สภาพภัยพิบัติรอบตัวยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้บ้านเดิมจะไม่ได้รับผลกระทบเนื่องจากทำเลที่ตั้งที่ได้เปรียบ แต่พอถึงตอนกลางคืน สัญญาณโทรศัพท์ก็เริ่มติด ๆ ดับ ๆ ตามสัญญาณเตือนฝนตกหนักที่ได้รับในตอนบ่าย พรุ่งนี้เธออาจจะไม่สามารถออกจากบ้านเดิมแล้วกลับไปทำงานที่ฉางโม่ได้คืนวันนั้น พอทานอาหารเย็นเสร็จ หลังหรงฉือรายงานให้คนในตระกูลหรงรู้ว่าปลอดภัยดีก็ติดต่อไปหาอวี้มั่วซวิน บอกเขาถึงเรื่องที่ตอนนี้เธออยู่บ้านเดิมตระกูลเฟิง และพรุ่งนี้เช้าเธออาจจะไม่สามารถไปทำงานได้อวี้มั่วซวินพูดขึ้นว่า “ตอนนี้สภาพภัยพิบัติรุนแรงขนาดนี้ ฉางโม่ออกประกาศให้พนักงานทำงานที่บ้านในวันพรุ่งนี้แล้ว ฝั่งคุณก็ไม่ต้องร้อนใจไป งานที่เร่งด่วนทางผมจะช่วยคุณจัดการก่อนเอง ส่วนเรื่องรายละเอียด พรุ่งนี้พวกเราค่อยติดต่อกัน”“ตกลง”หลังจากนั้น หรงฉือก็นั่งอยู่บนแผงลอยเล่นของเล่นเสริมปัญญากับเฟิงจิ่งซิน ส่วนเฟิงถิงเซินกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โซฟาข้าง ๆ ผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมง เฟิงถิงเซินก็เดินมาหรงฉือไม่ได้เงยหน้า เฟิ่งจิ่งซินกลับเงยหน้า และถามขึ้นว่า “คุณพ่อ มีอะไรเหรอคะ?”สายตาของเฟิงถิงเซินกลับมองไปที่หรง
หรงฉือหยุดฝีเท้า ขานรับเล็กน้อย จากนั้นยืนถามอยู่ที่เดิม “พวกซินซินล่ะ?”เฟิงถิงเซินพูดว่า “วันนี้ฝนตกหนักมาก ข้างนอกน้ำท่วมไปหลายที่แล้ว ถึงแม้ระบบระบายน้ำของบ้านเดิมจะทำงานได้ดีมาตลอด แต่ถ้าฝนยังตกแบบนี้ต่อไปก็คงจะรับมือไม่ไหว ตอนนี้พ่อบ้านได้ส่งคนออกไปจัดการเรื่องนี้แล้ว ซินซินไม่เคยเห็นคนเอาทรายใส่กระสอบ แล้วก็ไม่เคยเห็นฝนตกหนักขนาดนี้ เลยวิ่งออกไปดู”เมื่อได้ฟังเขาพูดแบบนั้น หรงฉือก็หันไปมองนอกหน้าต่าง ก่อนจะพบว่าด้านนอกเต็มไปด้วยน้ำที่ท่วมขังไปทั่วพูดตามตรง เธอโตมาขนาดนี้ก็เพิ่งเคยเห็นเมืองตูเฉิงน้ำท่วมหนักขนาดนี้เป็นครั้งแรกเธอขมวดคิ้วด้วยความกังวล อดไม่ได้ที่จะพูดออกมาว่า “ตอนนี้ซินซินอยู่ไหน? ข้างนอกฝนตกหนักแบบนั้น ทำไมคุณปล่อยให้ซินซินไปข้างนอก...”เธอยังพูดไม่ทันจบ เฟิงจิ่งซินที่สวมชุดกันฝนสภาพเปียกปอนตั้งแต่หัวจรดเท้าก็วิ่งเข้ามา “แม่คะ ตื่นแล้วหรอ?”เมื่อเห็นว่าเฟิงจิ่งซินไม่เป็นอะไร หรงฉือจึงสบายใจเมื่อเห็นว่าแม้เฟิงจิ่งซินจะใส่ชุดกันฝน แต่ผมกับเสื้อผ้าก็เปียกไปหมดแล้ว คิ้วที่เพิ่งคลายออกก็กลับขมวดเข้าหากันอีกครั้งแต่เห็นได้ชัดว่าเฟิงจิ่งซินสนุกสนานอย่างมาก เธ
หลังจากที่กลับจากเมืองจินเฉิงแล้ว หรงฉือมีเวลาหยุดพักสองวันหลังจากที่พักผ่อนมาหนึ่งวันแล้ว เช้าวันถัดมา เธอเพิ่งทานข้าวเช้าเสร็จ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นเป็นสายเรียกเข้าจากเฟิงถิงเซินหรงฉือชำเลืองมองเล็กน้อยจึงกดรับสาย “มีอะไร?”“เมื่อสองวันก่อนคุณย่าออกจากโรงพยาบาลแล้ว ท่านอยากชวนคุณมาทานข้าวที่บ้านเดิม”หรงฉือรู้เรื่องที่คุณย่าเฟิงออกโรงพยาบาลอยู่แล้วเพียงแต่ว่าตอนนั้นเธอต้องไปทำงานนอกสถานที่ที่เมืองจินเฉิง จึงไม่ได้ไปรับคุณย่าเฟิงออกจากโรงพยาบาลด้วยตัวเองหรงฉือว่า “เข้าใจแล้ว”พูดจบ เธอกำลังจะวางสาย เฟิงถิงเซินก็พูดขึ้นว่า “เดี๋ยวผมจะไปรับคุณ”“ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันขับไปเอง...”เฟิงถิงเซิน “ ซินซินอยากให้ผมไปรับคุณที่บ้านตระกูลหรงกับเธอ ตอนนี้เธอเปลี่ยนรองเท้าเรียบร้อยแล้ว”หรงฉือ “...เข้าใจแล้ว”“อีกเดี๋ยวพวกเราก็จะถึงแล้ว”หรงฉือไม่ได้พูดอะไรต่อ ทางเฟิงถิงเซินก็กดวางสายไปเช่นกันหลังจากที่ผ่านไปครึ่งชั่วโมงกว่า เฟิงถิงเซินและเฟิงจิ่งซินก็มาถึงบ้านตระกูลหรงคนอื่น ๆ ในตระกูลหรงไม่อยู่บ้าน เมื่อเฟิงจิ่งซินเห็นหรงฉือ เธอวิ่งลงมาจากรถด้วยความดีใจ “แม่คะ”เฟิงถิงเซินเลื่อนกระ
ขณะนั้น อวี้มั่วซวินก็ถามขึ้นมาอีก “ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้าง? ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า? ถ้าไม่ไหวละก็ การประชุมตอนเช้า...”“ฉันโอเค”ตอนที่พูด หรงฉือเพิ่งรู้ตัวว่าเสื้อผ้าที่ใส่ไม่ใช่ตัวที่เธอใส่เมื่อคืน แต่เป็นชุดนอนที่เธอเอามาเองและตอนนี้เธอรู้สึกเบาสบายตัว คงจะอาบน้ำไปแล้วแต่ก็ไม่รู้ว่าเฟิงถิงเซินให้พนักงานโรงแรมมาอาบให้เธอ หรือว่า...นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร และเธอก็ไม่สะดวกใจที่จะถามอวี้มั่วซวิน หลังจากที่คุยกันสั้นๆ ทั้งคู่ก็วางสายกันไปเมื่อเห็นว่าสายแล้ว หรงฉือก็ไม่ได้เสียเวลามานั่งคิดเรื่องเมื่อคืนหลังจากที่เธออาบน้ำ แต่งหน้าแบบง่าย ๆ แล้ว จากนั้นก็ถือกระเป๋าเดินออกจากห้องไปตอนที่เธอกำลังก้าวออกจากห้อง บังเอิญเจอเข้ากับเฟิงถิงเซินและหลินอู๋พอดีหรงฉือชะงักฝีเท้าเล็กน้อยเมื่อเฟิงถิงเซินและหลินอู๋เห็นเธอก็ชะงักฝีเท้าเช่นกันเมื่อหลินอู๋เห็นหรงฉือ สายตาพลันเย็นชาขึ้นมาทันที“เสี่ยวฉือ”ตอนนี้ อวี้มั่วซวินก็ออกมาจากห้องพอดีเช่นกันเมื่อเห็นหลินอู๋และเฟิงถิงเซิน เขากัดฟันกรอด เดินผ่านพวกเขาไปทันทีหรงฉือเบนสายตาไปทางอื่นเฟิงถิงเซินทักทายอวี้มั่วซวิน “สวัสดีครับประธ
เมื่อเข้าลิฟต์ไปแล้ว เห็นว่าเฉิงหยวนกดลิฟต์ชั้นที่เฟิงถิงเซินอยู่เท่านั้น จู่ ๆ เฟิงถิงเซินก็เอ่ยปากขึ้นมาว่า “ไม่ต้องตามขึ้นมา”เฉิงหยวนชะงักไปครู่หนึ่ง เมื่อได้สติกลับมาจึงกล่าวว่า “ครับ”กล่าวจบ เขาจึงกดลิฟต์ไปยังชั้นที่เขาอยู่เช้าวันถัดมาเฟิงถิงเซินสวมชุดคลุมอาบน้ำ เขาเดินถือเสื้อผ้าของเมื่อคืนออกจากห้องแล้วปิดประตู ก่อนจะเดินตรงไปอีกทางหลินอู๋ที่เพิ่งเดินออกจากลิฟต์ เห็นเขาเข้าก็ยิ้มออกมาทันที กำลังจะเอ่ยปาก แต่เมื่อเหลือบไปเห็นรอยลิปสติกชัดเจนบนปกเสื้อและไหล่บนเสื้อเชิ้ตของเขาที่พาดไว้อยู่ตรงข้อศอก รอยยิ้มก็พลันหายไปจากใบหน้าคำพูดที่กำลังจะเอ่ยก็หยุดชะงักไปในทันทีเธอยืนนิ่งอยู่กับที่ ยังไม่ทันได้ตั้งตัว เฟิงถิงเซินก็หายไปตรงมุมทางเดิน จากนั้นก็มีเสียงเปิดและปิดประตูดังมาจากที่ที่ไม่ไกลนักหลินอู๋ยังไม่ทันได้รู้สึกตัว ตัวเลขห้องพักที่อยู่ตรงหน้าเธอก็พลันปรากฏสู่สายตา2508แต่เธอจำได้อย่างชัดเจนว่า เฉิงหยวนบอกเธอว่าห้องที่เฟิงถิงเซินพักคือ 2503เธอหยิบคีย์การ์ดสำรองของห้องเฟิงถิงเซินที่เฉิงหยวนให้ไว้ขึ้นมาดูเธอไม่ได้จำผิด คือห้อง 2503 จริง ๆแต่ทำไมเฟิงถิงเซินถึง
ผ่านไปสิบนาทีกว่า หรงฉือเดินไปเข้าห้องน้ำพร้อมกับคนอื่นตอนที่เธอกำลังจะผลักประตูห้องน้ำเข้าไป เห็นว่าด้านในมีคนอยู่ กำลังจะเอ่ยปากขอโทษแล้วถอยออกมา ก็ถูกคนโปะยาสลบทันที เธอไม่ทันได้ตอบโต้ใด ๆ หมดสติไปอย่างรวดเร็วคนที่โปะยาสลบหรงฉือ รีบพาเธอไปหาผู้หญิงที่รออยู่ด้านนอกทันที ปลอมตัวให้หรงฉือแบบลวก ๆ จากนั้นรีบพยุงหรงฉือออกไปจากห้องน้ำอย่างรวดเร็วพวกเธอหลบคนของฉางโม่เดินออกมาด้านนอกอย่างลำบาก ตอนที่กำลังจะพาหรงฉือขึ้นรถเพื่อไปรวมกับคนที่รออยู่ด้านนอก ก็มีคนมาขวางทางไว้ในขณะเดียวกันโทรศัพท์ของเฟิงถิงเซินก็ดังขึ้นเมื่อฟังปลายสายพูดจบ เขาลุกขึ้นพลางกล่าวกับประธานทั้งสองว่า “ผมมีธุระนิดหน่อย ต้องขอตัวก่อน ไว้เจอกันใหม่โอกาสหน้านะครับ”เมื่อเฉิงหยวนเห็นว่าเฟิงถิงเซินกำลังจะกลับแล้ว จึงเดินตามหลังเฟิงถิงเซินลงไปชั้นล่างเมื่อพวกเขามาถึงด้านนอกบาร์ คนที่โปะยาสลบหรงฉือเหล่านั้นก็ถูกคุมตัวไว้หมดแล้วเฉิงหยวนยืนตะลึงเมื่อเห็นหรงฉือที่สติเลือนรางแต่เมื่อได้เห็นสถานการณ์ตรงหน้า เขาก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดในทันทีแต่...เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเฟิงถิงเซินสั่งให้คนมาจัดการเรื่องนี้ตั้งแ