ทั้งสองคนเคยรู้จักกันตอนที่นิวเยียร์เรียนอยู่ปีสอง สาวสวยทั้งเคยเต๊าะ เคยหยอดคำหวาน แต่หนุ่มเลขาสุดหล่ออย่างเพิร์ธก็ซึนเกินที่จะเข้าใจว่าเธอกำลังให้ความสนใจ จนกระทั่งเรียนจบความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่พัฒนาไปมากกว่าคนรู้จัก แต่หลังจากนั้น 6 เดือนทั้งสองคนก็ได้กลับมาพบกันอีกครั้งเพราะว่าเธอเมาจนครองสติพาตัวเองกลับบ้านไม่ได้ และก็ได้เพิร์ธเป็นคนมารับกลับ แต่ก็เมาจนหลับคารถ เขาจึงพาเธอกลับไปนอนที่คอนโดของตนเองแทน คราแรกจากที่แค่ไปรับเธอตามคำสั่งของเจ้านาย แต่ใครจะคิดว่าหลังจากที่พบกันอีกครั้งในวันนั้น เขาจะโดนหญิงสาวขี้อ้อน ขี้อ่อย เดินหน้ารุกจีบแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ต้องอ่อยยังไง ถึงจะได้ผัวเป็นคุณเลขา ***** “คิดว่าเมื่อคืนเราทำอะไรกันครับ” “ทำ… แบบว่า…” “หมายถึงเรื่องที่ผู้ชายกับผู้หญิงทำร่วมกัน” “ค่ะ” นิวเยียร์ขานรับด้วยหัวใจที่เต้นระรัว อย่าบอกนะว่าเธอกับเขามีอะไรกันแล้ว “เช้านี้คุณรู้สึกอะไรบ้างล่ะครับ” “แค่ปวดหัวค่ะ” “นั้นก็แปลว่าคุณแค่เมาครับ ผมยังไม่ได้ทำอะไร” “แล้วทำไมถึงไม่ทำล่ะคะ” *****
Lihat lebih banyakณ สถานบันเทิงแห่งหนึ่ง
นิวเยียร์ ณัฐชยาน์ ศิลป์สุนทรกมล หญิงสาวที่อยู่ในชุดเสื้อแขนยาวสีดำเปิดไหล่กว้าง กระโปรงตัวสั้นสีดำปักเลื่อมประกายวิบวับสะท้อนกับแสงหลากสีในผับดัง กำลังนั่งดื่มเหล้าตามลำพังด้วยความเคยชิน
เธอเป็นคนชอบดื่มและออกมาเที่ยวกลางคืนอาทิตย์ละครั้ง สองครั้ง และทุกครั้งก็มักจะนั่งอยู่คนเดียวเพราะเพื่อนสนิทก็แต่งงานมีสามีแล้ว มีเพียงแค่เธอที่อายุก็ย่างจะเข้ายี่สิบสี่ปี แต่ก็ยังไม่เคยมีแฟนแม้แต่คนเดียว
“ขอนั่งด้วยได้ไหมครับ” หนุ่มหล่อที่ออกมาเที่ยวกลางคืนเอ่ยกับเธอ
“เอ่อ…”
“ถ้าไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรครับ พอดีผมมาเที่ยวคนเดียวเหมือนกัน แค่อยากหาคนนั่งดื่มเป็นเพื่อน” หนุ่มคนดังกล่าวเอ่ยออกมาอีกครั้ง เพราะเห็นว่าหญิงสาวกำลังใช้ความคิดและยังไม่ได้ตอบกลับมา
“นั่งด้วยกันก็ได้ค่ะ” ไหน ๆ เธอก็นั่งคนเดียวอยู่แล้ว มีเพื่อนดื่มด้วยสักคนก็ดีเหมือนกัน
“ผมขอเลี้ยงคุณนะครับ” หนุ่มหล่อโชว์ความใจป้ำเสนอตัวเลี้ยงเหล้าสาวสวย
นิวเยียร์ก็ยกยิ้มพยักหน้าขึ้นลงเป็นเชิงตอบรับกับน้ำใจของการเจอกันเป็นครั้งแรก
เวลาผ่านไปประมาณสามชั่วโมง เหล้าขวดที่สองก็ได้พร่องลงจนเหลือก้นขวด นิวเยียร์ก็เกิดรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วใบหน้าที่ขึ้นสีแดงระเรื่อ ทั้งพูดคุยกันด้วยน้ำเสียงหย่อนยาน สายตาพร่ามัว
ออกมาดื่มครั้งนี้ยอมรับว่าดื่มหนักกว่าทุกครั้ง เพราะเธอเป็นสายชิว เวลามาเที่ยวคนเดียวมักจะชอบจิบแบบเบา ๆ อึกสองอึกเพื่อไม่ให้เมาเกินไปจนครองสติขับรถกลับบ้านไม่ได้ แต่ครั้งนี้มีเพื่อนใหม่มานั่งคุยด้วย ทำให้ชวนกันดื่มหมดแก้วอยู่หลายครั้ง จนเธอนั้นเมามาก
“คุณเหมือนจะเมาแล้วนะครับ เรากลับเลยไหม เดี๋ยวผมไปส่ง”
หนุ่มหล่อเลื่อนมือไปโอบรอบเอวของหญิงสาวที่แม้จะดื่มด้วยกันแต่เธอก็ยังไม่ยอมบอกชื่อให้เขารับรู้ แล้วเลื่อนใบหน้าเข้ามากระซิบที่ข้างหูจนเธอรู้สึกว่าริมฝีปากของเขานั้นโดนใบหูของเธอเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะผละใบหน้าออกแล้วจ้องหน้าเธอด้วยสายตาเปล่งประกายวาววับ พร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก
“ฉันขอไปเข้าห้องน้ำก่อนได้ไหมคะ แล้วเราค่อยกลับ” นิวเยียร์รวบรวมสติที่แทบจะหมดลงตอบกลับไป
“ครับ”
เขายอมปล่อยแขนออกจากเอวของเธอ เปลี่ยนเป็นยกแก้วเหล้าจรดริมฝีปากกระดกน้ำเมาลงคอแทน แล้วมองการกระทำของสาวสวยด้วยริมฝีปากที่กระตุกยิ้ม
นิวเยียร์คว้ากระเป๋าสะพายใบเล็กที่เธอนำติดตัวมาด้วยก็รีบเดินออกจากโต๊ะไปเข้าห้องน้ำ จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเลื่อนหาเบอร์ของเพื่อนสาวแล้วกดโทรออกเพื่อขอความช่วยเหลือ
“ยัยพรีม แกมารับฉันหน่อย”
พอเพื่อนกดรับสายนิวเยียร์ก็รีบบอกออกไปด้วยน้ำเสียงหย่อนยาน ตอนนี้เธอแทบจะทรงตัวไม่อยู่จนต้องยืนพิงกับผนังห้องน้ำ และคิดว่าคืนนี้คงขับรถไม่ได้แน่ ๆ
(แกอยู่ที่ไหน นี่เมามากเลยเหรอ)
พรีมรีบถามกลับ เพราะปกติเพื่อนไม่เคยดื่มจนเมามายถึงขั้นกลับคอนโดไม่ได้ แต่ครั้งนี้ทำไมถึงไม่ระวังตัวเอาเสียเลยทั้งที่ออกไปเที่ยวกลางค่ำกลางคืนคนเดียว
“ฉันว่า ฉันโดนมอม”
(ฮะ!)
พรีมตกใจกับคำตอบที่ได้รับ รีบดันตัวขยับขึ้นนั่งพิงหัวเตียง เพราะตอนนี้ก็เป็นเวลาห้าทุ่มกว่าแล้ว เธอและสามีก็เพิ่งจะเข้านอนกันไปเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนหน้า
(แกอยู่ที่ไหน เดี๋ยวฉันไปรับ)
“ฉันอยู่แฮฟ ฟัน ผับ”
(แกรออยู่ตรงนั้นนะ แล้วอย่าดื่มอีกล่ะ เดี๋ยวฉันรีบไป)
“โอเค”
พอวางสายจากเพื่อนรัก พรีมก็หันไปหาสามีเพื่อจะขอออกไปรับนิวเยียร์ ตอนนี้เธอรู้สึกเป็นห่วงเพื่อนมาก ขืนชักช้าก็กลัวว่าเพื่อนจะโดนคนที่มอมเหล้าหิ้วกลับไปเสียก่อน
“มีอะไรเหรอพรีม”
แต่ไม่ทันที่พรีมจะได้เอ่ยปากขอ ธีร์ก็รู้ว่าต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่ๆ เพราะหน้าของภรรยามันฟ้องแบบนั้นจึงได้รีบถามขึ้น
“พี่ธีร์คะ นิวเยียร์บอกว่าโดนมอมเหล้า พรีมจะไปรับเพื่อนค่ะ”
“นิวเยียร์อยู่ที่ไหน”
“แฮฟ ฟัน ผับ ค่ะ”
“พี่ว่าให้พิรัชย์ไปรับดีกว่า คอนโดของพิรัชย์อยู่ไม่ไกลจากที่นั่นมาก น่าจะไปหานิวเยียร์ได้เร็วกว่าพวกเรา”
พอได้ยินชื่อของสถานบันเทิง ธีร์ก็นึกขึ้นได้ว่าพิรัชย์อยู่ห่างจากที่นั่นเพียงไม่กี่กิโลเมตร ต่างจากบ้านของพวกเขาที่อยู่ไกลกว่า ถ้าจะออกไปรับจริง ๆ คงต้องใช้เวลามากถึงสามสิบนาทีกว่าจะไปถึง
“เอางั้นก็ได้ค่ะ ฝากบอกพี่พิรัชย์ให้รีบหน่อยนะคะ”
พอภรรยาตอบรับ ธีร์ก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายไปหาเลขาของตนทันที เพื่อขอรบกวนให้ไปรับเพื่อนรักของภรรยา
เพิร์ธ พิรัชย์ อชิระโภคิน หนุ่มหล่อผู้เป็นเลขาคนสนิทของธีร์ที่ตอนนี้กำลังเตรียมตัวจะเข้านอน พอเขาได้รับสายจากเจ้านายที่โทรเข้ามาก็รีบหยิบกุญแจรถแล้วออกจากคอนโดทันที
เขาเหยียบคันเร่งด้วยความเร็วจนไปถึงผับดังกล่าวในเวลาไม่ถึงสิบนาที เพิร์ธก็เข้าไปเดินตามหาหญิงสาวจนทั่วแต่ก็ไม่พบ จนกระทั่งลองเดินไปทางห้องน้ำก็พบว่านิวเยียร์กำลังถูกประคองด้วยชายคนหนึ่ง แต่มันดูเหมือนว่าเธอจะไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไร เพราะท่าทางมันเหมือนคนที่กำลังพยายามขัดขืนแต่ก็ไร้กำลัง
เพิร์ธจึงรีบเดินเข้าไปหาแล้วคว้าข้อมือของเธอ ออกแรงดึงให้มายืนอยู่ข้างกาย นิวเยียร์ที่แทบจะทรงตัวไม่อยู่ก็โซเซเข้ามาหา เขาจึงส่งแขนไปโอบไหล่เอาไว้เพื่อประคองไม่ให้ล้ม
“นายเป็นใครวะถึงได้กล้ามาฉกผู้หญิงของฉัน” ชายคนนั้นถามขึ้นด้วยท่าทางไม่พอใจ ที่จู่ ๆ ก็มีใครไม่รู้มาแย่งหญิงสาวที่คืนนี้จะพากลับไปด้วยหน้าตาเฉย
“เป็นใครก็ช่าง แต่ผู้หญิงคนนี้ต้องไปกับฉัน” เพิร์ธตอบกลับด้วยใบหน้าเรียบเฉย ความจริงเขาไม่จำเป็นต้องบอกอะไรเลยด้วยซ้ำ เพราะเขาแค่มีหน้าที่มารับนิวเยียร์และพาเธอกลับไปส่งที่คอนโดก็แค่นั้น
“อยากได้ก็ไปหาผู้หญิงคนอื่นสิวะ ในผับมีตั้งเยอะจะมาแย่งผู้หญิงของฉันทำไม”
“อือ พี่พิรัชย์ หนูอยากกลับแล้วค่ะ”
หญิงสาวในอ้อมแขนปรือดวงตาและเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อสุดแสนจะเย็นชาของคนที่ไม่ได้เจอกันนานหลายเดือน นับตั้งแต่งานแต่งของพรีมและธีร์เมื่อหกเดือนก่อน
เขาคือคนที่เธอเคยเต๊าะ เคยคิดที่จะจีบตอนเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปีสอง แต่ตอนนั้นพิรัชย์เป็นผู้ชายที่สุุขุม เยือกเย็น แม้จะเป็นกันเองแต่ก็เข้าถึงยาก และคืนนี้ไม่รู้ว่าทำไมคนที่มารับเธอถึงได้กลายเป็นเลขาหนุ่มไปได้ แต่ตอนนี้เธอยืนแทบจะไม่ไหวและอยากกลับให้เร็วที่สุด จึงไม่ได้ถามอะไรมาก อย่างน้อยเขาก็เป็นคนที่เธอรู้จักและไว้ใจได้มากกว่าผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“เราไปกันเถอะ” เพิร์ธตอบกลับคนเมา แล้วหันไปบอกกับผู้ชายที่ยังไม่ยอมไปไหนด้วยน้ำเสียงเข้ม
“ได้ยินแล้วใช่ไหมว่าเรารู้จักกัน”
“เออ ๆ” ชายคนนั้นตอบกลับมาอย่างขอไปทีด้วยความรู้สึกเสียดาย เสียเวลา และเสียเงินไปฟรี ๆ กับค่าเหล้าหลายพันบาท กะจะพากลับไปนอนด้วย แต่ก็ดันมาถูกชิงตัวไปเสียก่อน
เพิร์ธประคองคนเมาออกมาที่รถ แล้วเปิดประตูให้เธอเข้าไปนั่งด้านใน แต่พอขึ้นรถได้นิวเยียร์ก็พลิกตัวตะแคงข้างหันไปทางเบาะที่อยู่ข้างกัน แล้วหลับตาลงโดยไม่สนใจอะไรสักอย่าง เขาจึงปิดประตูรถให้แล้วเดินอ้อมเข้าไปนั่งที่ฝั่งคนขับ แล้วยื่นมือไปเขย่าแขนของหญิงสาวเบา ๆ เรียกให้เธอตื่นขึ้นมาเพื่อถามทาง
“บ้านอยู่ที่ไหน เดี๋ยวผมไปส่ง”
น้ำเสียงเย็นชาที่ได้ยินเข้าหู ทำให้นิวเยียร์ปรือดวงตาขึ้นมามองเล็กน้อย ก่อนจะคลี่ยิ้มกว้าง ดวงตาหรี่เล็ก
“ขับออกไปเลยค่ะ เดี๋ยวหนูบอกทางให้”
“คาดเข็มขัดด้วยครับ”
นิวเยียร์ยอมทำตามอย่างว่าง่าย หันไปดึงเข็มขัดนิรภัยแล้วพยายามเสียบมันลงในช่องข้างเบาะด้วยความทุลักทุเล เพราะไม่ว่าจะทำอย่างไรมันก็เสียบไม่เข้าสักที เพิร์ธถึงกับส่ายหน้าถอนหายใจ รีบยื่นมือออกไปช่วยเหลือ
เขาขับรถออกจากผับไปได้ไม่นาน พอหันไปมองคนข้าง ๆ ก็พบว่าเธอนั้นหลับไปอีกครั้ง จึงได้เรียกชื่อเพื่อให้ได้สติ ขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้คงจะไม่ถึงกันพอดี เพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะไปส่งนิวเยียร์ที่ไหน
“คุณนิวเยียร์ครับ คุณนิวเยียร์”
“อือ...” นิวเยียร์ส่งเสียงในลำคอด้วยท่าทางงัวเงีย แต่ก็ยังไม่ลืมตา
ตอนนี้เธอทั้งเมาและง่วงมาก พอได้ขึ้นมานั่งบนรถที่เปิดแอร์เฉียบ จึงทำให้อยากนอนหลับเป็นที่สุด
“ตื่นก่อนครับ คอนโดของคุณไปทางไหน ผมจะได้ขับไปถูก”
นิวเยียร์ปรือดวงตาขึ้นตามที่เขาต้องการ เธอหันไปหาคนที่ขับรถอยู่แล้วดึงแขนของเขามากอด วางใบหน้าที่แดงระเรื่อไปด้วยฤทธิ์ของน้ำเมาซบลงที่แขน แล้วหันมองถนนด้านหน้าที่พอจะจำได้ว่ามันคือทางแยกที่จะไปคอนโดของเธอ แล้วยกมือข้างซ้ายชี้ออกไป
“ถึงแยกข้างหน้าก็เลี้ยว อึก อึก แหวะ” นิวเยียร์ยังไม่ทันได้ตอบจนจบประโยค เธอก็รู้สึกคลื่นไส้จนห้ามสิ่งที่กินลงไปจนเต็มกระเพาะเอาไว้ไม่อยู่ ขับของเหลวออกจากปากพุ่งใส่เต็มกางเกงของคนที่เธอกำลังจะบอกทาง
เพิร์ธเบิกตาโพลงแล้วกลั้นหายใจด้วยความตกใจ ไม่คิดว่านิวเยียร์จะกล้าอ้วกใส่เขา แถมทางที่จะไปเธอก็ยังไม่ทันได้บอก เพราะหลังจากที่เธออาเจียนออกมาจนหมดแล้ว หญิงสาวก็วางศีรษะซบที่ไหล่ของเขาแล้วหลับไปอีกครา เรียกเท่าไรก็ไม่ยอมตื่น
*
*
*
*
เรื่องนี้เป็นภาคต่อของเรื่อง เมียสุดแสบของท่านประธาน
นิวเยียร์ เป็นเพื่อนรักของน้องพรีม
ส่วนพี่เพิร์ธ ก็เป็นเลขาของพี่ธีร์
ขอฝากเรื่องทั้งสองเรื่องด้วยนะคะ
ทั้งสองเตรียมพร้อมสำหรับการเป็นพ่อและแม่ จนกระทั่งแต่งงานได้หกเดือน นิวเยียร์ก็ยังคงมีประจำเดือนทุกเดือน แต่เดือนนี้รู้สึกว่าจะมาแปลก เพราะว่ามาตามรอบแล้ว และพอผ่านไปได้ประมาณสองอาทิตย์ก็มาอีก แต่มาเพียงน้อยนิดแค่พอติดผ้าอนามัย แล้วยังมีอาการวิงเวียนศีรษะ แถมยังเบื่ออาหารร่วมด้วย“สีหน้าดูไม่ดีเลยนะครับ” เพิร์ธถามภรรยาด้วยความเป็นห่วงช่วงนี้เขาก็ลดกิจกรรมนั้นลง ไม่ได้ทำนานเหมือนเมื่อก่อน เพราะอยากให้นิวเยียร์ได้นอนพักผ่อนให้เพียงพอ แต่ระยะหลังมานี้เธอก็มักจะง่วงนอนอยู่เป็นประจำ ราวกับคนหลับไม่เต็มอิ่ม“สองสามวันมานี้ หนูรู้สึกเพลียยังไงก็ไม่รู้ บอกไม่ถูก”“อาการเหมือนพักผ่อนน้อยเลยนะครับ พี่ว่าเราไปตรวจที่โรงพยาบาลกันนะ”“เล่นใหญ่อีกแล้วนะคะ หนูแค่เวียนหัวค่ะ”“พี่รู้ครับว่าแค่เวียนหัว แต่ช่วงนี้เราก็กินข้าวได้น้อยด้วย ไปตรวจให้แน่ใจดีกว่า”ยิ่งเห็นเธอทำตัวเข้มแข็งแบบนี้เขาก็ยิ่งเป็นห่วง เพราะช่วงกลางวันต้องปล่อยเธออยู่ที่ห้องตามลำพัง จะลางานช่วงนี้ก็ยากเพราะเจ้านายของเขากำลังมีดีลงานสำคัญ แต่ถ้ามันจำเป็นจริง ๆ อย่างไรเขาก็ต้องอยู่ดูแล“ไปก็ได้ค่ะ”เธอไม่อยากให้เขาเป็นห่วง แต่ไปตรวจห
ทันใดที่ทั้งสองคนส่งตัวเข้าห้องหอเสร็จ เพิร์ธก็อุ้มภรรยาสาวขึ้นมานั่งบนตักโดยหันหลังให้กันที่ปลายเตียง โน้มใบหน้ามากดหอมที่แก้มนุ่มทั้งสองข้าง“เจ้าสาวของพี่สวยจัง”“เจ้าบ่าวของหนูก็หล่อค่ะ”บ่าวสาวป้ายแดงผลัดกันชมอีกฝ่ายไม่ขาดปาก พลางจ้องมองสบตากันอย่างหวานซึ้ง ต่างมองอีกคนว่ามีเสน่ห์น่าหลงไหลเป็นอย่างมากเมื่ออยู่ในชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว แม้ปกติจะหล่อสวยกันอยู่แล้วก็ตาม“จ้องแบบนี้ไม่กินหนูเลยล่ะคะ”คำหยอกล้อได้เริ่มต้นขึ้น แต่อีกฝ่ายกลับคิดเป็นจริงเป็นจัง เพราะได้รับคำท้าเรื่องมีลูกเอาไว้แล้วเพิร์ธยื่นหน้าเข้าไปใกล้เมียสาวแล้วพรมจูบที่หน้าผากมนแผ่วเบา เลื่อนริมฝีปากมาจูบที่ปลายจมูกของคนที่กำลังหลับตาพริ้ม อมยิ้มเขิน และกำลังคิดว่าตอนนี้จะต้องตกเป็นเมียเขาอย่างสมบูรณ์ทั้งพฤตินัยและนิตินัย เพราะในระหว่างพิธีทั้งคู่ได้จดทะเบียนสมรสกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วเพิร์ธจับปลายคางของเมียสาวปรับให้ได้องศากับริมฝีปากที่กดจูบลงบนริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูระเรื่อ ก่อนจะผละริมฝีปากออกแล้วจ้องใบหน้าหวานของนิวเยียร์ที่กำลังค่อย ๆ ลืมตาขึ้นแล้วส่งยิ้มหวานละมุน“แม่พี่บ่นอยากมีหลาน เรามีให้ท่านสักคนดีไหมครับ”“ค
1 เดือนต่อมาทั้งสองคนได้หาโอกาสนัดเจอกับพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายที่ภัตตาคารห้าดาวแห่งหนึ่ง บรรยากาศของการพบหน้ากันเป็นครั้งแรกก็ทำเอาคู่รักโล่งใจเป็นอย่างมากทั้งพ่อแม่ของเพิร์ธและนิวเยียร์หลังจากได้ทำความรู้จักกันแล้ว ก็พูดคุยอย่างเป็นกันเอง และผู้ใหญ่ก็ได้ยอมรับ แสดงความยินดีกับการคบกันของทั้งสองคนโดยเฉพาะแม่ของฝ่ายชายที่พอรู้ว่าลูกชายเพียงคนเดียวมีแฟนแล้ว ก็คะยั้นคะยอให้เร่งหาฤกษ์แต่งงานเพราะอยากจะอุ้มหลานไว ๆ เนื่องจากตลอดเวลาที่ผ่านมาได้กลุ้มใจเป็นอย่างมาก กลัวว่าลูกชายจะขึ้นคาน“แม่ของพี่นี่น่ารักดีนะคะ ตอนที่พูดว่ากลัวพี่จะขึ้นคานสีหน้าจริงจังมาก ว่าแต่ถ้าเราไม่ได้คบกัน พี่จะขึ้นคานจริง ๆ เหรอคะ”นิวเยียร์เอ่ยแซวแฟนหนุ่มขณะที่ทั้งสองกำลังนั่งอยู่ตรงโซฟา หลังจากที่กลับจากการรับประทานอาหารร่วมกับครอบครัวทั้งสองฝ่าย“เอาใหญ่แล้วนะ เดี๋ยวนี้กล้าล้อพี่แล้วเหรอ”“ก็มันจริงนี่คะ คิกคิก”“มานี่เลยครับ” ว่าแล้วเขาก็อุ้มหญิงสาวขึ้นมานั่งบนตักแกร่ง ส่งปลายจมูกหยอกล้อกับซอกคอขาว ก่อนจะเอ่ยกระซิบข้างใบหู“มาให้พี่ลงโทษซะดี ๆ”“ลงโทษยังไงเหรอคะ” หญิงสาวยกเรียวแขนขึ้นกอดคอแฟนหนุ่ม ช้อนสายตาขึ้น
กลับไปถึงคอนโดเพิร์ธก็ประคองนิวเยียร์เข้าไปนั่งที่โซฟา ก่อนจะเอ่ยถามเธออีกครั้งเพื่อให้คิดดูอีกที“จะไม่ลงบันทึกประจำวันไว้จริง ๆ เหรอครับ”“ไม่แล้วค่ะ เมื่อกี้ก็แค่ขู่ให้คุณควีนกลัว แต่หนูคิดว่าเธอคงได้รับบทเรียนและไม่กล้าทำแบบนั้นอีกแล้ว”“พี่ขอโทษนะครับที่ทำให้เจ็บตัว” เขาเอ่ยพลางเลื่อนมือขึ้นไปลูบเรือนผมของแฟนสาวอย่างทะนุถนอม สายตาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด“ไม่เป็นไรเลยค่ะ แผลแค่นิดเดียวเอง มันไม่ใช่ความผิดของพี่นะคะ อย่าโทษตัวเองเด็ดขาด” เธอคลี่ยิ้มปลอบใจแฟนหนุ่ม“จะไม่ให้โทษได้ยังไงล่ะครับ ถ้าพี่ฉุกคิดขึ้นได้สักนิดว่าควีนจะกล้าทำเรื่องแบบนี้ พี่ก็คงไม่ยอมให้เราออกไปเจอ”“พี่ไม่ได้มีพลังวิเศษที่จะรับรู้ถึงจิตใจคนเสียหน่อยค่ะ เรื่องมันจะเกิด ยังไงมันก็ต้องเกิด คนเราห้ามโชคชะตาไม่ได้หรอก เหมือนที่พี่ไม่สามารถห้ามหนูจีบพี่ได้ยังไงล่ะคะ” นิวเยียร์เอ่ยเปรียบเปรยเธอเชื่ออย่างนั้นเสมอว่าคนเราทุกคนพบกันเพราะโชคชะตา แม้จะเป็นเรื่องร้ายหรือดี เมื่อถึงเวลาก็ไม่สามารถที่จะหลีกหนีกันได้“แต่สำหรับความรักของเรา หนูเชื่อว่ามันเป็นพรหมลิขิต ถ้าวันนั้นพี่ไม่ตามพี่ธีร์ไปกินข้าวที่โรงอาหารในมหา’ ลัย
ควีนเดินวกไปเวียนมาอยู่ตรงชั้นบันไดหนีไฟ มองดูหน้าจอของโทรศัพท์ที่มีเสียงเรียกเข้า เป็นเบอร์เดิมที่โทรเข้ามาตั้งแต่นั่งอยู่ที่หน้าห้องล้างแผล ก่อนจะตัดสินใจกดรับสาย“แกจะโทรเข้ามาทำไมฮะ ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าจะติดต่อไปเอง”เสียงของควีนตะเบงใส่ปลายสายด้วยความไม่พอใจ ทำให้ดังเล็ดลอดออกไปด้านนอกของประตูหนีไฟ ในจังหวะที่เพิร์ธและนิวเยียร์กำลังผ่านมาพอดี เพราะเป็นทางผ่านไปห้องน้ำ“พี่เพิร์ธคะ เสียงคุณควีน”นิวเยียร์หันไปเอ่ยกับแฟนหนุ่ม ทั้งสองคนจึงหยุดอยู่ตรงหน้าประตู และได้ยินคำพูดต่อจากนั้นของควีนทุกประโยคอย่างชัดเจน“ฉันบอกให้แกล้งเฉี่ยวไม่ใช่เหรอ แล้วแกจะขับเข้ามาใกล้ขนาดนั้นทำไม เห็นไหมว่าทำฉันเจ็บตัวไปด้วย”(ผมก็ทำตามที่คุณสั่งแล้วไง แล้วก็ไม่ได้มีใครถูกชนสักหน่อย พวกคุณล้มกันไปเอง จะมาโทษผมไม่ได้นะ)“แล้วถ้าแกทำพลาดชนคนขึ้นมาจริง ๆ ล่ะไอ้โง่”(เลิกต่อว่าผมสักที แล้วรีบโอนเงินที่เหลือมาด้วย ไม่อย่างนั้น…)“ไม่อย่างนั้นจะทำไม นี่แกกล้าขู่ฉันเหรอ อย่าลืมนะว่าแกเป็นคนทำให้ผู้หญิงคนนั้นบาดเจ็บ ไม่ใช่ฉัน”(แล้วถ้าผมไปมอบตัวกับตำรวจแล้วบอกว่าคุณเป็นคนจ้างล่ะ คิดดูให้ดี ๆ นะ)“กรี๊ด… ไอ้ชั่ว ก
“พี่เพิร์ธจำได้ไหมคะ ว่าเมื่อก่อนพวกเราชอบมาแข่งโกคาร์ทกัน ข้างในมีสนามแข่งด้วยนะคะ เราไปลองแข่งกันสักรอบสองรอบไหมคะ”นั่งดื่มกันได้สักพัก ควีนก็หันไปเอ่ยกับอดีตคนรักที่นั่งอยู่คนสุดท้าย เพราะมีแฟนสาวของเขานั่งคั่นกลางอยู่“เลิกพูดถึงอดีตเถอะควีน เธอนัดแฟนของพี่ออกมา มีเรื่องอะไรจะพูดก็รีบพูดมาเถอะ” เพิร์ธเอ่ยน้ำเสียงเรียบ“อดีตของเรามันไม่น่าจดจำขนาดนั้นเลยเหรอคะ”“จะพูดให้ได้อะไรขึ้นมา ตอนนี้พี่เพิร์ธกำลังคบกับฉันอยู่” นิวเยียร์อดไม่ได้เลยรีบพูดแทรก“ฉันไม่ได้คุยกับเธอ” ควีนชักสีหน้าไม่พอใจตอบกลับ“แต่คุณเป็นคนนัดฉันมา”“ใช่ ฉันเป็นคนนัดเธอ แต่คนที่ฉันอยากเคลียร์คือพี่เพิร์ธ”สองสาวฟาดฟันกันด้วยสายตาอย่างไม่กระพริบ นิวเยียร์กำลังจ้องอีกฝ่ายที่กล้ามาหลอกใช้เธอเป็นสะพาน เพื่อหลอกล่อให้แฟนหนุ่มของเธอออกมาเจอ“พี่ไม่มีอะไรจะคุย เรากลับกันเถอะครับ”เพิร์ธเป็นคนตอบควีนแล้วก็ชวนแฟนสาวกลับ เพราะเห็นท่าแล้วทางนั้นคงไม่ได้นัดนิวเยียร์มาเคลียร์กัน แค่ต้องการนัดเขาออกมาเจอก็เท่านั้นเพิร์ธจับมือแฟนสาวแล้วพากันออกไปที่ลานจอดรถ ดีกว่ามาเสียเวลาให้ควีนปั่นหัวเล่น เขารู้ว่าควีนเป็นคนชอบเอาชนะ ไม่เค
Komen