“คุณหายไปไหนมา ปล่อยให้ผมหาจนจะพลิกบ้าน”
เสียงกระชากถามไม่รื่นหูขณะที่ณิชาก้มหน้าเดินทอดฝีเท้าเนิบเข้ามาในบ้าน จากประตูด้านหลังอีกบานที่ไม่ต้องผ่านห้องครัวนั้นต้องเงยหน้ามองเจ้าของคำถาม สีหน้าของเขาอย่างกับว่ากำลังมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นอย่างนั้นแหละ“ฉันออกไปนั่งเล่นข้างนอก”“ผมให้คุณรอในบ้าน” คนยืนกลางโถงบ้านอันโอ่อ่าบอกอย่างปิดความหงุดหงิดไม่มิด“ฉันต้องทำตามคำสั่งคุณทุกอย่างเลยหรือคะ”เสียงถามเรียบ ทำให้คนที่กำลังร้อนรุ่มในอกต้องเงียบและหยุดตัวเอง พอรู้ตัวว่าสิ่งที่ทำคงมากเกินไปสำหรับเธอ จึงยอมสงบศึก ยกมือสองข้างขึ้นเป็นเชิงว่ายอมแพ้ ก่อนปล่อยทิ้งลงข้างตัวอย่างหมดแรง แล้วก้าวมาประชิดใกล้ณิชายังยืนนิ่งตรงจุดเดิม รับรู้ถึงกลิ่นไอความร้อนที่แผ่จากกายใหญ่ กลิ่นน้ำหอมและกลิ่นกายของเขาที่ทำให้หล่อนปั่นป่วนเสมอยามคลุกเคล้าหากัน หากวินาทีนี้กลับทำให้ร่างกายและจิตใจที่กำลังอ่อนล้าของเธอนั้นสดชื่นขึ้น...เหมือนดอกไม้เหี่ยวเฉากลับมาเริงร่าแค่ได้สัมผัสกับสายฝนโปรยพอรู้ตัวก็ปฏิเสธความรู้สึกนั้นเสีย แล้วทางด้านไรวินทร์เมื่อเดินออกจากบ้านไปยังศาลา ทิศทางสู่ประตูรั้วใหญ่ด้านหน้า ห่างจากตัวบ้านเกือบร้อยเมตร แม้มันจะถูกเรียกว่าศาลาแต่รูปทรงและขนาดกลับคล้ายบ้านพักตากอากาศหรูหราเสียมากกว่า ด้านหน้าส่วนรับแขกมีผนังกรุกระจกอย่างเป็นสัดส่วน มีชุดรับแขกและโต๊ะยาวที่สามารถใช้เป็นที่ประชุมได้ทีเดียว ข้างในนี้สะดวกสบายและกว้างขวางพอจะให้ชายฉกรรจ์สี่ห้าคนได้พักอยู่ช่วงกลางวัน ส่วนตอนกลางคืนก็ยังสามารถใช้เป็นที่หลับนอนตอนเปลี่ยนเวรยามเมื่ออยู่รักษาความปลอดภัยให้บ้านนี้กันอีกด้วยจนเมื่อไรวินทร์ผลักบานประตูกรุกระจกเข้าไปข้างใน สัมผัสความเย็นฉ่ำด้วยเครื่องปรับอากาศ รอแค่ไม่กี่วินาทีเบนก็ผลักบานประตูห้องด้านในออกมาพบ“ตามเรื่องนั้นไปถึงไหนแล้ว”ไรวินทร์ถามคนสนิทพลางเดินนำไปยังมุมห้อง หย่อนกายนั่งบนโซฟา ปล่อยท่าทีผ่อนคลาย พร้อมยกมือหนาบีบนวดไหล่ตัวเอง“กล้องวงจรปิดของทางหอพักไม่มีครับ กล้องที่เห็นติดอยู่เป็นกล้องหลอกทั้งนั้น ผมให้คนตามภาพจากร้านค้าบริเวณทางเข้าออกซอยอยู่ แต่หาคนที่น่าสงสัยยากหน่อยครับ หอพักนั่นทางเข้าออกหลายทาง ถนนด้านหน้าก็เป็นทางลัด
“ไม่อาว ฉันเดินเอง อย่ามายุ่งได้ไหม”เสียงอ้อแอ้จากคนที่ถูกประคองลงจากรถสปอร์ตที่แล่นมาจอดเทียบหน้าบ้านในเวลาบ่ายจัดดังขึ้นไม่ใช่สิ...ภาพของสองหนุ่มสาวห่างไกลจากคำว่าประคองมากนัก เรียกว่ากอดปล้ำกันลงมาเลยต่างหาก“หยุดดิ้นได้ไหม ผมหมดแรงกับคุณแล้วนะ เดี๋ยวก็จับโยนมันตรงนี้หรอก”เสียงขู่ดังจากคนตัวใหญ่ที่อยู่ในสภาพเสื้อเชิ้ตกระดุมหลุดลุ่ยจนเผยให้เห็นแผงอกแกร่งที่มีไรขนปกคลุมรำไร...ทั้งที่เมื่อแรกออกจากบ้านคนที่วิ่งมาคุมเชิงจำได้ว่ามันอยู่ในสภาพเรียบร้อยดีนี่นาเบนออกอาการยึกยัก ตัดสินใจไม่ขาดว่าควรเข้าไปช่วยดีหรือเปล่า ดูท่าคุณณิชาจะเหลือสติอยู่กับตัวไม่เท่าไร ท่าทางเหมือนคนเมาแล้วอาละวาดเสียอย่างนั้น เกรงว่านายจะรับมือไม่ไหวแม้นายหนุ่มจะตัวใหญ่ยักษ์ เทียบไซส์กับคุณหนูณิชาแล้วนับว่ามวยคนละรุ่นด้วยซ้ำ แต่ด้วยเหตุที่กำลังเกิด เบนฟันธงได้ทันทีว่านายไม่เคยพบเจอมาก่อน จึงหวั่นว่าจะคุมสถานการณ์ไม่ไหว อีกทีเกรงจะเป็นฝ่ายกระพือโหมให้มันยิ่งแย่กว่าเดิมแต่เมื่อไม่มีคำสั่งจากนาย คนสนิทที่ติดตามจนรู้ใจอย่างเขาจึงได้แต่เฝ้ามอง...มองนายอ
“เขาอยู่เชียงราชหรือคะ แล้วทำงานอะไร”“ณิชา ผมบอกให้หยุดพูดถึงคนอื่น”เสียงคำรามเข้ม ดวงตาคมทอประกายวาบอย่างให้รู้ว่าเขาไม่อยากคุยเรื่องนี้ด้วยเลยนะ แต่อีกคนก็ยังตื๊อถามอย่างหน้าซื่อตาใส...อย่างที่คนมองนึกอยากคว้าคอระหงมาทำโทษเสียให้เข็ด“แต่คุณบอกว่าเขาเป็นเพื่อนคุณ”“แล้วยังไง จะอยากรู้เรื่องของเขาทำไม ขนาดผมที่นอนกกกอดคุณมากี่คืน คุณก็ไม่เคยสนใจถามจริงจังสักที นอกจากโวยวายใส่ร้ายอย่างไม่มีมูล”ไรวินทร์ต่อว่าด้วยวาจาเผ็ดร้อนอย่างไม่คิดถนอมความรู้สึกคนฟัง...จะแคร์ทำไมล่ะ ทีหล่อนยังทำร้ายจิตใจเขาอยู่หยกๆทางด้านณิชาจากที่อารมณ์ดีๆ เพราะคิดว่าตนกำลังเป็นผู้ชนะที่สามารถปั่นหัวเขาได้ แต่พอได้ฟังถ้อยคำเหล่านั้นก็รู้สึกถึงดวงหน้าเห่อร้อนเหมือนมันกำลังมอดไหม้ คนบ้าอะไรช่างพูดได้อย่างไม่อายปาก!“คุณพูดหยาบคาย คุณนี่...ไม่เป็นสุภาพบุรุษเลย” กว่าจะเค้นคำออกมาได้ ต้องรวบรวมพละกำลังจนหัวใจเต้นถี่“สุภาพบุรุษงั้นหรือ...คืออะไร...ผมไม่คิดอยากเป็น ดังนั้นคุณทำใจให้ชินได้เลยนะ ถ้ายังเป็น
“คุณหายไปไหนมา ปล่อยให้ผมหาจนจะพลิกบ้าน”เสียงกระชากถามไม่รื่นหูขณะที่ณิชาก้มหน้าเดินทอดฝีเท้าเนิบเข้ามาในบ้าน จากประตูด้านหลังอีกบานที่ไม่ต้องผ่านห้องครัวนั้นต้องเงยหน้ามองเจ้าของคำถาม สีหน้าของเขาอย่างกับว่ากำลังมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นอย่างนั้นแหละ“ฉันออกไปนั่งเล่นข้างนอก”“ผมให้คุณรอในบ้าน” คนยืนกลางโถงบ้านอันโอ่อ่าบอกอย่างปิดความหงุดหงิดไม่มิด“ฉันต้องทำตามคำสั่งคุณทุกอย่างเลยหรือคะ”เสียงถามเรียบ ทำให้คนที่กำลังร้อนรุ่มในอกต้องเงียบและหยุดตัวเอง พอรู้ตัวว่าสิ่งที่ทำคงมากเกินไปสำหรับเธอ จึงยอมสงบศึก ยกมือสองข้างขึ้นเป็นเชิงว่ายอมแพ้ ก่อนปล่อยทิ้งลงข้างตัวอย่างหมดแรง แล้วก้าวมาประชิดใกล้ณิชายังยืนนิ่งตรงจุดเดิม รับรู้ถึงกลิ่นไอความร้อนที่แผ่จากกายใหญ่ กลิ่นน้ำหอมและกลิ่นกายของเขาที่ทำให้หล่อนปั่นป่วนเสมอยามคลุกเคล้าหากัน หากวินาทีนี้กลับทำให้ร่างกายและจิตใจที่กำลังอ่อนล้าของเธอนั้นสดชื่นขึ้น...เหมือนดอกไม้เหี่ยวเฉากลับมาเริงร่าแค่ได้สัมผัสกับสายฝนโปรยพอรู้ตัวก็ปฏิเสธความรู้สึกนั้นเสีย แล้ว
ไรวินทร์กลับเข้าบ้านหลังจากพูดคุยอยู่กับแขกสาวกว่าครึ่งชั่วโมง นานกว่าที่คิดไว้ ป่านนี้คนที่บอกให้รอจะหงุดหงิดใจบ้างหรือเปล่า หรือจะโมโหหิวเสียก็ไม่รู้“คุณนิดล่ะ”คำถามจากเจ้านายใหญ่ที่ไม่ค่อยจะพูดคุยกับคนรับใช้อย่างพวกเธอ พอวันนี้เจอคำถามแม้จะพื้นๆ แสนธรรมดาเข้า แต่ทำให้เด็กสาวสองคนนิ่งงัน มองหน้าเลิ่กลั่ก...จนคนถามต้องหลุดเสียงเข้มอีกรอบ“ฉันถามว่าคุณนิดอยู่ไหน เห็นคุณนิดหรือเปล่า”“เอ่อ...คุณนิดไม่ได้อยู่กับนายหรือคะ” พ้อหวานที่ดูจะกล้ามากกว่าถามกลับอย่างสงสัย แต่เป็นไปอย่างตะกุกตะกักเต็มที“ถ้าอยู่ด้วยกัน แล้วฉันจะถามหาทำไมเล่า”ไม่คิดจะต่อปากต่อคำ แต่ความหงุดหงิดที่คิดว่าณิชาซึ่งถือเป็นเจ้านายทั้งคน คนรับใช้ที่อยู่กันเต็มบ้านทำไมถึงไม่รู้ไม่เห็น อย่างนี้สิเล่าเขาถึงอยากปล่อยให้บ้านร้างจากผู้คนนัก ปล่อยให้มันเงียบสงบจนกลายเป็นสงัดตามที่เคยชินเสียดีกว่าไรวินทร์ก้าวยาวๆ ขึ้นบันไดไปชั้นบนเมื่อคิดว่าณิชาคงหลบอยู่ในห้องส่วนตัวของเธอตามความตั้งใจแรกช่วงเวลานี้คงไม่มีใครดวงตกเท่าเธอ
ทันทีที่ลงมาจากชั้นบนเมื่อเวลาล่วงเกือบสิบนาฬิกา ไรวินทร์ก็ได้ยินคำรายงานอันน่าประหลาดใจจากเบน“คุณอรุณวดีกับน้องสาวมารอตั้งแต่เช้าแล้วครับ ตอนนี้อยู่ที่ห้องรับแขกของศาลารับรอง”วินาทีแรกไรวินทร์นึกหน้าแขกคนนี้ไม่ออก ยิ่งพ่วงด้วยน้องสาวมาด้วยก็ถึงกับมึนงง...เมื่อนิ่งคิดอึดใจต่อมา ความทรงจำก็หลั่งไหลเข้าสู่สมองอรุณวดีสาวสวยเจ้าของโรงแรมกลางเมืองที่เขาไปนั่งรับประทานอาหารระหว่างรอรถเข้าศูนย์วันก่อนนั่นเอง หล่อนเข้ามาทักทายและพูดคุยอยู่สักพัก เสร็จก็อาสามาส่งถึงบ้านเพราะเขาตัดสินใจไม่รอรับรถด้วยตัวเอง...ไรวินทร์ไม่คิดจะแสร้งทำมึนว่าไม่รู้จุดประสงค์ในครั้งนั้นของอรุณวดีว่าแท้จริงอยากทำความรู้จักเขามากกว่าจะให้บริการในฐานะแขกของโรงแรมตามที่อ้าง ซึ่งเขาก็ไม่ติดใจอะไร คิดว่าได้รู้จักกันไว้ก็เป็นการดีสำหรับคนต่างถิ่นอย่างเขาที่เพิ่งย้ายมาตั้งรกรากในเชียงราชแต่ด้วยการมาถึงบ้านของพวกเธอสองคนในวันนี้...มาพบโดยไม่มีการบอกกล่าวหรือนัดหมายกัน แถมเขายังมองไม่เห็นว่าจะมีธุระอะไรสำคัญขนาดที่พวกเธอจะเสียเวลาอันมีค่ารอ ก็ยิ่งสงสัยหนัก“ผมถ