Share

ครอบครัวหวัง

Author: l3oonm@
last update Last Updated: 2025-10-03 01:09:17

รลินอยู่ในร่างของหวังมู่หลินได้หนึ่งอาทิตย์แล้ว หมู่บ้านที่เธออยู่นั้นมีชื่อว่า หมู่บ้านชุนหง อยู่ในตำบลชุนไห่ อำเภอโยวโจว อยู่ห่างจากเมืองหลวงแคว้นฉู่ 1,000 ลี้ (1ลี้=500เมตร) ครอบครัวของเธอไม่มีใครให้เธอหยิบจับทำอะไรเลย ก่อนหน้านี้เธอได้สำรวจกำไลแล้วปรากฏว่าของที่เธอซื้อไว้ตามเธอมาครบทุกอย่างจริงๆ แล้วในกำไลนั้นยังเป็นมิติอีกด้วย 

โดยของทั้งหมดของเธออยู่ในโกดังขนาดใหญ่อย่างเป็นระเบียบ มีกระท่อมหลังน้อยที่ด้านในไม่น้อยเลย ด้านในของกระท่อมนั้นมีห้องทั้งหมด 4 ห้องนอน 1 ห้องโถง 1 ห้องตำรา และมีห้องน้ำกับห้องส้วมแยกชัดเจน เธอพอใจกับห้องน้ำและห้องส้วมมาก

ด้านนอกของกระท่อมนั้นมีน้ำลำธารกว้างสองจั้ง(1จั้ง=3.33เมตร) มีสวนสมุนไพร สวนผัก ผลไม้ เต็มพื้นที่ไปหมด รลินถึงกับก้มขอบคุณคุณยายที่มอบกำไลนี้ให้เธอ เธอไม่มีเวลาสำรวจพื้นที่ทั้งหมดมากนักเพราะครอบครัวเธอมักจะวนเวียนพลัดเปลี่ยนกันมาคอยดูแลเธอ

ครอบครัวของหวังมู่หลิน

1.หวังเจียวจิ้น บิดา อายุ 37 ปี

2.เหมยฮวา มารดา อายุ 32 ปี (ไม่มีแซ่ อายุโดยประมาณเพราะความจำเสื่อม ทราบชื่อจากหยกที่พกติดตัวมาสลักไว้ว่าเหมยฮวา)

3.หวังเจียวโจว พี่ชายคนโต อายุ 15 ปี

4.หวังเจียวจ้าน พี่ชายคนรอง อายุ 12 ปี (แฝดพี่)

5.หวังมู่หลิน อายุ 12 ปี  (แฝดน้อง)

ครอบครัวของบ้านใหญ่

1.หวังเหล่ย ท่านปู่ อายุ 54 ปี

2.ซูกุ้ย ท่านย่า (เสียชีวิต)

3.จางซิง ภรรยาใหม่ปู่ อายุ 50 ปี

4.หวังจง อารอง อายุ 34 ปี

5.นางจางชุน สะใภ้รอง อายุ 30 ปี

6.หวังลี่ถัง อาเล็ก อายุ 16 ปี

7.หวังหยุน บุตรชายหวังจง อายุ 14 ปี

8.หวังผู่เยว่ บุตรีหวังจง อายุ 12 ปี

หลังมื้อเย็น เจียวจิ้นได้บอกกับทุกคนว่าพรุ่งนี้ยามอิ๋น (03.00-04.59น.) ตนเจียวโจว และเจียวจ้านจะขึ้นเขาเพื่อวางกับดักสัตว์ จะได้หาเงินเพื่อเตรียมตัวเขาหน้าหนาว       มู่หลินเมื่อได้ยินแบบนั้นจึงขอเข้าไปด้วย

"ท่านพ่อ ข้าขอไปด้วยได้หรือไม่เจ้าคะ"

"หลินเออร์ เจ้าเพิ่งหายดี อยู่บ้านกับแม่เจ้าก่อนดีหรือไม่" ท่านพ่อที่เป็นห่วงบุตรสาวกลัวจะไม่สบายจนไม่ฟื้นอีกนั้นไม่เอ่ยห้ามไว้

"พี่เห็นด้วย เจ้าอยู่บ้านกับท่านแม่ดีแล้ว" พี่ใหญ่ที่นึกถึงน้องตัวเองนอนไม่ตื่นยิ่งกลัวไม่อยากให้น้องออกไปเสี่ยงอันตราย

"ให้ข้าไปด้วยนะท่านพ่อ ข้าจะเดินตามท่านพ่อและท่านพี่อย่างดี" มู่หลินที่อยากจะเอาของในมิติออกมาเปลี่ยนเป็นเงินจำต้องออดอ้อนผู้เป็นพ่อและพี่ชายอย่างเต็มที่ถึงแม้จะมีอาการเก้อเขินเพราะไม่เคยแสดงอาการแบบนี้มาก่อนก็ตาม

"เจ้าต้องรับปากพ่อว่าจะไม่เดินออกนอกสายตาพ่อและพี่เจ้าทั้งสองคน พ่อถึงยอมให้ไป" ก่อนหน้านี้มู่หลินขอตามพี่รองไปเก็บฟืนแต่ก็แอบหลบเข้าป่าไป ทำให้ทั้งบ้านออกตามหา มู่หลินกลับเดินออกมาจากป่าพร้อมไก่ป่า 1 ตัว เธอให้เหตุผลว่าไก่มันวิ่งหนีไปชนต้นไม้เธอเลยจับมาได้ (มู่หลินใช้ก้อนหินดีดใส่หัวไก่ต่างหาก) 

หลังจากกลับถึงบ้านพร้อมไก่ป่า ทุกคนในบ้านไม่มีใครดีใจที่ได้กินเนื้อทุกคนบ่นจนมู่หลินยอมรับปากว่าจะไม่เข้าป่าโดยลำพังอีกแล้ว 

พอตกลงกันได้เรียบร้อยแล้วทุกคนก็เข้านอน เพื่อเตรียมตัวเข้าป่าในเช้าวันพรุ่งนี้

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ข้ามเวลามาสู้ชีวิต   บทลงโทษของกบฏ

    เซี่ยซีห่าวนำทัพพร้อมพวกกบฏเดินทางถึงเมืองหลวงหลังจากที่ไป๋เฟยหรงถึงเกือบสิบวันฮ่องเต้สังประหารขุนนางฝ่ายกบฏทั้งหมด ขุนนางคนใดที่โทษไม่หนักก็เนรเทศออกไปใช้แรงงานที่ชายแดน ส่วนองค์ชายใหญ่นั้นทดพิษบาดแผลไม่ไหวชิงตายไปเสียก่อนวันตัดสินโทษเพียงแค่สองวัน หวงกุ้ยเฟย เสนาบดีเว่ย เว่ยซูเหิง โดนตัดสินให้แล่เนื้อเถือหนังจนกว่าจะสิ้นใจตายส่วนคนในจวนตระกูลเว่ยและตำหนักขององค์ชายใหญ่ที่ตรวจสอบแล้วไม่มีความผิดก็โดนเนรเทศสั่งห้ามทั้งหมดกลับเข้าเมืองหลวงและหมดสิทธิ์เข้าสอบขุนนางตลอดชีวิตเว่ยซูเม่ยที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อกบฏครั้งนี้ แต่นางมีความผิดที่ส่งนักฆ่าไปลอบสังหารมู่หลินหลายครั้ง จึงโดนตัดสินให้ประหารชีวิตด้วย ถึงแม้มู่หลินจะเสียดายที่นางไม่ได้เป็นคนจัดการเอง แต่ก็ไม่ได้ติดใจเพราะโทษตายที่นางได้รับนั้นสมควรแล้วขุนนางกว่าครึ่งในท้องพระโรงที่โดยตัดสินโทษครั้งนี้ แต่ฮ่องเต้ก็ไม่ได้ทรงร้อนใจเท่าใด เพียงแต่ตั้งขุนนางตงฉินเข้ามาแทนในตำแหน่งสำคัญที่หายไป ส่วนในตำแหน่งอื่นนั้น ทรงรอการสอบหน้าพระที่นั่งในอีกหกเดือนที่จะถึงนี้ คงเติมเต็มท้องพระโรงได้ครบทุกตำแหน่งเวลาที่ครอบครัวบ้านหวังรอก็มาถ

  • ข้ามเวลามาสู้ชีวิต   สามปี ท่านรอได้หรือไม่

    ไป๋เฟยหรงที่เดินทางถึงเมืองหลวง ก็ให้กงหยวนและคนของตนเข้าไปพบองค์ชายรองแต่ตัวเองนั้น เดินทางไปจวนตระกูลเซี่ย“ข้ามาขอพบคุณหนูหวัง”“เชิญท่านแม่ทัพด้านในขอรับ ข้าจะไปแจ้งคุณหนูให้ขอรับ”มู่หลินเดินเข้ามาในห้องโถงก็พบเชี่ยห่าวหรานนั่งดื่มชาอยู่กับไป๋เฟยหรง“คารวะท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ”“องค์ชายรองบอกเจ้าบาดเจ็บ” มู่หลินเลิกคิ้วขึ้น นั่นมันผ่านมาเกือบสิบวันแล้วไหม“ข้าไม่เป็นอันใดมากเจ้าค่ะ”หลังมู่หลินกล่าวจบก็ไม่มีบทสนทนาต่อ เซี่ยห่าวหรานที่นั่งอยู่อย่างอึดอัดก็เอ่ยปากขอตัว"หลินเออร์ฝากท่านแม่ทัพด้วย พี่ขอไปจัดการงานต่อ""เจ้าค่ะ"ไป๋เฟยหรงเพียงนั่งมองมู่หลินเท่านั้น มองจนคนอึดอัดไปหมด"เอ่อ ท่านมาถึงเมืองหลวงเมื่อไหร่เจ้าคะ""เดี๋ยวนี้""เลิกมองข้าได้แล้ว" มู่หลินถอนหายใจคุยกับคนแบบนี้อึดอัดเป็นบ้า"ข้าอยากเห็นหน้าเจ้า""ท่านก็เห็นแล้ว แล้วท่านไม่ต้องไปพบองค์ชายรองหรือ ""เดี๋ยวไป""ท่านไปเถอะ ข้าไปส่ง" มู่หลินกล่าวจบก็ลุกขึ้นไปส่งแขกไป๋เฟยหรงเมื่อเห็นมู่หลินไม่บาดเจ็บก็วางใจ จึงเดินทางไปพบองค์ชายรองเพื่อรายงานเหตุการณ์ทางเหนือให้ทรงทราบเซี่ยห่าวหรานที่เห็นไป๋เฟยหรงไปแล้วจึงเข้าไปคุยกับ

  • ข้ามเวลามาสู้ชีวิต   งานพบญาติ

    องค์ชายรองเมื่อทราบข่าวจากเซี่ยห่าวหรานก็เดินทางมารับฮ่องเต้กับฮองเฮาไปดูแลต่อที่วังหลวง เพราะตอนนี้ทหารในวังทั้งหมดเป็นคนขององค์ชายรองและแม่ทัพไป๋ กองกำลังตระกูลเซี่ยจึงได้พักรักษาตัวได้อย่างเต็มที่หลังจากที่พักฟื้นได้สามวัน องค์ชายรองส่งข่าวมาว่า รู้ที่ซ่อนตัวขององค์ชายใหญ่แล้ว มู่หลินกับเซี่ยห่าวหรานจึงเดินทางเข้าวังเพื่อปรึกษาแผนการเข้าจับกุมตัว“พี่ใหญ่ใช้ทางลับที่หวงกุ้ยเฟยสร้างไว้เพื่อหลบหนี ครั้งนี้ข้านึกไม่ถึงว่าองครักษ์เงาของเสด็จพ่อจะโดนเปลี่ยนตัว” องค์ชายรองเอ่ยกับมู่หลินอย่างรู้สึกผิดเพราะหากเขาไม่ประมาทเรื่ององครักษ์เงาของฮ่องเต้ มู่หลินกับเซี่ยห่าวหรานคงไม่บาดเจ็บ กองกำลังเซี่ยก็จะไม่มีคนล้มตาย“พระองค์อย่าได้โทษตนเองเลยพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ก็รู้ที่ตั้งฐานทัพขององค์ชายใหญ่แล้ว พระองค์จะบุกเข้าไปเลยไหมพะยะค่ะ” เซี่ยห่าวหรานไม่โทษว่าเป็นความผิดขององค์ชายรอง ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าจะเกิดขึ้นแม้จะกันทุกทางก็ต้องมีพลาดบ้าง“ตอนนี้องครักษ์ของท่านเป็นเช่นใดบ้าง” องค์ชายรองถามเซี่ยห่าวหราน“องครักษ์ของกระหม่อมฟื้นกำลังดีแล้วพ่ะย่ะค่ะ “"เช่นนั้นคืนนี้ ก็เคลื่อนทัพได้"ทางด้านขององค์ช

  • ข้ามเวลามาสู้ชีวิต   เริ่มลงมือ

    ทางแม่ทัพไป๋ก็เริ่มลงมือกับเจ้าเมืองเหิง โจวที่อยู่ชายแดนเหนือแล้ว เจ้าเมืองเหิงโจวเป็นด่านหน้าที่คอยส่งข่าวให้กับแม่ทัพถัง เมื่อกำจัดหนอนไปได้หนึ่งตัว กองทัพพยัคฆ์ทมิฬก็เข้าประชิดกองทัพของแม่ทัพถังไปอีกก้าวแม่ทัพถังได้ตำแหน่งมาเพราะอำนาจของเสนาบดีเว่ยช่วย หากถ้าถามถึงฝีมือถ้าออกรบจริงคงตายคาสนามรบแน่ คนข้างกายก็มีแต่พวกหาผลประโยชน์ ประจบสอพลอ ทหารในปกครองก็หละหลวม ดีแต่ดื่มสุราเค้านารี ไม่ฝึกซ้อมคืนนี้ก็เป็นอีกคืนที่แม่ทัพถังเรียกรองแม่ทัพ นายกองร่วมฉลองที่ชนเผ่านอกบางส่วนมารวมตัวเพื่อหารือแบ่งผลประโยชน์หลังฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองบัลลังก์ในคืนนั้นเองกองทัพพยัคฆ์ทมิฬจึงเข้าล้อมทั้งหมด แล้วเข้าจับกุมคนไว้ได้ เมื่อไม่มีการเฝ้าระวังอย่างที่ควร บวกกลับอาการเมามาย กองทัพทมิฬจึงมิต้องออกกำลังมากเท่าใดทางด้านเซี่ยซีห่าวก็เข้าบุกสังหารชนเผ่านอกด่าน เนื่องจากผู้นำกับลูกน้องคนสนิทเข้าร่วมหารือกับแม่ทัพถัง ในค่ายของชนเผ่าตอนนี้มีเพียงรองหัวหน้า เมื่อเซี่ยซีห่าวสังหารรองหัวหน้าได้ มังกรเมื่อไร้หัวก็หมดทางสู้ ชาวชนเผ่าที่หวาดกลัวก็หนีตาย เหลือเพียงส่วนน้อยที่ยอมสู้จนตัวตาย เมื่ออยากตายก็จัดให้

  • ข้ามเวลามาสู้ชีวิต   ฮ่องเต้ประชวร

    ทางด้านเมืองหลวงตอนนี้ในจวนเสนาบดีประดับไปด้วยโคมแดง ผ้าแดง บ่งบอกถึงงานมงคลที่กำลังจะเกิดขึ้นเว่ยซูเม่ย ไม่แสดงสีหน้ายินดีใดใดทั้งนั้น ตั้งแต่เกิดเรื่องในจวนครั้งนั้น นางแทบจะไม่ได้ออกนอกจวนเลย งานเลี้ยงน้ำชาก็เลือกไปเฉพาะที่จำเป็น คนส่วนใหญ่คิดว่านางเตรียมตัวออกเรือนแต่เปล่าเลยเป็นเพราะท่านปู่ของนางสั่งห้ามนางก่อเรื่องอีก ท่านพ่อของนางก็กลัวตำแหน่งผู้นำตระกูลรุ่นต่อไปจะตกเป็นของท่านอารอง จึงสั่งให้นางอยู่แต่ภายในจวนเท่านั้นขบวนรับเจ้าสาวขององค์ชายใหญ่ เกี้ยวแปดคนหาม คนโบยเหรียญทองแดง สินสมรส ถึง119หีบ จัดอย่างยิ่งใหญ่ (สินสมรสก็เป็นของเสนาบดีเว่ย 99 หีบแล้ว) สินเจ้าสาวก็ไม่น้อยหน้า ทบจากสินสมรสเพิ่มไปเป็น 199 หีบ เท่ากับคืนเข้าตำหนักองค์ชายใหญ่ทั้งหมดและเพิ่มเข้ามาอีกด้วยชาวเมืองต่างยกย่องจวนเสนาบดีที่รักบุตรหลาน สินสมรสที่ได้ก็ยกให้เป็นสินเดิมของเจ้าสาวทั้งหมด ช่างใจกว้างยิ่งนัก องค์ชายใหญ่ก็ดูจะรักใคร่พระชายายิ่งนัก ทำให้สตรีทั่วเมืองหลวงอิจฉาเว่ยซูเม่ยแทบบ้า นี่คือสิ่งที่คนภายนอกเห็นแต่ตัวเสนาบดีเว่ยนั้นแทบกระอักเลือดออกมา ที่จัดใหญ่โตที่เห็นทั้งหมด ล้วนเป็นเงินในคลังจวนเว่ย

  • ข้ามเวลามาสู้ชีวิต   จดหมาย

    หลังจากแยกย้ายกลับเรือนของตนแล้ว เฟยหรงก็เขียนจดหมายส่งถึงมู่หลิน ครั้งนี้เขาตั้งใจเขียนให้ยาวอย่างที่กงหยวนแนะนำผ่านมาสองวันจดหมายก็ถึงมือมู่หลิน มู่หลินยังคงทำเช่นเคยตื่นนอน ฝึกวรยุทธ์ กลับมาอาบน้ำ ไปกินข้าวกับครอบครัว แล้วจึงกลับเรือนเพื่อนำจดหมายออกมาอ่าน“อืม…” ครั้งนี้เขียนเยอะขึ้นจริงๆ ด้วยเผยอิงกับเผยอวี้ ทึ่งกับการแสดงสีหน้าของคุณหนูมาก หากเป็นคุณหนูตระกูลอื่นได้จดหมายจากบุรุษจะต้องเขินอาย แต่คุณหนูของพวกนางนั้น ไม่ขมวดคิ้วก็นิ่งเฉยไปเลย‘หลินเออร์เจ้าจงรอข้าก่อนอย่าเพิ่งหมั้นหมายกับผู้ใด หากข้าจัดการเรื่องทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้วจะเข้าไปพูดคุยกับบิดามารดาของเจ้า ‘มู่หลินอ่านจบแทบจะฆ่าเหยี่ยวทิ้ง เจ้าคนแซ่ไป๋มีสิทธิ์อันใดสั่งให้นางรอ เคยพูดคุยกันก็นับครั้งได้ แล้วนางในตอนนี้เพียง 14 หนาวเท่านั้น มู่หลินต้องสงบใจก่อนที่จะตอบจดหมายไม่เช่นนั้นนางได้ด่าฝากไปเป็นแน่ไม่ใช่นางปิดกั้นแต่มันเร็วเกินไปที่จะปักใจกับคนคนนี้ หากต้องอยู่ด้วยกันจนตายก็ต้องเรียนรู้นิสัยกันก่อน ในยุคนี้แม้บุรุษจะเป็นใหญ่แต่ไม่ใช่สำหรับนาง นางไม่จำเป็นต้องพึ่งบุรุษมู่หลินยังคงให้เผยอวี้หาอาหารให้เหยี่ยวเช่นเ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status