หนึ่งคืนที่พลิกชะตาชีวิตของเมรี...จากสาวใส กลายเป็นแม่ลูกหนึ่ง เพราะต้องการประชดบิดาที่คิดจะมีครอบครัวใหม่ในวันที่ส่งตนเองถึงฝั่ง ความสัมพันธ์แบบ One night stand เกิดขึ้นเพราะตนเองไม่มีสติพอ ฤทธิ์น้ำเมาทำให้เมรีพลาด!! เมรีไม่โทษใคร เธอก้มหน้าอุ้มชูสายเลือดในอก เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวอย่างภาคภูมิใจ... แต่...อะไรก็ไม่แน่นอนบนโลกใบนี้.... เหตุการณ์ที่เมรีกลัวมาตลอดเกิดขึ้นจนได้....เมื่อเขากลับมา...ผู้ชายที่ฝากรอยตราไว้บนร่างกายตัวเอง อีธานกลับมา ‘ทวง’ เขาต้องการทั้งเมียและลูก... เมรีจะทำยังไง? ยอมรับตำแหน่งที่เขามอบให้ ‘เมียเก็บ’ กับ ‘ลูกนอกสมรส’ หรือจะหันหลังให้แบบไม่ไยดี ทางเดินมีให้เลือก มันขึ้นอยู่ว่าเมรีจะเลือกทางไหน แต่คงเดาไม่อยาก สำหรับผู้หญิงแกร่งอย่างเมรี!!
Lihat lebih banyakบทที่1.รอยตราที่ไม่อาจลืม...
เพี้ยะ!!
เส้นผมนุ่มสลวยสะบัดปลิวเพราะแรงตบ มือเรียวบางยกขึ้นกุมซีกแก้ม ดวงตากลมโตเอ่อคลอไปด้วยน้ำใสๆ ที่พร้อมใจกันไหลรินเหมือนสายฝน
“พ่อขอโทษ พ่อไม่ได้ตั้งใจ” มือเหี่ยวย่นสั่นระริก หลังตนเองเผลอตัวตบหน้าบุตรสาวเข้าเต็มแรง
หญิงสาวแค่นยิ้มกล่าวตอบเสียงแข็ง “พ่อไม่จำเป็นต้องขอโทษเมรีเลยค่ะ มันเป็นความสุขของพ่อ เมรีมันก็แค่ส่วนเกิน” สาววัยละอ่อนตัดพ้อบิดา น้ำตาไหลทะลักเหมือนทำนบพัง
“เมรี ฟังพ่อก่อน” เก่งกาจพยายามอธิบายให้บุตรสาวฟัง ความอ้างว้าง ความหงอยเหงาที่เขาอดทนเอาไว้มาแรมปี เพราะอยากให้เมรีประสบความสำเร็จในชีวิตเสียก่อน แต่เมื่อสามารถส่งบุตรสาวถึงฝั่งฝัน เขาก็แค่อยากมีความสุขเหมือนคนอื่นบ้าง มีคู่คิดเป็นเพื่อนคุยคอยปรับทุกข์ ในเวลาที่เมรีต้องออกไปทำงาน
“พ่ออย่าพูดเลยค่ะ เมรีเข้าใจพ่อ” หญิงสาวปัดมือของบิดา ยกมือขึ้นปาดคราบน้ำตาลวกๆ ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง เสียงตะโกนในใจดังลั่นเธอกำลังถูกพ่อทิ้ง!!
ชายสูงวัยโครงศีรษะ บุตรสาวตะโกนลั่นๆ ว่าเข้าใจ แต่เก่งกาจรู้ สิ่งที่เมรีแสดงออกตรงข้ามกับความคิดของเธอ
“เมรี...” ผู้เป็นพ่อท้วงเสียงอ่อน
“ขอบคุณค่ะที่พ่อเลี้ยงดูเมรีจนโต ต่อไปนี้เมรีจะดูแลตัวเอง เชิญพ่อไปเสวยสุขกับคนของพ่อเถอะค่ะ”
เธอดันตัวลุกขึ้นยืน แรงผลักทำเอาเก้าอี้ล้มโครม!! ก่อนจะวิ่งเตลิดออกไปโดยที่เก่งกาจห้ามไว้ไม่ทัน
“ไอ้ลูกบ้านี่ โตป่านนี้แล้วยังรั้นเหมือนเดิม”
เก่งกาจบ่นเบาๆ เขาชะเง้อคอมองตามบุตรสาวแต่ไม่ได้วิ่งตาม เมื่อสังขารตนเองไม่อำนวยเท่าเมื่อก่อน
เมรีวิ่งเตลิดออกมาจากบ้านเหมือนนกปีกหัก เธอเหมือนถูกเหวี่ยงออกมาจากชีวิตบิดา หากท่านมีใครคนนั้น ที่ของเธอล่ะ...จะอยู่ตรงไหน?
น้ำตาไหลอาบหน้า สะอื้นไห้จนแสบร้าวไปทั้งลำคอ ดวงตาแดงก่ำ กระบอกตาร้อนผ่าว เกล็ดน้ำตาไหลรินไม่ขาดสาย
“เมรีเป็นแค่ส่วนเกิน เป็นคนที่ไม่มีใครต้องการ” ความน้อยเนื้อต่ำใจ ผลักดันให้เมรีทำอะไรแบบที่ไม่เคยทำ เธอเดินเข้าสถานเริงรมย์เป็นครั้งแรก... สั่งบรั่นดีราคาแพงมาดื่มเป็นครั้งแรกอีกเช่นกัน ท่ามกลางสายตาวาววับของผู้ชายหลายคนที่จับตามอง
เสียงคร่ำครวญของเมรีค่อยๆ ทวีความดังขึ้น เมื่อแอลกอฮอลล์เข้าไปแทนที่ในกระแสเลือด
หน้าหวานหยดอิงแนบผิวโต๊ะ มือไม้โบกสะเปะสะปะ พร้อมกับเสียงบ่นพึมพำ
“ผู้หญิงคนน้านจะมาชอบคนแก่ๆ อย่างพ่อได้ยังงายยย คงหวังจะปอกลอกพ่อนั่นแหละ เมรีไม่ย๊อมมมมม ไม่ยอมให้พ่อมีครายเด็ดขาดดดด...”
เสียงบ่นขรม...เปลือกตาพลิ้มหลับ มีเสียงอ้อแอ้ดังลอดออกมาเรื่อยๆ ทุกคำคือเสียงต่อว่าบิดา
“เอามาอีกฉ้านนน มีตังจ่ายยยย”
บริกรยืนค้อมตัวอยู่ใกล้ๆ ฟังเสียงลูกค้าสาวที่เรียกร้องขอเครื่องดื่มเพิ่ม ด้วยความหนักใจ ประเมินสภาพของลูกค้าสาวแล้วหล่อนไม่น่าจะไหว
“คือว่า...คุณเมาแล้วครับ กลับบ้านเถอะครับ” เพราะความหวังดี บริกรหนุ่มผู้นั้นจึงพยายามเตือน เขาสังเกตเห็นสายตาประสงค์ร้ายหลายคู่ที่จับตามองมาที่เธอ
“ช้านไม่มาวววว เอามาอีก....”
เมรีทรงตัวขึ้นนั่ง เธอเถียงกลับน้ำเสียงอ้อแอ้ ศีรษะตก คอเอียง ลำคอเรียวโอนไปโอนมา เมื่อไม่คุ้นชินกับการดื่มสุราดีกรีแรงๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลล์ ดังนั้น หากเมรีจะเมาคงไม่แปลก
“ไอ้น้อง...คุณผู้หญิงเขาอยากได้อะไรล่ะ จัดมาสิ...ฉันจ่ายให้เอง”
ชายวัยกลางคนลักษณะไม่น่าไว้ใจนัก เดินแทรกเข้ามาคั่นกลาง สายตามันปลาบมองหญิงสาวตรงหน้าแบบประเมิน รอยยิ้มมุมปากน่ากลัวจนบริกรหนุ่มเกิดความสงสารคนเมาไม่ได้สติตรงหน้า เขาพยายามจะช่วย แต่คงเปล่าประโยชน์ เมื่อตนเองเป็นแค่พนักงาน หากมีเรื่องมีราวกับลูกค้า คงไม่แคล้วโดนเจ้าของร้านเฉ่งยับ
“ครายยยย” เมรีพยายามปัดมือที่เข้ามายุ่มย่ามกับตัว แม้สติจากรางเลือน แต่เธอก็รู้สึกถึงรังสีอันตราย
อนิจจา เรี่ยวแรงอันน้อยนิด หรือจะสู้แรงกำลังมหาศาลของคนแปลกหน้าได้
แต่ก่อนที่อันตรายจะถาโถมเข้าใส่ มีใครบางคนยื่นหน้าเข้าไปช่วย ไม่รู้ว่าหวังดี หรือต้องการมีเอี่ยวในเหยื่อแสนโอชะคนนี้ด้วย
“พี่ชาย...ผู้หญิงเขาไม่สนคนแก่หรอก สาวๆ แบบนี้ น่าจะเหมาะกับหนุ่มรุ่นแบบผมมากกว่า”
“อย่าเสือก!! จะไปไหนก็ไปเลยว่ะ คนนี้กูเจอก่อน!!” ชายแก่กว่าตะคอกกลับ จ้องคนมาใหม่ตาขวาง
“พี่ครับ ผมว่า...” บริกรหนุ่มพยายามช่วย
“อย่ายุ่งไอ้น้อง ไปเอาเหล้ามา แม่หนูนี่เขาต้องการ ไป๊ไป!!”
ชายวัยกลางคนคนนั้น หันไปไล่พนักงานซ้ำ เขาตวัดตาขุ่นขวางมองจิก เพราะไม่อยากให้ใครหน้าไหนแทรกเข้ามามีเอี่ยวด้วย
เพราะเท่าที่ดู ‘ไก่หลง’ ตรงหน้านี่ เขาได้กลิ่นสะอาดระเหยออกมาจากตัวหญิงสาวที่นอนฟุบหน้าบนโต๊ะนั่น กลิ่นของหล่อนสดสะอาดเหมือนกลีบดอกไม้ ไม่ใช่พวกย้อมแมวขาย ที่แสร้งทำกิริยาเหนียมอาย แต่มันคือการแสดงละครตบตา ตรงหน้าเขานี่ ของแท้!!
“พี่ชาย ผมขอต่อคิว”
เมื่อเห็นท่าทางแข็งขัน คนหนุ่มกว่าแต่มาทีหลังจึงยอมอ่อนให้
“ไม่ได้โว้ย...คนนี้กูต้องชิมก่อน”
มันหวงก้างแบบออกหน้า เมื่อเหยื่อสาวเนื้อหวานชวนชิมนี่ น่าจะสร้างความสุขให้ตนเองไม่น้อย
“อย่างกน่าลุง!! แบ่งๆ กันกินสิ นานๆ จะมีไก่หลงมาสักที”
เมรียังเมามายไม่ได้สติ เธอไม่รู้ว่าภัยร้ายกำลังคืบคลานเข้ามากล้ำกรายในชีวิต ภัยที่อาจจะทำให้ชีวิตของเธอแหลกยับ
“กูเจอก่อน ถ้าอยากต่อคิว...มึงคงต้องรออีกนานว่ะ”
ชายหนุ่มรุ่นใหญ่ยิ้มเจ้าเล่ห์ พลางคิดในใจ หากเป็นอย่างที่คิดจริง เขาพร้อมที่จะเลี้ยงดูหล่อน แม้จะมีครอบครัวอยู่เบื้องหลังแล้วก็ตาม แต่สมัยนี้ ผู้ชายส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนี้กันหมดนั่นแหละ มีบ้านเล็ก บ้านน้อยแอบๆ ไว้ตามซอกตามมุม เพื่อสนองอารมณ์ความต้องการของตนเอง
อีธานเบ้ปาก เขามองคนกลุ่มใหญ่อยู่นานพอดู พวกเขาเหล่านั้นส่งเสียงดังน่ารำคาญจนเขารู้สึกฉุนนิดๆ หนุ่มร่างใหญ่ผุดลุกขึ้นยืน เขาเดินไปร่วมวงสนทนาด้วย ไม่ใช่เพราะอยากมีเอี่ยว เขาแค่ต้องการให้เสียงเหล่านั้น เงียบลงสักที!!
“เมื่อไรจะเลิกพูดเสียงดังสักทีหะ”
สติของอีธานมีไม่เต็มร้อยเท่าไรหรอก เขาเองก็กำลังอารมณ์เสีย และต้องการอยู่เงียบๆ เพื่อคิดทบทวนอะไรสักหน่อย
สถานที่ที่เคยสงบเป็นนิจ วันนี้กลับไม่เป็นเหมือนเดิมเสียแล้ว ชายหนุ่มเซ็งสุดขีด!! เพราะเพิ่งโดนบิดาจอมเข้มงวดตะโกนด่า เพียงแค่เรื่องความเสเพลของเขา กับข่าวฉาวรายวันของทายาทตระกูลดังของ จางไท่กรุ๊ป
“อยากมีเอี่ยวด้วยเหรอลูกพี่ แต่คงยาก ตาลุงนี่หวงก้างฉิบหาย!!”
หนุ่มนักเที่ยวที่จ้องเมรีตาเป็นมันเอ่ยเสียงเซ็งสุดขีด
“มาอีกคนแล้ว ไอ้พวกพูดไม่รู้เรื่อง” หนุ่มใหญ่บ่นพึมพำ เขายกมือเท้าเอว โครงศีรษะไปมา เมื่อมีผู้ชายอีกคนเสนอหน้าเข้ามา เหมือนต้องการมีส่วนร่วม
หนุ่มลูกครึ่งไทย-จีนหรี่เปลือกตาลง เขามองเป้าหมายที่ทำให้เกิดกรณีพิพาท ด้วยสายตาประเมิน
วงหน้าที่เห็นแค่เสี้ยวเดียว เมื่อส่วนที่เหลือเอนซบผิวโต๊ะ จากสายตาเสเพลตัวพ่อ!! เขาคิดว่า ส่วนที่ไม่ได้เห็นก็คงงดงามไม่ใช่น้อย ผมสีดำนิลดั่งขนของนกกาน้ำเป็นมันระยับล้อเล่นกับแสงไฟ ปลายจมูกเล็กๆ นั่นเชิดขึ้นนิดๆ เหมือนเจ้าตัวเป็นคนแสนงอน ปากอิ่มรูปกระจับเคลือบลิปสติกสีอ่อน แต่ก็ชวนให้ชิดเชยไม่น้อย ไม่แปลกหรอกที่เสือหิวจะจ้องตะครุบ!! อีธานไล่สายตาลงไปเรื่อยๆ เอวคอดกิ่วของหล่อนทำให้น้ำลายในปากของเขาเหนียวหนึบ เรียวขาเรียวที่พ้นชายกระโปรงนั่นอีก เรียวสวยจนลมหายใจของเขาสะดุด
“ไปไหนก็ไปเลย คนนี้กูเจอก่อน” หนุ่มใหญ่กันท่าสุดฤทธิ์ เขาวางก้าม อวดเบ่งให้ตนเองน่าเกรงขาม จนใครๆ ก็ขยาดไม่กล้าเข้าใกล้
บทที่16.วิมานฉิมพลี... “หม่าม๊ามาทำอะไรที่นี่คร๊าฟ” อันนาเงยหน้าขึ้นมองมารดา เขาถามเสียงใส เมื่อพบเจอมารดาแบบไม่คาดคิด...“หม่าม๊าเดินหางานทำจนเมื่อยน่ะอันอัน เลยแวะพักขาหน่อย” เมรีตอบบุตรชาย สายตาจับจ้องแค่หน้าของอันนา ไม่เหลือบแลไปยังผู้ชายตัวใหญ่ด้านหลังอีธานอมยิ้ม...เขารู้ว่าเพราะอะไรเมรีถึง...เหนื่อย...ชายหนุ่มอมยิ้มมุมปาก เขาสอดมือล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกง พร้อมกับแตะสิ่งสงวนของตัวเองที่เริ่มมีปฏิกิริยาทันที ที่พบเจอกับหญิงสาวตรงหน้า‘เย็นไว้โยม เย็นไว้’ ความต้องการมากล้นที่แอบซุกซ่อนอยู่ในร่างกายของเขา มันเตรียมพร้อมที่จะออกมาประกาศความเก่งกล้า แต่ทว่า...มันยังไม่ถึงเวลา อีธานนึกขำตัวเอง...มีใครรู้บ้าง...ผู้ชายวัยสามสิบห้าปีคนนี้ กำลังจะกลายเป็นคนบ้ากาม หลังจากหงอยเหงามาหลายปี...“หม่าม๊า
บทที่15.ทุกอย่างต้องมีจุดเริ่มต้น สมาชิกในบ้านเมฆาไกร ยกเว้นอันนา เก่งกาจนั่งหน้าตึง มีไพลินนั่งยิ้มเจื่อนๆ อยู่ด้านข้าง เสียงอันนาหัวเราะลั่น เพราะกำลังถูกใจกับของฝากกองมหึมาที่มัทนาขนมาประเคน มาดามจางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ นางชี้ชวนให้หยางดูอากัปกิริยาของ ‘หลานชาย’ จนลืมสนใจสีหน้าของบิดา-มารดาของเมรี หรืออีกนัยหนึ่ง นางกำลังแสร้งไม่รับรู้ เมื่อวัตถุประสงค์ของมัทนา คือการมาเจรจากับคนในบ้านเมฆาไกรทุกคน...“อันอันไม่เคยมีของเล่นแบบนี้เลย คุณตาดูซิครับ หุ่นยนต์ตัวนี้พูดได้ด้วย”อันนาวิ่งหน้าตั้งเข้าไปหาเก่งกาจ มือป้อมๆ ยกชูหุ่นยนต์ตัวใหม่เอี่ยมให้ญาติผู้ใหญ่ได้เห็นเก่งกาจกดมุมปากจนบิด เขาสูดลมหายใจแรงๆ พยายามสะกดความไม่พอใจเอาไว้ภายใน“อันอัน...ไปเล่นตรงนู้นก่อนลูก ขอตาคุยกับแขกสักครู่”มือเหี่ยวๆ ยกขึ้นลูบผมเปียกๆ บนศีรษะหลานชาย
อีธานผละออกมาจากเรียวปากอิ่ม เขายิ้มใส่ตาหญิงสาวที่ปรือเปลือกตาขึ้นมอง แววตาของเมรีฉ่ำวาว กระไอปรารถนาคุโพลง“ไม่ใช่ที่นี่” เสียงแหบห้าวกล่าวขึ้นเบาๆ ก่อนที่เสียงสตาร์ทรถยนต์จะดังกระหึ่ม แต่เมรีกลับนั่งเงียบ เธอเม้มปากแน่น รู้สึกรังเกียจตัวเอง แต่กลับไม่คิดจะต่อต้าน
บทที่14.เผลอ พลาดพลั้ง หรือตั้งใจ “ในฐานะที่แม่ เป็นแม่แก...แม่แนะนำให้แกควรทำทุกอย่างให้ถูกต้อง”มัทนาเอ่ย เมื่อทุกคนเอาแต่เงียบ“ผมไม่เห็นด้วย...” อรัญรีบแย้ง“คุณ...น้องบอกแล้วใช่มั้ยคะ!!” มัทนาชักเดือด สามีจะใจดำถึงเมื่อไร เมื่อคนที่กำลังกล่าวถึงนี้ เป็นสายเลือดส่วนหนึ่งของบุตรชาย “หากรังเกียจนัก ก็ให้ใช้นามสกุลของน้อง แต่จะให้ตัดขาดเลย ไม่ได้!!”หยางตระหนก...ไม่คิดว่าประมุขเฒ่าจะใจแข็งถึงเพียงนี้“เอ่อ...”“แม่ครับ...แม่นั่นเอาด้วยที่ไหนล่ะ ทุกวันนี้อันอันยังเรียกผมว่า ‘ลุง’ อยู่เลย”อีธานแย้งเสียงอ่อยๆ“ก็เพราะว่าลูกไม่เอาไหนไงอีธาน”มาดามจางตวาดเสียงขุ่น นางมองหน้าสามี แล้วก็ตวัดสายตาผ่านหน้าบุตรชายแบบเคืองๆ“ผมไม่เอาไหน อันอันจะออกมาวิ่งได้เห
อีธานกล่าว เขากอดมารดาแน่นขึ้น พร้อมกับกดปลายจมูกที่แก้มของนาง“แม่ดีใจนะ บอกตรงๆ เลย แต่ดูเหมือนว่าป๋าเรา เขาจะไม่ปลื้ม!!”มาดามจางกล่าวประชด เพราะปฏิกิริยาของสามี เขาต่อต้านมาตลอด ตั้งแต่รับรู้“ป๋ากับแม่...รักผมมั้ยครับ?” อีธานถาม พร้อมกับหมุนตัวไปสบนัยน์ตาบิดา“หึ!!” ไม่มีคำตอบจากมังกรเฒ่า ท่านสะบัดค้อนให้บุตรชายแต่เมื่อนึกอะไรบางอย่างออก “ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องไอ้แสบ!!” เสียงตะโกนดังลั่น จนเด็กน้อยคนเดียวในห้องถึงกับเบ้หน้าเขาบ่นเบาๆ แต่ คนทั้งหมดได้ยิน... “คุณปู่คงโมโหหิว...เสียงดังแบบนี้ชัวร์”อีธานเงยหน้าขึ้น เขาหัวเราะเสียงดัง หยางก้มหน้าลง แต่ใครก็รู้เขากลั้นเสียงหัวเราะ เพราะไหล่กว้างสั่นเทา จนลำตัวสะเทือน มาดามจางกระพือเปลือกขนตาถี่ๆ เธอกลั้นยิ้ม แต่รอยขำขันก็ยังปรากฏขึ้นในหน่วยตา...เมรีทำหน้าปั้นยาก เธอนึกอยากดุบุตรชายเป็นครั้งแรก แม้จะเป็นคนสอนอันนามาด้วยตนเอง เรื่องการออกความคิดเห็น ของเขา เมรีชอบให้บุตรชายเป็นคนกล้าแสดงออก แต่การแสดงออกครั้งนี้ของอันนา...มันอยู่ในช่
บทที่13.พญามังกรออกโรงแต่กลับพ่าย เด็กน้อย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ...ชายสูงวัยแต่งกายภูมิฐานควงคู่มากับผู้หญิงสูงอายุที่ยังคงเค้าความสวย...แม้วัยจะเลยเลข6ไปเกือบค่อน มีการ์ดวัยกลางคนเดินตามมาห่างๆ พร้อมกับเข็นรถเข็นที่เต็มไปด้วยกระเป๋าเดินทาง แต่สีหน้าของชายผู้นั้นไม่ได้ดูมีความสุขเท่าไร...คิ้วสีดอกเลาขมวดแน่น สีหน้าเคร่งเครียดเหมือนกำลังมีเรื่องกวนใจ“กลับบ้านเลย หรือจะไปที่จางไท่ก่อนคะคุณ”มาดามจางกระซิบถาม ระหว่างเดินตรงไปยังทางออก“ไปที่บริษัทก่อน” อรัญตอบเสียงขุ่น เขารู้เรื่องที่บุตรชายก่อไว้แล้ว...ความโกรธทำให้ท่านยุติทริปท่องเที่ยว และรีบเดินทางกลับทันที“น้องว่า...” คุณมัทนาแย้ง...เวลานี้เธอใจจดใจจ่อถึง ‘เด็กน้อย’ คนนั้น จนแทบจะอดใจรอไม่ไหว“คุณนาย...อย่าได้พยายามเลย ยังเสียผมก็ไม่มีวันยอมรับ...”อรัญเปรยเสียงขุ่น ไรหน
Komen