เขาเป็นเหมือนก้อนหินที่ไร้ความรู้สึก แต่เมื่อได้มาพบกับนางที่เป็นดุจแสงตะวันที่สดใส กลับเริ่มมีความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นในใจ “ซินเยว่ ตราบใดที่มีข้าอยู่ตรงนี้ ไม่มีทางให้ผู้ใดมารังแกเจ้าได้อีก” จากที่ไม่เคยใส่ใจชีวิตของผู้ใด แต่กลับอยากรู้เรื่องราวของนาง จากที่ไม่เคยสนใจความรู้สึกของผู้อื่น นางกลับมาอยู่ใกล้ ๆ และตามติดเขา แล้วยังมาถามเขาว่า "ท่านไม่เคยชอบสตรีคนใดมาก่อนเลยจริง ๆ หรือ" เพียงเท่านั้นหัวใจของท่านอ๋องก็เริ่มสั่นไหว.... นิยายเรื่องนี้เป็น 1 ใน 4 ของเซตนิยาย "ดวงใจพยัคฆ์แห่งเฉินซาน" พระเอกหน้านิ่ง ดูเย็นชาไร้อารมณ์ราวก้อนหิน นางเอกสาวที่สดใส ร่าเริงและเป็นมิตรกับทุกคนราวกับแสงตะวันในยามเช้า นางจะสามารถละลายหัวใจเจ้าก้อนหินผู้นี้ได้หรือไม่ อาจจะไม่หวือหวาและเข้มข้นเหมือนคู่แรก แต่เต็มไปด้วยความละมุนใจ ฝากติดตามกันต่อด้วยนะคะ
view moreอำเภอลี่เหมิน / เมืองเสิ่นโจว
“หลีกทางหน่อย ๆ”
“เร็วเข้านั่นรถม้าส่งสมุนไพรของร้านยา “เป่าจิ้นถาน” นางกำลังจะรีบไปส่งยาให้ผู้ประสบภัยนอกเมือง รีบหลีกทางเร็ว ๆ”
ชาวบ้านในท้องตลาดเริ่มเก็บของที่วางเกะกะเพื่อเปิดเส้นทางให้รถม้าที่ขนส่งยาสมุนไพรจำนวนมาก โดยมีคุณหนูสกุลคหบดีใหญ่ “ถานซินเยว่” เป็นผู้นำทางกับองครักษ์อีกสองคน
“สกุลถานนี่ร่ำรวยแล้วยังใจบุญอีก”
“ถุย! ใจบุญบ้าบออันใด พวกเขาขายให้กับทางการมิใช่หรือ แม้แต่ข้าวสารกับอาหารพวกนี้ก็ขาย แล้วยังขายราคาเต็มด้วย”
“หุบปากเจ้าไปเลย! แม้ว่าสกุลถานจะขายของพวกนี้ให้ทางการ แต่ของที่ร้านยา “เป่าจิ้นถาน” ของคุณหนูสามมิได้คิดเงินเลยแม้แต่เหวินเดียว นางมิได้หน้าเลือดเหมือนกับอนุของคหบดีถานผู้นั้นหรอกนะ”
“ย่าส์!”
“คุณหนู ข้างหน้านี่แหละขอรับ”
“พวกเจ้าดูด้านหลัง ข้าจะเข้าไปหาหมอหลวงเวิน”
""ขอรับ""
“จื่อโม่” และ “จื่อลั่ว” ผู้ติดตามของถานซินเยว่รับคำสั่งและค่อย ๆ พารถม้าเดินเข้ามายังจวนของท่านหมอ ซึ่งตอนนี้ใช้เป็นสถานที่รักษาและปรุงยาเพื่อส่งไปให้ผู้ป่วยที่อยู่ด้านนอกจวน โดยมีคนของทางการเป็นผู้ดูแล
“ท่านหมอเวิน”
“คุณหนูถาน! คุณพระ ในที่สุดท่านก็มาแล้ว”
“ขออภัยที่ข้ามาช้า สมุนไพรบางตัวพึ่งจะมาส่ง ช้านิดหน่อยต้องขออภัยด้วยเจ้าค่ะ”
“ไม่เป็นไร ๆ ได้ท่านช่วยอยู่หลายครั้งข้าเกรงใจมากเหลือเกิน”
“เช่นนั้นข้าให้พวกเขาเอายาเข้ามาเลยนะ จื่อโม่!”
“ขอรับ ไป ขนเข้าไปได้เลย”
“คุณหนูถาน เชิญพักดื่มชาทางนี้เถิดขอรับ”
“เช่นนั้นก็ขอรบกวนท่านหมอแล้ว”
“ถานซินเยว่” เดินตามหมอ “เวินฉาง” เข้าไปด้านใน สายตากลมโต สดใสและยิ้มง่าย ทำให้ทุกคนที่นี่รู้จักและคุ้นเคยกับคุณหนูสามสกุลถานเป็นอย่างดี ระหว่างทางเดินเข้าไปนางก็แวะทักทายอีกหลาย ๆ คนที่ทั้งตะโกนทักทายและยกขนมมาให้นางกินกับน้ำชา
“ขอโทษด้วยที่ไม่มีชาดีรับรองท่าน เหลือเพียง...”
“ช่างเถอะ ๆ ขอแค่มีน้ำสะอาดดื่มก็เพียงพอแล้ว ที่นี่ยังลำบากอยู่ไม่ต้องมากพิธีเช่นนั้น จริงสิท่านหมอเวินทำไมทางการไม่ส่งหมอหลวงมาช่วยพวกท่านเพิ่มเล่า น้ำป่าระลอกสองที่มาเมื่อเจ็ดวันก่อนทำให้ที่นี่มีผู้ประสบภัยเพิ่ม หรือว่าเรื่องยังส่งไปไม่ถึง”
“หาใช่เช่นนั้นไม่ขอรับ ท่านอ๋องทรงทราบเรื่องเหตุการณ์ที่นี่แล้ว อีกอย่างหมอหลวงจากวังหลวงของเสิ่นโจวกำลังเดินทาง น่าจะอยู่ระหว่างการเดินทาง คงจะมาถึงภายในวันหรือสองวันนี้แหละขอรับ”
“เฮ้อ ผู้ใดจะคิดว่าอุทกภัยครั้งนี้จะหนักหนาแล้วมาถึงสองคราในเวลาอันสั้นกันเล่า จริงสิ! ข้ายังมีพวกผ้าห่มและถ่านแห้งเอาไว้ให้พวกท่านใช้ อีกเดี๋ยวจะตามขบวนยามา แต่คงจะช้านิดหน่อยเพราะของมันค่อนข้างหนัก”
“คุณหนูถานช่างมีน้ำใจยิ่งนัก ข้าน้อยต้องขอบคุณท่านแทนผู้ประสบภัยด้วย ที่จริงทุกคนต่างก็ลำบากด้วยกันทั้งนั้น แต่ก็มิอาจเอ่ยปากขอความช่วยเหลือ แม้ว่าทางการจะส่งของและเสบียงมาช่วยบรรเทาภัย แต่เพราะภัยพิบัติร้ายแรงเกินคาดการณ์ ดังนั้น…”
“ท่านหมออย่าได้เกรงใจ แค่อย่าบอกให้ผู้ใดรู้ว่ามาจากข้าก็พอ ท่านก็รู้ว่า...”
“เฮ้อ ข้าเข้าใจคุณหนูดี ไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดคหบดีถานจึงได้ปล่อยให้อนุหลี่ดูแลกิจการเช่นนี้ ทำให้ท่านลำบากทั้ง ๆ ที่ท่านช่วยพวกเราได้มากพอกับทางการเสิ่นโจว”
“เอาล่ะข้าไม่รบกวนท่านดีกว่า ยาที่ข้าส่งมาครั้งนี้มีสมุนไพรหายากหลายตัวท่านลองดูตามรายการนี้ หากว่ายังขาดอะไรก็รีบให้คนไปแจ้งที่เป่าจิ้นถาน ข้าจะรีบให้คนจัดหามาให้”
“ขอบคุณขอรับ คุณหนูถานจัดยามาให้ไม่มีครั้งใดที่จะขาดยาสำคัญ อีกทั้งราคาตามท้องตลาดก็ค่อนข้างแพง ข้าน้อยเกรงใจเหลือเกินแล้ว”
คำนับจากผู้ที่อาวุโสกว่าทำให้ซินเยว่ทำตัวไม่ถูก นางรีบคำนับตอบกลับให้ท่านหมอเวินทันที
“ท่านหมอทำเช่นนี้อีกแล้ว ท่านจะให้ข้าอายุสั้นหรืออย่างไร ทุกคนล้วนเป็นชาวบ้านของลี่เหมิน ช่วยอะไรได้ก็ต้องช่วย”
“ขอบคุณขอรับ ขอบคุณ”
“ซินเยว่ เจ้ามาแล้วหรือ”
“ท่านหมอจาง ท่านก็อยู่ด้วย”
“จางหลงจื่อ” หมอหลวงที่ถูกส่งมาช่วยหมอหลวงเวินฉางเดินมาทักทายนาง เขาเป็นหมอหลวงที่อายุยังน้อยและพึ่งเข้าไปทำงานในวังหลวงของเสิ่นโจว แต่ที่อำเภอลี่เหมินเกิดภัยจึงถูกส่งมาช่วยที่นี่
“เจ้าก็ยังสดใสเช่นเดิม ยิ้มเช่นนี้แสดงว่าคงได้สมุนไพรหายากมาฝากข้าสินะ”
“ท่านก็ลองเดาดูสิ”
“อืม…ปิงหลาง”
“โธ่นั้นมันสมุนไพรพื้น ๆ ที่ร้านข้ามีออกเยอะแยะ”
“เช่นนั้นก็…ปาโต้ว”
“ไม่ใช่ ๆ เป็น “ชิงเฮา” ต่างหาก”
“จริงหรือ! ได้มาจริงหรือ เจ้ามิได้หลอกข้านะ”
“ข้าจะไปหลอกท่านได้เช่นไร สหายของอาจารย์พึ่งกลับมาจากป่าลึกแดนประจิม พวกท่านก็รู้ว่าป่าแถบนั้นมีต้นชิงเฮามาก ข้าก็เลยขอแบ่งมาให้ท่าน เผื่อว่าจะใช้ประโยชน์ได้”
“ยอดไปเลย”
เมื่อคุยกันได้ไม่นาน องครักษ์ทั้งสองของซินเยว่ก็เดินมาพร้อมกับรายงานว่า ขนส่งสมุนไพรเข้าไปเก็บเรียบร้อยแล้ว
“คุณหนู ส่งของเรียบร้อยแล้วขอรับ”
“ขอบใจพวกเจ้ามาก เช่นนั้นหมอเวิน หมอจางข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ เอาไว้พบกันใหม่”
“เดี๋ยวสิ นี่เจ้าจะกลับเลยหรือ”
“ใช่แล้ว ข้าต้องกลับไปช่วยอาจารย์เก็บร้าน ท่านก็รู้ว่าอาจารย์ข้าขี้บ่นขนาดไหน อีกอย่าง…”
ท่านหมอทั้งสองรู้ดีว่ากฎของจวนคหบดีนั้นเคร่งมากเพียงใด ถานซินเยว่แม้จะเป็นบุตรภรรยาเอก แต่นับจากที่มารดาของนางป่วยตายไปตั้งแต่นางอายุเพียงสิบปี นางก็สนใจที่จะร่ำเรียนวิชาแพทย์ บิดาจึงนำมาฝากให้อาจารย์ “หวังเย่เหอ” เป็นผู้สอนเรื่องการใช้สมุนไพรและปรุงยา และเปิดร้านในเมืองลี่เหมินด้วย
“เช่นนั้นเอาไว้พบกันใหม่นะเจ้าคะ”
“ขอบคุณมากขอรับ แล้วพบกันใหม่”
“ข้าเดินไปส่งเจ้าเองนะ”
“ไม่เป็นไรม้าข้าอยู่แค่นี้เอง พวกท่านรีบไปทำงานเถอะ”
“เช่นนั้น…”
“ข้าไปล่ะ”
ซินเยว่ยิ้มให้พวกเขาและเดินกลับมาที่ม้าของตัวเอง เมื่อเดินมาถึงและยังไม่ทันได้ขึ้นก็เห็นขบวนขนส่งของรถม้า และอาชาสีขาวที่วิ่งเร็วกว่าทุกตัว ม้าของนางเกิดตกใจและหันไป ซินเยว่ที่ไม่ทันระวังจึงถูกม้าดึงจนล้ม
""คุณหนู""
“กรี๊ด!!”
อาชาสีขาวกับผู้ที่ขี่มันอยู่รีบลดความเร็วและหันมาทันที เมื่อเห็นว่าสตรีผู้หนึ่งถูกม้าลากเพราะเชือกของมันคงไปคล้องเข้ากับกำไลข้อมือของนางเขาจึงใช้บางอย่างดีดไปจนกำไลหยกของนางแตกออกมา
ตัวนางหลุดจากสายบังคับม้าทันที ชาวบ้านและท่านหมอต่างวิ่งเข้ามาดูเหตุการณ์ ท่านหมอเวินและหมอจางรีบวิ่งเข้ามา แต่บุรุษที่พึ่งลงจากอาชาในชุดสีขาวสะอาด สวมกวานสีเงิน ชุดเสื้อผ้าบ่งบอกได้ว่าเป็นคุณชายมีฐานะรีบเข้ามาประคองนางทันที
“แม่นาง! เจ้าบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่”
ถานซินเยว่แม้จะบาดเจ็บ แต่นางเอาแต่จับข้อมือตัวเองและหันไปมองจนทั่ว เขาเองก็ไม่เข้าใจว่านางมองหาสิ่งใดทั้ง ๆ ที่นางบาดเจ็บและดูเหมือนขาจะพลิกจนผิดรูป
""คุณหนู!!""
สององครักษ์วิ่งเข้ามา และเมื่อบุรุษหนุ่มหันไป หมอหลวงและทุกคนที่เหลือกำลังจะคำนับ เขายกมือขึ้นห้ามในทันที
“ข้าไม่เป็นไร แต่ว่า.… ไปไหนแล้วล่ะ หายไปไหน”
“แม่นางน้อย เจ้า... มองหาสิ่งใดงั้นหรือ”
“กำไลหยกขาวของข้า กำไลของท่านแม่ล่ะ อยู่ที่ใดท่านเห็นบ้างหรือไม่”
“ท่านแม่! ไม่นะอย่าจับนางไปนะ เดี๋ยวก่อนผู้ตรวจการ ท่านแม่!”“หยูเอ๋อร์ไม่ต้องห่วงแม่จัดการที่เหลือเอง เจ้าปิดร้านและอย่าออกไปไหน รีบกลับจวนเข้าใจหรือไม่”“เจ้าค่ะ”หลี่ฮั่วเจินถูกทางการจับไปที่ว่าการอำเภอเพื่อสอบสวนคดีเลี่ยงภาษีนำเข้าผ้า ซึ่งมีโทษปรับที่ทำให้ร้านของนางถูกสั่งปิดได้ในทันที เพราะนายอำเภอคนใหม่ที่พึ่งเข้ามารับตำแหน่ง ไม่ยอมให้นางใช้อำนาจนอกเหนือกฎหมายอย่างเช่นการให้สินบนกับเจ้าหน้าที่“นี่เป็นถุงเงินที่นางมอบให้ข้าน้อย เพื่อหวังจะติดสินบนในเรื่องนี้ขอรับ”“หลี่ฮั่วเจิน นี่เป็นเรื่องจริงหรือ”“นายอำเภอเจ้าคะเรื่องนี้ข้า… ไม่สิก่อนหน้านี้พวกท่านเองก็เป็นคนบอกว่าให้ข้าทำเช่นนี้ จะมาโทษข้าได้เช่นไร”“หากเจ้าหมายถึงจงอี้หมินผู้นั้นแล้วละก็ เขาถูกจับโทษฐานละเลยการปฏิบัติหน้าที่ รับสินบนและทำผิดวินัยไปก่อนหน้านี้นานแล้ว เจ้ายอมรับสินะว่าสมคบคิดกับเขาทำเรื่องเช่นนี้มานาน!”“ไม่ใช่เจ้าค่ะข้าถูกหลอกให้ทำ ข้าถูกล่อลวง”ด้านหลัง“หึ นึกไม่ถึงเลยว่านางจะโยนความผิดไปให้เจ้าคนแซ่จงผู้นั้นแทน พี่ห้าท่านจะเอาเช่นไรต่อ”“จัดการขั้นเด็ดขาด”“เช่นนั้นก็ได้”รั่วเฟิงหันไปมองทหารของที่ว่าการ
“ช่างเป็นคนที่ดื้อเสียยิ่งนัก จื่อโม่ข้าจะจัดยาฝากไปให้นางแล้วยังต้องมียาสมานแผลของเจ้าด้วย เจ้ารออยู่ตรงนี้เดี๋ยวข้ามา”“ขอรับ”เมื่อส่งจื่อโม่กลับไปแล้ว เขาจึงให้คนไปเรียกเฉินฟ่านหรงและเฉินรั่วเฟิงที่เขื่อนกลับมาที่จวนทันที เมื่อท่านอ๋องทั้งสองมาถึงก็รีบเข้าไปพบเขาที่เรือนพัก อวิ่นซูหรันเห็นจึงรู้สึกแปลกใจแต่ก็ยากที่จะทราบได้ว่าเหตุใดจู่ ๆ ทั้งสองจึงรีบกลับมาจากเนินเขาที่กำลังสร้างเขื่อนอยู่เรือนของเฟิ่งเซียว“พี่ห้า เรียกพวกเรากลับมาเร่งด่วนมีอะไรงั้นหรือ”“การก่อสร้างเป็นอย่างไรบ้าง เรียบร้อยดีไหม”“ก็ยังไม่มีอะไรมาก วันนี้ข้ากับน้องเก้าเริ่มให้คนขนของที่จะสร้างกำแพงกั้นน้ำขึ้นไปที่เนินเขาแล้ว โดยรวมก็เรียบร้อยดี อาจจะต้องใช้กำลังคนมากกว่านี้หากอยากจะสร้างให้เสร็จเร็วขึ้น”“ข้าส่งรายงานไปที่เมืองหลวงแล้ว คาดว่าฝ่าบาทคงจะส่งเรื่องมาในเร็ววันนี้ อย่างน้อยหากเขื่อนเสร็จเร็วกว่ากำหนด ราษฎรอาจจะได้รับการดูแลที่เร็วมากขึ้น”“จริงสิพี่สามบอกว่ากำลังจะเดินทางลงมาเช่นกัน”“อะไรนะ มิใช่ว่าเขาไปแคว้นจ้าวกับพี่สะใภ้หรอกหรือ นี่จะมาที่นี่ต่อเลยงั้นหรือ”“พี่สามส่งข่าวผ่านหอหรงเยว่มาบอก ข่าวพึ
ซินเยว่หันมาลาเฉินรั่วเฟิงอีกครั้ง และเดินจูงม้าเข้าไปด้านในทันที องครักษ์ของนางรับม้าต่อเพื่อให้ซินเยว่เดินเข้าไปด้านใน เฟิ่งเซียวรู้สึกว่าซินเยว่มีท่าทีเปลี่ยนไป คงเพราะเหตุการณ์เมื่อหลายวันก่อนซึ่งเขาเผลอตะคอกใส่นางนั่นเอง“พี่ห้าดูเหมือนว่านางไม่ค่อยอยากจะคุยกับท่านเลยนะ ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นหรือไม่”“นางบาดเจ็บจริง ๆ ด้วย ข้ายังไม่ทันได้ถาม ไม่สินางไม่เปิดโอกาสให้ข้าถามเลยต่างหาก”“พี่ห้า ท่านบ่นพึมพำอะไร”“ช่างเถอะ วันนี้กลับก่อนก็แล้วกัน”“ไหนท่านบอกว่าจะไปซื้อผ้ามิใช่หรือ”“ให้จิ่นหาวไปรับแทนก็แล้วกัน ข้าจะกลับแล้ว”“อ้าว รอข้าด้วยสิพี่ห้า!” สองวันถัดมา“ศิษย์พี่!”“ว่าอย่างไรหรือซูหรัน”“ท่านเป็นอะไรไปหรือว่าจะเริ่มป่วยอีกแล้ว ข้าถามท่านว่ายาที่บดเอาไว้จะให้ต้มเลยหรือไม่”“อ้อ จริงสิข้าลืมไปเลยเดี๋ยวข้าไปสั่งการ…”“ไม่ต้องหรอกข้าแค่ถามเท่านั้น ที่เหลือสั่งให้หมอจางจัดการต่อก็ได้”“อ้อ เช่นนั้นก็ฝากเจ้าด้วย”“เหตุใดพักนี้ดูท่านเหม่อลอยบ่อย มีเรื่องในใจหรือ”“ข้าหรือ คงเป็นเพราะต้องเริ่มสร้างเขื่อนแล้วก็เลยกังวลน่ะ ไม่มีอะไรหรอก”“ท่านหมออวิ่น ยาจากร้านเป่าจิ้นถานมาส่งแล้วเจ
“ว่าอะไรนะ! แส้งั้นหรือ นี่มันจะโหดร้ายเกินไปหน่อยแล้วกระมัง มิน่าเล่า ท่านจึงได้เลือกให้พี่แปดเป็นคนไปตรวจสอบเรื่องนี้ แทนที่จะใช้ผู้อื่น ที่แท้ก็เป็นห่วงกลัวว่านางจะอับอาย”“เพราะว่าข้าไม่แน่ใจว่า ระหว่างพวกนางมีเรื่องหมางใจอะไรกันแน่ อีกอย่างการหายตัวไปของคหบดีถานก็น่าสงสัย แม้ว่าจะบอกว่าเป็นมรสุมหรือพายุ แต่บัดนี้ก็สงบแล้วแต่เขากลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย อีกอย่างบนตัวของซินเยว่ข้ามั่นใจว่ามันไม่ใช่แผลจากการฝึกยุทธ์หรือหกล้มแน่นอน”“ท่านไม่ต้องห่วง เรื่องนี้ข้าจะให้คนของหอหรงเยว่ตรวจสอบโดยละเอียด โดยเฉพาะบัญชีของร้านจินหงของอนุภรรยาผู้นั้น เห็นว่านางมีบุตรสาวอีกคนหนึ่งมิใช่หรือ”“นางเป็นพี่สาวของซินเยว่ ซึ่งเกิดจากอนุภรรยาคนนี้ แต่ข้าเองก็ยังไม่เคยเห็นเช่นกัน”“หากพวกนางลงมือทำร้ายบุตรของภรรยาเอก เพื่อต้องการสมบัติของคหบดีนั่นแล้วละก็ เรื่องนี้ผิดทั้งกฎหมายและหลักคุณธรรม พี่ห้าท่านไม่ต้องเป็นห่วงข้าจะรีบส่งคนของเราไปจัดการสืบมาให้ท่านโดยเร็วที่สุด”“ขอบใจเจ้ามาก”ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูด้านหน้าดังขึ้นระหว่างที่ทั้งสองกำลังจะนั่งดื่มชา รั่วเฟิงเป็นคนเดินไปเปิดประตูจึงเห็นว่าอวิ่นซูหร
เมื่อเฟิ่งเซียวกลับมาพูดจาสุขุมอีกรอบ ทั้งสองคนก็เริ่มหันกลับมาคุยกับเขาอีกครั้ง“ท่านหมายถึงเรื่องที่เขียนส่งมาในจดหมาย สงสัยเรื่องการทุจริตในสกุลถาน กับอนุของบิดานางงั้นหรือ”“ใช่ ครั้งแรกที่ข้าพบกับนางก็คือที่นี่ ตอนนั้นนางนำยาสมุนไพรมาส่ง พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่า ยาแต่ละตัวที่นางนำมาล้วนมีราคาสูง แต่ว่าหมอเวินซึ่งเป็นหมอหลวงที่ข้าส่งมาบรรเทาภัยที่นี่กลับบอกว่า ร้านเป่าจิ้นถานของนางไม่เคยรับเงินเลยแม่แต่ตำลึงเดียว”“ครอบครัวนางเป็นคหบดีใหญ่ ก็คงอยากจะช่วยบรรเทาภัยกระมัง ท่านคิดมากเกินไปหรือเปล่า”“ไม่ใช่ หากเป็นไปตามที่เจ้าพูดคงไม่ต้องลำบากให้หอหรงเยว่ของน้องเก้าช่วยสืบข่าว การค้าของสกุลถานหากไม่นับรวมร้านค้าที่รับจากเรือสำเภาของบิดานางเข้ามา ในตัวอำเภอมีร้านผ้าจินหง กับร้านยาของนาง ร้านผ้าดูแลโดยอนุของบิดาถานซินเยว่ ส่วนนางดูแลร้านยาซึ่งทั้งเก่าและโทรมอีกทั้งอยู่ในตรอกที่ค่อนข้างร้างผู้คน”“เช่นนั้นก็น่าแปลก แสดงว่าพวกนางไม่ลงรอยกันงั้นหรือ แต่เหตุใดนางจึงช่วยเหลือเรา เช่นนี้แล้วร้านผ้าของอนุภรรยาคหบดีถานเล่า”“นอกจากจะไม่ช่วยแล้ว วันนั้นข้าลองไปที่ร้านจินหง เพียงแค่เกริ่นถึงร้านของซิ
“อะไรนะ โอ๊ย!”“รีบหลบไป!”เฟิ่งเซียวที่พึ่งพันแผลให้อวิ่นซูหรันเสร็จ รีบวิ่งมาดับไฟตรงหน้าทันที หม้อยาของพวกเขาต้องสาดทิ้งเพราะมันติดไฟ เฟิ่งเซียวเกรงว่าซินเยว่จะได้รับบาดเจ็บไปอีกคนหม้อต้มยาตกไปที่พื้นจนแตกกระจาย โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ซินเยว่หันไปถามเขาที่ยืนอยู่หน้าเตา แต่เขาหันกลับมาด้วยสีหน้าที่โมโหสุดขีด“นี่กำลังทำอะไรของเจ้า! ไม่เห็นหรือว่ามันอันตราย" “ท่านหมอเฉินข้าขอโทษ ข้าผิดเองที่ไม่ทันระวัง ขออภัยข้าจะรีบต้มให้ใหม่""ต้มใหม่งั้นหรือ! เจ้าคิดว่ายานี่ต้องใช้เวลาเคี่ยวนานเท่าใด ซูหรันเฝ้ายานี้มากว่าสามวันแล้ว แต่เจ้ามาเพียงไม่นานก็ประมาทจนทำให้เป็นเช่นนี้ ยานี่ซูหรันอุตส่าห์นำมาด้วยมันมีค่ามากเลยนะ อีกอย่าง…”“ข้าขอโทษท่านแล้วมิใช่หรือ”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนป่วยอีกมากขนาดไหนที่รอการช่วยเหลืออยู่ รู้หรือไม่ว่าพวกเราทำงานหนักมากขนาดไหน กว่าจะได้ยาแต่ละถ้วย!”“ศิษย์พี่! ท่านพอได้แล้ว”เฟิ่งเซียวโมโหจนขาดสติ เขาเป็นห่วงกลัวว่าซินเยว่จะบาดเจ็บไปอีกคน แต่กลับพูดเรื่องยาออกมาโดยมิได้ตั้งใจ แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้คนตัวเล็กตรงหน้าเขาจะเริ่มสั่น อวิ่นซูหรันเดินมาพยุงนางออกไป“
เฟิ่งเซียวหยุดกึกเมื่อซูหรันพูดเรื่องนี้ขึ้นมา เขาเองก็ตอบไม่ถูกแต่รู้สึกว่าเพียงแค่ถูกถามเรื่องของถานซินเยว่ก็เริ่มจะไม่อยากพูดขึ้นมา อีกอย่างหลายวันมานี้ซินเยว่ก็เอาแต่ตามติดเขาอยู่ทุกวัน"จะเป็นไปได้เช่นไรศิษย์น้องล้อเล่นแล้ว ซินเยว่แม้จะเป็นคนที่เป็นตัวของตัวเองและเข้าได้กับทุกคน แต่ก็มิได้หมายความว่านางจะเป็นเช่นนี้เฉพาะกับข้าเสียหน่อย มาเถอะข้าจะพาเจ้าไปดูกระโจมผู้ประสบภัยและห้องเก็บยา"“เช่นนั้นก็ได้เจ้าค่ะ”ซูหรันมิได้คาดคั้นถามเขา นับว่าเป็นเรื่องดีเพราะหากนางยังถามอีก เขาก็คงจะรู้สึกอึดอัด เพราะตัวเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเหตุใดหัวใจจึงเต้นแรงจนเกินควบคุม เวลาที่เอ่ยถึงเรื่องของซินเยว่สามวันถัดมาช่วงนี้ฝนยังคงตกหนักในพื้นที่อำเภอลี่เหมิน ผู้ประสบภัยที่ป่วยก็ไม่มีวี่แววที่จะลดลง เฟิ่งเซียวสั่งให้ทหารเริ่มจัดที่พักแยกผู้ป่วยและผู้ที่เสี่ยงจะป่วยแยกกันเป็นการชั่วคราวเพื่อมิให้โรคแพร่กระจาย ซึ่งนับว่าได้ผลและต้องยอมรับว่าการมาของอวิ่นซูหรันช่วยเขาได้มากจริง ๆ“เอายานี้ไปที่กระโจมผู้ป่วยหนัก อีกสองเตานั้นใกล้เสร็จหรือยัง”“จวนแล้วเจ้าค่ะ”“ซูหรัน ยาของเจ้าต้มเสร็จหรือยัง”“พี่เฟิ
“ศิษย์น้องของท่านหมอเฉินงั้นหรือ”“ใช่ ทั้งสองเป็นศิษย์ของท่านหมอเทวดา “โล่ซินหยาง” แห่งเมืองเหยียน พวกเขาสนิทกันตั้งแต่สมัยเรียน ว่ากันว่าทั้งคู่เป็นหมอเทวะคู่บารมี แม้แต่เซียนยังต้องหลบ"“ข้าส่งยาเสร็จแล้ว เช่นนั้นขอตัวกลับก่อนนะเจ้าคะ”“อ้าว เจ้าจะกลับแล้วหรือ ว่าแต่เจ้าหายดีแล้วแน่หรือไหนดูสิ เอ๊ะ เหตุใดหน้าผากยังร้อน ๆ อยู่เลยเล่า”จางหลงจื่อใช้หลังมืออังหน้าผากของซินเยว่ตอนที่นางเผลอ เฟิ่งเซียวที่หันมามองทั้งคู่พอดีก็รู้สึกตงิดใจขึ้นมาเล็กน้อย เพราะเมื่อครู่นี้เขายังเห็นซินเยว่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขา ไม่คิดว่านางจะเดินไปหาจางหลงจื่อเร็วปานนั้น‘เหตุใดปล่อยให้เขาแตะเนื้อต้องตัวขนาดนั้น นางสนิทกับจางจื่อหลงถึงขนาดนั้นเลยหรือ’“ศิษย์พี่เฟิ่งเซียว”“ซูหรันครั้งนี้ขอบใจเจ้ามาก ที่ตอบรับคำเชิญของข้าในการช่วยผู้ประสบภัย ข้าให้คนเตรียมที่พักให้เจ้าแล้ว เช่นนั้นเจ้าก็รีบเอาของไปเก็บและพักผ่อนก่อนเถอะ”“เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”“คุณหนูอวิ่นเชิญทางนี้เลยขอรับ” หมอเวินเป็นผู้นำทางอวิ่นซูหรันไปด้วยตัวเอง แม้ว่าอวิ่นซูหรันหวังอยากจะให้เฟิ่งเซียวเป็นผู้พานางไปด้วยตัวเอง แต่ก็ทำได้แค่หันไปยิ้มและเดินตาม
เฟิ่งเซียวมองไปที่รถม้าคันใหญ่ ที่ขนส่งยาเกือบเต็มคันและรีบคว้าใบรายการยานั้นไปหาซินเยว่ ที่ยืนสั่งให้เพิ่มยาอีกบางอย่างไปกับรถส่งของครั้งนี้ด้วย“ซินเยว่ ข้าขอคุยด้วยหน่อยสิ”“ท่านหมอเฉิน มีอะไรอยากจะสั่งเพิ่มหรือ บอกมาได้เลยนะที่ในรถม้ายังพอเหลือใส่ได้อีกนิดหน่อย”“ไม่ใช่ มานี่เถอะ”เขาดึงมือนางเดินมายังลานตากยาสมุนไพรด้านหลัง ซึ่งมีสตรีหลายคนที่อยู่ช่วยกันเก็บยา เมื่อเห็นพวกเขาเดินมาแต่ละคนก็พากันมอง เพราะไม่เคยเห็นซินเยว่พาบุรุษเข้ามาในร้านมาก่อน“ซินเยว่นี่หมายความว่าอย่างไร เหตุใดยามากมายขนาดนี้เจ้าจึงไม่คิดเงินกับทางการ”“ท่านหมายถึงยาสมุนไพรพวกนี้น่ะหรือ ไม่เป็นไรหรอกถือว่าข้าช่วยก็แล้วกัน”“ไม่ได้ ยาพวกนี้มีมูลค่าสูงเกินไป หากข้าจะเอาไปเปล่า ๆ เช่นนี้มันเอาเปรียบร้านเจ้ามากเกินไป เจ้าคิดเงินมาเถอะอย่าทำเช่นนี้เลย”ซินเยว่เม้มปากเล็กน้อย และหันมาสบตาเขาพร้อมกับยิ้ม เฟิ่งเซียวไม่เข้าใจนางเลยว่าเหตุใดซินเยว่ไม่พูดอะไรเลยสักคำ“ข้าบอกว่าไม่คิดเงินก็ไม่คิดสิ เหตุใดท่านต้องปิดทางการช่วยเหลือของข้าด้วยเล่า ท่านไม่รับน้ำใจข้าหรือ”“ไม่ใช่เช่นนั้นเจ้าเข้าใจข้าผิด แต่ยามากมายขนาดนี้มันอ
Mga Comments