ตั้งแต่ได้ไปทำงานด้วยกันนิวเยียร์ก็นอนดึกกว่าเดิม เพราะงานออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์ที่รับทำยังคงมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่เธอก็ทำเองแค่งานที่ใช้เวลาไม่เกินสามชั่วโมง ถ้าเป็นงานยากช่วงนี้คงต้องส่งให้กับโรงพิมพ์ของพรีมเป็นคนทำไปก่อน
ทุกเช้าเธอจะตั้งนาฬิกาปลุกไว้ที่ตีห้าครึ่งเพื่อที่จะอาบน้ำแต่งตัว และแต่งหน้าสวย ๆ เตรียมไปกินข้าวกับใครบางคน
ก๊อก ก๊อก
ทันทีที่ประตูเปิดออก นิวเยียร์ก็เกิดอาการร้อนที่ใบหน้า หัวใจดวงน้อยเต้นแรงตึกตักราวกับกำลังตื่นเต้น เมื่อเจ้าของห้องสุดหล่อที่เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จเพราะได้กลิ่นหอมของสบู่อ่อน ๆ โชยเข้าจมูก แถมเขายังสวมใส่แค่กางเกงวอร์มสีดำ เผยช่วงบนให้ได้เห็นหน้าอกขาว ๆ หน้าท้องมีซิกซ์แพ็กเป็นลอนงาม คล้ายกับในความฝันของเธอไม่มีผิด
นิวเยียร์ยืนนิ่งจ้องมองเขาตาไม่กระพริบ ลอบกลืนน้ำลายลงคอราวกับเห็นของกินแสนอร่อยวางอยู่ตรงหน้า
“หัวนมชมพู” เธอเผลอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ยกยิ้มที่ริมฝีปากมาอย่างลืมตัว
“น้องนิวเยียร์ครับ” ชายหนุ่มเอ่ยชื่อเพื่อเรียกสติ
เธอเอาแต่ยืนจ้องตุ่มไตสองเม็ดที่หน้าอก ดวงตาหวานเยิ้ม ทำเอาคนถูกมองเริ่มจะทำตัวไม่ถูกจนต้องเอาผ้าที่เช็ดผมมาบังแผงอกแทน
“คะ” นิวเยียร์ขานรับกระพริบตาถี่ เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มด้วยความขัดเขิน เมื่อกี้เธอเผลอมองจนเพลินเลย
“นั่งรอก่อนนะครับ พี่ขอไปแต่งตัวก่อน”
เพราะไม่อยากให้เธอยืนรอที่หน้าห้องนาน เขาเลยมาเปิดประตูให้ก่อนทั้งที่ยังไม่ได้แต่งตัวให้เรียบร้อย แต่ก็ไม่คิดว่าหญิงสาวจะยืนมองจนเขานั้นแทบหายใจหายคอไม่ค่อยสะดวก เมื่อบอกกับเธอแล้วก็รีบก้าวเท้าเดินเข้าห้องทันที
“นึกว่าพี่จะแต่งตัวแบบนี้มากินข้าวกับหนูซะอีก คิก ๆ” นิวเยียร์รีบเอ่ยแซวตามหลัง
ถ้าเขาใส่แค่กางเกงมานั่งกินข้าวด้วยกันได้ก็คงดี อาหารมื้อนี้คงอร่อยขึ้นเป็นพิเศษ เธอเผลอคิดอะไรทะเล้นแล้วหลุดหัวเราะชอบใจออกมา
หลังจากกินข้าวด้วยกันเสร็จทั้งสองก็ออกจากคอนโดไปทำงานพร้อมกัน โดยสลับรถกันใช้คนละวันตามที่นิวเยียร์เสนอความเห็น
งานที่ทำในแต่ละวันก็ไม่มีอะไรมาก ส่วนใหญ่ก็จะได้จัดเตรียมเอกสาร พิมพ์งาน และคอยติดต่อประสานงานกับแผนกอื่นบ้างแต่ก็น้อยครั้ง ส่วนเรื่องที่เกี่ยวกับการประชุมหรือติดต่อกับลูกค้า เพิร์ธจะเป็นคนจัดการทั้งหมด
เขาเป็นคนที่ทำงานเก่งมาก ยิ่งได้มาเห็นเขาทำงานก็ยิ่งมีเสน่ห์
‘คนอะไรยิ่งมองก็ยิ่งหล่อ’
“น้องนิวเยียร์ครับ ส่งแฟ้มเอกสารนั้นมาให้พี่หน่อย”
เพิร์ธชี้ไปยังแฟ้มที่วางอยู่ตรงพื้นที่ว่างบนโต๊ะด้านซ้ายมือของเธอ แต่ดูเหมือนว่าคนที่พูดด้วยจะไม่ได้ยิน
“น้องนิวเยียร์ครับ”
“คะ ว่าอะไรนะคะ”
เธอเผลอมองเขาจนไม่เป็นอันทำอะไรอีกแล้ว ไม่ใช่ว่าจะอู้งานหรอกนะ แต่งานที่เธอได้รับมอบหมายทำเสร็จหมดแล้วต่างหาก
“พี่ขอแฟ้มสีแดงหน่อยครับ”
“อ๋อ นี่ค่ะ” นิวเยียร์มองหาแฟ้มที่ว่าแล้วรีบส่งให้กับเลขาหนุ่ม
เวลาที่ทั้งสองนั่งทำงานด้วยกัน เพิร์ธจะเรียกว่าน้องเหมือนเดิมแล้ว แต่ถ้าอยู่ต่อหน้าเพื่อนร่วมงานยังคงให้เกียรติเรียกว่าคุณอยู่ แต่เธอก็เข้าใจได้ เขาเป็นผู้ใหญ่ก็ต้องรักษาภาพลักษณ์และมารยาทในสถานที่ทำงาน
ช่วงพักเที่ยงเพิร์ธและนิวเยียร์ก็ลงลิฟต์ไปพร้อมกัน เพราะทั้งสองคนมักจะออกไปกินข้าวด้วยกันข้างนอก อันที่จริงก็เป็นเพราะเธออ้อนขอไปด้วย และเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธ
“หนูขอไปเข้าห้องน้ำแป๊บนึงนะคะ” พอลงไปถึงชั้นล่างเธอก็เอ่ยขึ้น
“ครับ”
นิวเยียร์แยกตัวไปเข้าห้องน้ำเพราะอยากจะทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยก่อนจะไปร้านอาหาร เวลานั่งกินข้าวจะได้ไม่ต้องลุกไปเข้าห้องน้ำแล้วปล่อยให้เขานั่งเฝ้าโต๊ะคนเดียว
“กำลังจะไปกินข้าวเหรอคะพี่นิวเยียร์”
ระหว่างที่เธอทำธุระในห้องน้ำเสร็จและกำลังล้างมืออยู่ นักศึกษาฝึกงานในแผนกประชาสัมพันธ์ที่มายืนล้างมือเหมือนกันก็ได้ทักเธอขึ้น
“จ้ะ”
“ฝ้ายเห็นว่าพี่สนิทกับคุณพิรัชย์ เคยรู้จักกันมาก่อนเหรอคะ”
สาวรุ่นน้องเข้ามาฝึกงานที่นี่ไล่เลี่ยกับนิวเยียร์แค่ไม่กี่วัน แต่ฝ้ายก็รู้สึกว่าสองคนนี้ดูจะสนิทกันเร็วมากราวกับรู้จักกันมาก่อน ถ้าไม่อย่างนั้นก็คงจะเป็นแฟนกัน เพราะเห็นออกไปกินข้าวตอนพักเที่ยงด้วยกันทุกวัน
“น้องฝ้ายถามทำไมเหรอจ๊ะ” นิวเยียร์ชักจะสงสัยกับคำถามของเด็กฝึกงานคนนี้
“พี่นิวเยียร์ตอบมาก่อนสิคะ แล้วแป้งจะบอก” สาวรุ่นน้องระบายยิ้มเขิน บิดตัวไปมาจนเธอชักจะหมั่นไส้ ถ้าให้เดาคงจะชอบผู้ชายคนเดียวกับเธอแน่ ๆ
“ใช่จ้ะ เรารู้จักกัน”
“งั้นหนูขอรบกวนพี่นิวเยียร์สักอย่างได้ไหมคะ”
“อะไรเหรอ”
“ขอเบอร์คุณพิรัชย์ให้หน่อยได้ไหมคะ ฝ้ายชอบคุณพิรัชย์ค่ะ”
ฝ้ายยื่นมือมาจับมือของนิวเยียร์เพื่อขอร้อง เธอชอบหนุ่มหล่อมาดนิ่งขรึมคนนี้มากจริง ๆ เห็นแค่แวบแรกก็รู้สึกชอบขึ้นมาทันที ยิ่งได้รู้จากคนในบริษัทว่าเขายังไม่มีแฟน เธอก็ยิ่งสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่จะให้ไปขอเองเธอก็ไม่กล้า จึงได้ฝากความหวังไว้ที่สาวรุ่นพี่
“คงไม่ได้หรอกจ้ะ เพราะเขากำลังจะมีแฟน” นิวเยียร์รีบตัดไฟตั้งแต่ต้นลม คิดจะจีบคนของเธออย่างนั้นหรือ ฝันไปเถอะ
“อ้าว ก็ไหนคนในบริษัทพูดกันว่าคุณพิรัชย์ยังไม่มีแฟนไม่ใช่เหรอคะ เสียดายจัง”
“ไม่ต้องเสียดายผู้ชายที่ยังไม่ได้เป็นของเราหรอกจ้ะ หาเอาใหม่นะ คนนี้มีเจ้าของแล้ว”
นิวเยียร์คลี่ยิ้มเล็กน้อยเอ่ยกับสาวรุ่นน้อง พลางยกมือขึ้นตบที่หัวไหล่ของเธอเบา ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำ
“แฟนเขาก็อยู่ตรงหน้าเธอนี่แล้วไง เห็นไปไหนมาไหนด้วยกันออกจะบ่อย คิดได้ไงว่าเขายังไม่มีเจ้าของ วันนี้ยังไม่ใช่ก็จริง แต่อนาคตอันใกล้ ฉันได้เป็นเจ้าของหัวใจเขาแน่”
นิวเยียร์บ่นพึมพำไปตลอดทางจนถึงรถของหนุ่มเลขาที่ติดเครื่องเปิดแอร์นั่งรออยู่ในรถ
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะครับ” เห็นเธอขึ้นรถมาก็นั่งทำหน้าง้ำงอ ไม่รู้ว่าไปโมโหเรื่องอะไรมา
“มีคนขอเบอร์พี่ค่ะ พี่จะให้รึเปล่า” นิวเยียร์แสร้งถามออกไปแม้ในใจจะรู้สึกหงุดหงิด
“ใครครับ”
“น้องฝ้าย คนสวย ๆ ที่ฝึกงานแผนกประชาสัมพันธ์ยังไงล่ะคะ”
“ให้หรือไม่ให้ดี”
“พี่พิรัชย์” นิวเยียร์หันมาเรียกชื่อของเขาเสียงเข้ม ก่อนจะลดน้ำเสียงลง แต่คิ้วบางก็ยังไม่คลายปมที่เผลอขมวดอย่างลืมตัวออกจากกัน
“ถ้าอยากให้ก็เอาไปให้เองละกันนะคะ เราไปกันเถอะค่ะ หนูหิวข้าวแล้ว” เอ่ยจบเธอก็เบือนหน้าหนีมองไปด้านข้างกระจกแทน
ตอนนี้คงต้องบอกว่าโมโหหิว เพราะเมื่อกี้ยังไม่ค่อยหิวเท่าไร แต่ตอนนี้แม้แต่ช้างทั้งตัวก็คงจะเขมือบลงท้องได้ แล้วเขามองไม่ออกหรืออย่างไรว่าเธอไม่พอใจที่เด็กสาวคนนั้นมาขอเบอร์ ยังมาพูดราวกับถามความเห็นอีกว่าจะให้หรือไม่ให้ดี
เพิร์ธกระตุกยิ้มชอบใจหญิงสาวที่ไม่รู้ไปโมโหอะไรมา มีคนมาขอเบอร์เขาก็จริง แต่เขาก็ยังไม่ได้ให้เสียหน่อย ทำไมต้องทำเหมือนไม่ค่อยพอใจ และมันก็อดไม่ได้ที่จะถามคำถามนี้ออกไป
“ไม่อยากให้พี่ให้เบอร์ไปเหรอครับ”
“ถามทำไมคะ ถ้าพี่อยากให้ก็ให้ไปสิ หนูจะออกความเห็นอะไรได้” เธอตอบเขาทั้งที่ไม่ยอมหันมามองกัน
“ถ้าไม่อยาก พี่ก็จะไม่ให้”
เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องถามความเห็นเธอ แต่ถ้าให้เดา คิดว่าเธอกำลังไม่พอใจเรื่องนี้อยู่
“ไม่อยากค่ะ”
นิวเยียร์หันขวับมองไปยังคนที่ขับรถอยู่ แล้วก็เผลอหลุดความต้องการที่แท้จริงออกมา ก่อนจะชะงักลมหายใจที่เผลอพูดอะไรบางอย่างออกไปแล้ว แล้วหลุบตามองต่ำไม่กล้าสบตา
“พี่ไม่คิดจะให้เบอร์ใครอยู่แล้วครับ”
ก็อย่างที่เคยบอกว่าเขายังไม่ได้คิดที่จะมีใครในชีวิต และที่ผ่านมาก็ไม่ใช่มีแค่นักศึกษาฝึกงานรายนี้ที่มาขอเบอร์ แต่ผู้หญิงทุกคนที่เข้าหาก็โดนเขาปฏิเสธทั้งหมด เพราะไม่อยากให้ความหวังใคร
“แล้วถ้าหนูขอล่ะคะ พี่จะให้รึเปล่า”
ทั้งสองเตรียมพร้อมสำหรับการเป็นพ่อและแม่ จนกระทั่งแต่งงานได้หกเดือน นิวเยียร์ก็ยังคงมีประจำเดือนทุกเดือน แต่เดือนนี้รู้สึกว่าจะมาแปลก เพราะว่ามาตามรอบแล้ว และพอผ่านไปได้ประมาณสองอาทิตย์ก็มาอีก แต่มาเพียงน้อยนิดแค่พอติดผ้าอนามัย แล้วยังมีอาการวิงเวียนศีรษะ แถมยังเบื่ออาหารร่วมด้วย“สีหน้าดูไม่ดีเลยนะครับ” เพิร์ธถามภรรยาด้วยความเป็นห่วงช่วงนี้เขาก็ลดกิจกรรมนั้นลง ไม่ได้ทำนานเหมือนเมื่อก่อน เพราะอยากให้นิวเยียร์ได้นอนพักผ่อนให้เพียงพอ แต่ระยะหลังมานี้เธอก็มักจะง่วงนอนอยู่เป็นประจำ ราวกับคนหลับไม่เต็มอิ่ม“สองสามวันมานี้ หนูรู้สึกเพลียยังไงก็ไม่รู้ บอกไม่ถูก”“อาการเหมือนพักผ่อนน้อยเลยนะครับ พี่ว่าเราไปตรวจที่โรงพยาบาลกันนะ”“เล่นใหญ่อีกแล้วนะคะ หนูแค่เวียนหัวค่ะ”“พี่รู้ครับว่าแค่เวียนหัว แต่ช่วงนี้เราก็กินข้าวได้น้อยด้วย ไปตรวจให้แน่ใจดีกว่า”ยิ่งเห็นเธอทำตัวเข้มแข็งแบบนี้เขาก็ยิ่งเป็นห่วง เพราะช่วงกลางวันต้องปล่อยเธออยู่ที่ห้องตามลำพัง จะลางานช่วงนี้ก็ยากเพราะเจ้านายของเขากำลังมีดีลงานสำคัญ แต่ถ้ามันจำเป็นจริง ๆ อย่างไรเขาก็ต้องอยู่ดูแล“ไปก็ได้ค่ะ”เธอไม่อยากให้เขาเป็นห่วง แต่ไปตรวจห
ทันใดที่ทั้งสองคนส่งตัวเข้าห้องหอเสร็จ เพิร์ธก็อุ้มภรรยาสาวขึ้นมานั่งบนตักโดยหันหลังให้กันที่ปลายเตียง โน้มใบหน้ามากดหอมที่แก้มนุ่มทั้งสองข้าง“เจ้าสาวของพี่สวยจัง”“เจ้าบ่าวของหนูก็หล่อค่ะ”บ่าวสาวป้ายแดงผลัดกันชมอีกฝ่ายไม่ขาดปาก พลางจ้องมองสบตากันอย่างหวานซึ้ง ต่างมองอีกคนว่ามีเสน่ห์น่าหลงไหลเป็นอย่างมากเมื่ออยู่ในชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว แม้ปกติจะหล่อสวยกันอยู่แล้วก็ตาม“จ้องแบบนี้ไม่กินหนูเลยล่ะคะ”คำหยอกล้อได้เริ่มต้นขึ้น แต่อีกฝ่ายกลับคิดเป็นจริงเป็นจัง เพราะได้รับคำท้าเรื่องมีลูกเอาไว้แล้วเพิร์ธยื่นหน้าเข้าไปใกล้เมียสาวแล้วพรมจูบที่หน้าผากมนแผ่วเบา เลื่อนริมฝีปากมาจูบที่ปลายจมูกของคนที่กำลังหลับตาพริ้ม อมยิ้มเขิน และกำลังคิดว่าตอนนี้จะต้องตกเป็นเมียเขาอย่างสมบูรณ์ทั้งพฤตินัยและนิตินัย เพราะในระหว่างพิธีทั้งคู่ได้จดทะเบียนสมรสกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วเพิร์ธจับปลายคางของเมียสาวปรับให้ได้องศากับริมฝีปากที่กดจูบลงบนริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูระเรื่อ ก่อนจะผละริมฝีปากออกแล้วจ้องใบหน้าหวานของนิวเยียร์ที่กำลังค่อย ๆ ลืมตาขึ้นแล้วส่งยิ้มหวานละมุน“แม่พี่บ่นอยากมีหลาน เรามีให้ท่านสักคนดีไหมครับ”“ค
1 เดือนต่อมาทั้งสองคนได้หาโอกาสนัดเจอกับพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายที่ภัตตาคารห้าดาวแห่งหนึ่ง บรรยากาศของการพบหน้ากันเป็นครั้งแรกก็ทำเอาคู่รักโล่งใจเป็นอย่างมากทั้งพ่อแม่ของเพิร์ธและนิวเยียร์หลังจากได้ทำความรู้จักกันแล้ว ก็พูดคุยอย่างเป็นกันเอง และผู้ใหญ่ก็ได้ยอมรับ แสดงความยินดีกับการคบกันของทั้งสองคนโดยเฉพาะแม่ของฝ่ายชายที่พอรู้ว่าลูกชายเพียงคนเดียวมีแฟนแล้ว ก็คะยั้นคะยอให้เร่งหาฤกษ์แต่งงานเพราะอยากจะอุ้มหลานไว ๆ เนื่องจากตลอดเวลาที่ผ่านมาได้กลุ้มใจเป็นอย่างมาก กลัวว่าลูกชายจะขึ้นคาน“แม่ของพี่นี่น่ารักดีนะคะ ตอนที่พูดว่ากลัวพี่จะขึ้นคานสีหน้าจริงจังมาก ว่าแต่ถ้าเราไม่ได้คบกัน พี่จะขึ้นคานจริง ๆ เหรอคะ”นิวเยียร์เอ่ยแซวแฟนหนุ่มขณะที่ทั้งสองกำลังนั่งอยู่ตรงโซฟา หลังจากที่กลับจากการรับประทานอาหารร่วมกับครอบครัวทั้งสองฝ่าย“เอาใหญ่แล้วนะ เดี๋ยวนี้กล้าล้อพี่แล้วเหรอ”“ก็มันจริงนี่คะ คิกคิก”“มานี่เลยครับ” ว่าแล้วเขาก็อุ้มหญิงสาวขึ้นมานั่งบนตักแกร่ง ส่งปลายจมูกหยอกล้อกับซอกคอขาว ก่อนจะเอ่ยกระซิบข้างใบหู“มาให้พี่ลงโทษซะดี ๆ”“ลงโทษยังไงเหรอคะ” หญิงสาวยกเรียวแขนขึ้นกอดคอแฟนหนุ่ม ช้อนสายตาขึ้น
กลับไปถึงคอนโดเพิร์ธก็ประคองนิวเยียร์เข้าไปนั่งที่โซฟา ก่อนจะเอ่ยถามเธออีกครั้งเพื่อให้คิดดูอีกที“จะไม่ลงบันทึกประจำวันไว้จริง ๆ เหรอครับ”“ไม่แล้วค่ะ เมื่อกี้ก็แค่ขู่ให้คุณควีนกลัว แต่หนูคิดว่าเธอคงได้รับบทเรียนและไม่กล้าทำแบบนั้นอีกแล้ว”“พี่ขอโทษนะครับที่ทำให้เจ็บตัว” เขาเอ่ยพลางเลื่อนมือขึ้นไปลูบเรือนผมของแฟนสาวอย่างทะนุถนอม สายตาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด“ไม่เป็นไรเลยค่ะ แผลแค่นิดเดียวเอง มันไม่ใช่ความผิดของพี่นะคะ อย่าโทษตัวเองเด็ดขาด” เธอคลี่ยิ้มปลอบใจแฟนหนุ่ม“จะไม่ให้โทษได้ยังไงล่ะครับ ถ้าพี่ฉุกคิดขึ้นได้สักนิดว่าควีนจะกล้าทำเรื่องแบบนี้ พี่ก็คงไม่ยอมให้เราออกไปเจอ”“พี่ไม่ได้มีพลังวิเศษที่จะรับรู้ถึงจิตใจคนเสียหน่อยค่ะ เรื่องมันจะเกิด ยังไงมันก็ต้องเกิด คนเราห้ามโชคชะตาไม่ได้หรอก เหมือนที่พี่ไม่สามารถห้ามหนูจีบพี่ได้ยังไงล่ะคะ” นิวเยียร์เอ่ยเปรียบเปรยเธอเชื่ออย่างนั้นเสมอว่าคนเราทุกคนพบกันเพราะโชคชะตา แม้จะเป็นเรื่องร้ายหรือดี เมื่อถึงเวลาก็ไม่สามารถที่จะหลีกหนีกันได้“แต่สำหรับความรักของเรา หนูเชื่อว่ามันเป็นพรหมลิขิต ถ้าวันนั้นพี่ไม่ตามพี่ธีร์ไปกินข้าวที่โรงอาหารในมหา’ ลัย
ควีนเดินวกไปเวียนมาอยู่ตรงชั้นบันไดหนีไฟ มองดูหน้าจอของโทรศัพท์ที่มีเสียงเรียกเข้า เป็นเบอร์เดิมที่โทรเข้ามาตั้งแต่นั่งอยู่ที่หน้าห้องล้างแผล ก่อนจะตัดสินใจกดรับสาย“แกจะโทรเข้ามาทำไมฮะ ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าจะติดต่อไปเอง”เสียงของควีนตะเบงใส่ปลายสายด้วยความไม่พอใจ ทำให้ดังเล็ดลอดออกไปด้านนอกของประตูหนีไฟ ในจังหวะที่เพิร์ธและนิวเยียร์กำลังผ่านมาพอดี เพราะเป็นทางผ่านไปห้องน้ำ“พี่เพิร์ธคะ เสียงคุณควีน”นิวเยียร์หันไปเอ่ยกับแฟนหนุ่ม ทั้งสองคนจึงหยุดอยู่ตรงหน้าประตู และได้ยินคำพูดต่อจากนั้นของควีนทุกประโยคอย่างชัดเจน“ฉันบอกให้แกล้งเฉี่ยวไม่ใช่เหรอ แล้วแกจะขับเข้ามาใกล้ขนาดนั้นทำไม เห็นไหมว่าทำฉันเจ็บตัวไปด้วย”(ผมก็ทำตามที่คุณสั่งแล้วไง แล้วก็ไม่ได้มีใครถูกชนสักหน่อย พวกคุณล้มกันไปเอง จะมาโทษผมไม่ได้นะ)“แล้วถ้าแกทำพลาดชนคนขึ้นมาจริง ๆ ล่ะไอ้โง่”(เลิกต่อว่าผมสักที แล้วรีบโอนเงินที่เหลือมาด้วย ไม่อย่างนั้น…)“ไม่อย่างนั้นจะทำไม นี่แกกล้าขู่ฉันเหรอ อย่าลืมนะว่าแกเป็นคนทำให้ผู้หญิงคนนั้นบาดเจ็บ ไม่ใช่ฉัน”(แล้วถ้าผมไปมอบตัวกับตำรวจแล้วบอกว่าคุณเป็นคนจ้างล่ะ คิดดูให้ดี ๆ นะ)“กรี๊ด… ไอ้ชั่ว ก
“พี่เพิร์ธจำได้ไหมคะ ว่าเมื่อก่อนพวกเราชอบมาแข่งโกคาร์ทกัน ข้างในมีสนามแข่งด้วยนะคะ เราไปลองแข่งกันสักรอบสองรอบไหมคะ”นั่งดื่มกันได้สักพัก ควีนก็หันไปเอ่ยกับอดีตคนรักที่นั่งอยู่คนสุดท้าย เพราะมีแฟนสาวของเขานั่งคั่นกลางอยู่“เลิกพูดถึงอดีตเถอะควีน เธอนัดแฟนของพี่ออกมา มีเรื่องอะไรจะพูดก็รีบพูดมาเถอะ” เพิร์ธเอ่ยน้ำเสียงเรียบ“อดีตของเรามันไม่น่าจดจำขนาดนั้นเลยเหรอคะ”“จะพูดให้ได้อะไรขึ้นมา ตอนนี้พี่เพิร์ธกำลังคบกับฉันอยู่” นิวเยียร์อดไม่ได้เลยรีบพูดแทรก“ฉันไม่ได้คุยกับเธอ” ควีนชักสีหน้าไม่พอใจตอบกลับ“แต่คุณเป็นคนนัดฉันมา”“ใช่ ฉันเป็นคนนัดเธอ แต่คนที่ฉันอยากเคลียร์คือพี่เพิร์ธ”สองสาวฟาดฟันกันด้วยสายตาอย่างไม่กระพริบ นิวเยียร์กำลังจ้องอีกฝ่ายที่กล้ามาหลอกใช้เธอเป็นสะพาน เพื่อหลอกล่อให้แฟนหนุ่มของเธอออกมาเจอ“พี่ไม่มีอะไรจะคุย เรากลับกันเถอะครับ”เพิร์ธเป็นคนตอบควีนแล้วก็ชวนแฟนสาวกลับ เพราะเห็นท่าแล้วทางนั้นคงไม่ได้นัดนิวเยียร์มาเคลียร์กัน แค่ต้องการนัดเขาออกมาเจอก็เท่านั้นเพิร์ธจับมือแฟนสาวแล้วพากันออกไปที่ลานจอดรถ ดีกว่ามาเสียเวลาให้ควีนปั่นหัวเล่น เขารู้ว่าควีนเป็นคนชอบเอาชนะ ไม่เค