เพิร์ธระบายยิ้มมุมปาก จ้องใบหน้าหวานที่รอฟังคำตอบเพียงแค่ชั่วครู่ จากนั้นก็หันไปขับรถต่อโดยไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
“ว่ายังไงคะ ถ้าหนูขอพี่จะให้ไหม” นิวเยียร์เอ่ยออกไปอีกครั้ง และรอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ
เธอบอกใบ้ไปตั้งหลายครั้งแล้วว่าคนที่กำลังจีบคือเขา แต่ทำไมถึงได้ซึนและความรู้สึกช้าขนาดนี้
‘นี่เขาแกล้งไม่เข้าใจ หรือเข้าใจแล้วแต่ไม่สนใจเธอกันแน่’
แต่แล้วความเงียบที่ได้รับกลับมาก็ทำให้เธอถอนหายใจ เบือนหน้ามองวิวข้างทางแทน และข้าวมื้อเที่ยงก็กินได้แค่ไม่กี่คำ จากตอนแรกที่คิดว่าโมโหจนหิวข้าวมาก อยากจะกินให้หายหงุดหงิด แต่พอเขาเงียบ เธอก็หมดอารมณ์กินข้าวไปโดยปริยาย
ระหว่างทำงานในช่วงบ่าย นิวเยียร์ก็นั่งทำหน้าบึ้งตึงและไม่คุยเล่นกับเขาเหมือนเช่นเคย นอกจากจะถามเรื่องงาน และหลังจากทำงานเสร็จก็ถึงเวลากลับเสียที
ขณะที่ต่างฝ่ายกำลังจะแยกย้ายเข้าห้องตัวเอง แต่แล้วชายหนุ่มก็ขานชื่อเธอขึ้น
“น้องนิวเยียร์ครับ”
“คะ” เธอหันกลับไปมองด้วยใบหน้าเหนื่อยล้าราวกับคนหมดแรง แค่เขาไม่ให้เบอร์ เธอก็เหมือนคนหมดอาลัยตายอยากและซึมเป็นส้วม
“พี่ขอโทรศัพท์หน่อยสิครับ”
“เอาไปทำไมคะ” เธอไม่ทันได้คิดก็รีบตอบกลับไป “หรือว่า…”
แต่แล้วก็ต้องทำตาโตพร้อมกับระบายรอยยิ้มที่หายไปครึ่งวันออกมา พร้อมกับรีบหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าสะพายยื่นให้กับเขา
เพิร์ธกดเบอร์ของเขาลงไปในมือถือของหญิงสาว เสร็จแล้วก็ยื่นให้กับเจ้าของที่ดูอารมณ์ดีขึ้นราวกับคนละคนกับเมื่อครู่
“นึกว่าจะไม่ให้”
เธอรับโทรศัพท์เอามาไว้ในมือ พร้อมกับรีบกดเข้าไปดูว่าเขาได้ให้เบอร์กับเธอจริงหรือเปล่า แต่แล้วรอยยิ้มที่ระบายออกมาเมื่อครู่ก็สดใสมากกว่าเดิม เมื่อเขายอมให้เบอร์กับเธอจริง ๆ แต่เป็นการกดเบอร์โทรออกแล้วกดวางสาย แต่ไม่เป็นไร เธอไปบันทึกชื่อเองก็ได้
“พี่ไม่ได้บอกว่าจะไม่ให้นี่ครับ”
“ก็พี่เงียบ” ถ้าให้ตั้งแต่ตอนเที่ยง เธอก็คงไม่ต้องมานอยด์เขาให้เสียเวลาหรอก
“พี่เข้าห้องก่อนนะ”
“เดี๋ยวค่ะ” นิวเยียร์รีบท้วงขึ้นมาทันที พร้อมกับกดโทรออกไปหาคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า
เพิร์ธหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงสแล็กส์สีดำที่ส่งเสียงเรียกเข้าขึ้นมาดู ก่อนจะเงยใบหน้าส่งสายตาคู่คมมองไปที่หญิงสาว
“แลกเบอร์กันนะคะ” นิวเยียร์เอ่ยพลางหันโทรศัพท์มาทางเขา แล้วโยกไปมาคล้ายกับโบกมือ
“ครับ งั้นพี่เข้าห้องก่อนนะ”
“ค่ะ”
ทั้งสองแยกย้ายกันตรงหน้าห้อง นิวเยียร์ก็เข้าไปล้มตัวลงบนที่นอนหนานุ่มในห้องตัวเอง ก่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาบันทึกชื่อของเขาเป็น ว่าที่สามี แล้ววางโทรศัพท์เครื่องหรูแนบอก บิดตัวเขินไปมาบนที่นอนอย่างคนอารมณ์ดีที่สุด
ยอมรับว่าทุกวันนี้เขาคือส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอยิ้มได้ และมีความสุขทุกครั้งที่ได้เจอหน้าและพูดคุยกัน
เพิร์ธเข้าห้องได้ไม่นานก็มีเสียงแจ้งเตือนข้อความดังขึ้น ขณะที่กำลังจะเตรียมทำมื้อเย็น และเมื่อหยิบมือถือขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นสาวสวยที่อยู่ห้องตรงข้ามส่งสติ๊กเกอร์ทักทายมาทางไลน์
เขาจึงพิมพ์ตอบกลับไปสั้น ๆ
**********
Pirat : ครับ
**********
ข้อความถูกส่งไปไม่ถึงสิบวินาที ก็มีข้อความจากนิวเยียร์ส่งกลับมา ราวกับว่าเธอกำลังจ้องโทรศัพท์รอให้เขาตอบแชท แล้วก็รีบตอบกลับมาเช่นกันเพื่อไม่ให้เขาละมือถือไปทำอย่างอื่นเสียก่อน
**********
Newyear : บันทึกเบอร์แล้วไลน์พี่เด้ง หนูเลยแวะมาทักทาย
Pirat : ครับ
Newyear : ตัวจริงกับคุยกันทางแชทนี่ไม่ต่างกันเลยนะคะ (สติกเกอร์ยิ้มเหงื่อตก)
Pirat : ยังไงเหรอครับ
Newyear : ก็แบบเย็นชา พูดน้อย แถมยังไม่ค่อยคุยกับหนู
Pirat : พี่ดูเป็นคนเย็นชาขนาดนั้นเลยเหรอครับ
Newyear : ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ ไม่เย็นชาก็ได้ พี่แค่พูดน้อยแค่นั้นเอง ขอโทษนะคะ ไม่ได้ตั้งใจจะว่าพี่นะ
Pirat : ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ พี่ก็ถามไปอย่างนั้นเอง พี่เป็นคนพูดไม่เก่ง แต่ถ้ามีคนชวนคุยก็ถามมาตอบไปได้อยู่
Newyear : ถ้าพี่ไม่ติดอะไร หนูขอคุยแบบนี้ทุกวันเลยได้ไหมคะ
Pirat : ครับ
Newyear : คิดว่าจะปฏิเสธ
Pirat : พี่จะปฏิเสธทำไมล่ะ
Newyear : หนูคิดว่าพี่ไม่อยากให้หนูรบกวนซะอีก
Pirat : พี่ไม่ได้คิดว่าน้องนิวเยียร์รบกวนเลยนะครับ
Newyear : ขอบคุณนะคะ งั้นหนูไม่กวนพี่ละ ฝันดีล่วงหน้านะคะ
Pirat : ครับ
**********
นิวเยียร์กดออกจากแชทพร้อมกับใบหน้าหวานที่เผยรอยยิ้มกว้าง นี่เขากำลังจะบอกเธอทางอ้อมว่าแอบรู้สึกดีขึ้นมาบ้างแล้วใช่ไหม
ถ้าไม่อย่างนั้นเขาจะให้เบอร์ แถมยังอนุญาตให้เธอทักไปคุยแบบนี้ทำไม
‘เบอร์มีแล้ว ไลน์ก็มีแล้ว เขาจะเล่นเฟซไหมนะ’
คิดได้ดังนั้นก็เอาชื่อ นามสกุลไปลองค้นหาในเฟซบุ๊ก แล้วก็เจอจริง ๆ เขามีชื่อผู้ใช้ว่า ‘เพิร์ธ พิรัชย์ อชิระโภคิน’
ตัวจริงกับในรูปหล่อ มีเสน่ห์น่าหลงไหลไม่ต่างกันเลย ยิ่งมองก็ยิ่งหลง
แล้วเธอก็เพิ่งได้รู้ว่าเขาก็มีชื่อเล่นด้วย แอบคิดมาตั้งนานว่าคนอะไร ชื่อเล่นกับชื่อจริง ชื่อเดียวกัน
ใบหน้าของเขาก็หล่อเหลาเอาการ ชื่อก็ยังน่ารัก แถมนิสัยก็ดี โดยรวมหนุ่มเลขาดีไปหมดทุกอย่าง เหมาะกับการจะมาเป็นสามีในอนาคตของเธอมาก
เธอกำลังมีความสุขกับการจ้องหน้าจอของโทรศัพท์เลื่อนดูโปรไฟล์ของหนุ่มหล่อที่ทำให้เธอตกหลุมรักได้อย่างไม่ต้องสงสัย
เช้าวันต่อมา
ทั้งสองยังคงกินข้าวด้วยกันเหมือนเดิม แต่วันนี้เปลี่ยนสถานที่ไปกินข้างนอกแทน เพราะเมื่อคืนนิวเยียร์นอนเลื่อนดูร้านอาหารที่เปิดในช่วงเช้า เพื่อที่จะได้เปลี่ยนบรรยากาศของการกินข้าวร่วมกัน
“พี่เพิร์ธอยากกินอะไรคะ มื้อนี้หนูเลี้ยงเอง” หญิงสาวเอ่ยพลางส่งยิ้มหวาน พร้อมกับยื่นเมนูให้ชายหนุ่มเป็นคนเลือกก่อน
“น้องนิวเยียร์”
“จะถามว่าหนูรู้ชื่อเล่นของพี่ได้ยังไงใช่ไหมคะ” เธอรู้หรอกว่าเขาจะถามอะไร
“ครับ”
“พี่ไม่ได้เข้าเฟซบุ๊กเลยเหรอคะ”
“ยังครับ พี่ไม่ค่อยได้เล่น”
เขามีแอปพลิเคชันนี้ก็จริง แต่ไม่ค่อยมีเวลาได้เข้าไปดูเท่าไร บางครั้งอาทิตย์หนึ่งจะเข้าใช้งานแค่ครั้งสองครั้ง เพราะส่วนมากเขาจะติดต่องานกับลูกค้าทางไลน์และอีเมลเป็นส่วนใหญ่
“อย่างนี้นี่เอง ถึงว่าไม่ค่อยโพสต์อะไรเลย” นิวเยียร์เอ่ยพึมพำเสียงเบา แต่ก็ดังพอให้คนที่นั่งตรงข้ามได้ยิน
“พอดีหนูแอดเฟรนด์พี่ไป ถึงว่าไม่รับสักที”
“งั้นพี่กดรับให้เดี๋ยวนี้เลยครับ” เขาทำท่าจะหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกง แต่ก็ต้องชะงักเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยขึ้น
“ไม่เป็นไรค่ะพี่เพิร์ธ ไว้มีเวลาพี่ค่อยรับก็ได้ค่ะ”
ดูแล้วเฟซบุ๊กของเขาไม่ค่อยมีการเคลื่อนไหวอะไร จะกดรับตอนนี้หรือตอนไหนก็เหมือนกัน ถึงจะไม่รับเธอก็เข้าไปส่องได้อยู่ดี เพราะเขาเปิดเป็นโปรไฟล์สาธารณะ แต่ก็ไม่ได้คิดจะส่องจริง ๆ หรอก เพราะเธอมั่นใจว่าเพิร์ธยังไม่มีใครอย่างแน่นอน
แต่คนน่ารักแบบเขาก็ไม่ปล่อยให้เธอได้รอนาน ขณะที่ทั้งสองกำลังนั่งรออาหารที่สั่งไปก่อนหน้า เขาก็กดเข้าไปตอบรับการเป็นเพื่อนให้ ทำตัวแบบนี้จะไม่ให้มองว่าเขาน่ารักได้อย่างไร
“ขอบคุณนะคะที่รับแอด”
ทั้งสองเตรียมพร้อมสำหรับการเป็นพ่อและแม่ จนกระทั่งแต่งงานได้หกเดือน นิวเยียร์ก็ยังคงมีประจำเดือนทุกเดือน แต่เดือนนี้รู้สึกว่าจะมาแปลก เพราะว่ามาตามรอบแล้ว และพอผ่านไปได้ประมาณสองอาทิตย์ก็มาอีก แต่มาเพียงน้อยนิดแค่พอติดผ้าอนามัย แล้วยังมีอาการวิงเวียนศีรษะ แถมยังเบื่ออาหารร่วมด้วย“สีหน้าดูไม่ดีเลยนะครับ” เพิร์ธถามภรรยาด้วยความเป็นห่วงช่วงนี้เขาก็ลดกิจกรรมนั้นลง ไม่ได้ทำนานเหมือนเมื่อก่อน เพราะอยากให้นิวเยียร์ได้นอนพักผ่อนให้เพียงพอ แต่ระยะหลังมานี้เธอก็มักจะง่วงนอนอยู่เป็นประจำ ราวกับคนหลับไม่เต็มอิ่ม“สองสามวันมานี้ หนูรู้สึกเพลียยังไงก็ไม่รู้ บอกไม่ถูก”“อาการเหมือนพักผ่อนน้อยเลยนะครับ พี่ว่าเราไปตรวจที่โรงพยาบาลกันนะ”“เล่นใหญ่อีกแล้วนะคะ หนูแค่เวียนหัวค่ะ”“พี่รู้ครับว่าแค่เวียนหัว แต่ช่วงนี้เราก็กินข้าวได้น้อยด้วย ไปตรวจให้แน่ใจดีกว่า”ยิ่งเห็นเธอทำตัวเข้มแข็งแบบนี้เขาก็ยิ่งเป็นห่วง เพราะช่วงกลางวันต้องปล่อยเธออยู่ที่ห้องตามลำพัง จะลางานช่วงนี้ก็ยากเพราะเจ้านายของเขากำลังมีดีลงานสำคัญ แต่ถ้ามันจำเป็นจริง ๆ อย่างไรเขาก็ต้องอยู่ดูแล“ไปก็ได้ค่ะ”เธอไม่อยากให้เขาเป็นห่วง แต่ไปตรวจห
ทันใดที่ทั้งสองคนส่งตัวเข้าห้องหอเสร็จ เพิร์ธก็อุ้มภรรยาสาวขึ้นมานั่งบนตักโดยหันหลังให้กันที่ปลายเตียง โน้มใบหน้ามากดหอมที่แก้มนุ่มทั้งสองข้าง“เจ้าสาวของพี่สวยจัง”“เจ้าบ่าวของหนูก็หล่อค่ะ”บ่าวสาวป้ายแดงผลัดกันชมอีกฝ่ายไม่ขาดปาก พลางจ้องมองสบตากันอย่างหวานซึ้ง ต่างมองอีกคนว่ามีเสน่ห์น่าหลงไหลเป็นอย่างมากเมื่ออยู่ในชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว แม้ปกติจะหล่อสวยกันอยู่แล้วก็ตาม“จ้องแบบนี้ไม่กินหนูเลยล่ะคะ”คำหยอกล้อได้เริ่มต้นขึ้น แต่อีกฝ่ายกลับคิดเป็นจริงเป็นจัง เพราะได้รับคำท้าเรื่องมีลูกเอาไว้แล้วเพิร์ธยื่นหน้าเข้าไปใกล้เมียสาวแล้วพรมจูบที่หน้าผากมนแผ่วเบา เลื่อนริมฝีปากมาจูบที่ปลายจมูกของคนที่กำลังหลับตาพริ้ม อมยิ้มเขิน และกำลังคิดว่าตอนนี้จะต้องตกเป็นเมียเขาอย่างสมบูรณ์ทั้งพฤตินัยและนิตินัย เพราะในระหว่างพิธีทั้งคู่ได้จดทะเบียนสมรสกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วเพิร์ธจับปลายคางของเมียสาวปรับให้ได้องศากับริมฝีปากที่กดจูบลงบนริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูระเรื่อ ก่อนจะผละริมฝีปากออกแล้วจ้องใบหน้าหวานของนิวเยียร์ที่กำลังค่อย ๆ ลืมตาขึ้นแล้วส่งยิ้มหวานละมุน“แม่พี่บ่นอยากมีหลาน เรามีให้ท่านสักคนดีไหมครับ”“ค
1 เดือนต่อมาทั้งสองคนได้หาโอกาสนัดเจอกับพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายที่ภัตตาคารห้าดาวแห่งหนึ่ง บรรยากาศของการพบหน้ากันเป็นครั้งแรกก็ทำเอาคู่รักโล่งใจเป็นอย่างมากทั้งพ่อแม่ของเพิร์ธและนิวเยียร์หลังจากได้ทำความรู้จักกันแล้ว ก็พูดคุยอย่างเป็นกันเอง และผู้ใหญ่ก็ได้ยอมรับ แสดงความยินดีกับการคบกันของทั้งสองคนโดยเฉพาะแม่ของฝ่ายชายที่พอรู้ว่าลูกชายเพียงคนเดียวมีแฟนแล้ว ก็คะยั้นคะยอให้เร่งหาฤกษ์แต่งงานเพราะอยากจะอุ้มหลานไว ๆ เนื่องจากตลอดเวลาที่ผ่านมาได้กลุ้มใจเป็นอย่างมาก กลัวว่าลูกชายจะขึ้นคาน“แม่ของพี่นี่น่ารักดีนะคะ ตอนที่พูดว่ากลัวพี่จะขึ้นคานสีหน้าจริงจังมาก ว่าแต่ถ้าเราไม่ได้คบกัน พี่จะขึ้นคานจริง ๆ เหรอคะ”นิวเยียร์เอ่ยแซวแฟนหนุ่มขณะที่ทั้งสองกำลังนั่งอยู่ตรงโซฟา หลังจากที่กลับจากการรับประทานอาหารร่วมกับครอบครัวทั้งสองฝ่าย“เอาใหญ่แล้วนะ เดี๋ยวนี้กล้าล้อพี่แล้วเหรอ”“ก็มันจริงนี่คะ คิกคิก”“มานี่เลยครับ” ว่าแล้วเขาก็อุ้มหญิงสาวขึ้นมานั่งบนตักแกร่ง ส่งปลายจมูกหยอกล้อกับซอกคอขาว ก่อนจะเอ่ยกระซิบข้างใบหู“มาให้พี่ลงโทษซะดี ๆ”“ลงโทษยังไงเหรอคะ” หญิงสาวยกเรียวแขนขึ้นกอดคอแฟนหนุ่ม ช้อนสายตาขึ้น
กลับไปถึงคอนโดเพิร์ธก็ประคองนิวเยียร์เข้าไปนั่งที่โซฟา ก่อนจะเอ่ยถามเธออีกครั้งเพื่อให้คิดดูอีกที“จะไม่ลงบันทึกประจำวันไว้จริง ๆ เหรอครับ”“ไม่แล้วค่ะ เมื่อกี้ก็แค่ขู่ให้คุณควีนกลัว แต่หนูคิดว่าเธอคงได้รับบทเรียนและไม่กล้าทำแบบนั้นอีกแล้ว”“พี่ขอโทษนะครับที่ทำให้เจ็บตัว” เขาเอ่ยพลางเลื่อนมือขึ้นไปลูบเรือนผมของแฟนสาวอย่างทะนุถนอม สายตาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด“ไม่เป็นไรเลยค่ะ แผลแค่นิดเดียวเอง มันไม่ใช่ความผิดของพี่นะคะ อย่าโทษตัวเองเด็ดขาด” เธอคลี่ยิ้มปลอบใจแฟนหนุ่ม“จะไม่ให้โทษได้ยังไงล่ะครับ ถ้าพี่ฉุกคิดขึ้นได้สักนิดว่าควีนจะกล้าทำเรื่องแบบนี้ พี่ก็คงไม่ยอมให้เราออกไปเจอ”“พี่ไม่ได้มีพลังวิเศษที่จะรับรู้ถึงจิตใจคนเสียหน่อยค่ะ เรื่องมันจะเกิด ยังไงมันก็ต้องเกิด คนเราห้ามโชคชะตาไม่ได้หรอก เหมือนที่พี่ไม่สามารถห้ามหนูจีบพี่ได้ยังไงล่ะคะ” นิวเยียร์เอ่ยเปรียบเปรยเธอเชื่ออย่างนั้นเสมอว่าคนเราทุกคนพบกันเพราะโชคชะตา แม้จะเป็นเรื่องร้ายหรือดี เมื่อถึงเวลาก็ไม่สามารถที่จะหลีกหนีกันได้“แต่สำหรับความรักของเรา หนูเชื่อว่ามันเป็นพรหมลิขิต ถ้าวันนั้นพี่ไม่ตามพี่ธีร์ไปกินข้าวที่โรงอาหารในมหา’ ลัย
ควีนเดินวกไปเวียนมาอยู่ตรงชั้นบันไดหนีไฟ มองดูหน้าจอของโทรศัพท์ที่มีเสียงเรียกเข้า เป็นเบอร์เดิมที่โทรเข้ามาตั้งแต่นั่งอยู่ที่หน้าห้องล้างแผล ก่อนจะตัดสินใจกดรับสาย“แกจะโทรเข้ามาทำไมฮะ ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าจะติดต่อไปเอง”เสียงของควีนตะเบงใส่ปลายสายด้วยความไม่พอใจ ทำให้ดังเล็ดลอดออกไปด้านนอกของประตูหนีไฟ ในจังหวะที่เพิร์ธและนิวเยียร์กำลังผ่านมาพอดี เพราะเป็นทางผ่านไปห้องน้ำ“พี่เพิร์ธคะ เสียงคุณควีน”นิวเยียร์หันไปเอ่ยกับแฟนหนุ่ม ทั้งสองคนจึงหยุดอยู่ตรงหน้าประตู และได้ยินคำพูดต่อจากนั้นของควีนทุกประโยคอย่างชัดเจน“ฉันบอกให้แกล้งเฉี่ยวไม่ใช่เหรอ แล้วแกจะขับเข้ามาใกล้ขนาดนั้นทำไม เห็นไหมว่าทำฉันเจ็บตัวไปด้วย”(ผมก็ทำตามที่คุณสั่งแล้วไง แล้วก็ไม่ได้มีใครถูกชนสักหน่อย พวกคุณล้มกันไปเอง จะมาโทษผมไม่ได้นะ)“แล้วถ้าแกทำพลาดชนคนขึ้นมาจริง ๆ ล่ะไอ้โง่”(เลิกต่อว่าผมสักที แล้วรีบโอนเงินที่เหลือมาด้วย ไม่อย่างนั้น…)“ไม่อย่างนั้นจะทำไม นี่แกกล้าขู่ฉันเหรอ อย่าลืมนะว่าแกเป็นคนทำให้ผู้หญิงคนนั้นบาดเจ็บ ไม่ใช่ฉัน”(แล้วถ้าผมไปมอบตัวกับตำรวจแล้วบอกว่าคุณเป็นคนจ้างล่ะ คิดดูให้ดี ๆ นะ)“กรี๊ด… ไอ้ชั่ว ก
“พี่เพิร์ธจำได้ไหมคะ ว่าเมื่อก่อนพวกเราชอบมาแข่งโกคาร์ทกัน ข้างในมีสนามแข่งด้วยนะคะ เราไปลองแข่งกันสักรอบสองรอบไหมคะ”นั่งดื่มกันได้สักพัก ควีนก็หันไปเอ่ยกับอดีตคนรักที่นั่งอยู่คนสุดท้าย เพราะมีแฟนสาวของเขานั่งคั่นกลางอยู่“เลิกพูดถึงอดีตเถอะควีน เธอนัดแฟนของพี่ออกมา มีเรื่องอะไรจะพูดก็รีบพูดมาเถอะ” เพิร์ธเอ่ยน้ำเสียงเรียบ“อดีตของเรามันไม่น่าจดจำขนาดนั้นเลยเหรอคะ”“จะพูดให้ได้อะไรขึ้นมา ตอนนี้พี่เพิร์ธกำลังคบกับฉันอยู่” นิวเยียร์อดไม่ได้เลยรีบพูดแทรก“ฉันไม่ได้คุยกับเธอ” ควีนชักสีหน้าไม่พอใจตอบกลับ“แต่คุณเป็นคนนัดฉันมา”“ใช่ ฉันเป็นคนนัดเธอ แต่คนที่ฉันอยากเคลียร์คือพี่เพิร์ธ”สองสาวฟาดฟันกันด้วยสายตาอย่างไม่กระพริบ นิวเยียร์กำลังจ้องอีกฝ่ายที่กล้ามาหลอกใช้เธอเป็นสะพาน เพื่อหลอกล่อให้แฟนหนุ่มของเธอออกมาเจอ“พี่ไม่มีอะไรจะคุย เรากลับกันเถอะครับ”เพิร์ธเป็นคนตอบควีนแล้วก็ชวนแฟนสาวกลับ เพราะเห็นท่าแล้วทางนั้นคงไม่ได้นัดนิวเยียร์มาเคลียร์กัน แค่ต้องการนัดเขาออกมาเจอก็เท่านั้นเพิร์ธจับมือแฟนสาวแล้วพากันออกไปที่ลานจอดรถ ดีกว่ามาเสียเวลาให้ควีนปั่นหัวเล่น เขารู้ว่าควีนเป็นคนชอบเอาชนะ ไม่เค