บลสาวออฟฟิศธรรมดาได้สิ้นชื่อลาเพราะความประมาท เธอเดินตกท่อระบายน้ำระหว่างทางกลับบ้าน แต่เมื่อตื่นขึ้นมาเธอกลับพบว่าตนเองได้กลายเป็นตัวประกอบในนิยาย อนุตัวประกอบผู้แสนอาภัพ (จริงหรือ?) “ไอ้ผู้ชายเฮงซวย ขอให้เมียแกไม่รัก ไม่สิ หากเป็นไปได้ขอให้หนิงเซียนมีชีวิตใหม่ แล้วให้แกตามง้อเธอ หลงเธอหัวปักหัวปำ เป็นเหมือนหมาที่ถูกเจ้านายจูงไปไหนก็ได้ สมควรแล้วที่ถูกพระเอกจับกรอกยาพิษตาย เฮอะ!!” ร่างบางทุบหมอนระบายความไม่พอใจ นึกโมโหชายที่ชั่วช้าเป็นตัวร้ายแบบเต็มขั้น แต่นักเขียนดันสร้างให้ดูดีรูปหล่อพ่อรวยมีชีวิตเลิศหรูอยู่สุขสบาย ในขณะที่ภรรยาต้องทนรองมือรองเท้าหมดประโยชน์แล้วก็เฉดหัวทิ้ง *เนื้อเรื่องไม่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์เป็นเพียงสิ่งที่สมมุติขึ้น ทุกตัวละครทุกเหตุการณ์ไม่มีอยู่จริงเป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งเท่านั้น*
View More“หนิงเซียน นั่นเจ้าทำอะไรอยู่หรือ” นางจิวสตรีรูปร่างท้วมวัยกลางคนยืนเกาะขอบรั้วชะเง้อคอมองอย่างสงสัย เพราะเห็นหญิงสาวที่ตนเอ็นดูเหมือนลูกหลาน กำลังง่วนทำบางอย่างที่นางก็ไม่รู้จัก
“ท่านป้าจิวเองหรือ ข้ากำลังจะเพาะเห็ดเอาไว้กินเจ้าค่ะ” คนที่กำลังนั่งเพาะเชื้อเห็ดตอบแทบจะทันที ท่านป้าจิวคนนี้มักจะแวะเวียนมาคุยเล่นกับนางเป็นประจำ เพียงแค่ได้ยินเสียงหนิงเซียนก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร
“ดี ทำไว้เยอะ ๆ เลยนะ ป้าจะเป็นลูกค้าประจำเจ้าเอง” นางจิวพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดี ได้แต่นึกเอ็นดูในความขยันทำมาหากินของอีกฝ่าย บริเวณพื้นที่รอบเรือนท้ายหมู่บ้านแห่งนี้ เต็มไปด้วยพืชพรรณนานาชนิดจากการเพาะปลูกของเจ้าตัว ถึงแม้จะไม่ออกไปหางานทำ ก็สามารถอยู่ได้โดยที่ไม่อดตาย กระนั้นหนิงเซียนก็ยังคงสรรหาสิ่งของมาขายให้กับชาวบ้านแทบทุกวัน จะว่าไปแล้วก็น่าสงสารถูกสามีขับไล่ ต้องระหกระเหินหาเลี้ยงตัวเองอย่างยากลำบาก
“ได้เลยเจ้าค่ะท่านป้า ข้าจะแถมให้ท่านมากกว่าคนอื่นเลยเจ้าค่ะ” หญิงสาวยิ้มร่าแม้ว่านางยังไม่มีผลผลิตออกมาขาย ก็มีลูกค้าขาประจำมารอรับซื้อเสียแล้ว และยังเป็นคนที่คอยแนะนำให้ชาวบ้านคนอื่น ๆ มาซื้อผัก เห็ด และของป่าที่หามาได้อีกด้วย ทำให้ตัวนางเองก็พลอยได้ลูกค้าเพิ่มมากขึ้น โดยไม่ต้องออกไปเร่ขายของตามตลาดให้เหนื่อย
“เจ้าก็พักบ้างล่ะ ประเดี๋ยวไม่สบายเอา ป้าแค่แวะมาดูวันนี้ป้ามีธุระไปก่อนนะ” ป้าจิวทักทายพอหอมปากหอมคอก็ขอตัวลาทันที นางเป็นห่วงจึงมักจะคอยแวะเวียนมาดูเผื่อว่าหนิงเซียนจะเจ็บไข้ได้ป่วย จะได้ช่วยเหลือทัน
“เดินดี ๆ นะเจ้าคะท่านป้า” หญิงสาวโบกไม้โบกมือลาหญิงร่างท้วม ที่พอหันหลังได้ก็รีบเดินจ้ำอ้าวไม่เหลียวหลัง หนิงเซียนยืนมองท่านป้าจิวอยู่เช่นนั้น รอให้อีกฝ่ายเดินไปไกลจนไม่สามารถมองเห็น จึงหันกลับมาสนใจการเพาะเชื้อเห็ดที่ทำค้างเอาไว้
ย้อนไปเมื่อหนึ่งเดือนก่อน
ในตอนที่เบลรู้ตัวว่าตนเองได้เข้ามาสวมร่างของหนิงเซียนวันแรก เธอถึงขั้นสาปส่งตัวร้ายให้เจ็บปวดอย่างแสนสาหัส เรื่องที่ทำให้เจ็บใจที่สุดก็คือจะทะลุมิติเข้ามาทั้งที ให้เป็นตัวละครอื่นไม่ได้หรือ ที่มีชีวิตยาวนาน ไม่ใช่อยู่ได้แค่ไม่กี่บรรทัดของหน้ากระดาษ มันจะน้อยเกินไปหรือไม่
“ไอ้ผู้ชายเฮงซวย ขอให้เมียแกไม่รัก ไม่สิ หากเป็นไปได้ขอให้หนิงเซียนมีชีวิตใหม่ แล้วให้แกตามง้อเธอ หลงเธอหัวปักหัวปำ เป็นเหมือนหมาที่ถูกเจ้านายจูงไปไหนก็ได้ สมควรแล้วที่ถูกพระเอกจับกรอกยาพิษตาย เฮอะ!!” ร่างบางทุบหมอนระบายความไม่พอใจ นึกโมโหชายที่ชั่วช้าเป็นตัวร้ายแบบเต็มขั้น แต่นักเขียนดันสร้างให้ดูดีรูปหล่อพ่อรวยมีชีวิตเลิศหรูอยู่สุขสบาย ในขณะที่ภรรยาต้องทนรองมือรองเท้า หมดประโยชน์แล้วก็เฉดหัวทิ้ง
นิยายเรื่องนี้เธออ่านมาแล้วไม่ต่ำกว่าสามรอบ เพราะชอบในเนื้อเรื่องและตัวละครเอกที่ประชันฝีมือกันอย่างดุเดือด เพื่อจะให้แม่นางเอกหันมาสนใจตัวเอง แต่ไม่ว่าจะอ่านไปกี่ครั้งเธอก็มักจะขัดใจตัวประกอบอย่างหนิงเซียน ไม่มีสิทธิ์เลือกทางเดินชีวิตของตนเอง ช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย
เบลเอาแต่สาปแช่งเหล่าตัวละครเอกที่เห็นแก่ตัว ทำราวกับว่าชีวิตหนิงเซียนเป็นเพียงแค่หมากตัวหนึ่งเท่านั้น นางเอกเข้าหาเพียงเพราะต้องการข้อมูลสำคัญในการกำจัดตัวร้าย พระเอกลับหลังก็ทำเพียงแค่ยืนมองหนิงเซียนถูกผู้คนทำร้ายรังแกโดยที่ไม่ได้ช่วยอะไร
แต่ต่อหน้าเขากลับทำตัวเป็นคุณชายผู้คอยห่วงใย ไม่รู้ว่าบทพระเอกได้มาเพราะจับฉลากหรืออย่างไร ถึงได้ทำตัวดีเฉพาะกับนางเอกเท่านั้นกัน ส่วนตัวร้ายน่ะหรือไม่ต้องพูดถึง นั่นน่ะคือตัวการของเรื่องทั้งหมดเชียวล่ะ เธอจึงได้สาปแช่งวันละสามเวลาหลังอาหาร
เสนาบดีเฒ่าเต๋อคังหัวเราะเบา ๆ ราวกับว่าเรื่องที่เขาเล่ามาเป็นเพียงแค่บทสนทนาทั่วไป ทว่าเขาหารู้ไม่ความผิดของเขา เหลียงอ๋องได้นับขึ้นบัญชีดำเป็นข้อที่สองและสามเข้าไปแล้ว ข้อสองบังอาจหยามเกียรติภรรยาเขา ข้อสามทำให้ภรรยาต้องมีโทสะเสียสุขภาพจิต“ขอบคุณสำหรับคำชมนะเจ้าคะ แสดงว่าข้างดงามจนท่านอ๋องมิอาจละสายตาได้เลย จริงหรือไม่เพคะ” กายงามเอนตัวอิงแอบอกกว้าง ทำตัวออดอ้อนพานทำให้คนตัวโตต้องใจเต้นแรง แต่ภายในใจหนิงเซียนอยากจะถอดชุดคลุมโยนทิ้งไป แล้วเตะเสยปลายคางตาเฒ่านั้นสักครั้ง ให้สาสมกับที่ถูกหยามเหยียด“อืม ถูกของเจ้า เช่นนั้นข้าจะรักผู้ใดได้อีก นอกจากภรรยาข้า” ใบหน้าคมโน้มลงจุมพิตกลางหน้าผากมนนั่นอย่างมันเขี้ยว พร้อมกันนั้นยังโอบกอดคนตัวเล็กอย่างหวงแหนและรักใคร่ เรื่องกลั่นแกล้งผู้อื่นต้องยกให้นางช่างถนัดนัก“ชายารองคงจะรุ่นราวคราวเดียวกับบุตรสาวของกระหม่อม ซิงเอ๋อร์นางรับใช้องค์หญิงใหญ่ในวังตั้งแต่ยังเยาว์ เรียนรู้เรื่องหลักกุลสตรีมาก็มาก เช่นนั้นให้นางมาช่วยสอนชายารองเรื่องมารยาทดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ชายารองจะได้ทำความคุ้นเคยและมีสหายไว้คอยพูดคุยแก้เหงา”ความนัยของเต๋อคังทุกคนในที่นี้ล้วน
“เรียนท่านอ๋อง ท่านเต๋อคังแห่งจวนเสนาบดีขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ” หลงจู๊ยืนรอรับคำสั่งอยู่หน้าประตู เพียงแค่นายท่านรับสั่ง เขาก็พร้อมที่จะไล่หรือเปิดประตูต้อนรับผู้มาเยือนได้เสมอ“ให้เข้ามาได้” แม้เหลียงเฟิงจะหงุดหงิดไม่น้อยที่มีแขกไม่ได้รับเชิญมาในยามนี้ กระนั้นเขาก็ไม่อยากจะทำให้ภาพลักษณ์อ๋องผู้ถูกบิดาชิงชังและไร้อำนาจ ที่ตนสั่งสมมานานเสียไป จึงได้แต่จำยอมอนุญาตให้อีกฝ่ายเข้ามาได้หนิงเซียนเมื่อได้รู้ว่าผู้มาขอเข้าเฝ้าคือผู้ใดนางก็อดที่จะแปลกไม่ได้ หลังจากเหลียงอ๋องตาย เสนาบดีเต๋อคังผู้นี้เป็นตัวละครที่ไม่อาจจะมองข้ามไปได้ เพราะว่าเขาคือตัวละครสำคัญที่เป็นผู้ชักนำมือที่สาม ให้มาทำลายความรักของคู่พระนางหากเมื่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองตระกูลใหญ่ขาดสะบั้นเมื่อใด ก็เท่ากับว่าเขาได้ตัดขั้วอำนาจขององค์รัชทายาทไปได้ หลังจากนั้นก็จะสามารถกำจัดองค์รัชทายาทลงจากตำแหน่งได้สำเร็จ องค์ชายห้าที่เขาเป็นผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลังก็จะได้ขึ้นสู่ตำแหน่งนั้นแทนนั่นไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหามันอยู่ที่ตอนนี้ท่านอ๋องก็มิได้มีใจให้เยว่สือแล้ว ที่สำคัญท่านอ๋องก็ยังไม่ได้ตายตามเนื้อเรื่อง เต๋อคังที่ให้การสนับสนุนอง
หนิงเซียนใช้เวลาในการเลือกหาทำเลการค้าค่อนข้างนาน เนื่องจากนางอยากได้ที่เหมาะสมสำหรับการเปิดร้านขายผ้าปักลาย ในตอนนี้นางตัดสินใจไม่ได้ระหว่างตึกแรกที่หมายตา หรือตึกที่อยู่ใกล้โรงเตี๊ยมแห่งนี้ ทั้งสองสถานที่ก็ไม่เลวเลยตึกแรกตั้งอยู่แถวหน้าทางเข้าเขตการค้า ก็นับว่าดี ไม่ว่าผู้ใดย่อมต้องผ่านตรงนี้ไปอยู่แล้ว ส่วนตึกที่ตั้งตระหง่านข้างโรงเตี๊ยมก็ดีเช่นกัน ผู้คนที่มักจะมาทานอาหารหรือเลี้ยงรับรอง ก็ล้วนเป็นผู้ที่มียศตำแหน่งสูงมีตำลึงจ่ายไม่อั้น ด้วยเหตุนี้ไม่ว่าที่ใดก็ล้วนแล้วแต่เป็นทำเลทองด้วยกันทั้งนั้น“ยากถึงเพียงนั้นเชียวหรือ” เหลียงเฟิงนั่งจิบเหล้ารออย่างใจเย็น แต่ก็อดทักท้วงไม่ได้เมื่อเห็นคิ้วภรรยาแทบจะผูกกันเป็นปมได้อยู่แล้ว“เพคะ ที่ตรงนี้ก็ดีอีกที่ก็ตัดใจไม่ได้” หญิงสาววางแผนที่ลง พร้อมกับชี้จุดที่ตนต้องการให้คนข้างกายช่วยเลือก“เหตุใดต้องคิดหนักถึงเพียงนั้น เจ้าก็แค่เลือกมันไปทั้งสองที่จะเป็นไรไป” ตาคมเหลือบมองไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก เดิมทีหากนางต้องการมากกว่านี้เขาก็คิดว่าจะยกให้ทั้งหมดตามต้องการอยู่แล้ว“แต่นี่เป็นการค้าแรกของหม่อมฉัน เกรงว่ามันอาจจะทำได้ไม่ดีนักหากต้องทำสองที่พร้อม
เมื่อลงจากรถม้าหนิงเซียนจึงได้รู้ว่าตรงหน้าคือโรงเตี๊ยมที่ใหญ่ที่สุดในเขตช่างชุ่ย หากจะเปรียบเทียบกับโลกเดิมก็คงจะเป็นโรงแรมระดับห้าดาว ที่ไม่เพียงตกแต่งอย่างหรูหรายังมีการบริการชั้นเลิศครบครัน ผู้ใดเงินหนาก็จะได้รับการบริการราวกับเป็นพระเจ้าก็ว่าได้“เชิญท่านอ๋อง ชายารอง ห้องชั้นบนพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมได้เตรียมห้องที่ดีที่สุดเอาไว้ให้แล้ว” หลงจู๊ผู้ดูแลรีบออกมาต้อนรับพัลวัน เมื่อเห็นว่าผู้ใดก้าวเท้าเข้ามาเยือนถึงที่นับแต่ขบวนเหลียงอ๋องย่างเท้าเข้ามา ผู้คนทั้งโรงเตี๊ยมได้ให้ความสนใจกันเป็นอย่างมาก หากเสด็จมาเพียงผู้เดียวก็คงจะเป็นเรื่องปกติ ทว่าสตรีชุดชมพูอ่อนพลิ้วไหวนั่นคือผู้ใด พวกเขาได้ข่าวว่าเหลียงอ๋องขับไล่สตรีทั้งหลายออกจากวังไปหมดแล้วมิใช่หรือ แล้วแม่นางน้อยที่ท่านอ๋องดูแลประคบประหงมราวกับไข่ในหินคือผู้ใด หรือว่าพวกเขาตกข่าวสำคัญอะไรไปหนิงเซียนที่ถูกมองราวกับตัวประหลาดไม่ค่อยจะแปลกใจนัก ก็ในเมื่อคนข้างกายที่แทบจะอุ้มกันอยู่แล้วคือเหลียงอ๋อง แต่ที่น่าแปลกใจเขาพานางมาทำอะไรในโรงเตี๊ยมแห่งนี้ ในเมื่อธุระของทั้งเขาและนางคือการออกมาหาทำเลดี ๆ ในการทำการค้ามิใช่หรือ“ท่านม่อตานรออยู่แ
นับแต่ย้ายมาเมืองหลวงได้เกือบเดือน เจ้าตัวก็มิได้ออกนอกวังเหลียงอ๋องเลยแม้แต่ครั้งเดียว หากเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ดีแน่ การค้าแรกในชีวิตของนางก็คงจะไม่มีวันสำเร็จกันพอดี แต่การขออนุญาตท่านอ๋องก็มิใช่เรื่องง่ายเช่นกันเหลียงอ๋องได้ยื่นคำขาดหากจะออกไปข้างนอก ต้องมีเขาไปด้วยเท่านั้น จึงเป็นการยากที่นางจะออกมาสำรวจตลาดด้วยตนเองผ่านไปกว่าห้าวันหลังจากที่ทูลขอและแล้ววันที่นางเฝ้ารอคอยก็มาถึง วันที่เหลียงอ๋องว่างเว้นจากงานและภารกิจต่าง ๆ ท่านอ๋องอยู่อย่างสันโดษไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องอำนาจบ้านเมือง เว้นแต่จะมีรับสั่งจากฝ่าบาทจึงยอมเข้าร่วมภารกิจ นอกจากนั้นนางก็ไม่เห็นจะไปที่ใดเป็นกิจจะลักษณะ เช่นนั้นแล้วท่านอ๋องทำงานอันใดกันถึงได้ดูยุ่งทั้งวัน“สวมชุดคลุมก่อน ด้านนอกอากาศหนาวนัก” กายหนาสวมชุดคลุมขนจิ้งจอกให้คนตัวเล็ก ดูแก้มและปากเล็กนั่นสิแดงราวกับมะเขือเทศสุก คงจะหนาวไม่น้อย“ขอบพระทัยเพคะ” อ๋องหน้าดุอารมณ์ร้ายผู้นั้นหายไปตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบได้ บัดนี้มีเพียงบุรุษผู้หนึ่งที่คอยตามติดภรรยาไปทุกหนทุกแห่ง ราวกับลูกหมาตัวน้อย ๆ ตามติดแม่ของมันอย่างไรอย่างนั้น ที่เขาเป็นเช่นนี้ก็นับตั้งแต่วันที่ทั้งสอง
เมื่อเห็นว่าชายารองและบุตรสาวท่านราชครูเข้ามาถึงโรงครัว เหล่าพ่อครัวแม่ครัวทั้งหลายต่างก็รู้สึกแปลกใจ เพราะไม่ค่อยเห็นเจ้านายจวนใดจะเข้ามาวุ่นวายในโรงครัวให้ตัวเหม็นกันสักเท่าไรนัก จึงไม่แปลกใจที่ทั้งสองจะกลายเป็นจุดสนใจของทุกคนได้“คารวะชายารอง แม่นางเยว่สือเจ้าค่ะ/ ขอรับ” ทุกคนทำความเคารพกันอย่างพร้อมเพรียง บุตรสาวท่านราชครูพวกตนล้วนเห็นจนชินตาแล้ว จึงรู้จักนิสัยใจคอดีระดับหนึ่ง แต่ชายารองที่ไม่ค่อยออกไปที่ใดมากนัก อีกทั้งตอนเป็นอนุก็อยู่ที่นี่ได้เพียงไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ ทำให้แต่ละคนต้องระวังสำรวมตนเองให้มาก เพราะไม่รู้ว่าตนเองจะไปทำอะไรให้เกิดไปขัดใจเข้า ไม่รู้ว่าจะถูกลงโทษอะไรบ้าง“ข้าขอยืมตัวแม่ครัวสักคนได้หรือไม่ ข้าอยากจะกินข้าวต้มกุ๊ยน่ะ” หนิงเซียนเอ่ยขึ้นและยิ้มให้อย่างไม่ถือตัว ก่อนจะขอยืมตัวแม่ครัวสักคนมาทำอาหารที่นางอยากกิน เพราะไม่อยากไปรบกวนเวลางานของคนส่วนมาก“ข้าขออาสาเจ้าค่ะ” แม่ครัววัยกลางคนก้าวออกมาด้านหน้า นางว่างเว้นจากหน้าที่พอดี จึงเสนอตัวแทนคนอื่นที่เอาแต่ยืนอ้ำอึ้งเพราะลำบากใจ“เช่นนั้นข้าขอยืมมุมเล็ก ๆ ตรงนั้นก็แล้วกัน” หญิงสาวชี้ไปทางเตาเล็กตรงมุมหนึ่งของโรง
Comments