เทอร์เรสกว้างที่สามารถมองเห็นวิวทะเลสาบและสวนดอกไม้ เป็นมุมโปรดปราณของแม่เลี้ยง ‘สรณ์สิริ’ ซึ่งชอบออกมานั่งเล่นบนเก้าอี้หวายตัวใหญ่ พร้อมกับจิบชาร้อนชื่นชมธรรมชาติ วันนี้ก็เช่นกันต่างตรงที่มีสามีอย่างพ่อเลี้ยง ‘หิรัญ’ วัยหกสิบตอนปลายกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ธุรกิจอยู่ใกล้ๆ
ทั้งคู่สร้างอาณาจักรปางช้าง ‘สรศิลป์ เนเชอรัล’ ขึ้นมาโด่งดังจนมีบรรดานักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติพากันมาเที่ยวชม บ้างก็มาพักที่รีสอร์ทที่นี่เพื่อใกล้ชิดช้างและธรรมชาติ อีกอย่างการจัดการของปางช้างจะเป็นแนวเชิงอนุรักษ์ โดยมีช้างที่เคยปลดระวางจากการลากซุง เร่ร่อน ซึ่งแม่เลี้ยงสรณ์สิริก็รับเข้ามาดูแลไม่ต่ำกว่าสี่สิบถึงห้าสิบตัว
นอกจากจะมีแค่ปางช้างแล้ว ประกอบกับความคิดทางธุรกิจของลูกชายและสามีช่วยกันพัฒนาจนปางช้างไม่ได้เป็นแค่สถานที่มาป้อนอาหารสัตว์ใหญ่เท่านั้น ยังมีจัดกิจกรรมทำค่ายให้คนที่สนใจมาเข้าพักที่รีสอร์ทไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ โดยกิจกรรมส่วนใหญ่ที่ทำร่วมกัน คือพาช้างอาบน้ำ เล่นน้ำกับช้าง หรือนั่งบนเสลี่ยงชมธรรมชาติ จวบจนทำการแสดงศิลปะจากช้าง ถือว่าเป็นธุรกิจปางช้างที่ค่อนข้างประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักอันตับต้นๆของจังหวัดเชียงใหม่
ทว่าตอนนี้นางและสามีรามือจากทุกอย่างเพื่อพักผ่อนเที่ยวด้วยกันในวัยเกษียณ ยกให้ลูกชายอย่าง ‘หัสดินทร์ ศิลปการสกุล’ รับช่วงต่อเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ฉันได้ครูศิลปะปางช้างคนใหม่ของเราแล้วค่ะคุณ”
แม่เลี้ยงสรณ์สิริเอ่ยยิ้มๆ พลางยกแก้วน้ำชาขึ้นมาจิบเบาๆ คนเป็นสามีจึงพับหนังสือพิมพ์ลงแล้วเอ่ยถามกลับ
“คนนี้คุณจะไม่วีนแตกแหกอกเค้าอีกใช่ไหม”
หิรัญแอบแซวภรรยาคนงามที่ส่งสายตาค้อนขวับมาให้เขาเสียวงใหญ่ เนื่องจากตำแหน่งครูศิลปะที่ปางช้างมักจะอยู่ได้ไม่เกินเดือน เพราะสาวๆที่มาสมัครไม่ได้ตั้งใจมาสอนศิลปะจริงๆ แต่เล่นมาทอดสะพานให้ลูกชายเป็นประจำ ต้องการสานสัมพันธ์ วันดีคืนดีก็ตามไปสอนศิลปะกันถึงในห้อง ทำงานดีเกินคาดจนคนเป็นมารดาต้องไปถล่ม เล่นเอาพวกสาวน้อยสาวใหญ่ร้อยเล่ห์หนีตายกันอุตลุดชนิดไม่เห็นฝุ่น
“ไม่แล้วค่ะ คุณน่ะมองฉันเป็นนางมารร้ายไปได้ อีกอย่างคุณครูคนนี้ฉันคัดมากับมือ ลูกสาวคุณทิพย์ไงล่ะคะ”
ภรรยาคลี่ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ นางหลงรักและเอ็นดูแม่หนูน้อยคนนี้ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอตอนเด็กน้อยอายุแปดขวบ ความสู้คนพร้อมปกป้องคนรักยังตราตรึงใจแม่เลี้ยงสรณ์สิริไม่หาย
ย้อนไปเมื่อหลายสิบปีก่อน นางไปเยี่ยมเพื่อนที่โรงพยาบาลแถวจังหวัดนนทบุรี ก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายมาจากชายร่างสูงผอมกำลังใช้วาจาทำร้ายจิตใจ ผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนรถเข็นโดยมีเด็กสาวหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาเดาได้ไม่ยากว่าทั้งสามคนคือคนในครอบครัวเดียวกัน
หากแต่คำพูดของชายคนนั้นทำให้นางสรณ์สิริรับไม่ได้เป็นอย่าง ทั้งขู่เข็ญจะเอาเงิน ในขณะที่ภรรยาขาเจ็บนั่งอยู่บนรถเข็นไร้ซึ่งเรี่ยวแรงที่จะต่อกร ทว่าจู่ๆ ชายผู้นั้นทำท่าจะลงไม้ลงมือทำร้ายร่างกายภรรยาของตัวเอง คนเป็นลูกสาวก็เข้ามากางแขนปกป้องมารดาจนถูกคนเป็นพ่อตบเข้าที่ใบหน้า เด็กน้อยก็สู้ไม่ถอยทั้งกอดมารดาทั้งผลักบิดาที่จะเข้ามาทำร้าย
นั่นจึงเป็นเหตุการณ์ที่สรณ์สิริจำเป็นต้องเข้าไปแทรกแซงเรื่องในครอบครัวของทิพย์อาภาอย่างไม่อาจทนเฉยอยู่ได้ เนื่องจากนางนับถือจิตใจในวัยแปดขวบของพรนลัทที่ไม่เกรงกลัวต่ออะไรทั้งสิ้น พร้อมปกป้องคนที่รักจนสุดกำลังอันน้อยนิดที่มี จึงเป็นเหตุการณ์ที่นางประทับใจตั้งแต่แรกเห็น นางใช้อำนาจและอิทธิพลที่มีจัดการผู้ชายคนนั้นไม่ให้เข้ามายุ่งเกี่ยวอีก
นับตั้งแต่นั้นมาสรณ์สิริและทิพย์อาภาก็กลายเป็นเพื่อนรักกันมายาวนานจนถึงปัจจุบัน ทั้งคู่ไปมาหาสู่กันอยู่เรื่อยๆ จนแม่เลี้ยงเห็นความน่ารักของหลานสาวที่เติบโตมาเป็นอย่างดี และนางกับสามีก็ถูกชะตากับหลานสาวตัวเล็กอย่างบอกไม่ถูก ทั้งคู่รักและเอ็นดูพรนลัทราวกับลูกแท้ๆเลยก็ว่าได้
“อ้อ หนูน้ำผึ้งน่ะหรอ ตอนนี้คงโตเป็นสาวสวยแล้วน่ะสิ แบบนี้คุณทิพย์จะยอมปล่อยให้มาเป็นครูที่ปางช้างเราหรอ”
ประโยคบอกเล่าของสามี ฉุดให้นางหลุดจากภวังค์ที่นึกถึงวันวานในอดีต นางคลี่ยิ้มกว้างไปด้วยความดีใจ พอนึกถึงหลานสาวคนนี้ทีไรอดแอบคิดไม่ได้
ตอนเด็กๆอยากได้เป็นลูกสาว พอโตมาสวยสะพรั่งราวกับดอกไม้แรกแย้มก็อยากจะรักและทะนุถนอมเป็นอย่างดี เหมือนอย่างที่เพื่อนไว้ใจให้นางดูแลลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน
ทว่าด้วยหน้าตาผิวพรรณสวยผ่องเป็นยองใย แถมออกจะสวยสะดุดตาซะขนาดนี้ จากที่ได้เห็นรูปหลานสาวผ่านแชทแอพลิเคชันยอดฮิต ที่นางและเพื่อนใช้ติดต่อกันเป็นประจำ คิดว่าคงจะไม่รอดมือของพ่อลูกชายตัวดีเป็นแน่ เห็นทีงานนี้นางคงต้องเป็นเกราะกำบังชั้นดี ดูแลสาวน้อยที่มาพักใจให้อยู่อย่างมีความสุขตลอดสามเดือนหลังจากนี้ ตามที่ได้รับปากเพื่อนรักอย่างทิพย์อาภาเอาไว้
“มาแน่นอนค่ะ คนสวยๆ เก่งๆ ครบเครื่องอย่างหนูน้ำผึ้ง รับรองเลยว่าปางช้างเราต้องได้รับการตอบรับดีอย่างแน่นอน”
“เรื่องนี้บอกเจ้าช้างหรือยังคุณ ถ้ารายนั้นรู้ว่าคนเก่าถูกคุณเชือด เอาคนใหม่มาเสียบ หนูน้ำผึ้งจะแย่เอานะ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ฉันจะไม่ยอมให้ตาช้างทำเรื่องพิเรนท์ๆใส่หนูน้ำผึ้งเป็นแน่ค่ะ”
“ผมจะเอาใจช่วยแล้วกันนะ” หิรัญเอ่ยยิ้มๆ
อีกสองวันข้างหน้า ปางช้างของเขาก็คงจะมีเรื่องหรรษาเกิดขึ้นไม่เว้นวัน สงสัยวัยเกษียณอันแสนสงบสุขของเขาและภรรยาคงได้มีเรื่องครึกครื้นไม่เว้นวันเป็นแน่ หิรัญคลี่ยิ้มบางๆ พลางยกแก้วกาแฟขึ้นมาดื่ม
*****
โรงเรือนเลี้ยงช้างขนาดใหญ่มีประมาณเกือบสิบหลัง เรียงรายไปด้วยช้างทั้งเพศผู้และเพศเมีย รวมไปถึงเจ้าลูกช้างตัวน้อยๆ ซึ่งโรงเรือนตั้งอยู่ตามจุดต่างๆของอาณาเขตปางช้างสรศิลป์ เนเชอรัล บรรยากาศด้านในร่มรื่นเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ และแหล่งน้ำลำธารที่ไหลให้ความเย็น อีกทั้งเป็นการสร้างสภาพแวดล้อมไม่ให้ช้างรู้สึกอึดอัด เส้นทางด้านหลังของปางช้างจะมีน้ำตกขนาดใหญ่ ไว้สำหรับทำกิจกรรมอาบน้ำให้ช้าง
การออกแบบโรงเรือนซึ่งทำมาจากไม้ทั้งหมด ประกอบไปด้วยหลังคายกสูงเพื่อให้ลมสามารถพัดผ่านเข้ามาได้ ไม่ทำให้ร้อนและอบอ้าวเกินไป ถัดไปจากโรงเรือนเลี้ยงช้างก็ยังมีโซนที่เป็นรีสอร์ทไว้ให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามาพักแล้วทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนรักสี่ขาตัวใหญ่ และยังมีโซนที่เป็นบ้านพักคนงานอีกด้วย
ช่วงสี่โมงเย็นบริเวณมุมหนึ่งของคอกช้าง เสียงตอกตะปูดังสนั่น คนงานกำลังช่วยกันซ่อมแซมโรงเรือนเลี้ยงช้างหลังเล็กสำหรับลูกช้างที่กำลังจะเกิดจาก ‘พังบังอร’ แม่ช้างท้องแก่ที่อีกไม่นานจะให้กำเนิดลูกช้างตัวน้อยออกมา
ร่างสูงสง่าในชุดกางเกงยีนส์ขายาวกับเสื้อกล้ามสีขาวซึ่งชื้นไปด้วยเหงื่อเต็มแผงอกและแผ่นหลังกว้างนั้นเล็กน้อย หากมันไม่ได้ดูน่ารังเกียจเลยสักนิด เรียกได้ว่าน่ามองจนไม่อาจละสายไปได้
เสื้อกล้ามที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อนั้นมันยิ่งเน้นให้เห็นแผงอกแน่นหนั่นกับกล้ามท้องเป็นลอนสวย จนทำเอาบรรดาคนงานสาวๆ แอบลอบกลืนน้ำลายแล้วมองเคลิ้มเป็นตาเดียว
“อีลำดวน! จ้องคุณช้างขนาดนั้น เกรงใจผัวที่บ้านบ้าง”
‘ลุงศักดิ์ดา’ หัวหน้าคนงานของปางช้างกำลังชี้มือชี้ไม้สั่งการคนงานอยู่ใกล้ๆ หันไปจิกกัดคนงานสาวสวยประจำปางช้าง ติดตรงมีผัวเป็นตัวเป็นตนจ้องมองเจ้านายหนุ่มไม่วางตา
“ก็ฉันหันไปมองผัวแล้วมันไม่เจริญหูเจริญตานิจ๊ะ ดูสิมีแต่พุง ไม่เห็นหล่อล่ำ น่าขย้ำอย่างคุณช้างบ้างเลย”
หญิงสาวในชุดเสื้อคอบัวสีขาวสอดทับด้วยผ้าถุงลายดอกไม้สีแดงนามว่า ‘ลำดวน’หันมาส่งสายตาค้อนวงใหญ่ให้กับหัวหน้าคนงาน ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงอ่อนเสียงหวาน ละเมอเพ้อพกอยู่กับภาพน่ามองตรงหน้า ทว่าความฝันของหล่อนต้องพังทลายลง เมื่อมีเสียงทุ้มห้วนเอ่ยแทรกขึ้นมา
“พี่ลำดวน ผัวพี่มองมาโน้นแล้ว”
คนงานหนุ่มร่างผอมสูงพยักเพยิดหน้าไปยังบริเวณที่กำลังทำโรงเรือนพักหลังน้อย ก่อนจะตะโกนออกไปเสียงดังลั่น ทำเอาคนงานทั้งเวิ้งหันมามอง
“พี่ชัย พี่ลำดวนแอบมองคุณช้าง”
ลำดวนทำหน้าเหลอหลา หันไปมองสามีตัวเองทีหันไปยิ้มแหยๆ ให้กับเจ้านายหนุ่มหุ่นน่าฟัด แล้วหันไปทำตาเขียวปั๊ด ยกมือยกไม้ทำท่าจะตีไอ้คนขี้ฟ้อง
“ไอ้ชงนม ไอ้…”
ทว่าหล่อนยังไม่ทันได้ถูกตัว คนตัวผอมจอมขี้ฟ้องก็รีบโกยอ้าวพุ่งตรงไปหาเจ้านายอย่างรวดเร็ว พร้อมกับแก้วน้ำเย็นๆ
“นายช้างคร้าบบ น้ำมาแล้ว”
“เอ่อ ขอบใจ เดี๋ยวมึงไปช่วยไอ้ชัยทำต่อแล้วกัน”
หัสดินทร์ ศิลปการสกุล หรือนายช้าง นายหัวใหญ่ของปางช้างสรศิลป์ เนเชอรัล ชายหนุ่มมีใบหน้าหล่อเหลาคมคาย สองข้างแก้มมีหนวดเคราขึ้นครึ้ม หากแต่กลับทำให้เขาดูคมเข้มขึ้นไปอีกเท่าตัว รูปร่างสูงใหญ่ส่งผลให้เขาดูภูมิฐาน เจ้านายหนุ่มเป็นคนที่เข้าถึงง่าย มีงานอะไรเขาก็จะมักลงมือทำมากกว่าใช้ปากสั่งการ ด้วยความติดดินเป็นกันเองของเขา จึงทำให้เป็นที่รักที่เทิดทูนของคนงานในปางช้างแห่งนี้
“ได้ครับนาย เมื่อกี้ผมผ่านไปแถวบ้านใหญ่ เห็นแม่เลี้ยงตามหานายอยู่น่ะครับ”
“เอ่อ เดี๋ยวกูไปหาแม่เอง มึงทำงานตามที่สั่งให้เสร็จแล้วกัน”
“สบายมากครับโผ้มม”
เจ้าชงนมยกมือขึ้นมาจรดปลายหางคิ้ว คล้ายตะเบ๊ะของทหาร แล้วคลี่ยิ้มกว้างอวดฟันครบสามสิบสองซี่ จนคนเป็นเจ้านายได้แต่ส่ายหน้าให้ยิ้มๆ ก่อนเขาจะก้าวยาวๆ ไปหยิบเสื้อเชิ้ตสีอ่อนขึ้นมาสวมโดยไม่ติดกระดุม จากนั้นก็เดินไปยังรถยนต์คันใหญ่ทันที
ร่างสูงใหญ่เดินเอื่อยๆผ่านประตูบ้านเข้ามายังโถงกลางบ้านก่อนจะมุ่งตรงไปยังบันไดเวียน ก็ต้องชะงักเท้าเมื่อดวงตาคมเข้มสบเข้ากับร่างระหงของคนเป็นมารดาที่ยืนดักรออยู่ตรงหน้าบันได แม่เลี้ยงสรณ์สิริผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ พอเห็นร่างกายของคนเป็นลูกชายโซมไปด้วยเหงื่อ นี่คงไปช่วยคนงานในปางช้างทำอะไรมาอย่างแน่นอน
“วันนี้กลับมานอนบ้านได้นะพ่อตัวดี แล้วดูสิเนี่ย ไปคลุกดินคลุกฝุ่นอยู่กับไอ้เจ้าชงนมมาอีกซิท่า”
มารดาเดินเข้ามาหา แล้วเอื้อมมือมาลูบเนื้อลูบตัวของลูกชาย เช็ดคราบฝุ่นที่ติดตัวออก พลางเอ่ยบ่นอุบไม่จริงจังให้เสียหนึ่งที่
“ก็งานที่ปางช้างมันเหนื่อย ก็ต้องมีบ้างที่ไปนอนพักชาร์จพลังที่เรือนหลังเล็กสิครับ”
“ชาร์จพลังแบตเตอร์รี่รุ่นไหนหรอจ๊ะ ของไทยหรือของเทศถึงได้ชาร์จกันนาน สองวันถึงได้กลับมาบ้าน”
แม่เลี้ยงสรณ์สิริยังเหน็บเข้าให้อย่างรู้ทัน ทว่าคนเป็นลูกก็ยังแย้มยิ้มหน้าระรื่นอยู่ตรงหน้า
“เอาน่า ผมก็พาตัวมาให้แม่เทศนาอยู่นี่ไงครับ”
“จ๊ะ! พ่อตัวดี”คนเป็นแม่ตวัดค้อนให้ลูกชายตาแทบหลุดอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะเอ่ยบอกเรื่องที่นางอยากจะคุยด้วย “เรื่องแม่ศจีครูศิลปะที่ไม่ได้ตั้งใจจะสอน แม่ให้ออกไปแล้วนะ”
“ฮะ! เขาก็ทำงานดีนี่ครับ แล้วแม่จะไล่เขาออกทำไม” หัสดินทร์โวยเสียงดัง
“แหม! ทำงานดีม๊าก วันดีคืนดีก็อยากจะเข้าไปสอนศิลปะในห้องเจ้านาย”
ประโยคกระแนะกระแหนของมารดา ทำให้หัสดินทร์ต้องโคลงศีรษะอย่างจนใจ แล้วยอมยกธงขาวไปในที่สุด
“เอาเถอะครับ แล้วใครจะมาทำแทนศจี”
“หนูน้ำผึ้ง”
แม่เลี้ยงสรณ์สิริคลี่ยิ้มกว้าง ยามเมื่อเรียกชื่อหลานสาวคนสวย
“น้ำผึ้ง!? น้ำผึ้งไหนครับ ชื่อหวานดูก็รู้เลยว่าอรชรอ้อนแอ้น จะอยู่ได้สักกี่วัน”
หัสดินทร์ขมวดคิ้วเป็นปมด้วยความสงสัย ไม่วายยังแอบประชดมารดาไปด้วยเล็กน้อย
“น้องน้ำผึ้ง ลูกสาวคุณทิพย์อาภา ที่เราเคยไปเที่ยวสวนผลไม้ของคุณน้าเค้าตั้งแต่ตอนช้างเป็นวัยรุ่นไงลูก จำได้หรือยัง”
“น้าทิพย์อาภา…น้ำผึ้ง…”
ชายหนุ่มพึมพำเบาๆกับตัวเอง พลางพยายามนึกตามคำบอกเล่าของมารดา ทว่าจู่ๆ ความหลังวันวานก็ย้อนเข้ามาในจิตสำนึก เล่นเอาเขาต้องยกมือขึ้นลูบใบหูตัวเองอัตโนมัติ ขนอ่อนในร่างกายของเขาพากันลุกชูชันอย่างไม่ได้นัดหมาย อย่าบอกนะว่า ‘ยายเด็กผมเปียจอมแก่น’ จะกลายเป็นครูสอนศิลปะคนใหม่ให้กับปางช้างของเขา!