“เอาละ เราควรคุยกันได้แล้ว”
ไรวินทร์บอกคนที่เข้ามานั่งซุกอยู่ตรงซอกหนึ่งของห้องเสื้อผ้า มองกระเป๋าและสัมภาระของหล่อนที่เขาไปขนมากองไว้เอง มันยังอยู่ในสภาพเดิม ชายหนุ่มหรี่ตามอง...ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่อยากบังคับจิตใจเธอคนตัวบางนั่งกอดเข่าที่ยกชัน ดวงหน้านวลซุกซบเอาไว้ เชื่อว่าหล่อนได้ยินและรับรู้การมาของเขา เพราะเห็นสะดุ้งไหวไปนิด ก่อนจะทำเหมือนเขาไม่มีตัวตนต่อ ไรวินทร์กระแอมในลำคอ ก่อนบอกต่อด้วยถ้อยคำที่คิดอย่างมั่นใจแล้ว“ผมจริงจังกับคุณ...”“ไม่ต้องมาพูด” เสียงตวาดแหวสวนทันควันทั้งที่ยังเกริ่นไม่ทันขาดคำ ถ้าไม่เพราะดวงตาหวานที่แดงก่ำซ้ำยังฉ่ำด้วยหยาดน้ำตา...คงมีรายการจับมาฟาดก้นสั่งสอนกันบ้างแล้วละคนร่างใหญ่ในชุดคลุมตัวเดียวเดินมาใกล้ ทรุดนั่งบนส้นเท้าตัวเอง ยื่นมือแข็งแรงลูบแก้มนวลที่เปรอะด้วยน้ำตา สายตาสองคู่สบประสานกัน ต่างก็มุ่งมั่นในความคิดและความรู้สึกตัวเอง“ฉันเกลียดคุณ ไม่อยากเห็นหน้าคุณอีก ออกไปให้พ้นเลยนะ แล้วถ้าจะกรุณาก็ปล่อยฉันออกไปจากบ้านนี้ด้วย ฉันไม่อยากอยู่แล้ว บ้านหลังนี้เ“ไม่อาว ฉันเดินเอง อย่ามายุ่งได้ไหม”เสียงอ้อแอ้จากคนที่ถูกประคองลงจากรถสปอร์ตที่แล่นมาจอดเทียบหน้าบ้านในเวลาบ่ายจัดดังขึ้นไม่ใช่สิ...ภาพของสองหนุ่มสาวห่างไกลจากคำว่าประคองมากนัก เรียกว่ากอดปล้ำกันลงมาเลยต่างหาก“หยุดดิ้นได้ไหม ผมหมดแรงกับคุณแล้วนะ เดี๋ยวก็จับโยนมันตรงนี้หรอก”เสียงขู่ดังจากคนตัวใหญ่ที่อยู่ในสภาพเสื้อเชิ้ตกระดุมหลุดลุ่ยจนเผยให้เห็นแผงอกแกร่งที่มีไรขนปกคลุมรำไร...ทั้งที่เมื่อแรกออกจากบ้านคนที่วิ่งมาคุมเชิงจำได้ว่ามันอยู่ในสภาพเรียบร้อยดีนี่นาเบนออกอาการยึกยัก ตัดสินใจไม่ขาดว่าควรเข้าไปช่วยดีหรือเปล่า ดูท่าคุณณิชาจะเหลือสติอยู่กับตัวไม่เท่าไร ท่าทางเหมือนคนเมาแล้วอาละวาดเสียอย่างนั้น เกรงว่านายจะรับมือไม่ไหวแม้นายหนุ่มจะตัวใหญ่ยักษ์ เทียบไซส์กับคุณหนูณิชาแล้วนับว่ามวยคนละรุ่นด้วยซ้ำ แต่ด้วยเหตุที่กำลังเกิด เบนฟันธงได้ทันทีว่านายไม่เคยพบเจอมาก่อน จึงหวั่นว่าจะคุมสถานการณ์ไม่ไหว อีกทีเกรงจะเป็นฝ่ายกระพือโหมให้มันยิ่งแย่กว่าเดิมแต่เมื่อไม่มีคำสั่งจากนาย คนสนิทที่ติดตามจนรู้ใจอย่างเขาจึงได้แต่เฝ้ามอง...มองนายอ
“เขาอยู่เชียงราชหรือคะ แล้วทำงานอะไร”“ณิชา ผมบอกให้หยุดพูดถึงคนอื่น”เสียงคำรามเข้ม ดวงตาคมทอประกายวาบอย่างให้รู้ว่าเขาไม่อยากคุยเรื่องนี้ด้วยเลยนะ แต่อีกคนก็ยังตื๊อถามอย่างหน้าซื่อตาใส...อย่างที่คนมองนึกอยากคว้าคอระหงมาทำโทษเสียให้เข็ด“แต่คุณบอกว่าเขาเป็นเพื่อนคุณ”“แล้วยังไง จะอยากรู้เรื่องของเขาทำไม ขนาดผมที่นอนกกกอดคุณมากี่คืน คุณก็ไม่เคยสนใจถามจริงจังสักที นอกจากโวยวายใส่ร้ายอย่างไม่มีมูล”ไรวินทร์ต่อว่าด้วยวาจาเผ็ดร้อนอย่างไม่คิดถนอมความรู้สึกคนฟัง...จะแคร์ทำไมล่ะ ทีหล่อนยังทำร้ายจิตใจเขาอยู่หยกๆทางด้านณิชาจากที่อารมณ์ดีๆ เพราะคิดว่าตนกำลังเป็นผู้ชนะที่สามารถปั่นหัวเขาได้ แต่พอได้ฟังถ้อยคำเหล่านั้นก็รู้สึกถึงดวงหน้าเห่อร้อนเหมือนมันกำลังมอดไหม้ คนบ้าอะไรช่างพูดได้อย่างไม่อายปาก!“คุณพูดหยาบคาย คุณนี่...ไม่เป็นสุภาพบุรุษเลย” กว่าจะเค้นคำออกมาได้ ต้องรวบรวมพละกำลังจนหัวใจเต้นถี่“สุภาพบุรุษงั้นหรือ...คืออะไร...ผมไม่คิดอยากเป็น ดังนั้นคุณทำใจให้ชินได้เลยนะ ถ้ายังเป็น
“คุณหายไปไหนมา ปล่อยให้ผมหาจนจะพลิกบ้าน”เสียงกระชากถามไม่รื่นหูขณะที่ณิชาก้มหน้าเดินทอดฝีเท้าเนิบเข้ามาในบ้าน จากประตูด้านหลังอีกบานที่ไม่ต้องผ่านห้องครัวนั้นต้องเงยหน้ามองเจ้าของคำถาม สีหน้าของเขาอย่างกับว่ากำลังมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นอย่างนั้นแหละ“ฉันออกไปนั่งเล่นข้างนอก”“ผมให้คุณรอในบ้าน” คนยืนกลางโถงบ้านอันโอ่อ่าบอกอย่างปิดความหงุดหงิดไม่มิด“ฉันต้องทำตามคำสั่งคุณทุกอย่างเลยหรือคะ”เสียงถามเรียบ ทำให้คนที่กำลังร้อนรุ่มในอกต้องเงียบและหยุดตัวเอง พอรู้ตัวว่าสิ่งที่ทำคงมากเกินไปสำหรับเธอ จึงยอมสงบศึก ยกมือสองข้างขึ้นเป็นเชิงว่ายอมแพ้ ก่อนปล่อยทิ้งลงข้างตัวอย่างหมดแรง แล้วก้าวมาประชิดใกล้ณิชายังยืนนิ่งตรงจุดเดิม รับรู้ถึงกลิ่นไอความร้อนที่แผ่จากกายใหญ่ กลิ่นน้ำหอมและกลิ่นกายของเขาที่ทำให้หล่อนปั่นป่วนเสมอยามคลุกเคล้าหากัน หากวินาทีนี้กลับทำให้ร่างกายและจิตใจที่กำลังอ่อนล้าของเธอนั้นสดชื่นขึ้น...เหมือนดอกไม้เหี่ยวเฉากลับมาเริงร่าแค่ได้สัมผัสกับสายฝนโปรยพอรู้ตัวก็ปฏิเสธความรู้สึกนั้นเสีย แล้ว
ไรวินทร์กลับเข้าบ้านหลังจากพูดคุยอยู่กับแขกสาวกว่าครึ่งชั่วโมง นานกว่าที่คิดไว้ ป่านนี้คนที่บอกให้รอจะหงุดหงิดใจบ้างหรือเปล่า หรือจะโมโหหิวเสียก็ไม่รู้“คุณนิดล่ะ”คำถามจากเจ้านายใหญ่ที่ไม่ค่อยจะพูดคุยกับคนรับใช้อย่างพวกเธอ พอวันนี้เจอคำถามแม้จะพื้นๆ แสนธรรมดาเข้า แต่ทำให้เด็กสาวสองคนนิ่งงัน มองหน้าเลิ่กลั่ก...จนคนถามต้องหลุดเสียงเข้มอีกรอบ“ฉันถามว่าคุณนิดอยู่ไหน เห็นคุณนิดหรือเปล่า”“เอ่อ...คุณนิดไม่ได้อยู่กับนายหรือคะ” พ้อหวานที่ดูจะกล้ามากกว่าถามกลับอย่างสงสัย แต่เป็นไปอย่างตะกุกตะกักเต็มที“ถ้าอยู่ด้วยกัน แล้วฉันจะถามหาทำไมเล่า”ไม่คิดจะต่อปากต่อคำ แต่ความหงุดหงิดที่คิดว่าณิชาซึ่งถือเป็นเจ้านายทั้งคน คนรับใช้ที่อยู่กันเต็มบ้านทำไมถึงไม่รู้ไม่เห็น อย่างนี้สิเล่าเขาถึงอยากปล่อยให้บ้านร้างจากผู้คนนัก ปล่อยให้มันเงียบสงบจนกลายเป็นสงัดตามที่เคยชินเสียดีกว่าไรวินทร์ก้าวยาวๆ ขึ้นบันไดไปชั้นบนเมื่อคิดว่าณิชาคงหลบอยู่ในห้องส่วนตัวของเธอตามความตั้งใจแรกช่วงเวลานี้คงไม่มีใครดวงตกเท่าเธอ
ทันทีที่ลงมาจากชั้นบนเมื่อเวลาล่วงเกือบสิบนาฬิกา ไรวินทร์ก็ได้ยินคำรายงานอันน่าประหลาดใจจากเบน“คุณอรุณวดีกับน้องสาวมารอตั้งแต่เช้าแล้วครับ ตอนนี้อยู่ที่ห้องรับแขกของศาลารับรอง”วินาทีแรกไรวินทร์นึกหน้าแขกคนนี้ไม่ออก ยิ่งพ่วงด้วยน้องสาวมาด้วยก็ถึงกับมึนงง...เมื่อนิ่งคิดอึดใจต่อมา ความทรงจำก็หลั่งไหลเข้าสู่สมองอรุณวดีสาวสวยเจ้าของโรงแรมกลางเมืองที่เขาไปนั่งรับประทานอาหารระหว่างรอรถเข้าศูนย์วันก่อนนั่นเอง หล่อนเข้ามาทักทายและพูดคุยอยู่สักพัก เสร็จก็อาสามาส่งถึงบ้านเพราะเขาตัดสินใจไม่รอรับรถด้วยตัวเอง...ไรวินทร์ไม่คิดจะแสร้งทำมึนว่าไม่รู้จุดประสงค์ในครั้งนั้นของอรุณวดีว่าแท้จริงอยากทำความรู้จักเขามากกว่าจะให้บริการในฐานะแขกของโรงแรมตามที่อ้าง ซึ่งเขาก็ไม่ติดใจอะไร คิดว่าได้รู้จักกันไว้ก็เป็นการดีสำหรับคนต่างถิ่นอย่างเขาที่เพิ่งย้ายมาตั้งรกรากในเชียงราชแต่ด้วยการมาถึงบ้านของพวกเธอสองคนในวันนี้...มาพบโดยไม่มีการบอกกล่าวหรือนัดหมายกัน แถมเขายังมองไม่เห็นว่าจะมีธุระอะไรสำคัญขนาดที่พวกเธอจะเสียเวลาอันมีค่ารอ ก็ยิ่งสงสัยหนัก“ผมถ
“เอาละ เราควรคุยกันได้แล้ว”ไรวินทร์บอกคนที่เข้ามานั่งซุกอยู่ตรงซอกหนึ่งของห้องเสื้อผ้า มองกระเป๋าและสัมภาระของหล่อนที่เขาไปขนมากองไว้เอง มันยังอยู่ในสภาพเดิม ชายหนุ่มหรี่ตามอง...ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่อยากบังคับจิตใจเธอคนตัวบางนั่งกอดเข่าที่ยกชัน ดวงหน้านวลซุกซบเอาไว้ เชื่อว่าหล่อนได้ยินและรับรู้การมาของเขา เพราะเห็นสะดุ้งไหวไปนิด ก่อนจะทำเหมือนเขาไม่มีตัวตนต่อไรวินทร์กระแอมในลำคอ ก่อนบอกต่อด้วยถ้อยคำที่คิดอย่างมั่นใจแล้ว“ผมจริงจังกับคุณ...”“ไม่ต้องมาพูด”เสียงตวาดแหวสวนทันควันทั้งที่ยังเกริ่นไม่ทันขาดคำ ถ้าไม่เพราะดวงตาหวานที่แดงก่ำซ้ำยังฉ่ำด้วยหยาดน้ำตา...คงมีรายการจับมาฟาดก้นสั่งสอนกันบ้างแล้วละคนร่างใหญ่ในชุดคลุมตัวเดียวเดินมาใกล้ ทรุดนั่งบนส้นเท้าตัวเอง ยื่นมือแข็งแรงลูบแก้มนวลที่เปรอะด้วยน้ำตา สายตาสองคู่สบประสานกัน ต่างก็มุ่งมั่นในความคิดและความรู้สึกตัวเอง“ฉันเกลียดคุณ ไม่อยากเห็นหน้าคุณอีก ออกไปให้พ้นเลยนะ แล้วถ้าจะกรุณาก็ปล่อยฉันออกไปจากบ้านนี้ด้วย ฉันไม่อยากอยู่แล้ว บ้านหลังนี้เ