"นิด" สาวสวยพรหมจรรย์ไร้ญาติ ไร้ครอบครัวจนต้องมาหางานทำในกรุงเทพ แต่ดันโชคร้ายที่ไม่มีใครรับเธอเข้าทำงาน จึงลงท้ายด้วยการไปขายบริการเพื่อหาเงินเลี้ยงชีพ แต่การเดินทางเส้นทางสายเทานี้ไม่ได้โรยไปด้วยกลีบกุหลาบ เธอต้องทนมือชายนับพันเพื่อไขว่คว้าอิสรภาพ
View Moreทุกอย่างมันไม่ได้เป็นอย่างที่คิดหรอก ใครว่าชีวิตเรามันจะดีถึงขนาดที่ว่ามันโรยไปด้วยกลีบกุหลาบ...
คำ ๆ นี้มันไม่จริงเลยแม้แต่นิดเดียว
ร่างกายฉันนอนขยับไปขยับมาตามแรงกระแทกของชายวัยกลางคนร่างกายอวบอ้วนดูเป็นแค่หมูสกปรก เชื่อเถอะว่าดุ้นน้อย ๆ ของมันไม่ทำให้ฉันรู้สึกดีเลยแม้แต่นิดเดียว สิ่งที่ฉันทำก็แค่นอนเฉย ๆ และแกล้งส่งเสียงครางเบา ๆ เพื่อให้มันเสร็จกิจน้ำกามพุ่งเข้ามาในช่องคลอดของฉันจนเต็มแน่น ทุกครั้งที่มันกระแทกเอาหนอนน้อยอันจิ๋วที่แข็งตัวสุดขีดเข้ามาในรูสวาทโดยคิดว่ามันทำให้รู้สึกเสียว ด้วยความมั่นใจของเขาจึงคิดว่าปลายหัวได้ชนกับประตูปากมดลูกจนฉันจุก
ซึ่งมันก็จุกจริง ๆ นั่นแหละแต่ไม่ใช่จุกเพราะน้องที่กระทุ้งเข้ามานะคะ แต่เป็นน้ำหนักกว่าร้อยกิโลกรัมของไอ้หมอนี่ต่างหาก แทบทำเอาร่างกายของฉันแบนเป็นส้มแผ่น
ก็นะ... อยากมีเงินต้องทำใจ
ฉันชื่อ 'มีนา' นั่นชื่อในวงการ แต่ชื่อจริงคือ 'นิด' เป็นคนต่างจังหวัดที่พ่อแม่เสียชีวิตกันหมดแล้ว ญาติพี่น้องก็ไม่มีเลยไม่รู้จะไปเพิ่งใคร สุดท้ายจึงต้องเพิ่งตัวเองโดยการเดินทางมาหางานไกลถึงกรุงเทพมหานคร ด้วยความที่ฉันอายุเพียงสิบเก้าปี จบแค่ ม.3 เลยไม่มีใครรับเข้าทำงาน เนื่องจากต้องการคนที่มีวุฒิจบปริญญาตรีเป็นขั้นต่ำ เชื่อเถอะว่าแค่เด็กเสิร์ฟเขาก็ไม่รับ
ในตอนแรกฉันคิดว่าคนในเมืองน่าจะเข้าใจกันและกันมากกว่านี้เหมือนในโฆษณา
แต่สุดท้ายแล้วฉันจึงรู้ซึ้งเกี่ยวกับโลกแห่งความเป็นจริง
ไม่มีใครให้งานฉันเลย เงินที่อุตส่าห์เก็บมาทั้งหมดเอาไปจ่ายค่าที่พักในโรงแรมที่ถูกที่สุดก่อนจะได้อพาร์ทเม้นท์ ด้วยความที่เราเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เอวบางร่างน้อยแต่หน้าอกระดับมหาลัยจึงต้องระวังตัวเป็นพิเศษ เพราะเจ้าของอพาร์ทเม้นท์บางคนก็จ้องร่างกายฉันแทบ
โลมเลียอร่อยลิ้น แต่แล้วก็มีเจ้าของอพาร์ทเม้นท์คนหนึ่งดีใจกับฉันมาก เขาให้เข้าไปอยู่ก่อนหนึ่งเดือนแล้วค่อยหาเงินมาจ่าย ซึ่งฉันตกลงตามนั้นเพราะหากจ่ายค่าที่พักไปคงไม่มีอะไรกินตลอดทั้งเดือนแน่นอน อย่างน้อยมีที่ซุกหัวนอนยังถือว่าให้ได้พักหายใจได้บ้าง แต่ไม่ว่ายังไงก็ตามฉันจะต้องหางานทำให้ได้ฉันไม่ยอมแพ้จึงลุกออกไปหางานอีกครั้งหลังจากได้นอนพักที่ห้องเพื่อเติมพลังจนเต็ม
…
สุดท้ายก็เหมือนเดิม ไม่มีใครรับฉันเข้าทำงาน แน่ล่ะ ในเมื่อเศรษฐกิจมันไม่ดี คนอย่างฉันไม่มีวันได้งานหรอก
ขณะนั่งพักอยู่ ณ สวนสาธารณะพลางนั่งกินข้าวกล่องที่ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อโดยเลือกกล่องถูกสุดโดยไม่สนว่าเป็นเมนูอะไร สายตาของฉันล่องลอยด้วยความเหน็ดเหนื่อยพลางคิดเรื่องต่าง ๆ แต่ก็ยังดีที่บรรยากาศในสวนสาธารณะแห่งนี้ช่วยให้ฉันผ่อนคลายมากขึ้น ลมเย็น ๆ พัดมาทำให้น้ำเหงื่อที่ชุ่มไปทั้งตัวค่อย ๆ เหือดแห้งไป วันนี้ฉันได้ตระเวนสมัครงานไปหลายสิบแห่ง ผลลัพธ์ยังคงเหมือนเดิมคือไม่มีใครรับทำงาน หรือเป็นเพราะเรามันไม่มีความสามารถดีพอนอกเหนือจากวุฒิที่พวกเขาต้องการ…?
อืม… ก็คงจะเป็นอย่างนั้นจริง ๆ
"สวัสดีครับน้อง" เสียงหนึ่งเข้ามาทักทายอย่างไม่ทันตั้งตัว ฉันสะดุ้งดึงสติจิตวิญญาณกลับเข้าร่างแล้วตื่นจากภวังค์ความคิด
"ค่ะ...คะ?" ฉันตอบรับเขาพร้อมกับเงยหน้าขึ้นพลางเบิกตาโตอย่างลนลาน เห็นผู้ชายร่างสูงใส่เสื้อผ้าดูดี ใบหน้าหล่อในระดับปานกลาง รวมถึงสายตาที่จ้องมองมายังฉันแบบนั้นดูไม่ค่อยเป็นมิตรเอาเสียเลย แม้ว่าจะมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาเพื่อแสดงความเป็นมิตรแล้วก็ตาม
ใช่…นั่นไม่ช่วยเลยสักนิด
"ไม่ทราบว่าน้องชื่ออะไรเหรอครับ?" เขาถามพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ เชื่อเถอะว่าฉันไม่มอง แต่มีบางอย่างทำให้รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้ต้องการคุกคามเท่าไหร่ "ขออนุญาตนั่งข้าง ๆ ได้ไหมครับ?"
ฉันเขยิบถัดไปด้านข้างเพื่อเหลือพื้นที่ให้เขานั่งได้ จากนั้นเขาค่อย ๆ หย่อนก้นลงมานั่งด้วยท่าทีสุขุมไม่รีบร้อนแล้วเริ่มบทสนทนากับฉัน
เขาเป็นคนแรกที่ชวนฉันคุยนับตั้งแต่ก้าวขาเข้ามาในเมืองหลวง
เขาถามชื่อฉัน จากนั้นก็ถามเรื่องต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว โดยเขาเองได้บอกข้อมูลส่วนของเขาให้เช่นกัน เขาชื่อ ‘เขม’ เป็นนายหน้าหางานให้กับผู้หญิงที่ไร้โอกาสอย่างฉัน เขาบอกว่าเขาพร้อมหยิบยื่นโอกาสให้เสมอ ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะตกอับแค่ไหนก็ตาม
หมายความว่ายังไงกันล่ะ?
"แล้วน้องนิดอยากได้งานไหมครับ?" คำถามนี้ทำให้ฉันตาวาวเลยทีเดียว
"อยากค่ะ!" ฉันตอบไปทันควันพร้อมเบิกตาโตอีกครั้ง ความหวังยังคงไม่ดับสูญไปสินะ แทนที่ไปคลานเข่าของาน กลับกลายเป็นว่านายหน้าหนุ่มดันมาเสนองานใส่พานให้เสียอย่างนั้น!!
แน่นอนว่าฉันตอบตกลงโดยไม่สนใจรายละเอียดอะไรทั้งนั้น ในวินาทีนี้ขอให้ตัวเองได้งานอะไรสักอย่าง ไม่ว่าจะเป็นงานอะไรหรือหนักหนาขนาดไหนก็จะทำ!
เขาพาฉันไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง พอเข้าไปแล้วรู้สึกว่าราวกับอยู่คนละโลก มีผู้หญิงต่างวัยสวมเสื้อผ้าเซ็กซี่ ดูแล้วไม่ใช่เครื่องแต่งกายสำหรับใส่ในชีวิตประจำวันแน่นั่งเรียงรายอยู่ในห้องตู้ขนาดใหญ่ พวกหล่อนต่างจ้องมายังฉันด้วยสายตาเรียบนิ่งแต่ให้ความรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก นี่ยังไม่นับบรรดาผู้ชายที่นั่งอยู่กับโต๊ะจำนวนมากซึ่งมองมายังฉันด้วยสายตาแปลก ๆ อีก
คนพวกนี้มันใครกัน…?
"เด็กใหม่เหรอ?" เสียงผู้หญิงฟังดูมีอายุแต่ทรงพลังถามขึ้น
"ใช่แล้วครับเจ๊เบียร์" พี่เขมพูดด้วยน้ำเสียงดูภูมิใจเป็นอย่างมาก "คนนี้แหล่มไปเลยมั้ยล่ะครับ?"
"ก็… ใช้ได้ หน้าตาน่ารักดี" เธอพูด นั่นคือ 'เจ๊เบียร์' เป็นเจ้าของ 'อ่าง' แห่งนี้ ด้วยการบริหารอันชาญฉลาดของเธอนั้นทำให้ที่นี่โด่งดังติดอันดับต้น ๆ ของเขตพื้นที่แถมยังได้ความสามารถในการมองคนระดับเทพของพี่เขม นายหน้าคนสนิทของเธอมาช่วยคัดกรองคุณภาพเด็กที่จะเข้ามาทำงานที่นี่อีกด้วย
"รับเลยก็ได้ เดี๋ยวเข้าขั้นตอนการฝึกเลย" เจ๊เบียร์บอกพลางหันหลังเพื่อไปสนใจกับงานต่อ
"ฝึกอะไรเหรอคะ?" ฉันถาม
"ก็ฝึกการมีเซ็กส์ไง อย่างเธอน่าจะเคยมีประสบการณ์ด้านนี้มาบ้างนะ" เจ๊เบียร์พูดด้วยน้ำเสียงที่แปลกใจพลางหันขวับกลับมามองด้วยสายตาไม่เชื่อ เมื่อมองเข้ามาในดวงตาอันแสนบริสุทธิ์ไม่ต่างจากลูกแมวจึงรู้ “อย่าบอกนะว่า…?”
ฉันส่ายหน้าด้วยท่าทีเขินอายและใบหน้าแดงก่ำ
เจ๊เบียร์กับพี่เขมอึ้ง
ใช่ค่ะ ฉันซิง... และยังไม่เคยมีเซ็กส์กับใครเลยสักคน แม้ว่าสมัยอยู่ต่างจังหวัดก็มีคนมาจีบเยอะนะ แต่คนที่บ้านไม่ยอมให้มีแฟนเสียทีแถมยังกันระหว่างฉันกับพวกผู้ชายมาโดยตลอดจึงไม่มีโอกาสเปิดใจให้ใครเข้ามา แต่ก็มีอยู่คนนึงที่ฉันได้ให้ความรักไปหมดใจ แต่สุดท้ายก็...เอาเถอะ…เดี๋ยวค่อยเล่าก็ได้ เพราะเดี๋ยวก็ถึงตอนพีคแล้ว
"ไอ้เขม! นี่มึง..."
"ผมขอโทษครับเจ๊!! ผมลืมถามน้องเขาจริง ๆ ครับ" พี่เขม
ยกมือไหว้อย่างหวาดกลัวราวกับว่ามันเป็นความผิดมีโทษถึงตาย "ขอร้องล่ะเจ๊!! คนนี้เด็ดที่สุดเท่าที่หาได้แล้วนะครับ!""มึงหาได้ดีมาก! ถือว่าเด็กคนนี้เป็นสินค้าชั้นดีเลย นาน ๆ จะมีสาวพรหมจรรย์มาหาถึงที่!!" เจ๊เบียร์ตบบ่าของพี่เขมเบา ๆ ด้วยความดีใจจนเนื้อเต้น ด้วยคำพูดของหญิงวัยกลางคนผู้นี้ทำเกิดคำถามในหัวมากมาย
สินค้า?
"จริงเหรอครับเจ๊!?” พี่เขมเบิกตาด้วยความดีใจ “ขอบคุณมากคร้าบบเจ๊!!”
"แบบนี้ก็ต้องจัดโปรพิเศษหนึ่งเดียวแล้ว" เจ๊เบียร์คว้าแขนฉันเข้าไปในห้องแต่งตัวอย่างรวดเร็ว
โปรพิเศษที่ว่าก็คือ ลูกค้าจะแข่งกันประมูลพรหมจรรย์ของหญิงสาว ใช่ค่ะ...ครั้งแรกของฉันเสียให้กับชายผู้ชายคนหนึ่งที่นี่
_______________________________________
To Be Continue Ep.2
"อะ...เอ่อ...สวัสดีจ้ะ" ฉันทำอะไรไม่ถูก"สวัสดี" พี่ไทตอบด้วยเสียงเรียบเย็นใจเย็น ๆ นะคะคุณสามีฉันจับชายเสื้อของพี่ไทเป็นเชิงห้าม เนื่องจากเขาเป็นคนที่หวงลูกสาวเป็นอย่างมาก"เออ! ไนท์! วันนี้แม่กับเราขับรถผ่านร้านน้ำปั่นดูน่าอร่อยดี อยากลองไปกันดีมั้ย?"น้องไนท์หันมามองฉันด้วยสายตาที่ลังเลอย่างเห็นได้ชัด"เดี๋ยวพ่อขอคุยกับเบนแปปนึงนะ" พี่ไทยิ้มแล้วพาไปคุยห่างจากฉันประมาณห้าเมตรส่วนฉันกับน้องไนท์ที่กำลังลังเลอะไรบางอย่างอยู่เพราะว่าสีหน้าดูไม่ดีเลย ฉันพ่นลมหายใจออกทางจมูกเบา ๆ ก่อนจะล้วงอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าถือมันคือถุงยางอนามัยน้องไนท์มองไปยังมันแล้วก็หน้าแดง ราวกับว่ารู้จักมันมาก่อนอ๋า... แม่เข้าใจแล้ว ไวเหมือนกันนะเนี่ยลูกเรา ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริง ๆ"แม่ไม่ว่าหรอกนะที่จะมีอะไรกับเขา แต่แม่ขออย่างเดียวว่าต้องป้องกันไว้ก่อน" ฉันพูดเป็นเชิงสั่งสอนในฐานะที่ตัวเองผ่านเรื่องเหล่านี้มามากมายนับไม่ถ้วน "ไนท์โตแล้ว บางอย่างไนท์สามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวไนท์เองแล้วนะ วันนี้แม่ภูมิใจในตัวลูกมาก"น้องไนท์ตะลึงกับคำพูดของฉันเพียงชั่วครู่ก่อนที่จะเข้ามากอดฉันแล้วพูดขอบคุณพร้อมบอกรักฉ
ระยะเวลามันผ่านไปไวเหลือเกิน นี่ก็ผ่านไปตั้งสิบห้าปีแล้วสินะที่ฉันกับพี่ไทได้สร้างอาหารเป็นธุรกิจหลักด้วยกัน ซึ่งทุกวันนี้มันก็ยังขายดีไม่เปลี่ยนแปลง ร้านของเราขยายไปอีกสองสาขาโดยที่พี่ไทยังคงทำอยู่ที่สาขาหลัก ส่วนที่เหลือนั้นล้วนเป็นอดีตลูกศิษย์มวยของพี่ไททั้งนั้น เขาจึงถ่ายทอดทักษะการทำอาหารเหมือนกับถ่ายทอดวิชามวยให้ ส่วนพี่ต้อมนั้นก็ให้จัดการคุมสาขาที่สองด้วยกันกับพี่ผึ้ง ส่วนสาขาที่สามนั้นฉันเป็นคนคุมและจ้างคนมาช่วยบริหารเนื่องจากตำแหน่งหลักของฉันก็คือการไปตรวจคุณภาพร้านแต่ละสาขาแล้วตำแหน่งแคชเชียร์ที่ฉันเคยทำที่สาขาแรกล่ะก็ยกตำแหน่งนี้ให้ 'ไนท์' ลูกสาวของฉันเองด้วยความที่เป็นเด็กน่ารักแถมยังสอบได้ที่หนึ่งมาตลอด และยังมีสติปัญญาที่เฉลียวฉลาดเกินเด็กจึงทำให้ทางโรงเรียนไม่จำเป็นต้องให้ลูกสาวเข้าเรียนทุกวัน อีกทั้งยังหน้าตาน่ารักจึงสามารถดึงลูกค้าหนุ่ม ๆ เข้ามาได้ตลอด แถมยังมีวาทศิลป์เป็นเลิศทำให้ผู้ใหญ่ทั้งหลายต่างเอ็นดูในความน่ารักด้วยความที่เมื่อหลายปีก่อนนั้นทั้งประเทศได้ถูกไวรัสชนิดหนึ่งระบาดไปทั่ว จึงทำให้ทุกอย่างต้องหยุด นั่นก็รวมถึงกิจการร้านอาหารของเราด้วย แต่ก็ยังโชคดีท
"พี่ไม่อยากกลับไปเป็นลูกน้องของนายลีอีกต่อไปแล้ว" พี่ไทบอกด้วยอารมณ์ขุ่นมัว ภายในดวงตาของเขาว่างเปล่าจนไม่สามารถเดาออกว่าคิดอะไรอยู่"ทำไมล่ะพี่?" ฉันถามพลางเม้มปาก"งานที่นายลีมอบหมายให้พี่แต่ละงานนั้นเป็นงานที่ไม่มีใครสามารถทำได้ทั้งนั้น กว่าพี่จะผ่านงานแต่ละงานมาได้นั้นก็แทบลากเลือด" เขาตอบด้วยอารมณ์หงุดหงิด"แต่นี่มันไม่ใช่งานนักฆ่าแล้วนะ" ฉันแย้ง "หนูเชื่อว่างานพ่อครัวน่าจะไม่น่าทำงานหนักมาก เท่าที่หนูดูมาก็ไม่ได้หนักขนาดนั้น""จริง ๆ พี่อยากจะเปิดร้านตอนนี้เลย ถ้าเป็นไปได้" พี่ไทพูดอย่างเศร้าสร้อย "มันเป็นความฝันของพี่สมัยที่พี่ทำงานให้นายลีแล้ว""ความฝันอะไรเหรอคะ?" ฉันถามพี่ไทยื่นมือของเขามาลูบที่ท้องของฉันที่กำลังป่องอยู่อย่างแผ่วเบาและนุ่มนวล"การได้สร้างครอบครัว แต่งงานกับคนดี ๆ และมีลูกด้วยกัน ได้สร้างอะไรที่พวกเราบริหารจัดการกันเอง" เขาพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล "พี่มีพรสวรรค์ในด้านการทำอาหารแต่คงเลือดร้อนเกินไปด้วยแหละ"ฉันลูบศีรษะของสามีด้วยความเอ็นดู"แต่มาเฟียเขามีสัจจะตรงที่ ถ้าออกไปแล้วจะไม่มีวันกลับเข้าแก๊งอีกเด็ดขาด""แต่พี่ไม่ได้กลับไปทำงานในฐานะนักฆ่าแล้วนี่" ฉันพู
"อุ๊กก!! " ฉันรู้สึกคลื่นไส้ในช่วงกลางดึกจนต้องรีบลุกไปสำรอกในห้องน้ำ พี่ไทที่กำลังหลับอยู่ก็ตกใจตื่นลุกขึ้นตามมาดูอาการฉันหอบเมื่อสำรอกทุกอย่างออกมาหมดลงในอ่างชักโครก พี่ไทก็กำลังลูบหลังฉันอย่างเบามือ"เป็นอะไรมากมั้ยนิด?" พี่ไทถามด้วยความเป็นห่วง แต่ก็ยังคงมีความสะลึมสะลือผสมอยู่ครึ่งหนึ่ง"ไม่เป็นไรหรอกพี่" ฉันหอบด้วยความเหนื่อยอ่อน "แต่ก็รู้สึกมึนหัวนิดหน่อยอะ""ไปหาหมอก่อนมั้ย?""ไม่เป็นไรหรอก" ฉันปฏิเสธทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเป็นแน่นอน"เอางี้ เดี๋ยวตอนนี้ไปดื่มน้ำนอนก่อน แล้วถ้าตื่นมาไม่ดีขึ้น พี่จะพาไปหาหมอ" พี่ไทบอกด้วยเสียงที่จริงจังฉันพยักหน้าด้วยความยินยอมก่อนพี่ไทจะช่วยพยุงร่างของฉันไปนอน.................."เบอร์ยี่สิบเอ็ดเข้าตรวจพบคุณหมอที่ห้องตรวจหมายเลขสามค่ะ" นางพยาบาลชุดขาวนวลใบหน้าสะสวยขอบตาคล้ำ ๆ เรียกหมายเลขที่ตรงกับที่เขียนอยู่ในบัตรคิวซึ่งนางพยาบาลอีกคนให้ฉันไว้ฉันกับพี่ไทลุกเดินเข้าไปในห้องตรวจคุณหมอที่นั่งตรวจเช็คประวัติเมื่อรู้ว่าฉันเดินเข้ามาก็เชิญให้มานั่งที่เก้าอี้ตรงข้าม ส่วนพี่ไทก็ยืนอยู่ด้านหลัง"คุณนิดนะคะ" คุณหมอหญิงวัยกลางคนท่าทางดูใจดีพูดด้วยน้ำเสีย
บรรยากาศในห้องแตกต่างจากที่เราเคยใช้ชีวิตอยู่ก่อนหน้าเพียงเล็กน้อย เพียงแค่พวกจินดาซื้อไฟสีแดงอมม่วงมาติดและปรับระดับความสว่างให้สลัวเพื่อให้ได้มีบรรยากาศที่จะพร้อมผสมพันธุ์ได้ทุกเมื่อนัยน์ตาของสองเราจ้องกันราวกับว่าจะหลอมรวมกับเป็นหนึ่ง ไม่มีใครกระพริบตาให้กัน อย่างกับว่าต่างคนต่างสะกดใจกันจนไม่มีใครคิดที่จะตื่นจากภวังค์พี่ไทโน้มตัวลงมาจุมพิตริมฝีปากของฉันอย่างนุ่มนวล อารมณ์ของฉันก็พลุ่งพล่านทันทีฉันหลับตาและปล่อยให้อารมณ์มันพลุ่งพล่านออกไปแบบที่ไม่มีวันกลับ ฉันเอื้อมแขนทั้งสองข้างเข้าไปกอดสามีอย่างรักใคร่ ลิ้นของฉันเลื้อยเข้าไปทักทาย"อื้อ~" ฉันหลุดครางไปเล็กน้อยประสานกับเสียงลมหายใจที่เป็นจังหวะพี่ไทผละจากฉันพร้อมกับเปลือยบน ส่วนที่ยากที่สุดก็คงจะเป็นเนคไทที่ต้องแก้ปมให้ถูก ไม่งั้นก็จะกลายเป็นรัดคอเอา ร่างกายที่ปกคลุมไปด้วยกล้ามเนื้อที่เป็นมัดสวย สะท้อนแสงจนแทบจะกลายเป็นกล้ามเนื้ออัญมณี นั่นยิ่งทำให้ช่วงกลางของฉันแฉะไปหมดเมื่อนั้น ฉันลุกขึ้นมารูดซิปเกาะอกของชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์ลงเผยให้เห็นหน้าอกอันเต่งตึงแบบที่เขาเคยเห็นอยู่ทุก ๆ วันเขาเอาปากเข้ามาประกบหัวนมที่ตั้งชูก่อน
เสี่ยลีลืมจ่ายเงินค่าบริการแฟนเช่า เขาจึงจัดการจ่ายเพิ่มเป็นสองเท่าเพื่อเป็นการขอโทษนั่นคือได้มาอีกห้าหมื่น ด้วยเงินทั้งหมดที่มีนั้นทำให้สามารถจัดงานแต่งในวันที่กำหนดได้โดยไม่มีอุปสรรคใด ๆ ด้วยความที่ฉันไม่มีพ่อแม่หรือญาติพี่น้องแล้ว ตามประเพณี ฝ่ายชายจะต้องไปสู่ขอ ซึ่งฉันให้เสี่ยลีเป็นพ่อและแม่เบียร์เป็นแม่ให้แทนแต่สองคนนั้นกลับปฏิเสธ แต่จะเป็นพ่องานแม่งานให้ ฉันจึงต้องขอคนอื่นมาแทนฉันที่แต่งตัวด้วยชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์แบบเกาะอกชายกระโปรงยาวปิดขานั่งอยู่ที่พื้นเวทีที่ประดับไปด้วยดอกไม้หลากสีและนานาชนิด มีการจัดที่นั่งสำหรับพ่อแม่ฝ่ายเจ้าบ่าวเจ้าสาว ซึ่งพี่ต้อมเป็นพ่อเจ้าบ่าวและพี่ผึ้งเป็นแม่เจ้าบ่าวส่วนพ่อแม่ฝ่ายเจ้าสาวก็เป็นเสี่ยลีและแม่เบียร์ซึ่งเสี่ยลีก็รับหน้าที่เป็นประธานในพิธีเช่นกัน ในช่วงแรกนั้นที่ต้องมีพิธีแห่ขันหมากและเจ้าบ่าวจะต้องแจกซองให้ประตูที่จะเข้าไปสู่เจ้าสาว ซึ่งพี่ต้อมเป็นออกเงินให้ก่อนแล้วให้พี่ไทมาใช้คืนทีหลังคนที่มาร่วมงานแต่งส่วนมากจะเป็นเพื่อน ๆ ในพาราไดซ์อาบอบนวดโดยเสี่ยลีเป็นประธานในพิธี นัยน์ตาของเขายังคงมีความเศร้าโศกเก็บซ่อนอยู่และไม่อยากที่จะให้
Comments