“สดชื่นจัง”
หนูนิดตื่นเช้ามาด้วยความสดชื่น เธอสูดลมหายใจเอาอากาศที่แสนบริสุทธิ์เข้าปอดโดยไม่มีฝุ่นควันหรือมลพิษอย่างในเมืองได้อย่างสบายใจ
ใบหน้าสวยแต้มรอยยิ้มที่มุมปากจาง ๆ ในขณะที่แขนก็เหยียดตึง บิดขี้เกียจไปพร้อม ๆ กัน ทว่าหญิงสาวไม่อาจทำตัวขี้เกียจอย่างที่ควรเป็นได้ เพราะเธอมาที่นี่ในฐานะคนงานของเพลิง ดังนั้นหญิงสาวจึงต้องหักห้ามใจรีบไปล้างหน้าแปรงฟันแล้วลงไปข้างล่างเพื่อเข้าครัวทำอาหารทันที
ตุบ ตุบ ตุบ
“อู้วววว! วงแขนกล้ามเป็นมัด ๆ ซิกซ์แพ็กแน่น ๆ หูย ดีอ่า... เห็นแล้วใจละลาย” หนูนิดพูดออกมาในขณะที่สายตามองภาพตรงหน้าอย่าง
เหม่อลอยเช้าวันนี้เมื่อหนูนิดเข้าครัวทำอาหารเสร็จแล้ว เธอจึงได้ไปตามเขามาทานข้าวเช้าด้วยกัน แต่กลับไม่เจอชายหนุ่มอยู่ที่ห้อง หญิงสาวจึงต้องมาตามหาชายหนุ่มนอกบ้าน แล้วเธอก็พบกับร่างของชายที่เธอชื่นชอบกำลังออกกำลังกายอยู่หน้าบ้าน
“ฮือ... ยิ่งมีเหงื่อไหลออกมาแบบนั้นยิ่งหน้าซบไปอีก! พี่เพลิงของหนูนิดจะน่ากินเกินไปแล้ว!”
หญิงสาวยืนบิดไปมา เมื่อภาพที่เธอเห็นตอนนี้คือ เหงื่อที่ออกมาจากการออกกำลังกายของเพลิงไหลลงมาช้า ๆ ตามกล้ามแขน หรือใบหน้า ยิ่งเห็นเขาหยุดมือแล้วหยิบผ้าเช็ดตัวผืนเล็กมาเช็ดหน้าเช็ดผมก็ยิ่งรู้สึกว่า ผู้ชายที่เธอหมายปองช่างเซ็กซี่ขยี้ใจเธอเหลือเกิน
หนูนิดยืนมองชายหนุ่มด้วยสายตาเลื่อนลอย สายตาที่เธอมองเขาทั้งหลงใหลและเคลิบเคลิ้มในขณะเดียวกันก็อยากกลืนกินเขาลงไปทั้งตัวอย่างปิดไม่มิด
“หนูนิด”
“...”
“หนูนิด”
“...”
โป๊ก!
“โอ๊ย!”
“ยายเด็กลามก อ่านกินอะไรพี่อยู่เรียกตั้งนานไม่ตอบ”
“ปะ... เปล่านะคะ หนูนิดไม่ได้อ่านกินอะไรพี่เพลิงทั้งนั้น ที่หนูนิดตอบช้าเพราะหนูนิดกำลังคิดว่าจะบอกพ่อกับแม่ยังไงดีว่าหนูนิดมาทำงานเป็นแม่บ้านให้พี่เพลิงต่างหากเล่า”
“อ๋อเหรอ....”
“ใช่น่ะสิคะ พี่เพลิงน่ะมั่ว กล่าวหาหนูนิด” หญิงสาวพูดพร้อมกับส่งค้อนวงโตให้ชายหนุ่ม
เพลิงที่ไม่ได้เชื่อคำพูดของเธอเลยตั้งแต่แรก ก็ทำเพียงพยักหน้ารับให้มันจบ ๆ ไปเท่านั้น ก่อนจะขอตัวไปอาบน้ำแต่งตัว โดยให้หญิงสาวจัดโต๊ะอาหารรอ
“พี่ไปอาบน้ำก่อน ไปจัดโต๊ะรอด้วย พี่หิวข้าวแล้ว”
“หึ! รู้ตัวเร็วชะมัดกำลังเคลิ้ม ๆ เชียว พี่เพลิงนะพี่เพลิง ให้ดูอีกนิดก็ไม่ได้” หญิงสาวบ่นอย่างเสียดาย พร้อมทั้งชะโงกหน้ามองตามร่างแกร่งที่มีเพียงกางเกงขาสั้นปกคลุมส่วนล่างเท่านั้น
“ขนาดข้างหลังมองไกล ๆ ยังแน่นเลยอะ ถ้าได้กอดได้ลูบจะแน่นขนาดไหนกันนะ”
“ยายเด็กลามก! ไปตั้งโต๊ะ มัวแต่อ่านกินพี่อยู่นั่นแหละ หิวแล้วนะ”
“โว้ย! รู้แล้ว ๆ บอกว่าไม่ได้อ่านกิน เชอะ อยากมองตายแหละ” เมื่อได้ยินเสียงของเพลิงตะโกนว่าเธอดังมา หญิงสาวอย่างหนูนิดก็ตะโกนกลับไป เธอไม่มีทางยอมรับเด็ดขาดว่ากำลังอ่านกินเขา
หนูนิดหงุดหงิด ส่ายหน้าอย่างเสียดายเล็กน้อยที่เห็นของดีช้าเกินไป หากเธอมาเร็วกว่านี้คงได้เห็นนานกว่า
“เหอะ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อมาดูของดี!” คิดได้แบบนั้น หนูนิดจึงยิ้มออกมา พร้อมทั้งพาร่างบอบบางของตัวเองเข้าไปจัดโต๊ะอาหารในครัว รอชายหนุ่มอย่างเพลิงลงมาทานข้าว
“พี่เพลิงมองอะไรคะ” หนูนิดถามเมื่อถูกสายตาคมกริบของ
ผู้กองเพลิงจับจ้องเวลาทานข้าว“มองเด็กลามก”
“เอ๊ะ! ก็บอกแล้วไงคะว่าไม่ได้ลามก” หนูนิดตอบกลับอย่างไม่ยินยอม
ผู้กองหนุ่มมองหญิงสาวอย่างจับผิดก่อนจะละสายตาไปแล้ว
ก้มหน้าก้มตาทานข้าวอาหารแสนอร่อยที่หญิงสาวตรงหน้าทำไว้ให้“อิ่มแล้วเหรอคะ” หนูนิดถามเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มรวบช้อนแล้วยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม
“ครับ อิ่มแล้ว”
“อาหารไม่ถูกปากเหรอคะ”
“เปล่าหรอกครับ ตอนเช้าพี่ไม่ค่อยทานข้าวน่ะ ส่วนใหญ่จะดื่มแค่กาแฟแล้วออกไปทำงานเลย” เมื่อเห็นว่าหญิงสาวมีแววกังวลชายหนุ่มจึงอธิบายให้ฟังอย่างใจดี
“งั้นรอสักครู่นะคะ เดี๋ยวหนูนิดชงกาแฟให้ดื่ม” หญิงสาวพูด ก่อนที่เธอจะรีบชงกาแฟให้เขา
ผู้กองเพลิงมองร่างบอบบางที่ยืนหันหลังให้เขา แขนเล็กเรียวเสลาของเธอกำลังชงกาแฟให้อย่างบรรจง ยิ้มยากเย็นที่นาน ๆ ทีเพื่อนสนิทและผู้ใต้บังคับบัญชาจะได้รับ ตอนนี้กลับกำลังยกยิ้มจาง ๆ ที่มุมปาก
“นี่ค่ะกาแฟ หนูนิดไม่รู้ว่าพี่เพลิงดื่มรสไหน เมื่อกี้ก็ไม่ได้ถาม ลองดื่มดูนะคะ ถ้าไม่ถูกใจหนูนิดชงให้ใหม่ได้” หญิงสาวว่า สายตาก็ลุ้นว่ากาแฟของเธอจะถูกปากถูกใจคนตรงหน้าหรือเปล่า
“อืม... รสชาติดี กลมกล่อมเชียว” เมื่อได้รับคำชมจากเขา หญิงสาวก็ยิ้มแก้มปริ
ผู้กองเพลิงมองรอยยิ้มของหญิงสาวอย่างเพลิดเพลิน มือก็ยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม สายตาก็จับจ้องหน้าของหญิงสาวอย่างไม่ลดละ
“เอาละ พี่จะไปทำงานแล้ว อยู่ที่นี่อย่าดื้อ และอย่าไปไหนล่ะเข้าใจไหม เพราะเราเพิ่งมาใหม่ยังไม่รู้จักใคร ไว้วันหยุดพี่จะพาไปรู้จักคนในหมู่บ้านนี้”
“ค่ะ” หนูนิดสัมผัสได้ถึงความห่วงใยผ่านกระแสเสียงคำพูดพวกนั้นของชายหนุ่ม เธอจึงตกปากรับคำอย่างว่าง่าย
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวรับคำแล้ว ชายหนุ่มจึงขับรถออกจากบ้านไป มุ่งตรงเข้าสู่ตัวจังหวัด
ไม่นานชายหนุ่มก็ขับรถมาถึงจุดหมายปลายทาง สถานที่เดียวกับเมื่อวานนี้ ร่างสมส่วนสง่าผ่าเผยสมชายชาตรีเดินลงจากรถแล้วก้าวเดินเข้าไปในสถานีตำรวจประจำจังหวัดอย่างมั่นคง
“ขออนุญาตครับ”
“เชิญ” ได้ยินเสียงคนข้างในอนุญาต ชายหนุ่มก็พาตัวเองเข้าไปด้านใน เมื่อมาถึงก็พบว่าบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการทำคดีทลายแก๊ง
ค้ามนุษย์ข้ามชาติได้มารวมตัวกันหมดแล้ว ดังนั้นเมื่อร่างของเขามาถึงการประชุมก็เริ่มต้นขึ้นทันทีเวลาในการประชุมและวางแผนการจัดการต่าง ๆ ดำเนินไปร่วมสามชั่วโมง ในที่สุดก็ได้ข้อสรุปและเห็นตรงกันในที่สุด จึงได้เลิกการประชุมและแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตน
“ผู้กองเพลิงเดี๋ยวอยู่คุยกับผมก่อน”
“ครับผู้การ” ผู้กองเพลิงหันมารับคำ เมื่อลับร่างของผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมดแล้วภายในห้องก็เงียบสนิทและมีความกดดันขึ้นทันตา
“คุณมีอะไรจะบอกผมหรือเปล่า”
“เรื่องอะไรล่ะครับ” ผู้กองหนุ่มไม่ได้เกรงกลัวกับเสียงเย็น ๆ ที่เอ่ยถามเขา เขามองหน้าสบสายตาอย่างไม่หวั่นเกรง จนในที่สุดผู้การณรงค์ก็ไม่สามารถรักษาความนิ่งเฉยไว้ได้
“เฮ้อ! คุณคงได้เจอกับลูกสาวผมแล้ว”
“ถ้าหมายถึงผู้หญิงที่ชื่อว่าหนูนิดก็ใช่ครับ” ผู้กองเพลิงพูดตอบรับอย่างว่าง่าย
“ผมฝากลูกสาวผมด้วย แกหนีออกจากบ้านเพราะภรรยาผมจะจับแกหมั้นกับคนที่แกไม่ชอบแกจึงได้หนีไป แกเป็นคนดื้อและค่อนข้างจะเอาแต่ใจตัวเอง ผมหวังว่าผู้กองจะไม่ถือสา” ผู้การณรงค์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ใครหลายคนอาจมองไม่เหมาะสม และไม่สมควรที่จะปล่อยให้ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนไปอยู่กับชายหนุ่มสองต่อสอง เพียงแต่ว่าผู้การณรงค์กลับไม่มีทางเลือกมากนัก เมื่อลูกสาวสุดที่รักยื่นคำขาดมาให้เขาเลือก
‘คุณพ่อต้องช่วยหนูนิด หนูนิดไม่มีทางหมั้นกับใครก็ไม่รู้ที่คุณแม่พยายามจะคลุมถุงชนให้เด็ดขาด’
‘แล้วจะให้พ่อช่วย พ่อจะช่วยอะไรได้’
‘ช่วยได้สิคะ ผู้กองเพลิงคนนั้นหนูนิดชอบเขา’
‘ว่ายังไงนะ!’
‘หนูนิดบอกว่าหนูนิดชอบผู้กองเพลิง เรื่องที่หนูนิดสั่งให้คนสืบเรื่องราวความเป็นมาของเขาคุณพ่อคงจะรู้มาบ้าง เพราะฉะนั้นคุณพ่อห้ามขัดขวางหนูนิดเด็ดขาด คุณพ่อพูดเองว่าถ้าหนูนิดชอบใครคุณพ่อจะสนับสนุน’
‘แต่ถ้าหากคุณพ่อไม่ช่วยหนูนิด หนูนิดจะหนีไปบวชชี บวชแบบโกนหัวไปเลย แล้วถ้าหนูนิดไปบวชหนูนิดก็จะไม่สึก เพราะฉะนั้นความหวังที่คุณพ่อจะได้อุ้มหลานก็เลิกหวังไปได้เลย!’
นั่นคือคำพูดที่ลูกสาวใช้ขู่เขา เมื่อเจอคำขู่แบบนี้ผู้การอย่างเขาจะทำอะไรได้ นอกจากจะให้ความช่วยเหลือเธอ แม้ว่าจะไม่เต็มใจก็ตามที
ทว่าเมื่อพิจารณาให้ดีเป็นผู้กองเพลิงชายหนุ่มตรงหน้าเขาก็ไม่เลวนัก นอกจากจะมีหน้าที่การงานที่ดีแล้ว ยังเป็นตำรวจน้ำดี ฐานะทางบ้านก็ดี ล้วนเหมาะสมกับลูกสาวเขาทุกอย่าง ดังนั้นผู้ว่าการณรงค์จึงพอที่จะทำใจรับผู้กองหนุ่มคนนี้มาเป็นลูกเขยได้ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าชายหนุ่มตรงหน้าคิดยังไงกับลูกสาวเขาด้วยเช่นกัน
จากการที่เขาได้เห็นสายตาของชายหนุ่มที่มองรูปลูกสาวที่อยู่ในห้องทำงานของเขาเมื่อวาน ก็พอจะบอกอะไรได้บ้าง ดังนั้นวันนี้เขาจึงได้ทำใจข่มความหวงลูกสาวแล้วหันหน้ามาคุยกับว่าที่ลูกเขยแทน
“เอาเป็นว่าผมจะดูแลเธออย่างดี แต่ว่าท่านคงรู้ใช่ไหมครับว่าผมก็เป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ใช่พระอิฐพระปูน”
“นี่!” ได้ฟังคำพูดของว่าที่ลูกเขยอาการหวงลูกสาวก็กำลังกำเริบ
“เอาเป็นว่าผมถือว่าท่านรับรู้แล้ว หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจผมจะให้คุณพ่อไปสู่ขอเธออย่างเป็นทางการ ลาก่อนนะครับพ่อตา หนูนิดกำลังรออยู่” ผู้กองเพลิงกระตุกยิ้มร้าย แล้วเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้ผู้การณรงค์หน้าตาดำคล้ำเพราะความอดกลั้นไม่ให้ชกหน้าของคนที่จะมาเป็นลูกเขยเพราะอาการหวงลูกสาว
“ถ้าไม่ติดว่าเป็นความสุขของหนูนิดล่ะก็ ฮึ่ม!” ผู้การณรงค์ว่า พร้อมทั้งพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ รอจนสงบสติอารมณ์ได้ถึงได้กลับห้องทำงานของตนไป
2 เดือนต่อมางานแต่งงานของร้อยตำรวจเอกเพลิง พงศ์พิริยะ และนางสาวณิชญารีย์ เดชอนันต์ ได้ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ที่โรงแรมที่มีชื่อเสียงที่สุดในจังหวัดแขกเหรื่อมากหน้าหลายตามากมายมาแสดงความยินดีกับคนทั้งคู่ ทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาวต่างเหนื่อยกับการต้อนรับไปหมด แต่ว่าหน้ายังคงฉีกยิ้มเพราะตอนนี้ทั้งคู่กำลังมีความสุขมากเมื่อได้แต่งงานกันสักทีพิธีการถูกดำเนินไปเรื่อย ๆ ตามกำหนด จนมาถึงพิธีการสำคัญนั่นคือการส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าหอ ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายและเพื่อนสนิทของทั้งสองจึงได้ขึ้นไปส่งยังห้องที่ทางโรงแรมเตรียมไว้พร้อมกับค่อย ๆ อวยพรให้ทั้งสองทีละคน“แม่ขอให้ลูกทั้งสองรักกันนาน ๆ หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัยกันนะลูกนะ” คุณนิตยาพูดพร้อมกับจับมือบ่าวสาวไว้“พ่อฝากน้องด้วยนะเพลิงจากนี้ดูแลน้องแทนพ่อด้วย รักกันนาน ๆ นะลูก” ผู้การณรงค์พูดบ้าง“พ่อขอให้เพลิงคิดอ่านสิ่งใดด้วยความรอบคอบ ตอนนี้ไม่ได้ตัวคนเดียวแล้ว แต่มีอีกหนึ่งชีวิตที่ต้องดูแล ดังนั้นถ้ามีปัญหาอะไรปรึกษาพ่อกับแม่ได้เสมอ ลูกก็เหมือนกันนะหนูนิด พ่อดีใจที่ได้เราเป็นลูกสะใภ้” ผู้พันพีระพูดด้วยรอยยิ้ม“แม่ขอให้ลูกทั้งสองคนมีแต่ความรักและความ
เช้าวันต่อมารถยนต์คันหรูได้เคลื่อนตัวออกจากบ้านพงศ์พิริยะตรงไปที่บ้านเดชอนันต์ ใช้เวลาร่วมสองชั่วโมงก็เดินทางมาถึง แม้จะไม่ไกลมากแต่ท้องถนนการจราจรติดขัดจึงไม่สามารถขับรถเร็วกว่านี้ได้ เมื่อมาถึงประตูรั้วบ้านพงศ์พิริยะก็เป็นเวลาสิบโมงเช้าแล้ว“สวัสดีครับผู้พันพีระ คุณพิมพ์พิมล เชิญด้านในครับ”“ขอบคุณครับผู้การณรงค์” ผู้พันพีระพูดเดินตามพลตำรวจที่ยศน้อยกว่าตนด้วยรอยยิ้ม โดยมีคุณพิมพ์พิมลผู้เป็นภรรยาเดินยิ้มอยู่ข้าง ๆ และที่ยิ้มมากที่สุดคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากผู้กองเพลิง!“มากันแล้วเหรอคะคุณ ยายพิมพ์!” คุณนิตยาที่ไปเตรียมน้ำมาต้อนรับแขกด้วยตัวเองเมื่อเห็นแขกเดินเข้ามาในบ้านแล้วจึงถามผู้เป็นสามี ก่อนจะตกใจเมื่อเห็นเพื่อนสมัยประถมยืนยิ้มอยู่ข้าง ๆ ชายวัยกลางคน และอีกหนึ่งหนุ่มที่เธอรู้จัก“ว่าไงยายนิดตกใจเลยล่ะสิ”“ใช่ แล้วนี่เธอมาทำไม แล้ว?” คุณนิตยาเอ่ยถามด้วยความสับสนงุนงง คุณพิมพ์พิมลเห็นท่าทางแบบนั้นจึงได้แนะนำลูกชายและสามีให้อีกฝ่ายได้รู้จัก คุณนิตยาเธอเป็นเพื่อนกับคุณพิมพ์พิมลจริง และมีความคิดที่จะให้ลูกสาวเธอและลูกชายเพื่อนคนนี้ได้รู้จักกัน แต่ไม่คิดเลยว่าเจอกันอีกครั้งในวันนี้
“สวัสดีค่ะเมื่อวานนี้เวลาสิบนาฬิกาได้มีการบุกเข้าจับกุมแก๊งค้ามนุษย์ข้ามชาติและสิ่งผิดกฎหมายต่าง ๆ ศาลพิจารณาให้เป็นคดีอาชญากรรม ซึ่งถ้าพูดถึงผู้ร้ายหรือที่ศาลเรียกว่านักโทษอาชญากรรายใหญ่ทางตอนเหนือของประเทศไทยไม่คิดเลยนะคะว่าจะเป็นเจ้าสัวในคราบนักบุญ หรือที่ใครหลายคนรู้จักกันในนาม เจ้าสัวใจบุญ อย่างเจ้าสัวอิทธินั่นเองค่ะ”“ผลการจับกุมครั้งนี้ปรากฏว่าเมื่อทำการสืบสาวและไต่สวนกลับพบว่าเบื้องหลังกลับมีคนใหญ่คนโตเกี่ยวข้องมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัวอิทธิที่ตายคาที่ระหว่างจับกุม อีกคนคือนายอำเภอบุญ ที่มีข่าวว่าใจดีชอบช่วยเหลือผู้คนก็เกี่ยวข้องในคดีนี้เช่นกัน ทั้งนี้ลูกสาวของนายอำเภอบุญยังตกเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยที่ถูกยิงอาการสาหัสนอนอยู่ที่โรงพยาบาลโดยมีตำรวจคอยเฝ้าระวังด้วย และนอกจากนี้ยังมีผู้ต้องสงสัยคนอื่น ๆ ในคดีนี้อีกด้วย แต่ว่าศาลขอปิดเป็นความลับเนื่องจากเกี่ยวข้องกับรูปคดี” “อย่างไรก็ตามการจับกุมในครั้งนี้เป็นการจับกุมครั้งใหญ่จึงได้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหลายได้รวมตัวกันเข้าร่วมภารกิจในครั้งนี้ด้วย อย่างไรก็ตามการปฏิบัติภารกิจหน้าที่จับกุมคนร้ายอาชญากรในครั้งนี้นำทีมโดยผู
ร้อยตำรวจเอกเพลิงได้วางแผนรับมือกับเหตุการณ์ที่จะจับกุมแก๊งค้ามนุษย์ข้ามชาติและสิ่งผิดกฎหมายในอีกสองวันข้างหน้าไว้เป็นอย่างดีแล้วทุกอย่างถูกเตรียมไว้พร้อมสรรพทั้งหลักฐานและพยานบุคคลต่าง ๆ รวมถึงด้านกำลังคนและเจ้าหน้าที่ทั้งกองกำลังพิเศษทางตำรวจและทหาร ไหนจะเจ้าหน้าที่สากลที่เข้าร่วมปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ด้วยเนื่องจากนี่เป็นการจับกุมครั้งยิ่งใหญ่เพราะผู้ร้ายอาชญากรเหล่านี้ก่อคดีอาชญากรรมมีการทำงานเป็นลูกโซ่หลายต่อ ดังนั้นเมื่อต้องการจับกุมและทำลายองค์กรใหญ่พวกนี้ ข้าราชการและเอกชนหลายหน่วยงานจึงต้องร่วมมือกันเพื่อจับกุมและทำลายกลุ่มคนเหล่านี้นั่นเองทางด้านเจ้าสัวอิทธิตอนนี้ได้เดินทางมายังบ้านนายอำเภอบุญเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อมาดูสินค้าที่นายอำเภอบุญได้จัดเก็บไว้ รวมถึงวางแผนจะจัดการผู้กองเพลิงอีกด้วยก่อนหน้านี้ที่เขาได้ให้ลูกน้องฝีมือดีมาเก็บผู้กองเพลิง กลับพบว่าพวกมันทำงานพลาดทั้งยังไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย สุดท้ายเจ้าสัวหนุ่มใหญ่จึงต้องรีบเปลี่ยนแผนการทั้งหมดใหม่คืนนั้นเจ้าสัวได้นอนพักที่บ้านของนายอำเภอบุญ กลางดึกของคืนนั้นเองที่มีสิ่งไม่สมควรเกิดขึ้นไม่ใช่สิ่งไม่ดี เพราะสิ่งที่เก
“เด็กดีกลับบ้านไปก่อนนะครับ” ผู้กองหนุ่มเอ่ยบอกคนที่นั่งบนหน้าตักซุกหน้าที่ซอกคอมือกอดเอวเขาไว้ไม่ยอมปล่อยเช้าวันนี้ผู้กองเพลิงถูกหนูนิดออดอ้อนครั้งแล้วครั้งเล่าหลายครั้งที่เขารู้สึกอยากใจอ่อนให้เธออยู่ที่บ้านหลังนี้ต่อ แต่เมื่อนึกถึงความปลอดภัยของหญิงสาวระหว่างที่เขาไปทำภารกิจจับกุมคนร้าย บางทีระหว่างนั้นอาจมีอะไรไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้ ยิ่งช่วงนี้มีคนแปลกหน้ามาป้วนเปี้ยนหน้าบ้านอยู่หลายครั้ง ชายหนุ่มยิ่งระวังตัวเป็นเท่าตัว“หนูนิดไม่อยากกลับ พี่เพลิงให้หนูนิดอยู่ด้วยนะคะ หนูนิดสัญญาว่าจะไม่ดื้อไม่ซน” หนูนิดพูดพร้อมทั้งกระชับกอดให้แน่นขึ้น“ไม่ได้ครับ”“เพราะพี่เพลิงได้หนูนิดแล้วใช่ไหมพี่เพลิงถึงได้เป็นแบบนี้ พี่เพลิงผลักไสไล่ส่งหนูนิด พอหนูนิดกลับบ้านพี่เพลิงก็จะไปหาผู้หญิงคนอื่น”“เหลวไหล! ใจพี่มีเพียงหนูนิด พี่จะไปมีคนอื่นได้ยังไง” ผู้กองเพลิงรีบแย้งเพราะกลัวว่าคนตัวเล็กจะเข้าใจผิดไปมากกว่านี้ แล้วเร่งอธิบายต่อว่า“พี่จะไปทำภารกิจ ดังนั้นถ้าหนูนิดอยู่ที่นี่ถึงจะอยู่ในบ้านพี่ก็ไม่สบายใจ พี่กลัวว่าจะโดนคนพวกนั้นตลบหลังและมาเล่นงานหนูนิดแทน ถ้าไม่ใช่อย่างที่พี่คิดมันก็ดีไป แต่ถ้าใช่ล่ะ
“ตื่นแล้วเหรอครับเด็กดี”ผู้กองเพลิงพูดทักทาย เมื่อเขาเห็นว่ารางเล็กของหนูนิดเริ่มขยับไปมา แล้วมือเจ้าตัวก็ยกขึ้นปิดตาก่อนจะกะพริบตาไปมาเพื่อปรับให้เข้ากับแสงที่ส่องผ่านผ้าม่านเข้ามาในห้อง“อย่าขยี้ตาครับ เดี๋ยวตาแดง”ผู้กองเพลิงรีบเอ่ยห้ามและจับมือหนูนิดไว้ทันทีเมื่อเห็นว่าเธอยกมือหมายจะขยี้ตาหนูนิดมองสบตาคมดุที่มองเธออยู่ก่อนแล้วอย่างหงุดหงิดที่ถูกห้าม แต่พอนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนใบหน้าสวยก็เห่อแดงขึ้นมาแล้วรีบหยิบผ้าห่มมาคลุมหน้าไว้ ริมฝีปากของเธอขบกันแน่น ในหัวสับสนวุ่นวายไม่สามารถจัดเรียงความคิดได้ อาการของหญิงสาวตรงข้ามกับผู้กองเพลิงลิบลับ ชายหนุ่มยกยิ้มขำและเอ็นดูเด็กดื้อของเขาคนนี้เหลือเกิน ร่างใหญ่นั่งลงบนเตียงนอนส่งผลให้ร่างเล็กตัวแข็งทื่อ ทว่าหญิงสาวเกร็งตัวได้ไม่นานก็ต้องดีดตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วเมื่อได้ฟังคำพูดของเขา“ถ้าหนูนิดยังไม่ยอมลุกขึ้นมาดี ๆ พี่จะปลุกหนูนิดด้วยการเอาน้องชายไปทักทายน้องสาวดีไหมครับ”“อ้าว ไม่นอนห่มผ้าต่อแล้วเหรอครับ” ผู้กองเพลิงเอ่ยปากถาม ทั้งยังยิ้มล้อเลียนหญิงสาวจนได้รับค้อนวงโตจากเธอ“ไม่ต้องมาพูดเลยนะ ห้ามยิ้มด้วย”“ไม่ยิ้มได้ไง