“ต่อให้เจ้างดงามเพียงใดเจ้าก็ยังคงเป็นปีศาจน้อยของข้าอยู่ดี ข้าปล่อยให้เจ้าเสพสุขในจวนสกุลเฉินมานานกว่าสิบปีแล้ว ได้เวลาที่เจ้าจะต้องชดใช้คืนข้าบ้างแล้ว......ปีศาจน้อย” “กรี๊ด!!” “เจ้า!!” “ออกไปนะ เจ้าเป็นใครกันเหตุใดจึงได้เข้ามาในห้องอาบน้ำของข้า ออกไปนะ!!” “ปีศาจน้อย นี่ข้าเอง!!” “ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าไม่ทราบว่าจะมีคนเข้ามาใน…. ในนี้ท่านรีบสวมชุดก่อนเถอะเจ้าค่ะข้าจะออกไปรอข้างนอก” “เจ้าบอกว่าที่นี่…คือห้องอาบน้ำของเจ้างั้นหรือ” “เรื่องนี้…ทะ ท่านป้าเห็นว่าข้าควรจะแยกห้องอาบน้ำส่วนตัว ก็เลยสร้างห้องอาบน้ำให้ข้าไว้ที่นี่แต่ข้าไม่คิดว่าท่านแม่ทัพจะเข้ามา ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าจะกลับไปใช้…” “เดี๋ยว!!” “ในเมื่อเจ้าบอกว่าเป็นห้องอาบน้ำของเจ้า เช่นนั้นข้าก็ต้องขออภัยที่เข้ามาโดยมิได้รับอนุญาต” “มะ ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ทะ ที่นี่เป็น.... จวนของท่านดังนั้น…” “หือ เจ้าว่าอะไรนะข้าไม่ได้ยินเลย” “ปีศาจน้อย นี่เจ้ากำลังยั่วยวนข้าอยู่งั้นหรือ”
ดูเพิ่มเติมจวนแม่ทัพเฉิน / เมืองหลวง
“เพี๊ยะ!!”
“ฮูหยินพอเถอะเจ้าค่ะคุณชาย…กลัวแล้วเจ้าค่ะ ได้โปรดสั่งให้หยุดโบยเถิดเจ้าค่ะ”
“แม่นมถง ข้ามิได้สั่งโบยเพราะจะให้เขากลัวแต่ข้าอยากให้เขาจดจำว่าไม่ควรทิ้งน้องให้ยืนตากฝนอยู่ข้างนอกนั่น!!”
เสียงไม้โบยยังดังอยู่อีกสามครั้งจนจบ “เฉินจวินเซียว” ในอายุสิบสองปีหันมามองใบหน้าของมารดาที่ยืนกอดเด็กน้อยในวัยเจ็ดปีเต็มในอ้อมกอด นางร้องไห้และขอร้องมารดาของเขาให้ปล่อยเขาไปแต่มารดาของเขาที่โกรธเพราะเด็กน้อยผู้นั้นเปียกฝนไปทั้งตัว
“ท่านป้าเจ้าคะ อย่าตีคุณชายอีกเลย”
“เด็กน้อยเจ้ารีบเข้าไปข้างในให้อาหลันอาบน้ำให้ ทำร่างกายให้อบอุ่นเร็วเข้า”
“เจียงลี่หลิน” ในวัยเพียงเจ็ดขวบหันมามองผู้เป็นพี่ชายซึ่งทั้งสองมิได้มีความเกี่ยวพันกันทางสายเลือด สายตาที่เขามองนางตอนนี้ยิ่งทวีความเกลียดชังขึ้นมากกว่าเดิม
เขาไม่เคยเห็นว่านางเป็นน้องสาวและไม่เคยพูดจากับนางดี ๆ สักครั้งนับตั้งแต่นางก้าวเข้ามาในจวนสกุลเฉินแห่งนี้
หกเดือนก่อน
“หมายความว่าอย่างไร…. ท่านจะบอกว่าท่านอาจารย์ของข้า…ท่านลุงของข้าตายอยู่ที่เมืองฉางงั้นหรือ แล้วท่านพ่อข้าล่ะท่านแม่ขอรับลูกอยากจะไปหาท่านพ่อกับท่านลุง”
“เซียวเอ๋อร์อย่าทำความวุ่นวาย ท่านพ่อของเจ้ากำลังจะพาท่านลุงกลับมา เจ้าอย่าได้….ฮึก!!”
สกุลเฉินสูญเสียครั้งใหญ่เมื่อแม่ทัพใหญ่ “เฉินฮ่าว” ที่นำทัพไปปราบข้าศึกแคว้นเว่ยที่เมืองฉางเพื่อช่วยท่านหมอเทวดาและครอบครัว “สกุลเจียง” ของเขาที่ถูกฆ่าล้างตระกูลเนื่องจากข้าศึกต้องการแผ่อำนาจและชิงตำรับยาสกุลเจียงไปรักษากองทัพที่ติดโรคระบาด
เมื่อทราบข่าว เฉินฮ่าวพร้อมกับกองทัพสกุลเฉินจึงเดินทางไปช่วยครอบครัวท่านหมอเทวดานามว่า “เจียงอวี่ซิน” แต่เมื่อไปถึงกลับถูกล้อมและลอบโจมตีจนเกือบเอากองทัพไปทิ้ง
โชคดีที่ “เฉินลู่” น้องชายซึ่งเป็นรองแม่ทัพยกทัพไปช่วยเอาไว้ได้ทันแต่ทว่า…กลับสูญเสียแม่ทัพใหญ่ไปอย่างไม่มีวันกลับ
“ยังมีคนรอด สกุลเจียงคนสุดท้าย…. ฝากนางด้วย”
“พี่ใหญ่!!”
นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายของแม่ทัพใหญ่ที่กล่าวเอาไว้ก่อนสิ้นลม เฉินลู่หันมามองหน้าเด็กน้อยที่ตัวสั่นไปทั้งตัวและร้องไห้พร้อมกับถือผ้าเปื้อนเลือดในมือ นางคงช่วยแม่ทัพเอาไว้อย่างเต็มที่ของเด็กน้อยในวัยนี้แล้ว
“ข้าพยายามห้ามเลือดเอาไว้ และ และ…. ให้ท่านลุงดื่มยา แต่ว่า แต่…”
รองแม่ทัพเฉินดึงเด็กน้อยเข้ามากอดพร้อมกับปลอบเอาไว้ว่านั่นไม่ใช่ความผิดของนาง แม้ว่าจะมีนางอยู่หรือไม่ก็มิอาจช่วยชีวิตแม่ทัพใหญ่เฉินฮ่าวได้ บุตรีคนเดียวที่เหลืออยู่ของสกุลเจียงพร้อมกับตำราแพทย์เดินได้เดินทางมากับ “เฉินลู่”หลังจบศึกเมืองฉางที่แคว้นฉินปราบศัตรูได้ในที่สุด
“ข้าเกลียดนาง!! นางทำให้ท่านลุงต้องตาย เหตุใดต้องให้นางอยู่ที่นี่!!”
“เซียวเอ๋อร์ต่อไปนางจะเป็นน้องสาวของเจ้า รักกันเอาไว้”
“ไม่!! ข้าไม่มีทางมีน้องสาว นางคือปีศาจ!!”
“เซียวเอ๋อร์!! เจ้าหยุดนะ แม่นมถงรีบพาลี่หลินเข้าไปข้างในก่อนพานางไปอาบน้ำแต่งตัวให้สะอาด นางคงตกใจแย่แล้วรีบไปเถอะ”
สายตาของเด็กน้อยวัยหกขวบกว่าในวันนั้นมองเด็กชายที่อายุมากกว่านางด้วยความกลัวสุดชีวิต นางไม่รู้ว่าตัวเองทำสิ่งใดผิดจึงทำให้พี่ชายต่างวัยผู้นี้เกลียดนางได้ถึงเพียงนี้
“ข้าทำสิ่งใดผิดหรือเจ้าคะ ข้าก็แค่ช่วยท่านลุงผู้นั้นไม่ได้แต่ข้าก็พยายามแล้ว แต่ว่า….”
“คุณหนูเจ้าคะ อย่าได้คิดมากไปเลยเจ้าค่ะ คุณชายเพียงแค่….”
แม่นมถงพยายามหาคำพูดปลอบใจเด็กน้อยแต่ก็กลืนทุกคำลงไป สภาพนางที่เห็น “เจียงลี่หลิน” ในตอนนี้ ทั้งหวาดกลัวทั้งระแวงและน่าสงสารคนทั้งตระกูลตายหมด ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงคืนเดียวยังติดตาราวกับฝันร้าย
“อย่าคิดอะไรมากเลยนะเจ้าคะ ตอนนี้ท่านต้องเข้มแข็งและรักษาตัวให้แข็งแรงเพื่อที่จะ…มีชีวิตอยู่ต่อไป”
“แต่ข้าอยากไปอยู่กับท่านพ่อท่านแม่ ที่นี่ไม่ใช่บ้านข้าไม่มีใครรักข้า พี่ชายคนนั้นก็ยัง…ไล่ข้าไปอีกข้าไม่อยากอยู่ที่นี่”
“โธ่…คุณหนู”
แม่นมถงอดที่จะเสียน้ำตาให้กับเด็กน้อยไม่ได้ จำได้ว่านางและฮูหยินต้องผลัดกันพานางไปนอนด้วยเพราะว่า “เจียงลี่หลิน” มักจะฝันร้ายและสะดุ้งตื่นขึ้นมาทุกคืนและเป็นเช่นนี้อยู่ราว ๆ สามเดือนกว่าอาการจะดีขึ้น
“พิษที่ท่านลุงโดนจากข้าศึกคือ “พิษเฉวียนอี้” เจ้าค่ะ ใช้ยาที่ข้าผสมอยู่ทาที่แผลและกินยาขวดนี้เป็นเวลาสามวันท่านลุงก็จะดีขึ้น”
“หลินเอ๋อร์ลุงขอบใจเจ้ามากนะ คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะสืบทอดวิชาแพทย์ของท่านหมอเจียงมาได้เกือบหมด เอ่อ….”
เฉินฮูหยินรีบตีแขนของสามีทันทีบัดนี้สามีนางได้เลื่อนยศเป็นแม่ทัพเฉินแทนตำแหน่งที่ว่างลงหลังจากพี่ชายของเขาสิ้นชีพไป เด็กน้อยแม้หน้าตาจะสลดลงแต่ก็ยังมีรอยยิ้มมากกว่าเดิม
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะท่านป้า ข้าไม่เป็นอะไรแล้วจริง ๆ”
“หลินเอ๋อร์เด็กดี ท่านพ่อท่านแม่เจ้าต้องภูมิใจในตัวเจ้า อย่าคิดว่าป้าเป็นคนอื่น เจ้าจะเรียกป้าว่าท่านแม่ก็ได้นะ”
“ไม่ดีกว่าเจ้าค่ะท่านป้า ข้าไม่อยาก…สูญเสียใครไปอีกแล้ว”
แม้จะยังเด็กแต่ความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่นั้นเป็นแผลในใจของลี่หลินที่มิอาจหาย นางอยู่ที่จวนสกุลเฉินมาได้เกือบสองเดือนแล้วและมักจะเห็น “เฉินจวินเซียว” ฝึกดาบอยู่ที่จวนบ่อย ๆ นางพยายามทำดีกับเขาทุกวิถีทาง
“ท่านพี่เจ้าคะ ท่านป้าให้ข้ายกขนมมาให้…”
“เพล้ง!!”
มือของเด็กชายที่สูงวัยกว่าปัดไปโดนเพราะไม่ทันเห็นนางที่เดินมาด้านหลัง เมื่อเขาเห็นว่าเป็นนางก็หงุดหงิดขึ้นมาในทันที
“ซุ่มซ่ามจริง!! เจ้ามาทำอะไรที่นี่ เกะกะสายตาจริง ๆ จางเต๋อ จางอี้ ไปฝึกที่อื่นเถอะ”
""ขอรับ""
เด็กน้อยถูกทิ้งไว้ที่ลานฝึกอาวุธพร้อมกับจานที่แตกและขนมที่ปั้นเองกับมือบนพื้น นางค่อย ๆ หยิบมันใส่จานและพึ่งสังเกตเห็นว่าที่ฝ่ามือน้อย ๆ นั้นถูกจานบาดเข้า
“ตายจริงคุณหนูเหตุใดจึงได้เป็นเช่นนี้ มาเจ้าค่ะแม่นมจะใส่ยาให้นะเจ้าคะ”
“แม่นมเหตุใดท่านพี่ถึงได้เกลียดข้าเจ้าคะ ท่านพี่โกรธที่ข้าทำท่านลุงของเขาตายหรือเจ้าคะ”
“คุณหนู ท่านพี่มิได้เกลียดท่านเจ้าค่ะ เด็กผู้ชายไม่ชอบเล่นกับเด็กผู้หญิงอยู่แล้วท่านอย่าคิดมากเลยเจ้าค่ะ”
“แต่เขาไม่เคยพูดกับข้าดี ๆ สักครั้งเลย เวลาที่พบกันเมื่อใดเขาก็เรียกข้าว่า…ยัยตัวยุ่ง”
“โถคุณหนูเจ้าคะ นั่นเป็นคำเรียกที่พี่ชายเรียกน้องสาวอยู่แล้วนะเจ้าคะ”
“งั้นหรือเจ้าคะแม่นม”
“ใช่แล้ว ๆ ท่านอย่าได้เคืองท่านพี่ไปเลยนะเจ้าคะ”
ลี่หลินไม่กล้าบอกผู้อื่น ว่าลับหลังเวลาไม่มีผู้รู้เห็น จวินเซียวมิได้เรียกขานนางว่า “ยัยตัวยุ่ง” อย่างที่นางบอกผู้อื่น แต่เขาเรียกนางว่า “ปีศาจน้อย” ด้วยสายตาเกลียดชังอย่างลึกสุดหัวใจ
แม้นางจะเริ่มชินกับสายตาและคำพูดร้ายกาจนี้แล้วแต่ในหัวใจของเด็กน้อยก็เพียงแค่อยากมีเพื่อนเล่นในวัยใกล้เคียงกันเท่านั้น แต่ความปรารถนานี้ของนางไม่เคยได้รับจากบุตรชายแม่ทัพใหญ่เลยสักครั้ง และนับวันความเกลียดนี้ดูเหมือนจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
“มาทำอะไรที่นี่ยัยปีศาจน้อย”
เขาถามนางเมื่อเห็นว่าเด็กน้อยเดินมาตัวคนเดียวที่ลานฝึกด้านหลังจวนซึ่งเป็นสนามขี่ม้าในจวนสกุลเฉิน
“ท่านป้าให้ข้ามาตามท่านพี่ไปกินข้าวเจ้าค่ะ”
“ใครเป็นพี่เจ้า!! ข้าไม่มีน้องสาวอย่าได้เรียกขานข้าเช่นนั้นอีกเป็นอันขาด!!”
“ท่านพี่!!”“อะไรอีกงั้นหรือ”“ท่าน…ต้องทำพิธีเปิดหน้าเจ้าสาวก่อนเจ้าค่ะ”“นั่นสิข้าลืมไปเลยหากเจ้าหายใจไม่สะดวกจะแย่เอานะ ไหนล่ะไม้เปิดนั่น อ้อ อยู่นี่เอง ทำไมพิธีการถึงได้เยอะเช่นนี้กันนะ”“เฉินจวินเซียวท่านบ่นตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนเช้า มาในตอนนี้ก็ยังไม่เลิกบ่นอีก เช่นนั้นไม่แต่งดีหรือไม่เจ้าคะ”“ไม่นะ!! ลี่หลินวันนี้เป็นวันมงคลใหญ่เจ้าจะพูดเช่นนี้หาได้ไม่ ข้าไม่ยอมนะ ”“ท่านเอาแต่บ่นจนข้าคิดว่าท่านไม่เต็มใจจะแต่งงาน”“ไม่ใช่เช่นนั้น ข้าจะเปิดแล้วนะ”จวินเซียวมือสั่นเล็กน้อยเมื่อใช้ไม้มงคลที่ผูกโบสีแดงเอาไว้ค่อย ๆ เลื่อนเข้าไปในผ้าสีแดงและค่อย ๆ เปิดหน้าเจ้าสาวเอาไว้ เจียงลี่หลินที่ถูกแต่งแต้มสีสันบนใบหน้าที่จัดจ้านกว่าเดิมด้วยสีแดงสดแต่กลับงดงามราวดอกโบตั๋นในฤดูหนาวที่เลอค่ายิ่งกว่าบุปผาใดในใต้หล้าสำหรับเฉินจวินเซียว“เจ้า…ช่างงามยิ่งนัก งามจนข้าคิดไม่ถึงว่าเจ้าจะเป็นของข้า เจียงลี่หลินข้าควรรู้มานานแล้วว่าข้ารักเจ้าและไม่สามารถปล่อยเจ้าไปที่ใดได้นับตั้งแต่เจ้าก้าวเข้ามายังสกุลเฉินแห่งนี้”“ท่านพี่ข้าเองก็เช่นกันเจ้าค่ะ วันนี้ท่านดูสง่างามในชุดเจ้าบ่าวสีแดงสดนี้ ช่างรูปงามยิ่งนัก
“เปล่านะขอรับ ข้าเพียงแค่ได้ยินมาว่าผู้ที่ตั้งครรภ์ควรนอนพักให้มาก ๆ จึงปล่อยให้นางนอนพักต่ออีกสักหน่อยเพราะก่อนหน้านี้นางไปทัพคงอ่อนเพลียมากอย่าไปรบกวนนางเลยขอรับ”“เช่นนั้นก็รีบไปเถอะ”“ท่านแม่ข้าฝากดูแลลี่หลินก่อนนะขอรับแล้วลูกจะรีบกลับ”“เจ้ารีบไปเถอะทางนี้แม่ดูแลให้เองไม่ต้องห่วง”จวินเซียวและใต้เท้าเฉินลู่เดินทางออกจากจวนทันที พวกเขาพบกับหย่งเล่อหานที่เข้าวังมาเช่นกันก่อนที่ทั้งหมดจะเข้าเฝ้าท่านอ๋องในห้องทรงงานเล็ก“อาการขององค์ชายรองดีขึ้นมากแล้ว เขารู้เรื่องขององค์หญิงและไม่ได้คิดติดใจเอาโทษกับเราเพราะทราบสถานการณ์ครั้งนี้ดี อีกอย่างเขารู้ตั้งแต่คืนที่นางถูกพาตัวไปแล้วแม้ว่าอยากจะช่วยก็คงสุดกำลังเพราะรู้ดีว่าข้าศึกคงไม่มีทางปล่อยนางเอาไว้เป็นแน่”“เช่นนั้นเงื่อนไขการเจรจาที่ต้องสมรส…”“องค์ชายรองยอมรับเงื่อนไขที่ข้าส่งมอบให้แล้ว เขาตกลงจะครองเมืองเสิ่นที่อยู่ติดกับอี้โจวของเรา ส่วนแคว้นเว่ยก็ตกลงลงนามสัญญาสงบศึกสามสิบปีและส่งมอบค่าธรรมเนียมพ่ายทัพให้กับแคว้นข่านเล่อและชิงโจวตามที่เรียกแลกกับการส่งองค์ชายเพียงคนเดียวกลับแคว้น”“ท่านอ๋อง กระหม่อมยังอยากให้ทางเราตกลงกับข่านเล่ออี
“ถูกต้อง ดังนั้นพวกเขาจึงต้องยอมรับข้อเสนออีกทั้งต้องเสียทั้งค่าธรรมเนียมพ่ายศึกอีกสองเท่าทั้งตอนแพ้ที่อี้โจวและชิงโจว”“หากเลือกจะยอมแพ้ตั้งแต่ที่อี้โจวพวกเขาคงไม่สูญเสียมากถึงเพียงนี้”“เพราะความละโมบของฮ่องเต้แคว้นเว่ยที่เกือบจะลืมศึกภายในที่รออยู่ข้างหลังดังนั้นครั้งนี้เขาคงคิดอะไรได้ ยอมเสียน้อยเพื่อได้มาก ดังนั้นชิงโจวและข่านเล่อจึงได้รับประโยชน์จากการศึกในครั้งนี้ ว่าแต่แผลของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”“เกือบหายดีแล้วขอรับท่านพ่อ อีกสองสามวันก็ฝึกดาบได้แล้วขอรับ”“เจ้าก็ยังใจร้อนอีกเช่นเคย ไม่ควรหุนหันพุ่งเข้าโจมตีหนึ่งต่อสามสิบเช่นนั้นอีก ลืมไปแล้วหรือว่ามิได้ตัวคนเดียวแล้วยังมีหลินเอ๋อร์และลูกของเจ้ารออยู่”“ขอรับท่านพ่อ ท่านสั่งสอนได้ถูกต้องแล้วลูกไม่กล้าใจร้อนอีกแล้วขอรับ”“เอาเถอะ ยังดีที่เจ้าส่งม้าเร็วมาแจ้งแผนสำรองให้ท่านอ๋องได้ทันเวลา”“แต่แผนที่จะให้ลี่หลินไปที่นั่นข้ามิได้บอกเอาไว้นะขอรับ”“กุนซือของเจ้าทูลท่านอ๋องเอาไว้น่ะสิ คุณชายหย่งบอกว่าหากว่าแคว้นเว่ยใช้แผนสกปรกถึงที่สุด เราเองก็ต้องใช้แผนการที่พวกเขาคาดไม่ถึงเช่นกัน ดังนั้นจึงได้มาขอร้องหลินเอ๋อร์ด้วยพระองค์เองอีกทั้
“ฮูหยินเจ้าคะ”“ช่างเถอะ เร็วเข้ารีบเอาดอกไม้มาข้าจะโปรยรับนายท่านกับ…”“ฮูหยิน ท่านแม่ทัพกับฮูหยินน้อยเจ้าค่ะ”“เซียวเอ๋อร์…. หลินเอ๋อร์กลับมากันแล้ว พวกเขากลับมาแล้ว”""ท่านแม่""จวินเซียวและลี่หลินที่เปลี่ยนมานั่งม้าของจวินเซียวค่อย ๆ บังคับบังเหียนม้ามายังหน้าประตูจวนสกุลเฉินก่อนที่จวินเซียวจะลงม้ามาก่อนและพยุงลี่หลินลงมาและคุกเข่าตรงหน้าเฉินฮูหยิน“ลูกกลับมาแล้วขอรับท่านแม่”“เซียวเอ๋อร์ เจ้ากลับมาอย่างปลอดภัยพร้อมกับชัยชนะ ยอดเยี่ยมยิ่งนักแม่ภูมิใจในตัวเจ้า”“ท่านแม่ ครั้งนี้หากมิได้ลี่หลินไปช่วยลูกไว้ชิงโจวอาจจะไม่ชนะรวดเร็วเช่นนี้ขอรับ”“ท่านแม่”“เจ้านะเจ้า หากมิใช่เป็นท่านอ๋องที่เสด็จมาขอร้องถึงจวนมีหรือแม่จะยอมให้เจ้าออกไปตรากตรำข้างนอก ลุกขึ้นเร็ว ๆ เข้า ลุกขึ้น แม่นมเร็วเข้าพยุงฮูหยินน้อยเข้าไปข้างในจวนก่อนอย่าให้กระทบ…”“ท่านแม่ไม่ต้องห่วง ข้าขี่ลี่เยว่มาช้า ๆ ไม่กระทบกระเทือนหลานของท่านแม่แน่ขอรับ”“เจ้า…. รู้แล้วอย่างนั้นหรือ ข้าคิดเอาไว้แล้วเชียวว่าหลินเอ๋อร์คงอยากจะบอกเจ้าด้วยตัวเองไปเถอะรีบเข้าไปข้างในกันก่อนข้าจะรอท่านพ่อของเจ้า”“ท่านพ่อเข้าวังไปกับท่านอ๋องขอรับท่
“คือว่า เรื่องของสกุลเจียง…. เมื่อสิบกว่าปีก่อนนั้น เจ้า…”“เจ้าคะ??”“สาเหตุที่แคว้นเว่ยที่ลักลอบเข้ามาขโมยตำรับยาของสกุลเจียงนั่นก็เพราะ…. สกุลเจียงสามารถช่วยเหลือกองทัพของสกุลเฉินเอาไว้ได้ ดังนั้นจึงบุกสกุลเจียงเพื่อข่มขู่เอาตำรับยาไปรักษาฮ่องเต้ของแคว้นเว่ยแต่ว่า….”“พ่อข้ามิได้ให้ไปและพวกมันก็ทำทุกวิถีทาง ทั้งยื่นข้อเสนอและเงินจำนวนมากแต่เพราะคำมั่นสัญญาที่มีกับสกุลเฉินและความจงรักภักดีกับฝ่าบาทจึงไม่ยอมมอบให้ ดังนั้นสกุลเจียงของข้าจึงถูกโจมตีเพื่อแย่งตำรับยานั้น”“เจ้ารู้ทั้งหมดเลยงั้นหรือ”ลี่หลินหันมายิ้มให้จวินเซียว และนี่คงเป็นสิ่งที่จวินเซียวทราบมาก่อนแล้วและคิดว่านางคงจะไม่ทราบเพราะในครั้งนั้นนางยังเด็กมาก เขาจึงพยายามไม่เข้าใกล้นางและหาเรื่องนางเพื่อจะให้ตัวเองไม่รู้สึกผิดกับลี่หลินเพราะเขายอมรับไม่ได้ว่าสกุลเจียงต้องถูกฆ่าเพราะสกุลเฉินเป็นต้นเหตุนั่นเอง แต่ที่จริงตั้งแต่เริ่มจนจบเจียงลี่หลินรับรู้มาโดยตลอด“รู้เจ้าค่ะ ท่านพ่อท่านแม่ไม่เคยปิดบังเรื่องนี้กับข้าด้วยที่สกุลเจียงทุกคนมีวิชาแพทย์ติดตัวตั้งแต่เด็ก ทุกคนรู้ว่าชีวิตของหมอล้วนแขวนอยู่บนเส้นด้ายเสมอ บางครั้งการช่วย
ลี่หลินหันไปมองแม่ทัพเฉินที่ยังทำหน้าโมโหและไม่สนใจนางอีกครั้งพร้อมกับส่ายหัวให้กับคนหัวดื้ออย่างจวินเซียวอีกครั้ง“ก็ได้เจ้าค่ะในเมื่อท่านไม่ให้ข้าเช็ดตัวให้ ข้าก็จะออกไปเรียกจางเต๋อมาจัดการต่อเอง”“เดี๋ยว ๆ เดี๋ยวก่อนสิ!! เจ้าจะไปจริง ๆ หรือ”ลี่หลินลุกขึ้นเพื่อลองใจเขา จวินเซียวเห็นว่านางลุกขึ้นจะไปจึงรีบดึงแขนนางเอาไว้ เขาก็แค่ปากแข็งไปอย่างนั้นเองแม้ว่าจะโกรธนางมากแต่ก็ดีใจที่ได้เห็นนางในวันนี้“ท่านแม่ทัพมีสิ่งใดจะพูดอีก ท่านต้องรีบเช็ดตัวและเปลี่ยนชุดเพื่อไม่ให้แผลติดเชื้อ”“ข้า…ยอมแล้วเจ้าเช็ดตัวให้ข้าไม่ต้องออกไปเรียกจางเต๋อ”“ขออภัยท่านแม่ทัพแต่ว่าข้างนอกนั่นมีคนบาดเจ็บอีกมากและยังต้องการหมอ”“แต่ข้าเป็นแม่ทัพแล้วเจ้าก็เป็นฮูหยินของข้านะ!! ต้องดูแลข้าก่อนสิ ทหารคนอื่น ๆ พวกเขามีแพทย์สนามดูแลอยู่แล้ว”จวินเซียวดึงนางลงมานั่งที่ตักพร้อมกับสูดกลิ่นกายของนางที่ห่างหายเกือบสามเดือนจนสุดลมหายใจ ลี่หลินมิได้เบี่ยงกายหนี นางรู้ดีว่าจวินเซียวก็ทำปากดีไปเช่นนั้นเองและในตอนนี้นางเองก็รู้วิธีการจัดการคนปากดีอย่างเขาได้เรียบร้อยแล้ว“เช่นนั้นก็อยู่เฉย ๆ ข้าจะไปเตรียมของมาเช็ดตัวให้ท่าน”
ความคิดเห็น