“คุณหมอคะ คุณหมอ”
“มีอะไรเหรอคะ?”
“มีเคสผ่าตัดด่วนเข้ามาค่ะ”
“เวลานี้เป็นเวรหมอจุนไม่ใช่หรือ?”
“ใช่ค่ะแต่ตอนนี้คุณหมอจุนยังมาไม่ถึงโรงพยาบาลเลยค่ะ คุณไข้อาการสาหัสรอไม่ได้แล้วนะคะ”
“ได้ งั้นรีบไปกัน”
“ค่ะ”
นางพยาบาลรีบเดินตามคุณหมอไปอย่างรีบเร่งก่อนจะอธิบายเคสฉุกเฉินนี้ให้เธอฟังคร่าวๆ
“เคสนี้เป็นเคสฉุกเฉินคนไข้เป็นทายาทของตระกูลโจวซึ่งเป็นเจ้าของโรงพยาบาลนี้ด้วยค่ะ”
“โอเค เตรียมชุดกับเครื่องมือเรียบร้อยแล้วใช่ไหม”
“ค่ะคุณหมอ”
จ้าวซูหลินเป็นหมอหญิงที่มีฝีมือผ่าตัดเป็นอันดับหนึ่งของเมืองลั่วหนานแห่งนี้ เธอจำเป็นต้องเข้าผ่าตัดให้ทายาทตระกูลโจวที่โด่งดังที่สุดในประเทศนี้แทนคุณหมอจุนเป็นการฉุกเฉินแม้จะรู้สึกตื่นเต้นมากแต่เธอก็พยายามทำทุกอย่างอย่างระมัดระวังและตั้งใจที่สุด
การผ่าตัดใช้เวลายาวนานร่วม12ชั่วโมงในที่สุดการผ่าตัดก็เสร็จสิ้นลงและสำเร็จไปได้ด้วยดี จ้าวซูหลินออกมาจากห้องผ่าตัดด้วยอาการเหนื่อยล้าเป็นอย่างยิ่ง
“คุณหมอจ้าว ขอบคุณที่เข้าผ่าตัดแทนผมนะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันได้ยินว่าคุณประสบอุบัติเหตุเป็นอะไรมากหรือเปล่าค่ะ”
“อ๋อ พอดีว่ามีรถชนกันตรงกลางสะพานน่ะครับรถหลายคันรวมถึงของผมด้วยจึงติดอยู่ตรงนั้นร่วมหลายชั่วโมงเลย กว่าจะระบายรถออกมาได้นี่ผมก็เร่งมาที่โรงพยาบาลจนสุดฝีเท้าเลยนะครับ”
“แต่เพราะการผ่าตัดครั้งนี้มีคุณหมอจ้าวอยู่ด้วยผมจึงวางใจไปได้ระดับหนึ่ง คิดว่าผมคงจะไม่ถูกไล่ออกตอนนี้หรอกนะครับ”
หมอจุนพูดกับเธอด้วยรอยยิ้มที่ดูเหมือนคนอารมณ์ดีไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยอยู่ตลอดเวลาอย่างไรอย่างนั้น
‘ความจริงหมอจุนก็ดูหล่อจริงๆ นะเนี่ยหรือเพราะวันๆ เธอเอาแต่ก้มหน้าก้มตาทำงานถึงไม่ค่อยได้สนใจผู้ชายคนนี้กันแน่นะ’
“คุณก็พูดไปเรื่อยอุบัติเหตุไม่มีใครอยากให้เกิดหรอกค่ะ แต่ว่าตอนนี้ฉันคงต้องขอตัวไปพักก่อนนะคะอยู่ในห้องผ่าตัดเกือบครึ่งวันเลย ขอตัวก่อนนะคะ”
“ครับผม โชคดีนะครับคุณหมอจ้าว”
จ้าวซูหลินยิ้มให้หมอจุนอีกครั้งก่อนจะรีบก้าวเดินไปที่ประตูชั้นที่เธอจอดรถอยู่ เมื่อพยาบาลที่พึ่งออกมาจากห้องพักเห็นเธอเข้าก็รีบเดินตรงมาหาเธอทันที
“คุณหมอจะกลับเลยหรือค่ะ”
“ใช่ค่ะ”
“นี่ค่ะกาแฟ เดินทางปลอดภัยนะคะ”
“ขอบใจมากนะ”
จ้าวซูหลินรับเอากาแฟมาจากมือของพยาบาลสาวก่อนจะเดินไปขึ้นรถเพื่อขับกลับไปยังคอนโดหรูของเธอ แต่เพราะอาการเหนื่อยล้าที่ใช้เวลาในการผ่าตัดยาวนานเกินไปทำให้จ้าวซูหลินมีอาการเบลอๆ จังหวะที่เธอวูบไปก็ทำให้รถของเธอไถลไปชนขอบสะพานก่อนจะล่วงลงทะเลสาบด้านล่างและจมหายลงไปทีละนิด
‘กรี๊ดดดด!! ช่วยด้วยยยยย…’
- - - - - - - - - -
‘เสียงใครร้องกันนะ?'
“พระสนม!”
“พระสนมฟื้นแล้ว! ทรงเป็นเช่นไรบ้างเพคะ”
จ้าวซูหลินเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมาทีละนิดเธอพยายามลืมตาขึ้นมาแต่ก็รู้สึกปวดที่ศรีษะเป็นอย่างมาก มือบางทั้งสองข้างก็ยกขึ้นมากอบกุมที่ขมับของตัวเองเอาไว้แน่น
เมื่อดวงตาทั้งสองข้างเริ่มปรับสภาพคงที่แล้วเธอก็เริ่มมองเห็นภาพที่ปรากฎอยู่ตรงหน้าอย่างชัดเจน แต่ภาพบรรยากาศตรงหน้าก็ทำให้จ้าวซูหลินขมวดคิ้วด้วยความงุนงงทันที
‘ที่นี่ที่ไหนกัน? ไม่ใช่คอนโดของเธอนี่นา’
เมื่อตั้งสติได้ก็หันมองไปด้านข้างเตียงที่เธอนอนอยู่พบหญิงสาวผู้หนึ่งนั่งอยู่บนพื้นห้องกำลังจับจ้องมองเธอด้วยความดีใจอย่างสุดซึ้ง
‘อะไรเนี่ย? ทำไมเสื้อผ้าหน้าผมถึงเหมือนกับในละครหลังข่าวอย่างนี้ล่ะ ห้องนี้อีกมันเกิดอะไรขึ้นกัน? ’
จ้าวซูหลินรีบก้มมองชุดที่ตัวเองใส่ทันที
‘เป๊ะเลย…โฮกกกนี่มันอะไรกันเนี่ย! ฉันหลุดมาในนิยายหรืออย่างไรกัน’
เธอคร่ำครวญอยู่ภายในใจเงียบๆ ก่อนจะรีบตั้งสติและถามหญิงสาวตรงหน้าไปว่า
“ที่นี่ที่ไหนหรือ?”
“พระสนมท่านลืมได้เช่นไรเพคะ ที่นี่ก็คือตำหนักหนิงเซียงของท่านอย่างไรเล่าเพคะ”
“เดี๋ยวนะ! เธอ..เอ้ยไม่ใช่…”
“เจ้าเรียกข้าว่าพระสนมอย่างนั้นหรือ?”
“ใช่แล้วเพคะ”
จ้าวซูหลินรู้สึกงุนงงเป็นอย่างมากความทรงจำครั้งสุดท้ายที่เธอนึกขึ้นได้คือคืนวันที่เธอผ่าตัดให้คนไข้สำเร็จไปได้ด้วยดี แล้วเธอก็ขับรถออกจากโรงพยาบาลเพื่อกลับไปยังคอนโดทันทีไม่ใช่หรือ
‘ระหว่างทางเกิดอะไรขึ้น? แล้วทำไมตื่นขึ้นมาแล้วถึงได้มาอยู่ที่แห่งนี้กันได้ล่ะเนี่ย’
จ้าวซูหลินกุมศรีษะเอาไว้ด้วยความสับสนกับสิ่งที่พบเจอในตอนนี้
“พระสนมเจ็บตรงไหนหรือเพคะ”
“ฉัน เอ้ยไม่ใช่!...ข้า ข้าคือใครนะ แล้วเจ้าชื่ออะไร”
“ท่านก็คือพระสนมซูหลินในฮ่องเต้ฮั่วจงอย่างไรล่ะเพคะ ส่วนข้าเป็นนางกำนัลรับใช้ข้างกายของท่านชื่อซั่วอิง”
“พระสนมซูหลินงั้นหรือ?”
“พระสนมจำอะไรไม่ได้เลยหรือเพคะ หรือว่าตอนที่ท่านตกลงไปในทะเลสาปหัวของท่านฟาดไปโดนโขดหินจนความทรงจำขาดหายไปใช่หรือไม่เพคะ”
“ตกน้ำงั้นหรือ? อะ…อาจจะเป็นเช่นนั้นก็ได้กระมัง”
“ว่าแต่ข้าตกน้ำงั้นหรือ แล้วมันเกิดขึ้นได้อย่างไรกัน”
“เมื่อวานท่านตั้งใจไปแอบดูฝ่าบาทไม่คิดว่าพระสนมลิ่งเฟยจะมาพบเข้าแล้วแกล้งผลักท่านจนตกลงไปในน้ำอย่างไรล่ะเพคะ ยังดีที่ฝ่าบาทเปลี่ยนเส้นทางมาตรงที่พวกเราอยู่พอดี ไม่เช่นนั้น…”
“ไม่เช่นนั้นอะไร?”
“ท่านอาจจะตายไปแล้วนะสิเพคะ”
‘ก็ตายไปแล้วจริงๆน่ะสิข้าถึงมาอยู่ในร่างนี้ได้ ให้ตายสิเคยอ่านแค่ในนิยายไม่คิดไม่ฝันว่าจะเกิดขึ้นกับข้าจริงๆ ’