นั่นคือความทรงจำเดิมของเขา ที่หมิงอี้เคยบอก ว่าคุณหนูใหญ่จะแอบมองเขาทุกครั้งที่เจอกัน นางค่อนข้างลุ่มหลงเขาเลยทีเดียว ทั้งๆ ที่ไม่กล้าเข้ามาคุย แต่เขาเองกลับไม่เคยเห็นหน้านางแบบเต็มๆ เช่นนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นนางชัดๆ
“ไหนเจ้าบอกว่านางขี้โรค ดูแล้วน่าจะอยู่ได้อีกไม่นาน พูดน้อย ขี้อายอย่างไรล่ะ”
เขาถามหมิงอี้ด้วยความแปลกใจ เพราะสตรีที่เขาเห็นอยู่ข้างหน้านี้ นางทั้งสดใส ร่าเริง เป็นมิตรกับทุกคน นางยิ้มเก่ง และยังเอื้อเฟื้อต่อคนใช้ของนางด้วย เขากำลังสงสัยว่า
“หมิงอี้ ข่าวกรองของเจ้า มีผิดพลาดได้ขนาดนี้เลยหรือ”
“อาปิง ข้าลืมบอกพี่ใหญ่ว่าข้าจะเอาผ้าคลุมไหล่ขนจิ้งจอกขาวตัวนั้นด้วย เดี๋ยวข้ามานะ เจ้ารอนี่ก่อน”
นางบอกอาปิง และหันกลับ เพื่อจะเดินไปที่ร้านตัดชุดที่พึ่งเดินออกมา และ ชนเข้ากับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงนั้น
“ว๊าย ขอโทษๆ เจ้าค่ะ เป็นอะไรรึเปล่าเจ้าคะ ขอโทษที ข้ารีบไปหน่อย”
นางเงยหน้าขึ้นมอง โอววว งานดี หล่อจัง สูง โปร่ง ผิวขาวดูเป็นผู้ดี ตาคม จมูกได้รูป หล่ออย่างกับพระเอกซีรี่ย์ คือดีงามที่หลุดมายุคนี้ ขอบคุณโชคชะตา อิอิ
“เอ่อ หากท่านไม่เป็นไร ข้าขอตัวก่อน ขอโทษอีกทีนะเจ้าคะ บาย”
นางโบกมือให้ แล้วเดินจากไป
ฟู่เว่ยหลง งุนงงกับท่าทีของนาง หันมามองหน้าหมิงอี้ ที่บัดนี้ อ้าปากกลับมามองเขาเช่นกัน นี่ไม่ใช่ที่สายข่าวบอกว่านางลุ่มหลงหรือชอบข้าหรอก นี่มันเหมือนไม่รู้จักข้าเลยด้วยซ้ำไป ทั้งๆ ที่เขา พึ่งจะ ปฏิเสธงานหมั้นกับนาง ต่อหน้าผู้คน ทำให้นางต้องอับอายขนาดนั้น แต่ท่าทางของนาง กลับดูไม่สนใจเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ
“นี่มันอะไรกัน หรือว่านางถูกคุณชายปฏิเสธ จนนางความจำเสื่อมไปแล้วขอรับ”
หมิงอี้สับสน เพราะเขาเองเคยพบคุณหนูใหญ่ แต่ตอนนั้น นางหน้าตาซีดเซียว ดูไม่มีแรง และมักจะฝากขนมหวานไปให้คุณชายของเขาเสมอ และคอยถามเขาว่าคุณชายจะไปไหน ทุกที่ ที่คุณชายไป มักจะพบนางเสมอ แม้ว่านางจะไม่เคยแสดงตัวออกมา หรือเข้ามาคุยกับคุณชายของเขาเลยก็ตาม แต่คุณหนูใหญ่ในวันนี้ ไม่เพียงแค่ไม่แอบมอง แต่ยังเหมือนไม่รู้จักคุณชายของเขาด้วย
“ข้าว่าข่าวกรองของเจ้าน่าจะมีปัญหานะ น่าสนใจ ข้าจะรอดูว่านางจะทำเช่นไร หากเจอกันต่อหน้า”
เขาตัดสินใจ รอนางอยู่หน้าร้านตัดเสื้อผ้าสตรี นางเดินออกมาแล้ว และเดินมา นางเดินผ่านเขาไปอีกรอบ เหมือนมองไม่เห็น นางเห็นอาผิงยืนตัวลีบอยู่ นางเลยเดินเข้าไปหา
“ข้ามาแล้ว โทษทีนะ คุยกับพี่ใหญ่เพลินไปหน่อยน่ะ เจ้าเป็นอะไร ทำไมยืนก้มหน้าอยู่อย่างงี้อ่ะ”
“คุณหนูเจ้าคะ คุณหนู ไม่เห็นคุณ คุณชายฟู่เหรอเจ้าคะ”
“คุณชายฟู่ ฟู่ไหนอ่ะ ข้ารู้จักเข้าเหรอ ไหนๆ”
นางกำลังทำท่าจะหัน อาปิงจับแขนนางไว้แน่น
“อย่าเจ้าค่ะคุณหนู อย่าหันไปเจ้าค่ะ พวกเขายืนอยู่ตรงนั้น คุณหนู นี่คุณหนู จำไม่ได้เหรอเจ้าคะ”
“แล้วเจ้าให้ข้าจำอะไรล่ะ นี่ข้าคงโดนเอฟเฟคจากยาน่ะ เลยเกิดอาการข้างเคียง ทำให้ความจำเสื่อมไปบางเรื่อง เจ้าก็บอกข้ามาสิ ว่าข้าควรจำอะไร แล้วคุณชายฟู่อะไรนี่ เกี่ยวกับข้ายังไง”
นางถามกับอาปิง
“เขาคือคนที่ปฏิเสธการหมั้นกับท่าน ที่งานเลี้ยงวันเกิดคุณท่านต่อหน้าผู้คนในจวนไงเจ้าคะ คุณหนู ท่านลืมไปหมดแล้วจริงๆ หรือเจ้าคะ”
อาปิงไม่รู้ว่าควรดีใจ หรือเสียใจดี หลังจากวันนั้น คุณหนูของนางเอาแต่ร้องไห้ ไม่กิน ไม่ดื่ม จนล้มป่วยหนักเกือบตาย แต่มาวันนี้ นางบอกว่าจำเขาไม่ได้ นางเดินผ่านเข้าไป 2 รอบเหมือนคนไม่รู้จักกัน อาปิงเองก็แทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเช่นกัน
ไม่ทันที่ทั้งคู่จะคุยอะไรกันต่อ เขาก็เดินเข้ามา
“สวัสดีคุณหนูหลิน”
ฟู่เว่ยหลงเอ่ยทัก หลินลี่เซียนค่อยๆ หันไป
นางมองเขาอย่างพินิจ และ
** ข้อมูล : ฟู่เว่ยหลง
** แม่ทัพใหญ่ราชองครักษ์หลวง คู่หมั้นที่ผู้ใหญ่จัดหาให้
** เขาปฏิเสธการแต่งงานกับข้า ต่อหน้าผู้คนมากมาย
** หน้าที่มาก่อนสิ่งใด ไม่สนใจอิสตรี ไร้ความรู้สึก เย็นชา ยากที่จะเข้าถึง
อ้อ นี่น่ะเหรอ คนที่ปฏิเสธเจ้า อีตาหน้าหล่อที่ข้าชนเมื่อกี้ไม่ใช่เหรอ พระเอกซีรี่ย์ในตำนานสินะ นิสัยนี้ใช่เลย เสียดาย ข้าไม่ได้อยากเป็นนางเอกซีรี่ย์ตอนนี้ ข้ายังอยากเที่ยวอยู่ เรื่องที่ผ่านมาก็ถือซะว่าฝันร้ายละกันนะ
“สวัสดีคุณชายฟู่” นางทักทาย
“ท่านมาเดินเล่นเหรอเจ้าคะ เหมือนข้าเลย ข้ามาซื้อของเข้าบ้าน ตอนนี้ก็ได้ครบแล้ว ขอตัวก่อนนะเจ้าคะ ไว้พบกันใหม่ ลาล่ะเจ้าค่ะ”
นางพูดอย่างรวดเร็ว และทำท่าลา และเดินมาหาอาปิง
“ข้าหิวแล้ว หาข้าวกินกัน เอาที่เป็นส่วนตัวหน่อย ข้ามีเรื่องอยากถามเจ้าเยอะเลย”
ลี่เซียนบอก อาปิงเลยพานางเดินไปที่หอ อวิ๋นเจี้ยนเพื่อทานข้าว เพราะที่นั่นมีห้องส่วนตัว สะดวกที่จะคุยกัน
ฟู่เว่ยหลงยืนงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาพึ่งเห็นหน้านางชัดๆ ก็วันนี้ นางถือว่าเป็นสตรีที่หน้าตางดงามมากคนหนึ่ง แต่เขายังไม่ทันได้ขอโทษนาง เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวันก่อนเลย นางก็ไปเสียแล้ว เขาควรจะตามนางไปดีหรือไม่ ช่างน่าสนใจยิ่งนัก น้อยคนที่กล้าสบตาเขาตรงๆ แบบที่นางทำ สตรีในเมืองหลวง มักจะคอยแอบมองเขา และแอบไปคุยกันเองลับหลังเขา ซึ่งเขาจะรู้สึกหงุดหงิดกับความไร้สาระนี่ทุกครั้ง
แม้แต่นางเองก็ด้วย ที่คอยเอาทั้งอาหาร และขนมหวาน มาส่งให้เขาผ่านหมิงอี้บ่อยๆ เขาไม่เคยแม้แต่จะแลเลยสักครั้ง ทุกครั้งจะเป็นหมิงอี้และพวกทหารองครักษ์ ที่รับไปกินแทน แต่วันนี้กลับแปลกไป นางไม่เพียงไม่สนใจเขา ยังหลีกหนีเขาอีกด้วย
“คุณชาย เอาอย่างไรต่อดีขอรับ จะกลับเลย หรือ ลองตามพวกนางไปดี ขอรับ”
หมิงอี้ลองถามดู เขาคาดว่าคุณชายคงไม่สนใจและคงกลับจวนแน่ๆ
“ตามพวกนางไป” ……..
“ท่านพี่ ท่านแต่งตัวเสร็จหรือยังเจ้าคะ มาช่วยผูกที่คาดเอวให้ข้าทีสิ เว่ยหลง ท่านทำอะไรอยู่”“มาแล้วๆ ฮูหยิน เจ้าอย่าใจร้อนสิ ไหนดูสิ ท้องเจ้าเริ่มโตแล้ว เจ้าจะเดินทางโดยรถม้าอีกไม่ได้แล้วนะ วันนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้วนะ ต่อไปก็นั่งรอคลอดอยู่ที่จวนดีๆซะ”“เร็วเข้าๆ ท่านผูกให้ข้าหน่อย อาปิงกับอิ้นสี่ไปเตรียมของขวัญ เดี๋ยวจะไม่ทันแล้ว เว่ยหลง ท่านชักช้าอะไรอยู่”“ก็มัดอยู่นี่ไง เจ้าอย่าเร่งข้าสิ”ฟู่เว่ยหลงเร่งมัดสายคาดเอวให้ฮูหยินอย่างทุลักทุเล ช่วงนี้ท้องนางเริ่มโตขึ้น การแต่งตัวทำได้ยากกว่าเดิม นางมักจะหงุดหงิดง่ายเวลาเรียกหาใครแล้วมาหาช้า ช่วงนี้นางเจริญอาหารมากเป็นพิเศษ และก็ยังนอนมากเป็นพิเศษอีกด้วย ซึ่งทำให้เว่ยหลงพอใจยิ่งนัก แต่วันนี้ พวกเขาต้องไปร่วมยินดีในงานมงคลสมรสของเจ้าซีห่าวกับเสี่ยวหง และเจียงเฉิง กับเฟยเฟย ซึ่งพวกเขาตกลงหาฤกษ์ยามทันทีที่ตกลงกันได้ เนื่องจากฟู่ลี่เซียนท้องเริ่มโตขึ้นแล้ว จะไปงานพวกเขาลำบาก จะรอให้นางคลอดก่อนค่อยแต่ง สองหนุ่มก็รอไม่ไหว จึงรีบหาฤกษ์วันเดียวกันและแต่งพร้อมกันทีเดียวสองคู่เสียเลย“เสร็จแล้วๆ ไปกันได้แล้ว”“เดี๋ยวเจ้าค่ะ ข้ายังไม่ได้ใส่ต่างหูเล
“เฟยเฟย ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า”เฟยเฟยหันมาเห็นเจียงเฉิงที่กำลังเดินมา นางไม่ต้องการรับรู้เรื่องนี้ซ้ำอีก น้ำตานางไหลเป็นทาง เจียงเฉิงรู้แล้วว่าเขาคงมาช้าไป หลิวอี้เจินต้องพูดอะไรกับนางแน่ นางถึงขั้นหลั่งน้ำตา“เฟยเฟย รอข้าก่อน เฟยเฟย”หลิวอีเจินดึงเขาไว้“พี่เฉิงเจ้าคะ ปล่อยนางไปก่อนเถอะเจ้าค่ะ ข้ามีเรื่องจะคุยกับท่าน”“แม่นางหลิว เจ้าพูดอะไรกับนาง เหตุใดนางจึงร้องไห้”“ข้าก็แค่ บอกว่าผู้ใหญ่ของพวกเรากำลังคุยกันด้านใน เรื่องงานแต่งของเรา”“เหลวไหลทั้งเพ คุณหนูหลิว ข้าบอกเจ้าไปแล้วว่าข้าไม่ได้คิดอะไรกับเจ้า ข้าไม่มีทางแต่งงานกับคนอื่น”“แต่ท่านจะแต่งงานกับนางงั้นหรือ เจียงเฉิง ท่านไม่กลัวผู้อื่นนินทาหรืออย่างไร สมภารกินไก่วัด น่าไม่อาย”“ความรักของข้ากับเฟยเฟยเป็นของจริง มีเรื่องใดที่น่าไม่อาย ที่ไร้ยางอายนะ ใครกันแน่ ข้าไม่เคยไปตกลงว่าจะแต่งกับเจ้า แต่เจ้ากลับแต่งเรื่อง พูดขึ้นมาเองจนนางเข้าใจข้าผิด เจ้าต่างหากที่หน้าด้าน ไร้ยางอาย ขอตัว”“ท่านหยุดนะ!! ท่านมาว่าข้าเสียหายแบบนี้แล้วจะเดินหนีอย่างนั้นหรือ ท่านคิดว่าท่านเป็นใคร แค่พ่อค้าคนหนึ่ง ท่านมีอะไรสู้ตระกูลหลิวของข้าได้งั้นหรือ
หลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการแสดงแล้ว ช่วงต่อไปก็เป็นช่วงที่มีการแสดงของโรงงิ้ว และแขกเหรื่อก็ทยอยเข้ามาแสดงความยินดีกันอย่างไม่ขาดสาย รวมถึง“คุณชายเจียง ข้ามาช้า โปรดอภัย”“ใต้เท้าหลิว ไม่เป็นไรขอรับ ยินดีต้อนรับ เชิญตามสบายขอรับ”“พี่เฉิง ยินดีด้วยนะเจ้าคะที่เปิดร้านใหม่ วันนี้ข้าตั้งใจมาหาท่านโดยเฉพาะเลยเจ้าค่ะ”เฟยเฟยหันไปมองเจ้าของเสียง สตรีหน้าตาน่ารัก ดูสูงศักดิ์ เรียกเขาว่าพี่เฉิงอย่างสนิทสนม“คุณหนูหลิว ขอบใจเจ้ามาก”เฟยเฟยหันไปมองหน้าเขา เจียงเฉิงจึงนึกขึ้นได้“ออ ลืมแนะนำไปขอรับ นี่ เจ้าเฟยเฟย น้องสาวเจ้าซีห่าว น้องรองของข้า หนึ่งในเจ้าของหออ้ายจือขอรับ”“เฟยเฟยคารวะใต้เท้าหลิว ฮูหยินหลิวเจ้าค่ะ ทุกทานเชิญตามข้ามาได้เลยเจ้าค่ะ ข้าจะไปหาที่นั่งใ ด้านล่างเต็มแล้ว เชิญชั้นสองดีกว่าเจ้าค่ะ”“พี่เฉิง พี่พาพวกเราไปก็ได้เจ้าค่ะ ไม่รบกวนแม่นางเจ้าแล้ว ขอบคุณ”แม่นางหลิวมองเฟยเฟย และเชิดใส่เล็กน้อย นางเดินไปเกาะแขนเจียงเฉิงให้เขาพานางไปเลือกโต๊ะ เฟยเฟยได้แต่เดินตามพวกเขาไปเงียบๆ เมื่อพวกเขาได้โต๊ะแล้ว เจียงเฉิงจึงนั่งกับพวกเขา เฟยเฟยเลยเดินเลี่ยงออกมาลี่เซียนเห็นเฟยเฟยเดินมาหงอยๆ นางจ
เสียงประทัดดังขึ้นหน้าหออ้ายจือหลังใหม่ พร้อมกับทุกคนที่มาร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีเปิดร้านใหม่ เต็มหน้าลานการแสดง เจียงเฉิงเป็นตัวแทนของร้านออกมากล่าวต้อนรับ“ยินดีต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ ที่ได้สละเวลามาร่วมในงานเปิดร้านใหม่ของหออ้ายจือสาขาสองของพวกเรา วันนี้จะมีการแสดง ทั้งของเหล่าไอดอลหออ้ายจือของเรา และกลางคืนยังมีการแสดงงิ้ว และงานเทศกาลโคมไฟไปพร้อมๆกันด้วย ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับงานในวันนี้ และที่สำคัญ เชิญทุกท่าน ร่วมรับประทานอาหาร เพื่อเป็นสิริมงคลแก่พวกเรา ทุกท่านเชิญ”แขกหน้าร้านทุกคนปรบมือ และทยอยเข้าไปนั่งภายในร้าน ซึ่งโอ่อ่า และกว้างขวางมาก โต๊ะเกือบ 50 โต๊ะ ทยอยเต็มอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ ด้านบนชั้นลอย จะเป็นที่สำหรับผู้หลักผู้ใหญ่ที่มาร่วมงาน เถ้าแก่อวิ๋นเองก็นั่งโต๊ะถัดไป และคอยช่วยเจ้าซีห่าวจัดแจงที่นั่งให้แขกผู้ใหญ่“พี่เจียง พี่ใหญ่ พี่สามมาแล้วเจ้าค่ะ”เฟยเฟยตะโกนเรียกทั้งสอง ซึ่งพวกเขารีบวิ่งออกไปต้อนรับนาง ฟู่เว่ยหลงค่อยๆพยุงลี่เซียนลงมาจากรถม้า“น้องสามๆๆ คอยๆเดิน ระวังๆหน่อย หลานข้าอยู่ในท้องเจ้า จะเดินไปไหนต้องระวังหน่อย”“พี่รอง ข้ารู้แล้วเจ้าค่ะ ท่านว่าเว่ยหลงจะย
จวนสกุลฟู่“คำนับฟ้าดิน”“คำนับบุพการี”“คำนับกันและกัน”“ส่งตัวเข้าหอ”อาปิงและอิ้นสี่ พาหลินลี่เซียนเดินไปที่ห้องหอที่จัดเตรียมไว้สำหรับพิธีสมรสพระราชทานของท่านเม่ทัพหลวงคนใหม่ และฮูหยินแม่ทัพฟู่“อาปิง ข้าหิวจนไส้จะขาดอยู่แล้ว มีอะไรให้ข้ากินได้บ้างมั้ย”“ฮูหยินเจ้าคะ รอสักครู่นะเจ้าคะ ข้าจะเอาขนมมาให้ท่าน แต่ท่านอย่าเปิดผ้าคลุมหน้านะเจ้าคะ จะเสียฤกษ์ ต้องรอให้ท่านแม่ทัพเปิดนะเจ้าคะ”“รู้แล้วๆ รีบไปหาของกินมาทีเร็ว กว่าเว่ยหลงจะเข้ามาอีกนาน เขาต้องรับแขกข้างนอกอีก ป่านนั้นข้าหิวตายอยู่ตรงนี้แหละ”อาปิงรีบออกไปยกขนมมาให้หลินลี่เซียนกิน อิ้นสี่รินน้ำชาส่งให้นางใต้ผ้าคลุมเพื่อให้นางดับกระหาย“อา ค่อยยังชั่วหน่อย นี่ หลังจากนี้ ต้องทำอะไรอีกล่ะ”“ก็รอให้เจ้าบ่าวเข้ามา เปิดผ้าคลุมหน้า ดื่มเหล้ามงคล แล้วก็... เข้าหอเจ้าค่ะ”“ข้าง่วงจังเลย”“ฮูหยิน ท่านจะนอนพักก่อนมั้ยเจ้าคะ แค่นั่งพิงหลับน่าจะได้”“อืม ข้าขอพักสักงีบ พวกเจ้าออกไปเถอะ”“เจ้าค่ะ”หลินลี่เซียนนั่งพิงกับขอบเตียง หลังจากที่กินขนมไป นางรู้สึกง่วงมากเพราะเตรียมตัวมาตั้งหลายวัน และวันนี้ก็ต้องตื่นแต่เช้า เพื่อเข้าพิธีอีก กว่าจะแ
ลี่เซียนตื่นขึ้นมา พบว่านางสวมใส่ชุดนอนเรียบร้อยแล้ว คงเป็นเพราะพ่อคนดีข้างๆ นางนี่เอง ที่จัดการให้ นางยิ้มและก้มหอมแก้มเขาเบาๆ เขาลืมตาขึ้นมา“เจ้าตื่นแล้วหรือ ยังเจ็บแผลอยู่หรือไม่”“ไม่แล้วเจ้าค่ะ เมื่อคืน ท่านใส่ยาและสวมเสื้อผ้าให้ข้าหรือเจ้าคะ”“ใช่ เจ้าลุกไหวหรือไม่ ให้ป้าจางยกข้าวมาให้กินที่นี่ก็แล้วกันนะ”“วันนี้ท่านจะไปไหนหรือเปล่าเจ้าคะ”“ข้าจะเข้าวังหน่อย เจ้ามีอะไรหรือเปล่า”“เปล่าเจ้าค่ะ งั้นข้าจะรอฟังข่าวอยู่ที่นี่นะเจ้าคะ ท่านลุกเถอะเจ้าค่ะ ไปอาบน้ำ เตรียมเข้าวังได้แล้ว”“ได้สิ เจ้าจะอาบน้ำเลยหรือไม่ ข้าจะได้ให้อาปิงเตรียมน้ำยาแช่ตัวให้”“เจ้าค่ะ ขอบคุณนะเจ้าคะ”เว่ยหลงก้มลงจูบที่หน้าผากนาง วันนี้เขาจะเข้าวังไปสะสางงานที่เหลือจากเมื่อวาน และไปฟังข่าวด้วย ที่สำคัญ วันนี้มีการกำหนดโทษของสนมฉิน ฉืนอี้เหนียงและฉินชุนเหมยด้วยพวกเขากินข้าวเช้าในห้องของลี่เซียนเสร็จแล้ว นางเดินมาส่งเขาหน้าจวน เขาหันมาบอกนาง“รอข้านะ เดี๋ยวข้าก็กลับ”“ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้วนี่นา ท่านไปเถอะเจ้าค่ะ ข้าอยู่ได้”เว่ยหลงส่งยิ้มให้นาง ก้มลงหอมแก้มข้างที่ไม่มีผ้าปิดแผล และหันกลับไปขี่ม้าเพื่อเข้าวัง ล