หมิงอี้คิดว่าตัวเองฟังผิดไปแน่นอน คุณชายจะตามไปงั้นหรือ นี่มันเกินความคาดหมายเกินไปแล้ว
“คุณชาย บอกว่า จะตามพวกนางไปหรือขอรับ”
เขาถามให้แน่ใจอีกที
ฟู่เว่ยหลงไม่พูดซ้ำ เขาเดินไปที่หออวิ๋นเจี้ยนทันที และหันมาบอกหมิงอี้
“เจ้าไปจองห้องที่ติดกับพวกนางที เร็ว”
เขาสั่ง หมิงอี้รีบวิ่งไปก่อนหน้าและบอกเสี่ยวเอ้อให้จัดห้องให้
“เจ้าว่าอะไรนะ”
หลินลี่เซียนฟังเรื่องที่อาปิงเล่าให้ฟัง ถึงกับอึ้ง แม่นาง เจ้าช่างคลั่งรักอะไรขนาดนี้ โอยน้ออ เค้ารู้มั้ยนั่น ทั้งหาอาหาร ขนมไปให้ตลอด แถมยังสืบว่าเขาจะไปไหนแล้วตามไป เพื่อแอบมอง What ? Just แอบมอง โอยยย นี่มันคล้ายกับพวก Stalker แล้วหนู (พวกชอบตามไอดอลที่ตัวเองชื่นชอบ ออกแนวโรคจิต)
“จะเป็นลม ทำไปได้ ถึงว่าล่ะ เรื่องมันถึงได้เป็นแบบนี้ไง”
ลี่เซียนหัวเสียกับการกระทำนี้มาก นางต่อต้านการทำแบบนี้ที่สุด เพราะเมื่อก่อน นางเองก็เคยโดนพวกนี้ติดตาม ต้องคอยจ้างพวกบอดีการ์ดมา สุดท้ายก็ต้องไปเรียนศิลปะการป้องกันตัวเพื่อจะได้ลดค่าใช้จ่ายตรงนี้ไป
“เอาล่ะ ข้าเข้าใจแล้ว จากนี้จะไม่ให้เจ้าลำบากแบบนั้นอีกแล้วอาปิง ข้าจะไม่ทำแบบนั้นอีก เจ้าวางใจได้เลย ตอนนี้ข้ารู้สึกดีสุดๆ กับอิสรภาพแบบใหม่นี้ ข้ายังไม่อยากใส่ปลอกคอหรอกนะ 555”
“เอ่อ คุณหนูเจ้าคะ ตั้งแต่เมื่อเช้านี้ คุณหนูก็พูดคำแปลกๆ ออกมาเยอะมากเลย บางคำ บ่าวก็ไม่เข้าใจเจ้าค่ะ”
“เอาน่าๆ เอาเป็นว่า ข้ารับปากเจ้า ว่าจะไม่ทำพฤติกรรมแปลกๆ แบบนั้นให้เจ้าลำบากใจอีก เขาก็แค่ผู้ชายคนนึง เดี๋ยวก็ลืม ตอนนี้ข้าสนใจอยากรู้ อยากกิน อยากเที่ยว ดูซิว่าที่นี่จะสามารถสร้างธุรกิจอะไรที่ทำเงินให้ข้าได้มั้ย”
“คุณหนู ท่านพูดจาแปลกๆ อีกแล้ว”
นางพูด และคอยขำลี่เซียน
“อื้มม อร่อยมาก อาปิง เจ้ากินสิ มาเลย นั่งๆ มากินด้วยกัน กินข้าวคนเดียวจะอร่อยได้ไง กับข้าวมาหมดแล้วใช่มั้ย กินเร็วๆ”
นางชวนอาปิงกินด้วยกัน อาปิงเริ่มชินแล้ว นางนั่งลง และเริ่มกินด้วยกัน มื้ออาหารนี้พวกนาง 2 คนมีความสุขมาก
“นางร่วมโต๊ะ กับสาวใช้ด้วยหรือ พฤติกรรมแปลกเสียจริง แถมยัง ชวนกินข้าว ดั่งเป็นสหายกัน”
เขาไม่เคยพบเห็นคุณหนูบ้านไหนเป็นเช่นนางมาก่อน นี่เป็นเรื่องแปลกสำหรับเขา เขาอยากรู้ว่านางจะทำเรื่องแปลกประหลาดอะไรอีก
“ทุกท่านๆ ยินดีต้อนรับลูกค้าทุกท่าน ต่อจากนี้ เชิญทุกท่าน ฟังเสียงเพลงเพราะๆ กับดนตรีเพราะๆ จาก เสี่ยวเซียน สาวงามเสียงเพราะที่สุดของหออวิ๋นเจี้ยนของเรา”
เสียงปรบมือและเสียงหวีดร้องดังขึ้น ลี่เซียนได้ยิน นางจึงเปิดประตูออกมาที่ระเบียง เพื่อออกมาฟังเสียงสวรรค์นี้ ทว่า
“โอ้ยย เนี่ยนะเพราะ เสียงแหลมเกิ๊นน ร้องผิดคีย์อย่างแรง เพลงอะไรเนี่ย เล่นงิ้วเหรอ”
นางปิดหูแทบไม่ทัน
“เจ้าไปแง้มประตูหน่อย”
เขาสั่งหมิงอี้ เขานั่งมองนาง ที่ทำท่าเหมือนแทบจะฟังไม่ไหว และนั่งวิจารณ์นักร้องอยู่ด้านนอก นางทำอะไรของนางกัน เขานึกขำกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า
เสียงเพลงจบลงแล้ว พร้อมเสียงปรบมือบางเบา น่าจะไม่ใช่นางคนเดียวที่รู้สึกว่า
“นี่หรือเพลงเพราะ”
เสี่ยวเอ้อเดินไปกระซิบกับผู้ที่แนะนำนักร้องหญิงเมื่อกี้ และชี้มาข้างบน เขามองตามขึ้นมาเจอนาง และพยักหน้าให้กับเสี่ยวเอ้อ
“แขกทุกท่าน มีแขกบางคน ไม่พอใจเสียงของนักร้องของทางหออวิ๋นเจี้ยนเรา บอกว่า เสี่ยวเซียนของเราร้องเพลงเพี้ยน ข้า ขอรบกวน แม่นางท่านนั้น ให้เกียรติชี้แนะกับหอของเราด้วย ได้หรือไม่”
ทุกสายตาด้านล่าง มองขึ้นมาที่นาง เอาแล้วไงล่ะ งานเข้าแล้วสิ นางหลับตาลง ฮึ่มม เอาวะ กล้าท้ามา ก็จัดให้
“ได้อยู่แล้ว ข้า รับคำท้านั้นของท่าน”
นางบอก และเดินลงไปที่เวทีข้างล่าง ฟู่เว่ยหลงเห็นนางเดินลงไป เขารีบเดินออกไป อยู่ที่ระเบียง ที่นางพึ่งนั่งเมื่อกี้ และมองร่างเล็กนั้น เดินจะขึ้นเวที ข้างๆ เวที สาวใช้ของนางกึ่งดึง กึ่งลากนาง นางตบแขนสาวใช้นางเบาๆ และนางก็เดินขึ้นเวทีไป หันหน้ามาฝั่งที่เขานั่งอยู่ แต่นางไม่เห็นเขา
“พวกท่าน อยากฟังเพลงแนวไหนล่ะ แต่ต้องไม่เอาเพลงที่ติดลิขสิทธิ์นะ”
คนข้างล่างอึ้ง งงกับคำพูดของนาง อะไรสิทธิ์ๆ นะ เมื่อกี้นางพูดว่าอะไรนะ
“เอ่อๆ ไม่มีอะไรๆ เอาเป็นว่า พวกท่านอยากฟังเพลงแนวไหน”
นางถามอีกที โมรินเอ้ยย นี่มันจีนโบราณ ไม่มีใครมาตามจับลิขสิทธิ์เพลงหรอกน่า ร้องได้ สบายใจได้
“ข้าอยากฟังเพลงที่ ชายหญิงรักกัน แต่ไม่กล้าบอกรักกัน อะไรแบบนี้”
แขกท่านหนึ่งตะโกนบอก
“แสดงว่าท่านกำลังมีความรักสินะ”
นางเอ่ยแซว ทำให้เสียงโห่ หวีดแซวดังขึ้นทันที พร้อมกับเสียงปรบมือและรอยยิ้มของคนในร้าน
“ใช่เลยๆ คุณหนู ท่านสามารถร้องได้หรือไม่ล่ะ” เขาถาม
อืมม นึกก่อนนะ เพลงแนวนี้เหรอ ไม่กล้าบอกรัก ทั้งที่รักกัน ออ นึกได้ละ
“ข้านึกได้อยู่เพลงหนึ่ง ข้าจะร้องให้ท่านฟังนะ”
“คุณหนู เจ้าต้องการให้เล่นดนตรีให้หรือไม่” เจ้าของร้านถาม
“ไม่ต้อง ข้า จะร้องปากเปล่า พวกท่านจะได้เข้าใจในความหมายของเพลงอย่างลึกซึ้ง”
ทุกคนพากันปรบมือ และพูดพร้อมกัน
“เอาเลยๆๆ”
“เพลงนี้ บรรยายถึงชายหญิง ที่รักกัน แต่ไม่กล้าบอกความรู้สึกที่มีต่อกัน ทำให้เสียใจด้วยกันทั้งคู่ ลองมาดูว่าเขาทั้ง 2 จะหาทางออกด้วยกันได้อย่างไรนะเจ้าคะ”
ลี่เซียนหายใจเข้าลึกๆ และเริ่มร้อง
"ความจริงที่คน 2 คนไม่คุยกัน ไม่เคยสบตากันและคุยความในใจ ได้แต่ทำสิ่งที่ตัวเองคิดว่าถูก โดยไม่สนใจอีกคน นั่นคือต้นเหตุของความเสียใจและรอยน้ำตา และไม่เคยทำให้ปัญหาของความรักได้รับการเยียวยา เป็นเพราะความไม่รู้ และไม่เข้าใจ ได้แต่เก็บไว้ ไม่เคยเอ่ยปากถามออกมา
แล้วเมื่อไหร่จะเข้าใจกัน เมื่อไหร่จะได้รักกัน รักไม่มีทางเดินมาเจอกันได้ หากทั้ง 2 คนไม่เปิดใจ ช่วยกัน พังกำแพงระหว่าง 2 เรา ให้เราทั้ง 2 มีวันที่สวยงามร่วมกัน"
ด้วยความที่เป็นนัก cover เพลง นางจึงถ่ายทอดอารมณ์ของเพลงออกมาได้ดี คนทั้งร้านเงียบกริบ และฟังเสียงของนางอย่างตั้งใจ และทำความเข้าใจเนื้อหาในเพลงนั้น
ฟู่เว่ยหลง มองนางอย่างรู้สึกทึ่ง หมิงอี้เองก็ไม่เคยเห็นสตรีผู้ใดที่ร้องเพลงด้วยเสียงที่ไพเราะขนาดนี้มาก่อน พวกเขาเคลิ้มไปกับเสียงเพลง ที่ไม่จำเป็นต้องมีแม้แต่ดนตรีบรรเลงให้รำคาญใจ แค่เสียงนางคนเดียว ก็ทำเอาทุกคน อยู่ในห้วงภวังค์แห่งเสียงเพลงจากนาง
"หากคน 2 คนเปิดใจเพื่อคุยความในใจ คงไม่มีน้ำตา คงจะมีแต่วันชื่นคืนสุข อยากให้เรา 2 คน เป็นแบบนั้น เราหันหน้ามาคุยกันได้ไหม
แล้วเมื่อไหร่จะเข้าใจกัน เมื่อไหร่จะได้รักกัน รักไม่มีทางเดินมาเจอกันได้ หากทั้ง 2 คนไม่เปิดใจ ช่วยกัน พังกำแพงระหว่าง 2 เรา ให้เราทั้ง 2 มีวันที่สวยงามร่วมกัน"
เว่ยหลงมองท่าทางของนางที่ร้องเพลง เขาถึงกับเคลิ้มไปกับนาง ไม่แน่ใจว่าเพราะเสียงที่ไพเราะของนาง หรือเพลงที่นางร้อง เนื้อหาช่างเพราะจับใจเขายิ่งนัก การเดินทางของความรักงั้นหรือ เขาไม่เคยได้ยินประโยคแปลกๆ ที่นางร้อง แต่รู้สึกว่า เป็นเพลงที่เพราะจับใจยิ่งนัก เขาไม่สามารถละสายตาไปจากนางได้เลย จนกระทั่ง
“ว๊าวว เพราะ เพราะมาก ข้าชอบ ข้าซึ้งจนน้ำตาไหล เอาอีกๆๆๆ”
เสียงปรบมือดังกึกก้อง ดังมีงานเลี้ยงฉลองในร้านก็มิปาน
ผู้ที่ขอเพลงนี้ เดินมาที่เวทีเพื่อมาหานาง
“ข้าเข้าใจแล้ว แม่นาง ขอบคุณท่านมาก ข้าจะรีบไปบอกความรู้สึกกับคนรักของข้า ข้าพึ่งตาสว่างวันนี้เอง ขอบคุณแม่นางมาก ขอบคุณ”
เขาคำนับให้นาง 3 ครั้ง และรีบวิ่งออกจากร้านไป ……….
“ท่านพี่ ท่านแต่งตัวเสร็จหรือยังเจ้าคะ มาช่วยผูกที่คาดเอวให้ข้าทีสิ เว่ยหลง ท่านทำอะไรอยู่”“มาแล้วๆ ฮูหยิน เจ้าอย่าใจร้อนสิ ไหนดูสิ ท้องเจ้าเริ่มโตแล้ว เจ้าจะเดินทางโดยรถม้าอีกไม่ได้แล้วนะ วันนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้วนะ ต่อไปก็นั่งรอคลอดอยู่ที่จวนดีๆซะ”“เร็วเข้าๆ ท่านผูกให้ข้าหน่อย อาปิงกับอิ้นสี่ไปเตรียมของขวัญ เดี๋ยวจะไม่ทันแล้ว เว่ยหลง ท่านชักช้าอะไรอยู่”“ก็มัดอยู่นี่ไง เจ้าอย่าเร่งข้าสิ”ฟู่เว่ยหลงเร่งมัดสายคาดเอวให้ฮูหยินอย่างทุลักทุเล ช่วงนี้ท้องนางเริ่มโตขึ้น การแต่งตัวทำได้ยากกว่าเดิม นางมักจะหงุดหงิดง่ายเวลาเรียกหาใครแล้วมาหาช้า ช่วงนี้นางเจริญอาหารมากเป็นพิเศษ และก็ยังนอนมากเป็นพิเศษอีกด้วย ซึ่งทำให้เว่ยหลงพอใจยิ่งนัก แต่วันนี้ พวกเขาต้องไปร่วมยินดีในงานมงคลสมรสของเจ้าซีห่าวกับเสี่ยวหง และเจียงเฉิง กับเฟยเฟย ซึ่งพวกเขาตกลงหาฤกษ์ยามทันทีที่ตกลงกันได้ เนื่องจากฟู่ลี่เซียนท้องเริ่มโตขึ้นแล้ว จะไปงานพวกเขาลำบาก จะรอให้นางคลอดก่อนค่อยแต่ง สองหนุ่มก็รอไม่ไหว จึงรีบหาฤกษ์วันเดียวกันและแต่งพร้อมกันทีเดียวสองคู่เสียเลย“เสร็จแล้วๆ ไปกันได้แล้ว”“เดี๋ยวเจ้าค่ะ ข้ายังไม่ได้ใส่ต่างหูเล
“เฟยเฟย ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า”เฟยเฟยหันมาเห็นเจียงเฉิงที่กำลังเดินมา นางไม่ต้องการรับรู้เรื่องนี้ซ้ำอีก น้ำตานางไหลเป็นทาง เจียงเฉิงรู้แล้วว่าเขาคงมาช้าไป หลิวอี้เจินต้องพูดอะไรกับนางแน่ นางถึงขั้นหลั่งน้ำตา“เฟยเฟย รอข้าก่อน เฟยเฟย”หลิวอีเจินดึงเขาไว้“พี่เฉิงเจ้าคะ ปล่อยนางไปก่อนเถอะเจ้าค่ะ ข้ามีเรื่องจะคุยกับท่าน”“แม่นางหลิว เจ้าพูดอะไรกับนาง เหตุใดนางจึงร้องไห้”“ข้าก็แค่ บอกว่าผู้ใหญ่ของพวกเรากำลังคุยกันด้านใน เรื่องงานแต่งของเรา”“เหลวไหลทั้งเพ คุณหนูหลิว ข้าบอกเจ้าไปแล้วว่าข้าไม่ได้คิดอะไรกับเจ้า ข้าไม่มีทางแต่งงานกับคนอื่น”“แต่ท่านจะแต่งงานกับนางงั้นหรือ เจียงเฉิง ท่านไม่กลัวผู้อื่นนินทาหรืออย่างไร สมภารกินไก่วัด น่าไม่อาย”“ความรักของข้ากับเฟยเฟยเป็นของจริง มีเรื่องใดที่น่าไม่อาย ที่ไร้ยางอายนะ ใครกันแน่ ข้าไม่เคยไปตกลงว่าจะแต่งกับเจ้า แต่เจ้ากลับแต่งเรื่อง พูดขึ้นมาเองจนนางเข้าใจข้าผิด เจ้าต่างหากที่หน้าด้าน ไร้ยางอาย ขอตัว”“ท่านหยุดนะ!! ท่านมาว่าข้าเสียหายแบบนี้แล้วจะเดินหนีอย่างนั้นหรือ ท่านคิดว่าท่านเป็นใคร แค่พ่อค้าคนหนึ่ง ท่านมีอะไรสู้ตระกูลหลิวของข้าได้งั้นหรือ
หลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการแสดงแล้ว ช่วงต่อไปก็เป็นช่วงที่มีการแสดงของโรงงิ้ว และแขกเหรื่อก็ทยอยเข้ามาแสดงความยินดีกันอย่างไม่ขาดสาย รวมถึง“คุณชายเจียง ข้ามาช้า โปรดอภัย”“ใต้เท้าหลิว ไม่เป็นไรขอรับ ยินดีต้อนรับ เชิญตามสบายขอรับ”“พี่เฉิง ยินดีด้วยนะเจ้าคะที่เปิดร้านใหม่ วันนี้ข้าตั้งใจมาหาท่านโดยเฉพาะเลยเจ้าค่ะ”เฟยเฟยหันไปมองเจ้าของเสียง สตรีหน้าตาน่ารัก ดูสูงศักดิ์ เรียกเขาว่าพี่เฉิงอย่างสนิทสนม“คุณหนูหลิว ขอบใจเจ้ามาก”เฟยเฟยหันไปมองหน้าเขา เจียงเฉิงจึงนึกขึ้นได้“ออ ลืมแนะนำไปขอรับ นี่ เจ้าเฟยเฟย น้องสาวเจ้าซีห่าว น้องรองของข้า หนึ่งในเจ้าของหออ้ายจือขอรับ”“เฟยเฟยคารวะใต้เท้าหลิว ฮูหยินหลิวเจ้าค่ะ ทุกทานเชิญตามข้ามาได้เลยเจ้าค่ะ ข้าจะไปหาที่นั่งใ ด้านล่างเต็มแล้ว เชิญชั้นสองดีกว่าเจ้าค่ะ”“พี่เฉิง พี่พาพวกเราไปก็ได้เจ้าค่ะ ไม่รบกวนแม่นางเจ้าแล้ว ขอบคุณ”แม่นางหลิวมองเฟยเฟย และเชิดใส่เล็กน้อย นางเดินไปเกาะแขนเจียงเฉิงให้เขาพานางไปเลือกโต๊ะ เฟยเฟยได้แต่เดินตามพวกเขาไปเงียบๆ เมื่อพวกเขาได้โต๊ะแล้ว เจียงเฉิงจึงนั่งกับพวกเขา เฟยเฟยเลยเดินเลี่ยงออกมาลี่เซียนเห็นเฟยเฟยเดินมาหงอยๆ นางจ
เสียงประทัดดังขึ้นหน้าหออ้ายจือหลังใหม่ พร้อมกับทุกคนที่มาร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีเปิดร้านใหม่ เต็มหน้าลานการแสดง เจียงเฉิงเป็นตัวแทนของร้านออกมากล่าวต้อนรับ“ยินดีต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ ที่ได้สละเวลามาร่วมในงานเปิดร้านใหม่ของหออ้ายจือสาขาสองของพวกเรา วันนี้จะมีการแสดง ทั้งของเหล่าไอดอลหออ้ายจือของเรา และกลางคืนยังมีการแสดงงิ้ว และงานเทศกาลโคมไฟไปพร้อมๆกันด้วย ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับงานในวันนี้ และที่สำคัญ เชิญทุกท่าน ร่วมรับประทานอาหาร เพื่อเป็นสิริมงคลแก่พวกเรา ทุกท่านเชิญ”แขกหน้าร้านทุกคนปรบมือ และทยอยเข้าไปนั่งภายในร้าน ซึ่งโอ่อ่า และกว้างขวางมาก โต๊ะเกือบ 50 โต๊ะ ทยอยเต็มอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ ด้านบนชั้นลอย จะเป็นที่สำหรับผู้หลักผู้ใหญ่ที่มาร่วมงาน เถ้าแก่อวิ๋นเองก็นั่งโต๊ะถัดไป และคอยช่วยเจ้าซีห่าวจัดแจงที่นั่งให้แขกผู้ใหญ่“พี่เจียง พี่ใหญ่ พี่สามมาแล้วเจ้าค่ะ”เฟยเฟยตะโกนเรียกทั้งสอง ซึ่งพวกเขารีบวิ่งออกไปต้อนรับนาง ฟู่เว่ยหลงค่อยๆพยุงลี่เซียนลงมาจากรถม้า“น้องสามๆๆ คอยๆเดิน ระวังๆหน่อย หลานข้าอยู่ในท้องเจ้า จะเดินไปไหนต้องระวังหน่อย”“พี่รอง ข้ารู้แล้วเจ้าค่ะ ท่านว่าเว่ยหลงจะย
จวนสกุลฟู่“คำนับฟ้าดิน”“คำนับบุพการี”“คำนับกันและกัน”“ส่งตัวเข้าหอ”อาปิงและอิ้นสี่ พาหลินลี่เซียนเดินไปที่ห้องหอที่จัดเตรียมไว้สำหรับพิธีสมรสพระราชทานของท่านเม่ทัพหลวงคนใหม่ และฮูหยินแม่ทัพฟู่“อาปิง ข้าหิวจนไส้จะขาดอยู่แล้ว มีอะไรให้ข้ากินได้บ้างมั้ย”“ฮูหยินเจ้าคะ รอสักครู่นะเจ้าคะ ข้าจะเอาขนมมาให้ท่าน แต่ท่านอย่าเปิดผ้าคลุมหน้านะเจ้าคะ จะเสียฤกษ์ ต้องรอให้ท่านแม่ทัพเปิดนะเจ้าคะ”“รู้แล้วๆ รีบไปหาของกินมาทีเร็ว กว่าเว่ยหลงจะเข้ามาอีกนาน เขาต้องรับแขกข้างนอกอีก ป่านนั้นข้าหิวตายอยู่ตรงนี้แหละ”อาปิงรีบออกไปยกขนมมาให้หลินลี่เซียนกิน อิ้นสี่รินน้ำชาส่งให้นางใต้ผ้าคลุมเพื่อให้นางดับกระหาย“อา ค่อยยังชั่วหน่อย นี่ หลังจากนี้ ต้องทำอะไรอีกล่ะ”“ก็รอให้เจ้าบ่าวเข้ามา เปิดผ้าคลุมหน้า ดื่มเหล้ามงคล แล้วก็... เข้าหอเจ้าค่ะ”“ข้าง่วงจังเลย”“ฮูหยิน ท่านจะนอนพักก่อนมั้ยเจ้าคะ แค่นั่งพิงหลับน่าจะได้”“อืม ข้าขอพักสักงีบ พวกเจ้าออกไปเถอะ”“เจ้าค่ะ”หลินลี่เซียนนั่งพิงกับขอบเตียง หลังจากที่กินขนมไป นางรู้สึกง่วงมากเพราะเตรียมตัวมาตั้งหลายวัน และวันนี้ก็ต้องตื่นแต่เช้า เพื่อเข้าพิธีอีก กว่าจะแ
ลี่เซียนตื่นขึ้นมา พบว่านางสวมใส่ชุดนอนเรียบร้อยแล้ว คงเป็นเพราะพ่อคนดีข้างๆ นางนี่เอง ที่จัดการให้ นางยิ้มและก้มหอมแก้มเขาเบาๆ เขาลืมตาขึ้นมา“เจ้าตื่นแล้วหรือ ยังเจ็บแผลอยู่หรือไม่”“ไม่แล้วเจ้าค่ะ เมื่อคืน ท่านใส่ยาและสวมเสื้อผ้าให้ข้าหรือเจ้าคะ”“ใช่ เจ้าลุกไหวหรือไม่ ให้ป้าจางยกข้าวมาให้กินที่นี่ก็แล้วกันนะ”“วันนี้ท่านจะไปไหนหรือเปล่าเจ้าคะ”“ข้าจะเข้าวังหน่อย เจ้ามีอะไรหรือเปล่า”“เปล่าเจ้าค่ะ งั้นข้าจะรอฟังข่าวอยู่ที่นี่นะเจ้าคะ ท่านลุกเถอะเจ้าค่ะ ไปอาบน้ำ เตรียมเข้าวังได้แล้ว”“ได้สิ เจ้าจะอาบน้ำเลยหรือไม่ ข้าจะได้ให้อาปิงเตรียมน้ำยาแช่ตัวให้”“เจ้าค่ะ ขอบคุณนะเจ้าคะ”เว่ยหลงก้มลงจูบที่หน้าผากนาง วันนี้เขาจะเข้าวังไปสะสางงานที่เหลือจากเมื่อวาน และไปฟังข่าวด้วย ที่สำคัญ วันนี้มีการกำหนดโทษของสนมฉิน ฉืนอี้เหนียงและฉินชุนเหมยด้วยพวกเขากินข้าวเช้าในห้องของลี่เซียนเสร็จแล้ว นางเดินมาส่งเขาหน้าจวน เขาหันมาบอกนาง“รอข้านะ เดี๋ยวข้าก็กลับ”“ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้วนี่นา ท่านไปเถอะเจ้าค่ะ ข้าอยู่ได้”เว่ยหลงส่งยิ้มให้นาง ก้มลงหอมแก้มข้างที่ไม่มีผ้าปิดแผล และหันกลับไปขี่ม้าเพื่อเข้าวัง ล