เมื่อเห็นว่าในมือของน้องชายมีไม้เสียบกุ้งอยู่ในมือเขาจึงได้เดินไปหยิบกุ้งที่เด็กทั้งสี่ทำไว้ขึ้นมาลองย่างไฟดูบ้างใช้เวลาเพียงไม่นานสีเปลือกกุ้งก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้ม และมีกลิ่นหอมชวนกิน “อันอันมันเปลี่ยนสี” หรานต้าถามเด็กหญิงตัวน้อยเสียงดัง“มันสุกแล้วเจ้าค่ะ เอาวางบนจานได้เลย” อันอันหัวเราะน้อย ๆ
“หนูน้อยเจ้าสบายดีนะ” หญิงสาวผู้เป็นลูกสะใภ้ของหญิงชราคนที่เคยให้ถุงมือแก่อันอันถามออกมาอย่างเป็นห่วง “ข้าสบายดีเจ้าค่ะ ท่านอาอย่าได้กังวล” แม้น้ำเสียงจะฟังดูอู้อี้อยู่บ้างทว่ารอยยิ้มของเจ้าตัวกลับเปล่งประกายเจิดจ้า “เจ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว” หญิงสาวตอบพลางยกมือลูบหัวเล็กของเด
ยงเผยก็ยื่นตลับยาส่งมาให้นางพอดี “ขอบคุณท่านอาจารย์” เด็กหญิงยอบตัวลงส่งยิ้มให้เขาอย่างน่ารักแม้ชายหนุ่มจะรู้สึกเสียดายก็ตาม ‘เอาเถอะค่อยไปหาไขผึ้งมาทำยาใหม่ก็ได้’ ในขณะที่เขานิ่งคิด เสียงเล็ก ๆ ของศิษย์ตัวน้อยก็แทรกเข้ามา“ท่านอาจารย์เจ้าคะ วันพรุ่งหลังจากฝึกยุทธแล้วท่านว่างหรือไม่” คำถามของเด็กหญ
“ข้าถูกผึ้งต่อยเจ้าค่ะ” อันอันยกนิ้วชี้ป้อมสั้นชี้ไปยังตำแหน่งที่หน้าผากบวมปูดพลางเบะปากน้ำตาไหลเลอะทั่วใบหน้ามอม“อาจารย์จะดูให้” ชายหนุ่มมองไปยังแผลของศิษย์ตัวน้อย “จือฉีส่งเหรียญอีแปะของเจ้ามาหนึ่งเหรียญ” ยงเผยพูดพร้อมกับแบมือเมื่อได้มาแล้วชายหนุ่มก็นำเหรียญที่มีรูตรงกลางกดไปที่แผลของเจ้าตัวเล็ก
เช่นเดียวกับฉงซานในตอนนี้ก็ได้หายจากอาการบาดเจ็บแล้วเช่นกัน ส่วนผึ้งตัวน้อยผู้มีฤทธิ์มากนะหรือ ตอนนี้พวกมันต่างอยู่ในสภาวะเซื่องซึมท่ามกลางความเงียบจู่ ๆ เสียงของกุยเฮยก็ดังขึ้นในหัวของอันอัน ‘ยินดีด้วยเด็กน้อยต่อไปนี้เจ้าได้มีผึ้งฝูงใหญ่เป็นสหายเพิ่ม’ คำพูดของเต่าตัวน้อยทำให้หนิงอันหันหลังกลับไปมอ
“พี่สาม พี่สี่ พี่มู่ตานพวกท่านจะไปกับข้าหรือไม่” หลังคุยกับกุยเฮยเรียบร้อยอันอันจึงได้หันหลังกลับไปถามพี่ทั้งสามที่กำลังดูหลุมดักปลาอย่างสนใจ “ไปไหนอย่างนั้นหรือ” ยงฮ่าวเอ่ยถามสีหน้าแสดงความสงสัย“ฉงซานจะพาเราไปหาของดีเจ้าค่ะ” อันอันตอบจากนั้นจึงเห็นผู้เป็นพี่ทั้งสามพยักหน้าตกลงครั้นแล้วการเดินทา