....การเจอกันครั้งแรก ด้วยอุบัติเหตุ...จึงนำพามาสู่ความใกล้ชิด... คนหนึ่งที่ตั้งใจรัก...แต่อีกคนกลับเข้าหาเพื่อหวังพียงได้เชยชมร่างกายอันบริสุทธิ์ของเธอ...
View Moreบนท้องถนนที่เต็มไปด้วยรถหลายนับร้อยคัน หลากหลายทุกยี่ห้อทุกชนิด บนจราจรที่ติดขัดหนาแน่นไปด้วยรถเล็กไปจนถึงรถใหญ่ในเมืองกรุงอันแสนจะวุ่นวาย ในยามเช้าของทุกๆวัน เพราะทุกเวลาล้วนมีค่า ต่างต้องพึ่งพาเงินตราในการดำรงชีวิตในแต่ละวัน ของคนหาเช้ากินค่ำ
เอี๊ยด!
โครม!
เสียงล้อรถลากยาวบดเบียดกับถนน เมื่อเห็นว่ามีบางอย่างมาตัดหน้ารถหรูของเขา ทำให้ชนเข้าอย่างจัง ถึงแม้ว่าเขาจะขับมาด้วยความเร็วไม่แรงเสียเท่าไหร่ เพราะชะลอความเร็วเผื่อไว้อยู่แล้ว ในที่ชุมชนแบบนี้ อุตส่าห์จะหลบหลีกจราจรที่ติดขัด แต่กลับต้องมาเจอกับอุปสรรคเข้า
“เฮ้ย! ขับออกมาได้ยังไงวะ ไม่ดูรถหรือยังไง” เสียงก้นด่าพ่นออกมาทันที เมื่อเท้าแตะเบรก
แต่สิ่งที่ปะทะกันอยู่ตรงหน้ารถหรู ก็พอจะคาดเดาได้ว่าเสียหายอยู่มากพอสมควร เพราะแรงปะทะ ทำเอารถตัดหน้ามาล้มลงอยู่ตรงหน้ารถหรูของเขาพังแทบทั้งคัน เพราะสภาพที่ผ่านการใช้งานมาอย่างหนักแล้ว
ร่างสูงเปิดประตูรถลงมาดูสภาพรถของตัวเองทันที เพราะถนุถนอมมาเป็นอย่างดี แต่เมื่อเห็นว่าคู่กรณีนั้น เป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง กลับลืมเรื่องรถของตัวเองไปเสียสิ้น รีบเข้าไปช่วยยกรถออกเพราะทับร่างของเธอ แล้วช่วยประคองหญิงสาวนั้นขึ้นมา กลัวว่าเธอจะได้รับบาดเจ็บ
“เจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ...” ร่างสูงเอ่ยถามขึ้นมา ด้วยความรู้สึกเป็นกังวล พร้อมกับน้ำเสียงที่อ่อนโยนขึ้นมาทันที เมื่อเห็นว่าเธอคือผู้หญิง
แต่กลับไม่ได้เห็นใบหน้าที่แน่ชัดของเธอ เพราะหญิงสาวสวมหน้ากากอนามัย แล้วสวมหมวกปิดบังใบหน้าทับมาอีกที
“ไม่เป็นไรค่ะพี่...ขอบคุณนะคะ” หญิงสาวรีบเอ่ยขอบคุณทันทีที่ร่างสูงช่วยมาพยุงเธอขึ้น
แล้วมองดูสภาพรถทั้งสองคัน ทั้งของเธอและของเขาใบหน้าสลดลงมาทันที เพราะรถหรูราคาหลายร้อยล้าน กับของเธอแค่ราคาไม่กี่หมื่น แต่ก็สามารถพาเธอเลี้ยงชีพมาได้นานพอสมควร
“หนูขอโทษด้วยคะ พอดีหนูรีบเลยไม่ทันได้มองว่ามีรถพี่มา พอดีต้องรีบไปส่งของให้ลูกค้าค่ะ ส่วนค่าเสียหายหนูจะรีบทำงานมาจ่ายพี่นะคะ พี่จะเรียกเท่าไหร่ว่ามาได้เลยค่ะ” หญิงสาวรีบยกมือไหว้ขอโทษขอโพยขึ้นมาทันทีอย่างรู้สึกผิด
“ช่างเถอะคนไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว แล้วรถน้องดูแล้วน่าจะซ่อมไม่ได้แล้ว...” ร่างสูงพูดขึ้น เพราะดูสภาพรถมอเตอร์ไซค์คันเก่าของหญิงสาวแล้ว ไม่น่าจะไปต่อได้ แถมหัวเข่าของเธอที่เห็นรอยถลอกพร้อมกับเลือดที่ไหลซึมออกมาผ่านกางเกงยีนส์ทีเข้ม
“...” หญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าร่างสูงนิ่งเงียบทันที ไม่กล้าขยับตัวไปไหน
“ไปขึ้นรถสิพี่ขับไปส่งเอง...ส่วนมอ’ไซค์นี้เดี๋ยวให้คนมาขนไปร้านซ่อมให้ แล้วรถของพี่น้องได้ชดใช้อย่างแน่นอน แต่ไม่ใช่ตอนนี้” ร่างสูงเอ่ยบอก พร้อมกับจ้องมองหญิงสาวผ่านหน้ากากอนามัย แล้วพูดขึ้นมาอย่างจริงจัง
“ไม่เป็นไรคะ โอ้ยย...” หญิงสาวรู้สึกใจหวั่นๆขึ้นมาทันที เมื่อเจอคำที่ร่างสูงเอ่ยขึ้นมาขู่เธอ ครั้นจะขยับเท้าเดิน กลับต้องร้องโอดโอยออกมาทันที เพราะตึงแผลที่ถลอกบนหัวเข่า
“หึ เจ็บแบบนี้ยังจะทำเป็นเก่งอีก เดินไหวไหม เดี๋ยวพาไปหาหมอเช็คร่างกายด้วย เผื่อสมองได้รับการกระทบกระเทือน...” ร่างสูงเค้นหัวเราะออกมา แต่ก็เข้าไปช่วยประคองพาเธอเดินไปขึ้นรถของเขาอยู่ดี และสิ่งของมากมายที่หญิงสาวห้อยมากับรถ ช่วยถือขึ้นไปในรถด้วย
“นี่พี่...” หญิงสาวขึ้นเสียงใส่ทันที ก่อนจะเข้าไปนั่งในรถหรูของร่างสูง
“จะให้ไปส่งที่ไหน...” ร่างสูงถามขึ้นมาทันที เมื่อทั้งคู่ขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว
“หนูไม่รู้ว่าเขาเรียกสถานที่นี้ว่าอะไรค่ะ มีแต่แบบนี้ พี่ไปถูกอยู่ใช่ไหมค่ะ” หญิงสาวไม่รู้ว่าจะตอบเช่นไรดี เลยยื่นโทรศัพท์มือถือ ที่หน้าจอแตกยับเยินให้กับร่างสูงดู
“ส่งของภาษาอะไรไม่รู้จักสถานที่...คงไม่ใช่คนที่นี่สิท่า” ร่างสูงเอ่ยขึ้นอย่างดูถูกดูแคลน และคาดเดาได้ทันที เลยว่าเธอไม่ใช่คนถิ่นนี้ เพราะสำเนียงภาษาที่ใช้ก้แปลกกับพวกเขาแล้ว
“ค่ะ...ข่อยคนบ้านนอก” หญิงสาวตอบออกมา เป็นภาษาบ้านเกิดทันที
“พูดภาษาที่พี่ฟังออกด้วย อยู่ในรถก็ช่วยถอดหมวกถอดหน้ากากออกด้วย ปิดอย่างกับว่าโจรจะไปปล้นร้านทอง” ร่างสูงเอ่ยบอก พร้อมกับเอื้อมมือจะไปหยิบสายเข็มขัดมารัดหญิงสาว
“จะ จะทำอะไร” หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงที่ตะกุกตะกักทันที เมื่อร่างสูงเข้ามาใกล้เธอ เพราะเกิดจนถึงตอนนี้ ไม่เคยเข้าใกล้กับชายอื่นใด้เลย แม้กระทั่งพ่อก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นใคร
“คาดเข็มขัดยังไงล่ะ ไม่รู้จักเหรอ...” ร่างสูงเอ่ยตอบเสียงเรียบนิ่ง แล้วดึงสายเข็มขัดมาตรงหน้าเธอล็อคทันที
พร้อมกับยกมือขึ้นจับหมวกของเธอออกจากศีรษะของเธอทันที ทำเอาผมที่รวบไว้ใต้หมวกแบบลวก ๆ สยายแผ่กระจายลงมาทันที มือหนาดึงหน้ากากอนามัยออกจากหน้าเธอ ทำให้ตอนนี้เห็นใบหน้าที่แดงก่ำของเธอได้อย่างชัดเจน
ใบหน้าทรงรูปไข่ รับกับแก้มป๋อง ๆ ทั้งสองข้าง ดวงตากลมโตเพียงเล็กน้อย ดูแล้วช่างน่ารักเสียเหลือเกิน ใบหน้าที่ไร้เครื่องสำอางแต่งเติมใดๆ แต่กลับขาวใส่สะอาดไร้ที่ติเสียเหลือเกิน ใบหน้าที่เขินอายนี้ช่างต่างกับวาจาที่พ่นออกมาจากปากของคนเมื่อกี้โดยสิ้นเชิง
“อะแฮ่ม...ว่าแต่เราชื่ออะไร พักอยู่ที่ไหนเหรอ พี่จะได้ตามไปเก็บค่าเสียหายถูก...” ร่างสูงเมื่อดึงสติได้ รีบดีดตัวออกห่าง แล้วเปลี่ยนเรื่องทันที
“พี่...”
“แค่แซวเล่นเอง ทำไมต้องดุด้วย” ร่างสูงออกรถทันที ไปตาจุดหมายของหญิงสาวต่อทันที
“...เอิงเอยค่ะ เรียกเอยเฉยๆก็ได้” หญิงสาวเอ่ยตอบออกมาตามตรง
ปรียาภัทร หรือ เอิงเอย หญิงสาววัย 20 ปี สาวน้อยต่างหวัดที่ดั้นด้นมาอาศัยอยู่ในเมืองกรุงตั้งแต่ที่จบชั้นมัธยมปลาย เพราะต้องการหารายได้มาเป็นค่ารักษาพยาบาลแม้ที่ป่วยด้วยโรคร้าย สาวน้อยบ้านนาที่สู้ชีวิตแต่ชีวิตดันสู้กลับ ส่งตัวเองเรียนจนใกล้จะประสบผลสำเสร็จในอีกหนึ่งปีการศึกษานี้แล้ว
“เอิงเอยชื่อเชยชะมัด...พี่ชื่อเพชรน่ะ”
เพชร พงศกร หนุ่มโสดวัย 30 ปี เป็นบุตรชายคนโตของตระกูลดัง(เรืองพาณิชยากุล) ซึ่งประกอบธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ที่มีชื่อเสียงในระดับต้นๆของประเทศ ชายหนุ่มที่รักชีวิตอิสระสันโดษ บ้างานจนไม่เคยคิดที่จะเปิดใจรับใครเข้ามาในชีวิต
“เพชรนี้บ่เชยเลยเนาะ...” หญิงสาวแบะปากล้อเลียนร่างสูงขึ้นมาทันที
“บ่นอะไร...”
“เปล่าค่ะ...” หญิงสาวนั่งลงอย่างเงียบ ๆ ทันที
“อย่าให้รู้น่ะ...ว่านินทาพี่ ใช้รถใช้ถนนในเมืองกรุง หูตาต้องไว แล้วนี้ไม่ได้เรียนเหรอ...” ร่างสูงพร่ำสอนหญิงสาวออกไปหนึ่งประโยค ก่อนจะถามขึ้นด้วยความสงสัย เพราะอายุของเธอน่าจะอยู่ในช่วงวัยเรียน แต่ทำไมถึงต้องมาทำงานรับหิ้วของพะรุงพะรังไปหมด ทั้ง ๆ ที่ค่าจ้างต่อชิ้นเพียงไม่กี่บาทเอง
“ขอโทษค่ะ...หนูเรียนแค่เสาร์อาทิตย์” หญิงสาวเอ่ยตอบไปตามตรงเมื่อร่างสูงถาม
พงศกรขับรถมาถึงยังจุดหมายในเวลาไม่นาน และก็ทยอยส่งของให้กับลูกค้าของหญิงสาวอทนเธอ เพราะตอนนี้เธอเจ็บอยู่ จวบจนครบทุกคน แล้วจึงขับรถวนกลับคืนทันที แล้วมุ่งหน้าไปยังรงพยาบาลต่อ
บทส่งท้าย(จบ)ทั้งคู่อาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงเดินลงมารอทุกคนกลับมา ในช่วงที่เวลาพลบค่ำแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นทุกคนกลับเข้ามาเลย“ยังคลื่นไส้อยู่ไหมครับ” เสียงนุ่มเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อนั่งลงที่ศาลาเล็ก ๆ หน้าบ้านของเธอ“ไม่แล้วคะ” หญิงสาวเอ่ยตอบออกมาตามความเป็นจริง เพราะอาการของเธอดีขึ้นมาบ้างแล้ว“สงสัยจะได้ยาดี” เสียงนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างภาคภูมิใจและรถที่ทุกคนออกไปข้างนอก ก็ขับกลับเข้าจอดที่บ้านของเธอในเวลาต่อมา“ซื้ออะไรมากันเยอะแยะครับ” พงศกรถามขึ้นทันทีเมื่อเห็นทุกคนลงจากรถแล้วของเต็มมือกันไปหมด“เลี้ยงฉลองให้มึงยังไงละ ทีนี้ก็ละลึกถึงความดีของกูบ้างนะ” อัศนัยเป็นฝ่ายพูดขึ้นมา เมื่อเอาของมาวางลงที่ศาลาใกล้กับปรียาภัทรนั่งอยู่“ได้ทีมึงก็ทวงบุญคุณกูเลยนะ ไอ้เพื่อนชั่ว” พงศกรต่อว่าออกมาอย่างหนอกล้อกันตามประสาเพื่อน“หริ่งหริ่ง” พจีพัฒน์ที่เดินตามหญิงสาวลงมาจากรถรีบเอ่ยเรียกเธอไว้ทันที เมื่อเห็นหญิงสาวหน้างอใส่เขา และรีบตามเธอไปโดยไม่สนใจฟอร์ยูเลย“อ้าว สองคนนี้เป็นอะไรกันอีกละ” พงศกรถามขึ้นมาทันที“อย่าไปสนใจเลย พ่อแง่แม่งอน ฟอร์ยูมาช่วยย่าดีกว่าเนอะ” นิ
รักคือการให้อภัย NCร่างสูงถอนจูบออกจากปากของ แล้วอุ้มหญิงสาวขึ้นมาในท่าเจ้าสาว เดินไปวางเธอลงบนที่นอนทันทีอย่างนุ่มนวล แล้วตามมาทาบทับร่างของเธอเอาไว้แต่ไม่ได้ทิ้งน้ำหนักตัวลงไปทั้งหมด เพราะรู้ว่าเธอกำลังมีอีกหนึ่งชีวิตที่อยู่ในท้อง ซึ่งก็คือเลือดเนื้อเชื้อไขของเขานั้นเอง“จะทำอะไร เอยท้องอยู่นะ” หญิงสาวถามขึ้น พร้อมกับใบหน้าที่สื่อถึงความวิตกเป็นกังวลออกมาอย่างเห็นได้ชัด“ทำได้ครับ ให้พี่เข้าไปทักทายลูกนะ เอยจะได้หายแพ้สักที” เสียงนุ่มเอ่ยบอกออกมา พร้อมกับส่งสายตามองเธออย่างเว้าวอนน่าสงสาร“...” หญิงสาวไม่เอ่ยตอบอะไรกลับมา แต่กลับเบือนหน้าหนีออกไปทางอื่น เพื่อหลบสายตาเขาที่มองเธอจนแทบจะกลืนกิน และเพราะเก้อเขินที่ร่างสูงพูดจาหื่นห่ามออกมาอีกด้วย“เดี๋ยวพ่อเข้าไปหานะครับ ตัวเล็กอย่าแกล้งแม่เยอะสิ ดูสิแม่เอยผอมไปหมดแล้วน่ะ” มือหนาลูบไปที่หน้าท้องของเธอเอ่ยขึ้นอย่างหยอกล้อ พร้อมกับก้มลงไปเอ่ยเสียงนุ่มพูดกับคนในท้อง แล้วจุ๊บท้องของเธอลงไปทันที“พี่เพชรอื้อ...” หญิงสาวเอ่ยเรียกชื่อของเขาขึ้นมา แต่ไม่ทันที่จะได้เอ่ยอะไรต่อออกมา ปากหยักก็ก้มลงมาปิดปากของเธอเข้าเสียแล้วลิ้นร้อนกวาดต้อนชิมคว
ง้อหนัก ๆบ้านเรืองพาณิชยากุล“ทำไมบ้านเงียบจัง ทุกคนไปไหนกันคะป้าพิมพ์” พจีกานต์ถามขึ้น เมื่อเดินเข้ามาภายในบ้าน แต่ต้องพบกับความเงียบ เพราะไม่มีใครอยู่เลย“ไปต่างจังหวัดกันคะ แม่แฟนคุณเพชรเสีย” พิมพาเอ่ยบอกแก่หญิงสาวออกไป“แม่แฟนพี่เพชรเสีย พี่เพชรมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมแพทไม่เห็นรู้เรื่องอะไรเลย” หญิงสาวถามออกไป เพราะเธอไม่ทราบเรื่องจริง ๆ“ก็คุณแพทไม่เคยอยู่บ้านนี้คะ พวกคุณท่านเลยไม่ได้บอก” พิมพาเอ่ยบอก แล้วเดินเข้าไปที่ครัวต่อ“เที่ยวจนลืมว่าตัวเองมีครอบครัวรอที่บ้าน ทำตัวเหมือนว่าตัวเองตัวคนเดียวอย่างนั้นแหละ” เสียงทุ้มของคนที่เดินเข้ามาตามหลัง เอ่ยแซวขึ้นมาทันทีสิบทิศ หรือ ทิศ ชายหนุ่มในวัย 35 ปี ช่างซ่อมบำรุงข้างบ้านของเธอนั้นเอง เข้าออกมาบ้านนี้บ่อย เพราะพัฒน์พงษ์จ้างมาเป็นช่างประจำบ้าน และจะค่อนข้างสนิทกับคนงาน คนสวน เหล่าแม่บ้านของบ้านเธอ เพราะพิมพาชอบเอาอาหาร หรือของกินต่าง ๆ แบ่งไปให้ตลอด “นี้นาย...” พจีกานต์ตะคอกเสียงใส่ทันที เมื่อเห็นว่าเจ้าของเสียงนั้นเป็นใคร“พูดเพราะ ๆ หน่อยครับคุณผู้หญิง ผมแก่กว่าคุณตั้งหลายปีน่ะ” เสียงทุ้มเอ่ยบอกออกมา พร้อมกับส่งสายตาเจ้าเล่ห
ความจริงทั้งหมดรถขับเข้ามาถึงเพียงหน้าหมู่บ้านในเวลาตะวันใกล้จะลับขอบฟ้าแล้ว หญิงสาวที่มองเห็นแค่ป้ายชื่อหน้าหน้าหมู่บ้าน น้ำตาก็ไหลออกมาอีกทันทีร่างสูงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ นั้น ละทิ้งทุกอย่างที่ทำไว้ทันที เอื้อมมือขึ้นไปเช็ดน้ำตาให้เธออย่างอ่อนโยน และลูบศีรษะเพื่อปลอบประโลมเธอ“เอยยังมีพี่ มีครอบครัวของพี่อยู่นะ พี่จะอยู่กับเอยกับลูกนะครับ” เสียงนุ่มเอ่ยบอก พร้อมกับกุมมือของเธอเอาไว้ เพื่อเป็นคำมั่นสัญญา“...” หญิงสาวไม่เอ่ยตอบกลับใด ๆ แต่กลับร้องไห้ออกมาอย่างหนักกว่าเดิม“ไปหาแม่อรกันนะ เข้มแข็งนะครับคนดีของดีของพี่ แม่อรท่านไปสบายแล้ว” มือหนาเช็ดน้ำตาให้เธอ แล้วจึงพากันลงจากรถ เมื่อรถมาจอดที่บ้านของเธอแล้ว และตอนนี้ก็มีผู้คนมากมายช่วยกันจัดเตรียมทุกอย่างให้เป็นอย่างดี“เอื้อย...พี่เพชร” (พี่...พี่เพชร) ออมสินเห็นทั้งสองคนลงมาจากรถ ก็รีบวิ่งเข้าไปสวมกอดพี่สาวทันที“เบา ๆ หน่อยออมสินพี่เอยท้องอยู่ มากอดพี่แทนก็ได้” พงศกรเอ่ยบอก เพราะน้องชายที่ยังไม่รู้อะไร พุ่งเข้ามาสวมกอดพี่สาวอย่างแรง จนเธอเกือบจะเซล้ม ดีที่มีร่างสูงของพงศกรคอยประคองกอดเอวเธอเอาไว้“ไม่เอาหรอก”“ไปไหว้แม่อรกันนะ” เส
สูญเสีย“หนูเอย...” นิษฐาที่เข้ามาถึงภายในบ้าน เรียกหญิงสาวขึ้นมาทันที และรีบเข้าไปดูหญิงสาวที่หลับสนิทอยู่ที่โซฟาห้องรับแขก“แม่...ไอ้นัย” พงศกรหันไปมองตามเสียงคนที่พึ่งจะเดินเข้ามาภายในบ้าน“น้องเป็นอะไร...โทรตามหมอหรือยัง” นิษฐาถามลูกชายออกไปทันที เพราะรู้สึกเป็นกังวลที่เห็นเธอเป็นแบบนี้“...” พงศกรเอาแต่ส่ายหน้ารับ เพราะไม่รู้ว่าจะต้องทำเช่นไรต่อ และก็ไม่รู้ด้วยว่าอาการของหญิงสาวเป็นคืออะไร เอาแต่นั่งลงกุมมือที่เย็นเฉียบของเธอไว้แน่นไม่ยอมห่าง“ตาเพชรไปเอาผ้าชุบน้ำมา ตานัยโทรตามหมอณัฐให้อาด่วนเลย และโทรบอกคนในบ้านให้รีบกลับกันเข้ามาด้วย” นิษฐาหันไปสั่งทางลูกชาย และเพื่อนของลูกชายด้วย“มาแล้วครับคุณแม่” พงศกรเดินถือกะละมังใส่น้ำพร้อมกับผ้าผืนเล็กกลับมาที่เดิม“เช็ดหน้าให้น้อง เอายาดมให้น้องดมด้วย แม่จะโทรบอกคุณพ่อกับน้อง ๆ ก่อน” นิษฐาเอ่ยบอกลูกชายอย่างใจเย็น และเดินออกไปโทรศัพท์หาสามีและลูกของเธอให้รีบกลับบ้านกันโดยด่วนพงศกรทำตามที่แม่บอกเอาไว้ทุกอย่าง อย่างตั้งใจบรรจงเช็ดหน้าให้เธออย่างเบามือที่สุด เพราะไม่เคยทำแบบนี้ให้ใครมาก่อน“แม่...” เสียงเอ่ยเรียกแม่ออกมาอย่างแผ่วเบาจากหญิง
เรื่องที่ไม่คาดคิดบ้านเรืองพาณิชยากุล“กลับมากันแล้วหรือคะ...” เสียงนุ่มเอ่ยถาม พร้อมกับเดินออกมาจากห้องน้ำ แต่ก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อพบว่าคนที่อยู่ตรงหน้านั้นคือใคร“อะ เอย!” พงศกรอ้าปากค้างทันที ที่หันมาพบว่าเจ้าของเสียงนั้นเป็นใครร่างสูงเมื่อตั้งสติได้ รีบรวบรวมความกล้า ขยับตัวเข้าไปใกล้หญิงสาวทันที หมายจะเข้าไปสวมกอดเธออย่างแสนคิดถึง“ออกไป” หญิงสาวเอ่ยปากไล่เสียงดังขึ้นมาทันที“เอย คุยกันก่อนครับที่รัก” เสียงนุ่มเอ่ยขึ้น และพยายามจะเข้าไปใกล้ ๆ เธออีกครั้ง“อย่ามาเรียกฉันแบบนี้” หญิงสาวสั่งห้าม พร้อมกับพยายามที่จะถอยหนี เมื่อร่างสูงจะเข้ามาใกล้เธอ“เอย” ร่างสูงรวบรวมความกล้า ย่างก้าวเข้าหาอีกครั้งอย่างช้าๆ“บอกให้ออกไปยังไงละ ไม่ได้ยินเหรอไง” เสียงตวาดดังลั่นขึ้นมาอีกครั้ง“จะให้พี่ออกไปไหนละ ก็นี้มันบ้านพี่นะ” พงศกรเอ่ยขึ้นบอกทันทีเพราะเขาเข้าใจเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ของแม่และเพื่อนเขาทันที ที่พยายามจะสื่ออะไร ที่แท้ก็อยากให้เขามาปรับความเข้าใจกันนี้เอง ไอ้เพื่อนนัยปิดบังกันสะนานเลยนะ“...” ปรียาภัทรนิ่งเงียบทันที“ที่นี่คือบ้านคุณพ่อคุณแม่พี่เอง พ่อพงษ์แม่นิษ” พงศกรเอ่ยบอกความจร
Comments