หยูเพ่ยอันบุตรอนุของจวนขุนนางขั้นสอง ได้รับราชโองการให้แต่งงานกับท่านอ๋องอี้เหวิน แต่เขานั้นคืออ๋องตกยากถูกริบทรัพย์และบรรดาศักดิ์ไปจนสิ้น เหลือเพียงแต่ตัวและถูกส่งมาให้อยู่ด้วยกันในจวนร้างเล็กๆ แถมเขานั้นยังพิการขาหักเพราะป้องกันการก่อกบฏจนตนเองบาดเจ็บ แต่สุดท้ายด้วยความหวาดกลัวว่าเขานั้นจะขึ้นไปเป็นใหญ่เสียเอง จึงได้กำจัดเขาโดยป้ายสีในความผิดที่เขาไม่ได้ก่อ และให้แต่งงานกับบุตรของอนุของขุนนางขั้นสองที่มิได้มีอำนาจใดจะช่วยเกื้อหนุนเขาได้ และอ๋องผู้นี้ยังมีลูกติดหนึ่งคนอีกด้วย หยูเพ่ยอันจึงจำต้องดูแลทั้งพ่อและลูกในเรือนร้างแห่งนี้……
ดูเพิ่มเติมตระกูลหยูของหยูหลี่กงขุนนางขั้นสองได้รับราชโองการให้บุตรสาวของเขาแต่งงานกับท่านอ๋องอี้เหวิน แต่แทนที่ตระกูล หยูจะดีใจที่บุตรสาวนั้นจะได้เป็นถึงพระชายาของท่านอ๋อง กลับทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก จำต้องน้อมรับราชโองการนั้นเอาไว้ หลังจากเฉากงกงเดินออกไปจากจวนตระกูลหยูแล้ว ฮูหยินใหญ่ก็หันไปพูดกับสามี
“ ท่านพี่เจ้าคะ ข้าไม่ยอมให้ลูกของเราแต่งงานกับอ๋องนั่นอย่างเด็ดขาด คนไม่มีอนาคตอย่างนั้นใครจะอยากส่งบุตรสาวไปเป็นภรรยาของเขากัน ” นายท่านหยูขุนนางการคลังขั้นสองนิ่งอึ้งไปเช่นกัน “ แล้วจะทำอย่างไรดีเล่า ในเมื่อมันเป็นราชโองการที่ต้องให้บุตรสาวของข้าแต่งงานกับอ๋องผู้นั้นแล้วไปอยู่ที่จวนกับเขา ” ฮูหยินใหญ่ที่ไม่มีทางปล่อยให้บุตรสาวที่นางรักและเลี้ยงดูมาอย่างกับไข่ในหินแต่งงานไปกับคนพิการแถมยังไร้สิ้นยศถาบรรดาศักดิ์และทรัพย์สินเพราะถูกริบไปหมดแล้ว จึงได้ตัดสินใจเอ่ยว่า
“ ก็บุตรสาวของท่านพี่ไม่ได้มีแค่ลูกของเรานี่เจ้าคะ ยังมีเพ่ยอันอีกคน ถ้าเช่นนั้นให้นางแต่งงานกับอ๋องนั่นไปก็แล้วกัน ท่านพี่จะขัดข้องไหมเจ้าคะ “ นางหันไปจ้องมองสามี และแน่นอนว่านายท่านหยูหลี่กงที่ไม่เคยมีปากเสียงกับฮูหยินของตนเองมาตั้งนานแล้ว ก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย ” ถ้าเจ้าต้องการแบบนั้นก็จัดการไปเลยก็แล้วกัน ข้าไม่ขัดข้อง "
แล้วเขาก็เดินกลับเข้าเรือนไปอย่างไม่สนใจเรื่องเหล่านี้อีก เพราะเขาปัดความรับผิดชอบไปให้กับฮูหยินของตนเองแล้ว ว่าจะจัดการอย่างไรก็แล้วแต่นาง จากนั้นเขาก็แต่งตัวออกจากจวนไปเพื่อโขลกหมากรุกกับสหายอย่างไม่ได้สนใจไยดีกับผู้อื่นเช่นเคย
แม้เพ่ยลี่กับเพ่ยอันจะเป็นบุตรสาวของเขาเช่นเดียวกัน แต่ด้วยเขามีบุตรสาวและบุตรชายหลายคนด้วยกัน และเป็นบุตรจากฮูหยินใหญ่ถึงสี่คน และเป็นของอนุอีกสามคน แต่นอกจากบุตรสาวสองคนแล้ว นอกนั้นเป็นบุตรชายทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นหากเพ่ยลี่เอ๋อบุตรสาวของฮูหยินใหญ่ไม่แต่งงานไปตามราชโองการ ก็คงจะต้องปัดภาระนั้นมาให้กับหยูเพ่ยอันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ส่วนหยูเพ่ยอันนั้น เป็นบุตรของอนุที่เขาแทบจะลืมไปแล้วว่ามีนางอยู่ในจวน นางเป็นอนุคนแรกของเขา แต่ด้วยความที่ตอนที่ยังหนุ่มเขาเป็นชายเจ้าชู้มีฮูหยินใหญ่แล้วก็ยังมีอนุอีกหลายคน มีหญิงอุ่นเตียงอีกนับไม่ถ้วนจนจำไม่ได้ด้วยซ้ำมีกี่คนเข้าไปแล้ว แต่ฮูหยินหยูนางฉลาดและร้ายกาจนางมีบุตรชายและบุตรสาวให้เขาถึงสี่คน จนสามีพอใจแล้วเพราะมีบุตรชายสืบสกุลที่เกิดจากนางที่เป็นบุตรขุนนางที่มีตำแหน่งใหญ่กว่าเขา สามารถเกื้อกูลเขาได้
และที่ผ่านมาด้วยอำนาจของบิดาของนาง ก็ทำให้เขาไต่เต้าจากขุนนางตัวเล็กๆ ที่ไม่มีทั้งอำนาจครอบครัวเดิมและไม่มีเงินทองใด จากบัณฑิตยากจนที่สอบเข้ารับราชการได้ เป็นคนบ้านนอกโดยแท้ เขาแค่มีความทะเยอทะยานอยากจะเป็นใหญ่เป็นโตกับเขา เพื่อให้เป็นที่นับหน้าถือของคนในหมู่บ้านเล็กๆที่เป็นที่ตั้งของตระกูลหยูหรือบ้านหยูชาวบ้านธรรมดาๆ ที่สืบเชื้อสายกัันมาในหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งในเมืองที่แทบจะติดชายแดนแคว้นอื่น
เมื่อมีโอกาสได้เข้ารับราชการและพบรักกับบุตรีขุนนางใหญ่เขาก็จับนางเอาไว้มั่นเพื่อความก้าวหน้าและมันก็ช่วยส่งเสริมเขาได้จริงๆ จนมาถึงวันนี้ก็มาไกลเกินกว่าที่เขาคาดหมายเอาไว้แล้ว ชีวิตเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ฮูหยินของเขาแม้จะยึดอำนาจของเรือนหลังเอาไว้ เขาจะทำอะไรก็ต้องเกรงใจนาง ไม่ทำให้นางต้องขุ่นเคืองใจจนเกินไป แม้เขาจะเจ้าชู้และขอรับอนุเข้ามาในจวน และมีหญิงอุ่นเตียงบ้าง ฮูหยินหยูก็ทำเป็นมองไม่เห็นเสีย เพราะนางก็เริ่มอายุมากแล้ว แต่ก็ฉลาดและร้ายกาจเช่นเดิม ไม่เคยมีอนุใดจะได้สุขสบายและมีโอกาสขยับฐานะได้ในจวนหยูนี้
มีแต่อนุที่เมื่อพบความจริงว่าไม่มีทางที่ชีวิตจะดีไปกว่านี้ มีแต่จะถูกลืมเมื่อวันเวลาผ่านไป ก็ขอลากลับไปอยู่บ้านเดิม ก็ไม่มีผู้ใดขัดข้อง บางคนก็ได้เงินเล็กๆน้อยๆกลับไปตั้งตัว บางคนก็ไม่ได้อะไรเลย แล้วแต่ว่าฮูหยินใหญ่จะหมั่นไส้ใครมากน้อย บางคนก็เวทนาให้เงินทองติดตัวไป แต่ก็มีหลายคนที่แทบไม่ได้อะไรไปจากจวนตระกูลหยูเลย ส่วนมารดาของหยูเพ่ยอันมีบุตรกับนายท่านหยูจึงอยู่ที่นี่ได้ แต่ชีวิตความเป็นอยู่ของสองแม่ลูกนั้นก็ไม่ได้สบายนัก
สองแม่ลูกนั้นไม่มีสาวใช้ของตนเอง ถูกให้ย้ายไปอยู่เรือนหลังเล็กที่ทรุดโทรมไปตามกาลเวลา อยู่หลังจวนหยูที่ทุกคนในจวนแทบจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่ายังมีอนุลิ่วมารดาของเพ่ยอันอยู่ในเรือนเล็กหลังจวน แต่ก็ยังดีที่ฮูหยินใหญ่นั้นไม่ถึงกับเลวร้ายจนเกินไป นางก็ยังให้เบี้ยเลี้ยงเล็กน้อยเอาไว้ประทังชีวิตบ้าง แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร อนุลิ่วนั้นต้องรับจ้างนำเสื้อผ้ามาเย็บที่เรือนโดยไปของานมาจากร้านอาภรณ์ในตลาดที่ต้องการลูกมือช่วยเย็บอาภรณ์ จึงทำให้สองแม่ลูกพอมีเงินทองใช้สอยอยู่บ้าง
ทั้งสองอยู่ในจวนก็ใช้ประตูเล็กเข้าออกเช่นเดียวกับพวกบ่าวไพร่ อนุลิ่วแทบจะลืมไปแล้วว่านางคือเมียคนหนึ่งของนายท่านหยู เพราะเขาไม่เคยมาหานางนานมาแล้ว แต่นางก็ไม่มีที่ไปและเป็นห่วงบุตรสาวคนเดียวไม่อยากให้นางต้องซัดเซพเนจรไปกับตนเองจึงทนอยู่ในจวนนี้ เพราะอย่างน้อยมันก็มีที่ซุกหัวนอนที่ไม่ต้องเสียค่าเช่า เพ่ยอันแทบจะไม่เคยเข้าไปในเรือนหลักเลย ไม่สนิทกับพี่น้องของตนเอง เพราะคนเหล่านั้นไม่ได้นับญาติกับนาง ไม่เคยนับว่านางคือน้องสาว มีเพียงอาภรณ์เก่าของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพี่สาวเท่านั้นที่พวกเขาเอื้ออาทรโล๊ะมันมาให้ใช้ เพราะอย่างไรก็ต้องทิ้งมันไปอยู่แล้ว
ฮูหยินใหญ่ให้สาวใช้มาบอกกับอนุลิ่วเรื่องที่จะต้องให้เพ่ยอันแต่งงานไปกับท่านอ๋องอี้เหวินเพราะมีราชโองการมาเมื่อวานนี้ และในอีกสามวันจะส่งเพ่ยอันไปที่จวนของท่านอ๋องอี้เหวินที่อยู่อีกฟากหนึ่งของเมือง สองแม่ลูกตกใจมากและร้องไห้กอดกันอย่างไม่รู้จะทำเช่นไร แต่ในเมื่อไม่มีทางเลือกเพ่ยอันจำต้องยอมแต่งงานไปกับใครก็ไม่รู้ที่นางไม่รู้จัก ก่อนวันแต่งงานสาวใช้นำชุดเจ้าสาวที่นับว่าเป็นชุดใหม่ที่สุดที่เพ่ยอันเคยมีมาให้นางที่เรือน กำชับว่าพรุ่งนี้ให้แต่งตัวแล้วออกไปขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวที่หน้าจวน แล้วสาวใช้เก่าแก่คนสนิทของฮูหยินหยูก็เดินจากไปทันที
“ อันเอ๋อ ไม่เป็นไรนะลูก ในเมื่อท่านพ่อให้เจ้าแต่งงานออกไปก็คงจะจำต้องแต่งยิ่งมันเป็นราชโองการจากฮ่องเต้ก็คงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ลูกแค่แต่งงานไปอยู่ที่จวนท่านอ๋องที่อยู่อีกฟากหนึ่งของเมืองนี่เอง หากวันไหนคิดถึงแม่ก็มาเยีี่ยมได้ เราไม่ได้จากกันไปไกลมากนะลูก ”
อนุลิ่วผู้ไม่รู้เรื่องรู้ราวได้ฟังแต่ที่สาวใช้มาบอกว่ามีราชโองการให้เพ่ยอันแต่งงานกับท่านอ๋องอี้เหวินในอีกสามวัน ไม่รู้ว่าที่จริงแล้วราชโองการนั้นไม่ได้บอกว่าต้องเป็นบุตรสาวคนใดของนายท่านหยูหลี่กง แต่ฮูหยินใหญ่กำชับสาวใช้และทุกคนที่รู้เรื่องนี้ไม่ให้บอกกับอนุลิ่วและเพ่ยอันว่าที่จริงแล้วในราชโองการไม่ได้บอกว่าต้องเป็นนาง แค่บอกว่าเป็นบุตรสาวของนายท่านหยูหลี่กงเพียงเท่านั้น
บทส่งท้าย เรื่องชีวิตรักของคุณชายหวู่เฉิงหว่าน นั้นอาภัพรักจริงหรือไม่ …..คุณชายหวู่เฉิ่งหว่านผู้ช้ำรัก หลังจากที่เขากลับมายังเมืองชานตง และได้เข้าไปที่ร้านอาภรณ์พบกับมารดาของเพ่ยอัน และได้รู้เรื่องราวทั้งหมดว่าเพ่ยกันกลับไปคืนดีกับสามีของนางแล้ว และพวกเขากำลังจะแต่งงานกันอีกครั้ง และนางนั้นได้เป็นถึงพระชายาของท่านอ๋องอี้เหวิน และอีกไม่นานมารดาของนางที่ดูแลร้านให้เขาอยู่ในขณะนี้ก็จะขอลาออก เพื่อย้ายไปอยู่กับบุตรสาวที่ตำหนักของท่านอ๋อง เพราะเพ่ยอันตั้งครรภ์ตั้งแต่อยู่ที่ร้านนี้แล้ว แต่นางไม่ได้บอกผู้ใด จนเมื่อคืนดีกับสามีนางถึงได้บอกกับทุกคนว่านางตั้งครรภ์บุตรของท่านอ๋องอี้เหวินแล้ว เป็นอันว่าหนทางรักของเขากับเพ่ยอันสิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ ความหวังของเขาที่จะรับนางเป็นอนุนั้นเป็นหมันลงอีกครั้ง แต่อีกใจนั้นเขาก็ยินดีกับนางด้วย นางนั้นมีวาสนาได้เป็นถึงพระชายาของท่านอ๋อง จะมามัวอยากจะฉุดรั้งนางเอาไว้กับเขาและมอบเพียงตำแหน่งอนุให้กับนางนั้น ดูจะเป็นการเห็นแก่ตัวไม่น้อย คุณชายหนุ่มรับปากกับมารดาของเพ่ยอันว่าจะหาคนมาดูแลร้านนี้แทนนาง และมารดาของเพ่ยอันนั้นก็แสนจะดี นางบอกว่าจะอยู่ดูแลร้
“ อ๊าย อ๊ายย อ๊ะ อ๊ะ อย่านะ อย่านะ อ๊าย ” อดีตชายาที่กำลังจะต้องหวนคืนกลับมาดิ้นรนส่ายร่างไปมา นางแอ่นอกจนโค้งขึ้นหาปากหนานั่น อ๋องหนุ่มยิ่งดูดดึงนางยิ่งขึ้น เขาทั้งเลียทั้งดูดดื่มมัน จนร่างบางครวญครางกระเส่าอย่างทนต่อไปไม่ไหวมือหนาของเขาควานลงไปในชุดกระโปรงของนางจนพบเนินอวบใหญ่เต็มมือของเขา แล้วตรงเข้าขยำมันเบาๆ บีบเค้นคลึงไปมา นิ้วแกร่งก็สอดเข้าไปควานในร่องอวบนั้น นิ้วแกร่งสอดเข้าไปในร่องอวบนั้นช้าๆ จนมันมิดลำกาย เพ่ยอันกรีดร้องเสียงดังด้วยความเจ็บปวดเพราะนางนั้นแม้จะเคยเริงรักกับเขามาแล้ว แต่ก็ห่างกายกันไปนาน จึงยังทั้งเจ็บทั้งแสบไม่น้อย อ๋องหนุ่มประกบจูบนางทันทีอย่างดูดดื่ม เขาวนเวียนจูบนางจนเคลิบเคลิ้ม มือด้านล่างก็ชักเข้าสุดออกสุด จากที่เป็นจังหวะช้าๆก็เร่งขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งกระแทกนางอย่างรัวเร็ว “ อ๊าย อ๊าย อ๊าย อ๊ะ อ๊ะ ” สะโพกอวบของนางกระตุกเกร็งหลายๆครั้ง น้ำหวานของนางซึมออกมาเปื้อนมือของเขา ร่างบางหอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย อ๋องหนุ่มปลดสายคาดเอวของเขาออก แล้วดึงรั้งกางเกงเอารูดของเขาลงไปจนพ้นหัวเข่า เพื่อปลดปล่อยลำกายอวบใหญ่่ออกมา มันพรักพร้อมเมื่อเห็นเมียรักส่า
ส่วนอ๋องหนุ่มทำเป็นยังไม่ฟื้นแต่ก็แอบมองชายาของตนเองเวลาที่นางเผลอ เขาไม่อยากจะหายเร็วจนเกินไป อยากจะแสร้งทำเป็นเจ็บป่วยและอ้อนนางอยู่ที่นี่จนกว่านางจะหายโกรธและยอมกลับตำหนักไปกับเขา ก่อนมาเขาขอให้ฮ่องเต้ที่เป็นพี่ชายต่างมารดาของเขาดูแลท่านหญิงน้อยให้เขาแล้วจึงไม่ต้องเป็นห่วงบุตรสาว อ๋องหนุ่มแสร้งทำเป็นนอนสลบอยู่บนเตียงยังไม่ฟื้นทั้งที่จริงเขาฟื้นหลังจากที่ท่านหมอกลับไปเพียงแค่ครู่เดียว และเขารู้สึกว่าไม่ได้เจ็บปวดอะไรมาก เพียงแค่เขาอาจจะเคยมีอาการบาดเจ็บที่ศีรษะมาก่อนที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ความจำเสื่อมและคงจะกระแทกถูกบาดแผลเก่าเข้า ทำให้เขาสลบไป แต่เขารู้สึกว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก มีเพียงแค่แผลที่หัวและที่แขนซ้ายนิดหน่อยเท่านั้น หลังจากที่นอนไปหลายชั่วยามก็รู้สึกว่าอาการดีขึ้นมากจนสามารถลุกขึ้นได้แล้ว แต่เขาเกรงชายาจะไล่ให้เขากลับไปเขาจึงทำเป็นยังไม่ฟื้น และเมื่อถึงเวลาค่ำคืน หลังจากที่มารดาของเพ่ยอันมาดูอาการท่านอ๋องก่อนที่นางจะเข้านอนในอีกห้องหนึ่งแล้ว เพ่ยอันจำต้องอยู่ดูแลเขาในห้องนี้เผื่อว่าเขาจะฟื้นขึ้นมานางจะได้ให้เขาดื่มยาที่ท่านหมอเจียดเอาไว้ให้เพ่ยอันเดินไปนอนที่ตั่งไม้ริมผนั
แต่นั่นเป็นเพียงความคิดของเพ่ยอันเพียงเท่านั้น อ๋องหนุ่มตั้งใจเอาไว้แล้วว่าเขาจะไม่มีทางยอมแพ้ เขาเช่าห้องแถวที่ว่างอยู่ตรงข้ามกับห้องแถวของนางเพื่อจับตาดูนางกับคุณชายหวู่และอาจจะมีบุรุษอีกหรือไม่ เขาจะต้องรู้ให้ได้ว่านางมีรักใหม่กับชายอื่น และนางคิดจะสวมหมวกเขียวให้เขาหรือไม่ ด้านฮ่องเต้ก็สถาปนาพระสนมเอกคือท่านหญิงอวี้ชางและย้ายนางมาอยู่ตำหนักใกล้ๆกันกับเขา โดยบิดาของนางตอนแรกก็ตกใจยิ่งนัก เพราะเป็นเรื่องที่เขาคาดไม่ถึง แต่กลับกลายเป็นธิดาของเขาได้ดีกว่าเดิม นางกลายเป็นสนมเอกของฮ่องเต้และดูทั้งสองจะรักใคร่และหลงไหลกันมากอีกด้วย ท่านอ๋องอิ้นจึงไม่รื้อฟื้นเรื่องการแต่่งงานกับท่านอ๋องอี้เหวินอีก เขาปล่อยผ่านมันไป เพราะเขาสมใจเรื่องธิดาแล้ว และนางทำท่าว่าจะได้ดีกว่าเดิม อีกไม่นานคงจะเลื่อนขัั้นขึ้นไปอีก เพราะเขาสังเกตุว่าฮ่องเต้ดูจะหลงไหลนางมาก หากนางตั้งครรภ์มังกรเขาก็สบายและนางเองก็สบาย เมื่อเสร็จพิธีการสถาปนาธิดาเขาก็เดินทางกลับไปยังเมืองที่ตนเองปกครองทันที เรื่องของท่านหญิงอวี้ชางก็จบลงโดยดี นางพอใจและหลงไหลฮ่องเต้หนุ่มมาก นางแทบจะลืมไปเลยว่านางเคยหลงรักท่านอ๋องอี้เหวิน เพราะนาง
อ๋องหนุ่มนั้นเมื่อไปราชการนอกเมือง เมื่อนั่งรถม้ากลับมากับคนสนิทคือเฉฺิินหมิ่นนั้น อยู่ๆ เขากลับฟื้นความทรงจำได้ และจดจำได้ว่าตนเองแต่งงานใหม่แล้ว และชายาคือหยูเพ่ยอัน เขารีบกลับไปที่จวนท้ายตลาด แต่ไม่พบใครที่นั่น และนางไม่ได้เขียนจดหมายทิ้งไว้เลย นางพวกนางพากันย้ายไปอยู่ที่ใด นางเก็บข้าวของๆนางและมารดาไปหมด พวกเขาค้นทุกอย่างในจวนแล้ว มีแต่ข้าวของๆ ท่านอ๋องและท่านหญิงน้อยที่เก็บเอาไว้ที่เดิม แต่ไม่มีสิ่งใดที่เป็นของๆสองแม่ลูกเลย มีเพียงข้าวของที่พวกเขาซื้อหามาใช้และนางคงจะขนเอาไม่ได้ได้ จึงไม่ได้เก็บเอาไปด้วย อ๋องหนุ่มรู้สึกว่าความหวังว่าจะได้อยู่กันพร้อมหน้านั้นพังลงไปในพริบตา เมื่อพบว่าในจวนนั้นว่างเปล่าไม่มีร่างของเมียรักของเขาอยู่เลย “ ท่านอ๋องขอรับ พวกนางคงจะไปหลายวันแล้ว เพราะว่าฝุ่นเริ่มจะจับไปจนทั่ว ถ้าเช่นนั้นเรากลับกันก่อนดีหรือไม่ แล้วค่อยสืบหาพวกนางว่าย้ายไปอยู่ที่ใดกัน ” อ๋องหนุ่มนั่งนิ่งงัน เขานึกไม่ออกว่านางจะไปที่ใด และทำไมนางถึงไม่อยู่รอเขาที่นี่ หาเขาเสร็จภารกิจย่อมจะต้องกลับมารับนาง เฉินหมิ่นเห็นท่านอ๋องมีท่าทางเสียใจ เขาจึงได้สารภาพว่าเขาบอกกับพระชายาไปอย่า
แต่เมื่อค้นพบแล้วก็จะเก็บนางเอาไว้บำเรอรักเช่นนี้ แต่เขามิอาจยกนางเป็นฮ่องเอาได้ แต่เขาจะยกนางเป็นสนมเอกและท่านอ๋องอิ้นบิดาของนางก็คงจะพอใจที่นางจะแต่งเป็นเพียงชายาของอ๋องอี้เหวินน้องชายของเขา กับหญิงอื่น เขาแต่งกับพวกนางเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างแคว้นเพียงเท่านั้น และบางนางเขาก็แต่งเพื่อถ่วงดุลอำนาจของเขา และเพื่อความมั่นคงของแคว้นเพียงเท่านั้น เขาอยู่กับพวกนางเพราะหน้าที่ ดูแลพวกนางตามหน้าที่ของสวามี แต่กับท่านหญิงอวี้ชางสนมหมาด ๆ ผู้นี้ หญิงที่เขามองข้ามไม่เคยสนใจ เพราะเห็นว่านางจืดชืดจนเกินไป และทุกอย่างที่เขาทำลงไปในวันนี้ก็เพื่อน้องชายร่วมบิดา คืออ๋องอี้เหวินเท่านั้น แต่เขากลับพบว่า นางถูกอกถูกใจเขายิ่งนัก ฮ่องเต้หนุ่มโยกขย่มร่องอวบของนางสนมหมาด ๆ อย่างเร่าร้อน นางก็โยกสะโพกอวบรับลำกายแกร่งของเขา สองแขนเรียวก็ยกขึ้นโอบลำคอเขาเอาไว้ โน้มใบหน้าของเขาลงมาประกบจูบกันอย่างเต็มอกเต็มใจ ตอนนี้นางติดใจในรสรักของเขาไม่น้อย นางสุขสมเหลือเกิน “ พระองค์ หม่อมฉันจำได้แล้ว พระองค์คือองค์ฮ่องเต้ ใช่หรือไม่เพคะ ” อยู่ๆนางก็พลันนึกออกว่าเคยเห็นเขาที่ใด นางพบเขามาหลายครั้งแล้วนับ
ความคิดเห็น