึงอยู่บนพรมนุ่มเนิ่นนาน ความสุขและเสียวซ่านที่มอบให้กันเอ่อล้นเป็นหลักฐานเต็มหว่างขาของพริ้มพราว น้ำสีขาวขุ่นตัดกับสีแดงจัดของร่องสาวดูสวยเซ็กซี่จนณภัทรตื่นตัวอีกครั้ง แต่ก็อดสงสารสาวน้อยที่ถูกเขาสูบแรงไปจนแทบหมดเกลี้ยงไม่ได้ณภัทรค่อยๆ หยัดกายขึ้นนั่ง แล้วจัดการถอดชุดแมวและหางแมวให้พริ้มพราว แต่กว่าเขาจะยอมถอนมันออกมาจนสุดได้ พริ้มพราวต้องทนรับความเสียวซ่านแปลกใหม่ สูดปากครางกระเส่าอยู่นาน เพราะถูกคนเกเรแกล้งแยงของเล่นเข้าออกร่องรักด้านหลังต่อเสียหลายนาที“ครางดังขนาดนี้ พราวอยากลองทางประตูหลังงั้นเหรอ” เขาว่าพลางใช้ปลายนิ้วแตะวนที่รูร่องจีบตรงบั้นท้ายงามที่ขมิบตอบ
“มะ...ไม่ต้องค่ะ” พริ้มพราวตอบกลับไปโดยที่ไม่ได้คิดด้วยซ้ำ เรียกรอยยิ้มร้ายที่มุมปากของณภัทร“หันหลัง”“ค่ะ”พริ้มพราวค่อยๆ หมุนตัวหันหลังให้ณภัทรในท่าคลาน พอมั่นใจว่าได้ตำแหน่งดีแล้ว ก็กระดกบั้นท้ายขึ้นพร้อมกับส่ายสะโพกน้อยๆ อวดพวงหางสีขาวที่ณภัทรสั่งทำพิเศษให้เธอเขาจดจ้องภาพตรงหน้าตาเป็นมัน หูแมวและชุดวาบหวิวยังไม่ทำให้เขากระหายอยากเท่ากับการได้เห็นเธอยอมสอดใส่หางแมวเข้าไปทางประตูหลัง แค่คิดว่าอีกไม่กี่อึดใจตนจะได้ร่วมรักกับเธอทั้งที่มีเจ้านี่เสียบคาอยู่ตรงนั้น เขาก็แทบอดรนทนไม่ไหวณภัทรปราดเข้าไปประชิดติดเธอจากด้านหลัง แล้วส่งปลายนิ้วร้อนเข้าไปทักทายเส้นทางแน่นหนึบที่เขาร้างราไปเสียนาน ส่วนมืออีกข้างก็แกล้งดึงหางเธอเบาๆ“ยะ...อย่าดึงไปล้วงไปแบบนี้สิคะ อูย…” พริ้มพราวสูดปากพลางส่ายก้นไปมาอย่างร่านสวาท“ทำไมล่ะ มันรู้สึกแย่งั้นเหรอ” ณภัทรออกแรงอีกนิด แต่ยังไม่มากพอจะถอนหางแมวปลอมออกมา ในขณะที่ควานปลายนิ้วในร่องสวาท แล้วขยี้ติ่งเสียวของเธอไปพร้อมๆ กัน จนน้ำหวานหลั่งล้นเต็มรูสาว“อ๊า อาภัทรอย่าทำแบบนี้สิคะ พราวเสียวจะตายอยู่แล้ว”“แค่นิ้วเองไม่ตายหรอก ยังมีเด็ดกว่านี้อีก”พริ้มพราวยัง
พอพูดจบเธอก็นั่งลงที่พื้น แล้วหยิบสายจูงที่ต่อกับปลอกคอเอามาคาบไว้ในปาก จากนั้นก็ค่อยๆ คลานเข่าเขาไปหาณภัทร แล้วปล่อยสายจูงเส้นนั้นลงบนฝ่ามือของเขาณภัทรมองสายหนังที่อยู่บนมือ แล้วถามเสียงเรียบ “ไหนว่าเกลียดคนโรคจิต”“ถ้าอาภัทรโรคจิต พราวก็เป็นคนโรคจิตเหมือนกัน เพราะพราวชอบให้อาภัทรลงโทษแรงๆ” เสียงสั่นเล็กน้อยตรงคำว่า ‘แรงๆ’ ทำให้ชายหนุ่มท่าทางเครียดขรึมรู้สึกคันยุบยิบในหัวใจ นึกอยากฟังเสียงครวญครางของเธอตอนถูกเขาลงโทษเหลือเกิน“แน่ใจแล้วใช่ไหม เพราะถ้าคืนนี้เธอยอม คืนต่อๆ ไปฉันจะไม่มีทางกลับมามีเซ็กซ์แบบปกติกับเธออีก”“แน่ใจสิคะ ก็พราวเคยบอกอาภัทรไปแล้วว่า พราวพร้อมจะเป็นผู้หญิงในแบบที่อาภัทรชอบ”“งั้นเตรียมใจเอาไว้ให้ดีล่ะ แล้วอย่าหาว่าคนอย่างอาภัทรไม่อ่อนโยนละกัน”หญิงสาวยืนยันคำตอบด้วยการเคลื่อนกายไปนั่งคร่อมตักเขา แล้วก้มลงจูบริมฝีปากบางอย่างโหยหา แลกเปลี่ยนลมหายใจร้อนผ่าวให้กันและกัน เธอรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหยุดนิ่ง เมื่อร่างบางบดเบียดแนบชิดกับร่างแกร่งกำยำ ในช่วงเวลานั้นทั้งสองสัมผัสได้ถึงความรู้สึกล้ำลึกที่ห่างหายไปแสนนาน ความต้องการปลุกไฟพิศวาสให้โหมกระพือ ค่อยๆ กลืนกินเหตุผล
ตอนแรกเธอก็ตั้งใจว่าจะอดทนรอเงียบๆ จนกว่าณภัทรจะหายโกรธแล้วกลับมาเอง แต่การแสดงออกว่าเขาอยากยุติความสัมพันธ์นั้นชัดเจนมากขึ้นทุกที หากเธอยังมัวรีรอปล่อยให้เวลาผ่านไปเรื่อยๆ โดยไม่ทำอะไรสักอย่าง งานนี้เธอคงต้องสูญเสียเขาไปตลอดกาลจริงๆ แน่พริ้มพราวมองดูเวลาที่หน้าจอมือถือ ตอนนี้เพิ่งจะห้าโมงเย็น อีกหนึ่งชั่วโมงคนของณภัทรถึงจะมาเอาของที่บ้าน เธอยังมีเวลาแก้ไขเรื่องนี้อยู่ร่างระหงผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้ววิ่งขึ้นบันไดตรงไปที่ห้องนอนหลังจากค้นหาของในห้องแต่งตัวอยู่ครู่หนึ่ง พริ้มพราวก็คว้ากล่องของขวัญชิ้นสุดท้ายที่ณภัทรวางทิ้งไว้ในคืนนั้นออกมาจากในตู้ได้สำเร็จเพนต์เฮาส์กลางใจเมืองของณภัทรณภัทรปรายตามองแขกไม่ได้รับเชิญ ก่อนจะหันไปถามเลขาส่วนตัวเสียงเย็น “ผมให้คุณไปรับของแทน ไม่ใช่ให้ไปพาคนมาที่นี่ด้วย”“กิ่งขอโทษค่ะคุณภัทร” กิ่งแก้วก้มหน้า ยืนกุมมือแน่น ถึงเธอจะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของณภัทรโดยตรง แต่พริ้มพราวก็เป็นเจ้านายคนหนึ่งที่ให้คุณให้โทษกับเธอได้ แล้วใครจะไปกล้าทัดทาน“คุณเป็นเลขาของผม ก็ควรทำตามแค่ที่ผมสั่ง”“อาภัทรอย่าโกรธคุณกิ่งเลยนะคะ ทั้งหมดเป็นความผิดของพราวเอง” พริ้มพราวพย
Comments