ภูมิเอียงหน้ามองขวัญข้าวเล็กน้อย ก่อนจะตอบคู่สนทนาเสียงนุ่ม
“ขวัญข้าวคงหิวแย่หากผมทานดึกแบบเดิม”
นี่เขาเปลี่ยนเวลารับประทานอาหารค่ำเพราะหล่อนอย่างนั้นเหรอ
“บอสคะ... คือว่าข้าวรอได้ค่ะ บอสอย่าเปลี่ยนแปลงอะไรเพราะข้าวเลย”
หล่อนพูดขึ้นด้วยความไม่สบายใจ แต่เขากลับยังยืนยันคำเดิม
“มันคือความต้องการของผมน่ะ คุณแค่รับมันเอาไว้ก็พอ”
หล่อนหน้าแดงระเรื่อ ก้มหน้าหลบสายตาของคนพูดเพราะ
ป้าอิ่มอมยิ้ม ก่อนจะเอ่ยแซวออกมา
“ปกติไม่เคยเห็นคุณภูมิพูดจาหวานๆ กับสาวคนไหนมาก่อนเลยนะคะเนี่ย”
ยิ่งป้าอิ่มพูดแบบนี้ ขวัญข้าวก็ยิ่งขัดเขิน จนรู้สึกว่ามือไม้มันมีมากเกินความจำเป็น โชคดีที่ภูมิพูดแก้ตัวขึ้นเสียก่อน
“ป้าอิ่มก็แซวผมเกินจริงไปได้”
“นี่ยังไม่ได้ครึ่งความจริงเลยต่างหากค่ะคุณภูมิ”
ป้าอิ่มยังคงแซวไม่เลิก จนภูมิหน้าแดงต้องรีบตัดบทขึ้น
“เดี๋ยวผมรบกวนให้ป้าอิ่มพาขวัญข้าวขึ้นไปห้องพักด้วยนะครับ”
“คุณภูมิไม่พาไปเองเหรอคะ แขกสำคัญนะคะ” ป้าอิ่มยังแซวไม่เลิก
“พอดีผมจะไปห้องครัวน่ะ จะไปสั่งอาหารเพิ่ม” แล้วภูมิก็หันมองขวัญข้าว “ของโปรดคุณคือแกงเขียวหวานไก่กับผัดเผ็ดหน่อไม้ดองใช่ไหมครับขวัญข้าว”
“เอ่อ... บอสรู้ได้ยังไงคะ”
ชายหนุ่มอมยิ้ม ก่อนจะหลิ่วตาให้กับหล่อน
“คุณรู้จักผมมากแค่ไหน ผมก็รู้จักคุณมากเท่านั้นแหละ คุณขึ้นไปห้องพักกับป้าอิ่มนะ แล้วเจอกันตอนเมื้อค่ำ หกโมงครึ่ง”
แล้วคนตัวโตก็เดินจากไป ปล่อยให้หล่อนยืนอยู่ท่ามกลางความรู้สึกสับสนมึนงง
ภูมิทำให้หล่อนแปลกใจนับครั้งไม่ถ้วนแล้วในวันนี้
เขาไม่เคยมีทีท่าสนอกสนใจในเรื่องส่วนตัวของหล่อน ไม่เคยพูด ไม่เคยมอง คล้ายกับว่าไม่ใส่ใจ แต่ทำไมเขารู้ว่าหล่อนชอบกินอะไร
“คุณภูมิเธอเป็นคนช่างสังเกตค่ะ” ป้าอิ่มเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นหล่อนยืนใจลอย
“เอ่อ... ค่ะป้าอิ่ม”
“เชิญทางนี้ค่ะ ป้าจะพาไปห้องพัก”
“ค่ะป้าอิ่ม”
หล่อนเดินตามป้าอิ่มขึ้นไปยังชั้นบนของตัวตึกใหญ่ ตลอดทางก็อดทึ่งกับความหรูหราประณีตของการตกแต่งไม่ได้
ภายนอกตัวบ้านว่างดงามแล้ว ภายในสวยงามจนบรรยายไม่ถูกเลยทีเดียว
ตลอดทางป้าอิ่มก็ชวนคุยหลายอย่าง รวมทั้งพูดถึงภูมิด้วย
“รู้ไหมคะว่าคุณข้าวเป็นผู้หญิงคนแรกที่คุณภูมิอนุญาตให้เข้ามาที่นี่นะคะ”
หล่อนระบายยิ้มบางๆ แต่ไม่ได้พูดอะไรโต้ตอบออกไป
“นี่ห้องนอนของคุณภูมิค่ะ”
ป้าอิ่มเอ่ยขึ้นเมื่อพาหล่อนเดินผ่านห้องหนึ่งที่มีประตูไม้แกะสลักรูปเสือตัวใหญ่
“ส่วนห้องของคุณข้าวอยู่ถัดไปห้องเดียวค่ะ”
ป้าอิ่มก้าวเท้าพาหล่อนเดินมาอีกนิดเดียวก็ถึงห้องพักที่ภูมิจัดเตรียมเอาไว้ให้
“เอ่อ... ทำไมห้องใกล้กับบอสจังล่ะคะป้าอิ่ม”
ป้าอิ่มเปิดประตูห้องพัก และหันมายิ้มให้กับหล่อน
“ตอนแรกป้าจัดห้องพักแขกปีกขวาให้คุณข้าวค่ะ แต่บอสสั่งเปลี่ยนให้มาเป็นห้องนี้ค่ะ คงอยากอยู่ใกล้ๆ คุณข้าวมั้งคะ”
“เอ่อ... คงไม่ใช่หรอกค่ะป้าอิ่ม”
แม้จะรู้ว่ามันไม่ใช่ความจริง แต่ก็ไม่อาจจะห้ามสีแดงบนสองแก้มนวลได้
ป้าอิ่มระบายยิ้ม แต่ไม่ได้แซวอะไรออกมาให้หล่อนได้อายอีก นอกจากแนะนำข้าวของเครื่องใช้ภายในห้องนอน
“เสื้อผ้าของคุณขวัญป้าให้เด็กใส่เอาไว้ตู้ให้หมดแล้วนะคะ แต่ก็มีบางส่วนที่คุณภูมิสั่งให้เด็กไปซื้อมาให้ใหม่ค่ะ”
ทำไมภูมิใจดีกับหล่อนแบบนี้นะ
“ขอบคุณค่ะป้าอิ่ม”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ป้าขอตัวไปดูในครัวก่อนนะคะ ถ้าคุณข้าวขาดเหลืออะไร แจ้งป้าหรือเด็กๆ ได้เลยค่ะ”
ขวัญข้าวยกมือขึ้นไหว้ป้าอิ่มอย่างซาบซึ้งในน้ำใจของหญิงร่างท้วมยิ่งนัก
“ขอบคุณที่เมตตาข้าวค่ะป้าอิ่ม ข้าวไม่รู้จะตอบแทนยังไงดีเลยค่ะ”
“คนที่คุณข้าวควรขอบคุณคือคุณภูมิค่ะ เพราะคุณภูมิเป็นคนตระเตรียมทุกอย่างสำหรับคุณข้าวค่ะ แล้วโทรสั่งทุกอย่างด้วยตัวเองเลยนะคะ”
อย่าบอกนะว่าเมื่อช่วงบ่ายที่หล่อนเห็นภูมิคุยโทรศัพท์แทบจะทุกสิบนาทีเพราะเรื่องของหล่อน
น้ำตาของหล่อนเอ่อซึม อย่างซาบซึ้งในน้ำใจของภูมิ
“ข้าวจะตั้งใจทำงานให้ดีที่สุดค่ะ เพื่อตอบแทนบอส”
“แต่ป้าว่า คุณภูมิไม่น่าจะต้องการแค่นี้นะคะ”
“เอ้?”
“ป้าขอตัวก่อนนะคะ คุณข้าวก็พักผ่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวใกล้เวลาอาหารเย็น ป้าจะให้เด็กมาตามนะคะ”
แล้วป้าอิ่มก็เดินออกไปจากห้องพักของหล่อน ในขณะที่หล่อนยืนนิ่งด้วยความมึนงงสับสน
ป้าอิ่มหมายความว่ายังไงกันนะ?
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นสองครั้ง หล่อนที่เพิ่งจะก้าวออกมาจากห้องน้ำตะโกนถามออกไป
“ป้าอิ่มเหรอคะ”
“ผมเอง ภูมิ”
หล่อนแปลกใจไม่น้อย เพราะภูมิคือคนสุดท้ายที่หล่อนคิดว่าจะมาเยือนห้องพักของตนเองยามวิกาล แต่ก็เป็นเขาจริงๆ
“บอส... มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ผมมีเรื่องอยากคุยกับคุณน่ะ เปิดประตูหน่อยได้ไหม”
หล่อนหวั่นใจเหลือเกิน กลัวความใกล้ชิดระหว่างกันจะทำให้ตัวเองเผยความในใจออกไป
แต่หล่อนจะปฏิเสธเสียงนุ่มๆ ของภูมิได้ยังไงกันเล่า
“แป๊บนะคะบอส ข้าวขอแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนค่ะ”
“ครับ ไม่ต้องรีบนะ ผมรอได้”