“ใส่กางเกงในลูกไม้ไปนะ แล้วก็อย่าลืมแว็กซ์ขนด้วยล่ะ” หลินซีหัวเราะคิกคักใส่โทรศัพท์
“กางเกงในลูกไม้เหรอ” เจิ้งลี่ซาถามกลับ “แกหมายถึงจีสตริงผ้าไหมรึเปล่า” เธอถามย้ำก่อนที่เพื่อนจะทันได้ตอบ “แล้วเผื่อแกจะเข้าใจผิดนะ ฉันไม่ใส่จีสตริงผ้าไหมไปเหมือนกัน มันอึดอัดจะตายไป แล้วฉันก็ยังไม่รู้จักผู้ชายคนนี้เลยนะหลินซี นี่มันเดตแรกของเรา เขาไม่มีโอกาสได้เห็นกางเกงในฉันหรอก ไม่ว่าจะเป็นผ้าไหมหรือผ้าอะไรก็ตาม”
“เลิกทำตัวเป็นป้าแก่ ๆ ได้แล้ว” น้ำเสียงของหลินซีฟังดูไม่ค่อยประทับใจนัก “แกต้องหาคนนอนด้วยได้แล้วนะ มันนานเกินไปแล้วสำหรับแก”
“ไม่ใช่กับผู้ชายที่ฉันไม่เคยเจอหน้ามาก่อนแน่ ๆ เขาอาจจะเป็นฆาตกรต่อเนื่องหรือพวกฆ่าข่มขืนก็ได้นะหลินซี เดี๋ยวนี้แอปหาคู่น่ะมันไม่ปลอดภัยแล้ว”
“แล้วมันเคยปลอดภัยด้วยเหรอลี่ซา” หลินซีถามกลับมา เธอจึงทำเป็นไม่ได้ยิน
“แล้วฉันก็จะไม่แว็กซ์ขนด้วย” เธอพูดอย่างฉุนเฉียว ทั้งที่ความจริงแล้วนั่นเป็นเรื่องโกหก เพราะเธอจัดการแว็กซ์ไปเรียบร้อยแล้ว
“ถ้างั้นก็ช่วยไปแว็กซ์ออกหน่อยก็แล้วกันนะ แล้วก็ขอแบบเกลี้ยงเกลาเลยนะ ได้โปรดเถอะ อย่าเหลือไว้เป็นแถบเล็ก ๆ นะ นี่แกไม่ได้อยู่ในป่า แล้วก็คงไม่อยากได้แฟนเป็นจอมยุทธ์พเนจรหรอกใช่ไหม” หลินซีพูด
เจิ้งลี่ซาอ้าปากค้าง “นี่แกกำลังพูดถึงน้องสาวฉันอยู่เหรอ ฉันก็นึกว่าแกกำลังพูดถึงขาฉันเสียอีก แกเสียสติไปแล้วรึไงหลินซี ฉันไม่โกนขนน้องสาวทั้งหมดเพื่อผู้ชายจากแอปหาคู่ที่หน้าตาอาจจะตรงปกหรือไม่ตรงปกก็ได้หรอกนะ”
“โอเคจ้ะ ภรรยาทาร์ซาน ปล่อยให้เขาไปสำรวจป่าดงดิบแล้วก็หลงทางอยู่ในนั้นไปเลย บางทีน้องชายเขาอาจจะไปเจอน้องสาวของแกที่ซ่อนอยู่ก็ได้นะ”
“แกนี่มันน่าขยะแขยงจริง ๆ เลยหลินซี” เธอหัวเราะ “หม่าเค่อไม่มีทางได้เข้าไปในกางเกงฉันหรอกน่า”
“เตรียมพร้อมสำหรับทุกความเป็นไปได้สิลี่ซา เธอก็รู้ว่าแม่เธอมักจะพูดว่ายังไง”
“ฉันก็เป็นกุลสตรีผู้เพียบพร้อมนะยะ” เธอพูดอย่างฉุนเฉียว พลางเชิดหน้าจีบปากจีบคอเลียนแบบท่าทางของคุณนายเฉินในหนังเรื่องห้วงรักอารมณ์เสน่หาที่เธอชอบดูนักหนา
“รู้แล้วน่าว่าเธอน่ะเป็นเด็กดี” หลินซีหัวเราะ “เธอไม่ใช่คนแปลกเหมือนฉัน”
“แปลกเหรอ” เธอครางออกมาแล้วก็หัวเราะคิกคักในเวลาเดียวกัน “นี่แกไปฟังเพลงแร็ปมาเหรอ”
“อย่าพยายามจะเปลี่ยนเรื่องสิเจิ้งลี่ซา เธอต้องปล่อยตัวปล่อยใจแล้วก็สนุกกับชีวิตบ้าง”
“ฉันก็จะทำอย่างนั้นแหละ ตอนที่แกมาเยี่ยมฉัน หรือจะให้ดีกว่านั้นก็ตอนที่แกย้ายมาอยู่ที่นี่เลย”
“แกก็แค่อยากจะให้ฉันทำตัวบ้า ๆ เพื่อที่แกจะได้ทำตัวบ้า ๆ ด้วยเหมือนกันใช่ไหมล่ะ”
“แหม มันก็ง่ายกว่าเสมอแหละถ้ามีเพื่อนคู่หูไปด้วยกันน่ะ”
“ฉันรู้” หลินซีพูดแล้วก็หยุดไปครู่หนึ่ง “ฉันอยากจะย้ายไปอยู่ใกล้ ๆ เธอนะ เธอก็รู้ใช่ไหม” เธอถอนหายใจออกมาเบา ๆ “ฉันก็แค่ไม่อยากจะไปจนกว่าจะสามารถดูแลตัวเองแล้วก็จ่ายค่าใช้จ่ายของตัวเองได้น่ะสิ ฉันไม่อยากจะให้เธอคิดว่าฉันกำลังจะไปเอาเปรียบเธอน่ะ”
“ฉันรู้” เธอพูดเสียงเบาแล้วก็นั่งลงบนโซฟาขณะที่พูดโทรศัพท์ต่อไป “เธอก็รู้ว่าฉันไม่ได้มีอะไรมากนัก เพราะฉะนั้นเธอจะไม่ได้มาเอาเปรียบอะไรฉันหรอก ฉันก็แค่อยากจะให้เธอมาอยู่ที่นี่ มันยากนะที่ไม่มีเพื่อนสนิทคอยบอกว่าตอนไหนที่ฉันกำลังทำตัวงี่เง่า แล้วก็ช่วยฉันเลือกชุดที่จะใส่ไปออกเดตที่ไม่มีอยู่จริงของฉันน่ะ”
“คืนนี้เธอก็มีเดตนี่นา เพราะฉะนั้นมันก็ไม่ใช่ว่าไม่มีอยู่จริงสักหน่อย” หลินซีพูด น้ำเสียงของเธอฟังดูโหยหา “ไม่เหมือนกับฉันเลย ฉันไม่เคยมีเดตเลยสักครั้ง”
“งั้นก็มาที่นี่สิ แล้วเราจะได้ไปออกเดตด้วยกัน เราจะไปเดตคู่กันก็ได้นะ”
“เดตคู่เหรอ” หลินซีพูดแล้วเธอก็แทบจะนึกภาพสีหน้าที่ประหลาดใจของเพื่อนออก “เธอจะไปเดตคู่กับฉันเหรอ”
“ใช่ ถ้าเธอย้ายมาที่นี่”
“ฉันจะจำคำพูดของเธอไว้นะ ต่อให้ทุกอย่างจะไปได้สวยกับหม่าเค่อก็เถอะ”
“อืม ก็ต้องรอดูกันต่อไป” เธอถอนหายใจออกมาเบา ๆ ขณะที่ดึงกระเป๋าเครื่องสำอางออกมา “ฉันก็แค่ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับหม่าเค่อ ฉันแค่มีความรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่มันแปลก ๆ น่ะ”
“อย่ามองโลกในแง่ร้ายสิ” หลินซีพูด น้ำเสียงของเธอดูเหมือนเจ้านาย “คืนนี้เธอจะต้องสนุก เธอจะมีช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตในเดตสุดฮอต แล้วเธอก็จะทำให้ผู้ชายทุกคนหวังว่าตัวเองจะได้เป็นหม่าเค่อ”
“อืม ก็ต้องรอดูกันต่อไปนั่นแหละ” เธอครางออกมา “โอเค ฉันจะโทรหาเธอตอนที่อยู่ระหว่างทางไปที่นั่นนะ ฉันต้องไปแต่งตัวต่อให้เสร็จก่อน”
“โอเค ฉันจะรอนะ”
หลินซีพูดแล้วเธอก็วางสายจากเพื่อนไป มองตัวเองในกระจกแล้วก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ ขณะที่เดินไปที่ตู้เสื้อผ้า เธอจะแต่งตัวให้เซ็กซี่ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้อยากจะทำอย่างนั้นจริง ๆ ก็ตาม แต่หลินซีพูดถูก เธอต้องก้าวออกจากกรอบเดิม ๆ ของตัวเอง เธอต้องมีความสัมพันธ์ที่จริงจัง และถ้าหากว่าหม่าเค่อเป็นคนติดดินอย่างที่เขาดูเหมือนจะเป็นในโปรไฟล์ของเขาล่ะก็ บางทีเขาอาจจะเป็นคนที่ใช่ก็ได้ อะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละที่ดีกว่าการที่เธอจะต้องไปทำงานใหม่ในวันจันทร์ แล้วก็ไปหลงใหลได้ปลื้มกับผู้ชายที่เธอเคยเห็นแค่ในรูปถ่าย
น้ำเสียงของเขาแหบพร่าขณะโน้มใบหน้ามากระซิบชิดริมหู ลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดทำให้ผิวเนื้อของเธอซาบซ่านไปทั่วร่าง ขาแข้งพลันอ่อนแรงขึ้นมาดื้อ ๆเขาไม่รอคำตอบ แต่กลับจงใจเว้นจังหวะ ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำยั่วยวน“ครั้งหน้าที่คุณอยู่บนเตียงผม ผมจะมัดคุณไว้ไม่ให้ดิ้นไปไหน แล้วจะบีบวิปครีมลงบนยอดอกของคุณ แล้วก็จะ...”“ฉู่เฮ่าหราน!” เธอตัดบทเขาเสียงเข้ม ใบหน้าของเธอร้อนเห่อเมื่อเหลือบไปเห็นซ่งจื่อหานกับฉู่ลี่เหยียนที่มองมาจากอีกมุมห้องด้วยแววตาสงสัยใคร่รู้ พวกเธอกำลังเปิดอัลบั้มรูปสมัยมัธยมดูกันอยู่ระหว่างรอเล่นเกมต่อ“ครับ...คุณเจิ้งลี่ซา” ฉู่เฮ่าหรานก้าวถอยหลังเล็กน้อย ก่อนจะส่งยิ้มซื่อตาใสกลับมาให้“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เธอตวาดเสียงเบาพลางทุบหน้าอกเขาเบา ๆ เป็นเชิงเตือน เมื่อเห็นว่าสองสาวทางโน้นแกล้งทำเป็นไม่สนใจ“หยุดอะไรครับ” เขายิ้มมุมปาก ใช้นิ้วลากไล้ผ่านริมฝีปากของเธอแผ่วเบา“คุณทำแบบนี้ไม่ได้นะ!” ดวงตาของเธอฉายแวววาวโรจน์ขณะเหลือบมองไปทางสองสาวอีกครั้ง นี่เขาคิดจะเล่นอะไรกันแน่ คิดจะแฉเรื่องของเราหรือไง!ความร้อนวาบแล่นไปทั่วใบหน้าและช่องท้องขณะที่เธอยืนเผชิญหน้ากับชายหนุ่มโอ
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารของบ้านตระกูลฉู่อบอุ่นเกินกว่าที่เธอคาดไว้มาก เจิ้งลี่ซาแทบไม่เชื่อว่าตัวเองจะได้รับการต้อนรับอย่างดีถึงเพียงนี้ โดยเฉพาะซ่งจื่อหานที่น่ารักและเป็นมิตรกับเธอจนน่าแปลกใจ แต่ก็คงเพราะตอนนี้ที่ความสัมพันธ์ของเธอกับฉู่เฮ่าชวนลงตัวแล้ว หญิงสาวก็คงหมดห่วงเรื่องเธอไปกระมังเจิ้งลี่ซาหัวเราะตามบทสนทนาสนุก ๆ ระหว่างกู้หยุนเฟิงกับฉู่ลี่เหยียน แต่ในขณะเดียวกันก็ลอบสังเกตท่าทีของกู้เทียนอี้อยู่ไม่วางตา ทุกอิริยาบถของเขาคือข้อมูลชั้นดีที่จะต้องเอาไปรายงานให้หลินซีฟังหลังจากมื้อค่ำจบลง ทุกคนก็ย้ายมาตั้งวงกันที่โต๊ะไพ่นกกระจอกกลางห้องนั่งเล่น เสียงล้างไพ่ดังกรอกแกรกสร้างบรรยากาศครื้นเครงขึ้นมาทันที“คุณลี่ซามาเล่นด้วยกันสิคะ ขาดอยู่คนหนึ่งพอดีเลย” ฉู่ลี่เหยียนหันมาถามเธอ หลังจากเถียงเรื่องกฎการนับแต้มกับฉู่เฮ่าชวนจบไปหมาด ๆ“ฉันเหรอคะ” คนถูกชวนชะงักไปเล็กน้อยเมื่อจู่ ๆ ทุกสายตาก็จับจ้องมาที่เธอเป็นตาเดียว ความรู้สึกเหมือนถูกสปอตไลท์ส่องทำให้เธอไปไม่เป็นชั่วขณะหญิงสาวเผลอหันไปสบตาฉู่เฮ่าหรานโดยไม่รู้ตัว เขาส่งยิ้มบาง ๆ มาให้ ราวกับจะบอกเป็นนัย
เจิ้งลี่ซาหาจังหวะบอกลาฉู่ลี่เหยียนกับซ่งจื่อหานแบบสั้น ๆ โดยอ้างว่ารู้สึกไม่ค่อยสบายและอยากกลับไปพักผ่อน โดยมีฉู่เฮ่าหรานอาสามาส่งเธอเอง เธอก้าวออกจากบ้านตระกูลฉู่ที่ยังคงอบอวลไปด้วยเสียงหัวเราะ มาสู่ความเงียบสงบและอากาศเย็นสบายของค่ำคืนภายนอก เขากุมมือเธอไว้ตั้งแต่อยู่ในบ้าน และยังไม่ยอมปล่อยจนกระทั่งเดินมาถึงรถของเขาบรรยากาศในรถเงียบสงัด มีเพียงเสียงเพลงเบา ๆ จากเครื่องเสียง แต่ไม่ใช่ความเงียบที่น่าอึดอัด กลับเป็นความเงียบที่เต็มไปด้วยแรงดึงดูดและความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ภายใน แสงไฟจากท้องถนนสาดส่องเข้ามาเป็นระยะ ขับเน้นใบหน้าหล่อเหลาของเขาให้ดูเด่นชัดในความมืด หัวใจของเธอยังคงเต้นระรัวกับคำสารภาพที่จริงจังของเขา...‘ผมชอบคุณนะ เจิ้งลี่ซา ผมชอบคุณมาก’... มันยังคงดังก้องอยู่ในหัวของเธอราวกับแผ่นเสียงตกร่องเมื่อรถเลี้ยวเข้าที่จอดรถใต้ดินของอพาร์ตเมนต์ที่เธอพักอยู่ เขาก็ดับเครื่องยนต์ แต่ยังไม่มีใครขยับ ทั้งสองนั่งนิ่งอยู่ในความเงียบ ปล่อยให้ความรู้สึกระหว่างกันก่อตัวขึ้นอย่างช้า ๆ จนกระทั่งเขาเป็นฝ่ายเอื้อมม
“ไม่นะ!” หลินซีปฏิเสธทันควัน แต่แก้มกลับแดงก่ำ“แปลว่าเรื่องของแกกับกู้เทียนอีนี่ไม่มีลุ้นเลยว่างั้น”“ลี่ซา! หยุดเลยนะ! ไม่ต้องพูดถึงอีตาหยิ่งยโสน่าหมั่นไส้คนนั้นเลย”“แต่แกก็อยากจะขย้ำเขาล่ะสิ”“ไม่! ไม่ได้อยากซะหน่อย” เพื่อนปฏิเสธ แต่ก็หลุดหัวเราะออกมา“แต่ว่าคืนนี้ถ้าแกเจอเขา ก็ถ่ายรูปส่งมาให้ดูด้วยนะ”“แหม...แกนี่มัน...” เจิ้งลี่ซาหัวเราะ “ฉันยังแปลกใจไม่หายเลยที่ฉู่เฮ่าชวนกับซ่งจื่อหานยังชวนฉันไปคืนนี้ด้วยซ้ำ นี่มันการพบปะกันในครอบครัวเขานะ แล้วทุกคนก็รู้ว่าฉันกับฉู่เฮ่าชวนแค่เล่นละครกัน ฉันว่ามันแปลกชะมัดเลย”“แล้วพวกเขาก็ยังไม่รู้ใช่ไหมว่าแกเคยเดตกับฉู่เฮ่าหราน”“ก็เราไม่ได้เดตกันจริง ๆ นี่ แต่ก็นะ พวกเขาไม่รู้หรอกว่าเราเคยนอนด้วยกัน” เธอครางออกมา “โอ๊ยยยย...หลินซี ช่วยย้ำให้ฟังอีกทีสิว่าฉันจะไปที่นั่นทำไม”“ก็ไปเจอฉู่เฮ่าหรานไงล่ะยัยบ้า” เพื่อนหัวเราะ “แล้วก็...ไปสืบเรื่องกู้เทียนอี้มาให้ฉันด้วย”“อ๋อ...งี้ก็ยอมรับแล้วสิว่าชอบเขาน่ะ” เธอพูดอย่างรู้ทัน“ฉันไม่ได้บอกว่าชอบซะหน่อย แค่อยากรู้ข้อมูลนิด
“ใจหายจังเลยนะหลินซี” เจิ้งลี่ซาพึมพำขณะสวมเสื้อผ้า“ฉันรู้ว่าที่จริงฉันไม่ควรมานั่งดราม่าแบบนี้เลยนะ ควรจะดีใจกับซ่งจื่อหานและฉู่เฮ่าชวนด้วยซ้ำ คือ...พวกเขาสองคนเหมาะสมกันดี ควรจะได้ลงเอยกันอย่างมีความสุข แต่ฉันก็อดใจหายไม่ได้อยู่ดี ที่ต่อไปนี้จะไม่มีฉันอยู่ในชีวิตของพวกเขาอีกแล้ว”“อืม...” หลินซีทำหน้าเห็นใจ “บางทีพวกเขาก็อาจจะยังอยากเป็นเพื่อนกับแกอยู่ก็ได้นะ”“ให้ซ่งจื่อหานมารู้ทีหลังว่าฉันเป็นแค่ตัวละครที่แฟนเขาจ้างมาแสดงละครตบตาเนี่ยนะ?” เธอทำหน้าแหย ๆ “ไม่มีทางหรอก”หลินซีเดินมานั่งลงบนเตียงของเพื่อน “เอาจริง ๆ นะ ฉันยังอึ้งอยู่เลยที่เรื่องมันจบลงด้วยดีได้ ฉันนึกว่าซ่งจื่อหานจะอาละวาดบ้านแตกแล้วสลัดฉู่เฮ่าชวนทิ้งไปซะอีก”“ซ่งจื่อหานกับฉันไม่เหมือนกันนี่” เจิ้งลี่ซาหัวเราะเบา ๆ ขณะติดตะขอสร้อยคอ “คงมีแต่ฉันล่ะมั้ง ที่จะสติแตกกับเรื่องโกหกได้ขนาดนั้น”“ใช่ แกมันเกินเบอร์ไปหน่อย” เพื่อนหัวเราะตาม ไม่คิดที่จะปลอบเพื่อนเลยแม้แต่น้อยจนได้รับค้อนจากเพื่อนกลับมา “อืม...แต่ก็ต้องดูด้วยว่าใครเป็นคนโกหก ถ้าเป็นผู้ชายที่มันไม่ได้เรื่องน่ะนะ!”
“ฉันเห็นคุณ แล้วฉันก็เห็นคุณจื่อหานด้วย” ลมหายใจของเธอสะดุด “และวันนี้คุณจื่อหานตบลูกได้สุดยอดที่สุดอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง”ฉู่เฮ่าหรานยิ้มมุมปาก “อืม...ครั้งนี้ผมยอมให้ก็ได้”“แหม ช่างเป็นสุภาพบุรุษจริงนะคะ”เธอหัวเราะพลางผลักอกเขาเบา ๆ เป็นจังหวะเดียวกับที่เห็นซ่งจื่อหานมองมาพอดี แล้วเธอก็นึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้“จริงสิ คุณจื่อหาน ดูนี่สิคะ” เธอหันไปหาซ่งจื่อหานแล้วชูข้อมือที่มีรอยแดงเป็นปื้นให้ดูเหมือนเป็นเหรียญกล้าหาญจากการแข่ง “สงสัยเราจะทุ่มสุดตัวไปหน่อย”จังหวะนั้นฉู่เฮ่าชวนเดินเข้ามาสมทบพอดี เขาช่วยพยุงซ่งจื่อหานให้ลุกขึ้นยืน ก่อนจะเหลือบมองรอยแดงบนข้อมือของเจิ้งลี่ซาเช่นกัน เจิ้งลี่ซารู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อยจึงก้าวถอยหลัง แต่เมื่อหันไปสบตาฉู่เฮ่าหรานอีกครั้ง ก็เห็นเพียงแววตาขบขันที่เขาส่งมาให้เธอ“พกกุญแจมือนั่นมาอีกแล้วเหรอ เจิ้งลี่ซา” ฉู่เฮ่าหรานเอ่ยทักพลางยิ้มกริ่มที่มุมปาก“มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะคะ” เธอรีบปฏิเสธ แก้มร้อนผ่าวขึ้นมาทันที“อ้อ?” เขาเลิกคิ้ว “แล้วคุณว่าผมคิดอะไรอยู่ล่ะ”“มัน…มันไม่เกี่ยวกับฉันกั