จ่านเหยียนตรวจชีพจรให้นาง เอ่ย “เอาไว้รักษาตัวระยะหนึ่งแล้วค่อยรักษารอยแผลบนใบหน้าเจ้า”“ไม่ต้องแล้วเพคะ คุณหนูใหญ่ ให้บ่าวเป็นเช่นนี้เถอะ” จิ้นหรูยิ้มบาง “อย่างน้อย เขาไม่รังเกียจ ก็คือดีที่สุดแล้ว”จิ้นหรูนึกว่าใบหน้าของตัวเองไม่สามารถรักษาได้แล้ว รอยแผลเช่นนี้จะกลับคืนสู่สภาพเดิมได้อย่างไร? ดังนั้นนางจึงไม่อยากให้จ่านเหยียนพะวงเรื่องนี้ ให้นางวางใจไปทำเรื่องที่นางต้องการทำเถิด วันนั้นสนทนากับอดีตฮ่องเต้แล้ว นางเชื่อว่าจ่านเหยียนก็มิใช่มัจฉาในสระ นางต้องมีเรื่องยิ่งใหญ่ต้องทำจ่านเหยียนจะไม่รู้ความคิดของนางหรือ จึงเอ่ย “เจ้าวางใจ ไม่จำเป็นต้องเสียเวลารักษาแผลเจ้ามาก”จิ้นหรูบาดเจ็บสาหัสนัก การฝืนใช้พลังรักษาจะทำให้ร่างกายของนางรับไม่ไหว ให้นางรักษาตัวก่อน อีกสี่สิบห้าวันให้หลัง พลังของนางกลับคืนมาแล้ว ค่อยรักษาแผลให้นางจิ้นหรูได้ยินนางเอ่ยเช่นนี้จึงไม่พูดอีก เพียงมองนางอย่างอ่อนโยนจ่านเหยียนถูกนางจ้องจนขนลุก “มีอะไร?”จิ้นหรูแย้มยิ้ม “แค่รู้สึกว่าคุณหนูใหญ่สิริโฉมงดงามกว่าแต่ก่อนแล้วเพคะ”“ใช่หรือ?” จ่านเหยียนเอามือลูบหน้าตามจิตใต้สำนึก ช่วงนี้พักผ่อนไม่พอ จะสวยได้อย่างไร?
กับการมาของฉีชินอ๋อง มู่หรงฉิงเทียนกล่าวเพียง “ไม่เอาไหน”ฉีชินอ๋องยอมรับ กับจิ้งฉือ มีบุรุษเพียงไม่กี่คนที่สามารถอยู่รอบตัวนางได้แบบ ‘เก่งกาจ’ยังมิต้องเอ่ยถึงเรื่องสัพเพเหระ กล่าวถึงหลังจากจ่านเหยียนกลับวัง นางตรวจสอบตุ๊กตาที่ทุกคนทำแล้วนับอย่างละเอียด มีจำนวนเกือบสองร้อยตัว“ยังจะทำหรือไม่เพคะ?” กัวอวี้ถามนางจ่านเหยียนพยักหน้า “ทำต่อ!”สองร้อย ยังห่างจากที่นางต้องการอีกไกลโข“หากต้องการเป็นปริมาณมาก มิสู้ให้หญิงชาวบ้านทำ ทำแล้วพวกเราไปรับแล้วมอบเงินให้พ่ะย่ะค่ะ” อาเถี่ยพูดอยู่ด้านข้างแม้ทุกคนไม่รู้ว่าจ่านเหยียนต้องการตุ๊กตาเหล่านี้ไปทำอะไร แต่นางให้ความสำคัญเช่นนี้ คงไม่ใช่เอามาเล่น“ก็ดี กัวอวี้ ตอนนี้จิ้นหรูสุขภาพไม่ดี เจ้าก็เป็นผู้ดูแลตำหนักนี้เถอะ ประเดี๋ยวเจ้าไปรายงานกับทางจิ้นหรู แล้วเอาเงินไปสั่งทำตุ๊กตาพวกนี้ แต่ต้องทำตามที่ข้าต้องการนะ ตรวจสอบอย่างละเอียด ถ้าไม่ตรงตามมาตรฐานก็ไม่เอา” จ่านเหยียนกำชับ“เพคะ!” กัวอวี้ขานรับจ่านเหยียนนั่งลงบนเก้าอี้ แจงงานให้คนไปทำแล้วก็คิดจะดื่มน้ำชาพักผ่อนหน่อยอาถงเข้ามารายงาน “คุณหนูใหญ่ คนของราชครูถงพาตัวถงจื่อหยาไปจากคุกทักษิ
ตอนที่ชุนอี้ยกนมเข้ามาก็เห็นเขาเดินพรวดพราดออกไปพอดี จึงเข้ามาถามหว่านจวิน “นายท่านจะไปที่ใดหรือเจ้าคะ?”หว่านจวินส่ายหน้ายิ้มแห้ง “เขาบอกว่าจะไปทาบทามให้พี่อู่”“คุณชายอู่?!” ชุนอี้ปากอ้าตาค้าง “เรื่องนี้มิควรให้พ่อแม่ของคุณชายอู่จัดการหรือเจ้าคะ? เหตุใดนายท่านของเราจึงจัดการล่ะ?”หว่านจวินไม่พูด เพียงพรูลมยาวด้วยท่าทางกลัดกลุ้มครู่หนึ่ง จากนั้นจึงยิ้มขึ้นมาอีก “ก็ดี ก็ดี ถ้าท่านพี่สามารถแสวงหาอนาคตให้เขาได้ ก็ไม่เสียแรงที่ข้าผิดต่อเขาเช่นนี้แล้ว”“คุณหนู เช่นนี้ท่านจะลำบากตัวเองไปแล้วละเจ้าคะ” ชุนอี้ตาแดงระเรื่อหว่านจวินเอ่ยเสียงแผ่ว “เจ้าไม่เคยรักใคร ไม่เข้าใจความรู้สึกเช่นนี้ ขอเพียงเขามีความสุข ข้ารับกับความลำบากเท่านั้นจะเป็นอันใดไป?”ชุนอี้ถอนหายใจ “คุณหนู ดื่มนมแพะก่อนเถอะเจ้าค่ะ อีกประเดี๋ยวค่อยทำโจ๊กข้าวฟ่างให้ท่าน หลายวันนี้ท่านไม่มีอาหารลงท้อง ตอนนี้ยังกินอาหารแข็งเกินไปไม่ได้”หว่านจวินดื่มนมแพะลงไปแล้วทิ้งศีรษะลง หยดน้ำตาไหลออกมาจากหางตา ทำให้ชุนอี้เห็นแล้วปวดใจนักกล่าวถึงหวังติ่งทังไปหาแม่สื่อ ครั้นแม่สื่อได้ยินว่าเป็นคุณชายหลงอู่ก็เสนอยกใหญ่ “ไอ้หยา เรื่องนี้บั
“ข้ารับปากเจ้า แต่... เจ้าก็ต้องเชื่อฟังข้าเหมือนกัน ได้หรือไม่?” หวังติ่งทังมองนางอย่างจริงจังหวังหว่านจวินใบหน้ามีความพิลึกเล็กน้อย มันคือความดีใจและเสียใจ นางรักเขา ดังนั้นจึงสงสารเขา ไม่อยากเห็นเขามีความสามารถแต่มิอาจแสดงมันออกมา หากเขาสามารถยกระดับทางสังคม ชาตินี้ต้องสุขสบายแน่นอน ดังนั้นต่อให้นางต้องรับกับความอยุติธรรมแค่ไหน แล้วจะเป็นอะไรไป?“ได้!” นางยิ้มรับปาก หวังติ่งทังเห็นนางยิ้มจึงโล่งอก แม้รู้สึกว่ารอยยิ้มของนางจะอ้างว้างอยู่บ้าง แต่การที่นางคิดตกแล้วคือเรื่องดี จึงเอ่ยกับชุนอี้ “ยังยืนอยู่ทำไม? รีบไปเตรียมของกินให้คุณหนูสิ”ชุนอี้รู้ความในใจของหว่านจวินจึงทรมานมาก นางขานรับ “เจ้าค่ะ จะไปเดี๋ยวนี้!”หวังติ่งทังถาม “ดี ตอนนี้บอกข้ามา เจ้าชอบฉินอี้หรือว่าชอบคุณชายรองเฉินกันแน่?”หว่านจวินเอ่ยเสียงแผ่วเบา “สุดแต่ท่านพี่จะตัดสินใจเจ้าค่ะ”“อื่ม คุณชายรองเฉินล่ะ เฉลียวฉลาด กิจการครอบครัวล่ำซำ ทั้งยังทำกิจการใบชา เจ้าชอบดื่มชามากที่สุด ไม่เช่นนั้นก็คุณชายรองเฉินดีหรือไม่?” หวังติ่งทังเสนออย่างปลื้มปริ่ม“เจ้าค่ะ!” หว่านจวินตอบอย่างอ่อนโยน สีหน้านุ่มนวล ไม่มีความไม่ชอบไ
แต่จ่านเหยียนมิได้เห็นจดหมายฉบับนี้ เพราะตอนที่จดหมายส่งไปถึงจวนอ๋อง นางก็กลับวังแล้วหวังติ่งทังไปเยี่ยมหว่านจวิน หากนางคุยกับฉีซุนรู้เรื่องแล้ว เช่นนั้นนางก็ไม่มีเหตุผลอันใดต้องอดอาหาร กลัวแต่จะเพราะปัญหาอื่น หรือว่า... คนที่นางชอบคือฉินอวี้ มิใช่คุณชายรองเฉิน?หว่านจวินนอนอยู่บนเตียง โดยมีชุนอี้พูดเกลี้ยกล่อมอยู่ด้านข้าง “คุณหนู มากน้อยท่านก็กินสักหน่อยเถอะ ไม่อย่างนั้นก็ดื่มนมแพะสักคำก็ได้ ท่านไม่กินหลายวันเช่นนี้ ร่างกายจะรับได้อย่างไรเจ้าคะ?”หว่านจวินตาโบ๋ ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะพูด น้ำตาก็เพิ่งจะหยุด ตอนนี้เนื่องจากคำพูดของชุนอี้จึงทะลักออกมาอีกแล้วหวังติ่งทังเลิกผ้าม่านเข้ามา เห็นหว่านจวินท่าทางอ่อนเปลี้ยเพลียแรง จึงอดขมวดคิ้วพูดขึ้นไม่ได้ “หว่านจวิน เจ้าจะไม่รู้ความเกินไปแล้ว นี่เจ้าคิดจะบีบให้ท่านพ่อตายหรือ?”ชุนอี้ถอยออกสองก้าว ยอบตัวทำความเคารพแล้วจึงเอ่ย “นายท่านอย่าได้ตำหนิคุณหนูเลย คุณหนูเสียใจมากอยู่แล้วเจ้าค่ะ”“เสียใจอะไร?” หวังติ่งทังนั่งอยู่ข้างเตียง ขุ่นเคืองเล็กน้อย “เมื่อครู่ฉีซุนมา”หว่านจวินชะงักงัน จากนั้นก็จ้องเขาด้วยสายตาเลื่อนลอย “เขา...มาหรือ? ท่านท
หวังติ่งทังนั่งบนเก้าอี้ สำรวจชายหนุ่มฐานะยากจนตรงหน้าผู้นี้ด้วยใบหน้าหยิ่งผยองยากจนข้นแค้นจริง ๆ ไม่มีอันจะกินจนทำให้คนโกรธชุดสีดำชุดหนึ่งซอมซ่อเต็มประดา ตรงชายผ้าด้านหน้ายังมีรอยปะอีกสองจุด รองเท้าผ้าสีดำคู่หนึ่งแม้สะอาดสะอ้าน หากด้านข้างกลับเริ่มซีด เห็นได้ว่าผ่านการซักมานับครั้งไม่ถ้วนคนกลับหน้าตาคมสัน หากเขาเจอชายหนุ่มหัวมันหน้าเลื่อมเช่นนี้มานักต่อนักแล้ว อาศัยหน้าตาดีหวังปีนขึ้นสูงพยายามน้อยหน่อย หากแต่งกับคุณหนูผู้ดีก็จะอยู่อย่างสบายได้ตลอดชีวิต“คุณชายหวัง!” เขายืนอยู่ตรงหน้าด้วยท่าทางที่เหมาะสม ปากกล่าวคำทักทายตามมารยาทหวังติ่งทังแค่นลมออกจมูก ดีที่เขายังรู้กาลเทศะ มิใช่มาถึงก็เรียกเขาว่าพี่ใหญ่ มิเช่นนั้นต้องทำให้เขาทิ้งลิ้นเอาไว้ที่นี่อย่างแน่นอนฉีซุนมิได้โกรธมาก ล้วงพู่หยกออกมาจากอก เอ่ย “วันนี้ที่ข้ามาเพราะอยากคืนพู่หยกนี้ให้คุณหนู”หวังติ่งทังปราดตามองพู่หยกในมือของเขา เขาเป็นคนมอบพู่หยกชิ้นนี้ให้กับหว่านจวิน เป็นหยกขาวเนื้อดี งานแกะสลักประณีต ไม่นึกว่านางถึงกลับให้เจ้าหมอนี่เขาเอ่ยเสียงเย็น “วางลงก็พอ!”ฉีซุนวางพู่หยกไว้บนโต๊ะ สีหน้าเศร้าหมองเล็กน้อย เอ่ย