....การเจอกันครั้งแรก ด้วยอุบัติเหตุ...จึงนำพามาสู่ความใกล้ชิด... คนหนึ่งที่ตั้งใจรัก...แต่อีกคนกลับเข้าหาเพื่อหวังพียงได้เชยชมร่างกายอันบริสุทธิ์ของเธอ...
View Moreบนท้องถนนที่เต็มไปด้วยรถหลายนับร้อยคัน หลากหลายทุกยี่ห้อทุกชนิด บนจราจรที่ติดขัดหนาแน่นไปด้วยรถเล็กไปจนถึงรถใหญ่ในเมืองกรุงอันแสนจะวุ่นวาย ในยามเช้าของทุกๆวัน เพราะทุกเวลาล้วนมีค่า ต่างต้องพึ่งพาเงินตราในการดำรงชีวิตในแต่ละวัน ของคนหาเช้ากินค่ำ
เอี๊ยด!
โครม!
เสียงล้อรถลากยาวบดเบียดกับถนน เมื่อเห็นว่ามีบางอย่างมาตัดหน้ารถหรูของเขา ทำให้ชนเข้าอย่างจัง ถึงแม้ว่าเขาจะขับมาด้วยความเร็วไม่แรงเสียเท่าไหร่ เพราะชะลอความเร็วเผื่อไว้อยู่แล้ว ในที่ชุมชนแบบนี้ อุตส่าห์จะหลบหลีกจราจรที่ติดขัด แต่กลับต้องมาเจอกับอุปสรรคเข้า
“เฮ้ย! ขับออกมาได้ยังไงวะ ไม่ดูรถหรือยังไง” เสียงก้นด่าพ่นออกมาทันที เมื่อเท้าแตะเบรก
แต่สิ่งที่ปะทะกันอยู่ตรงหน้ารถหรู ก็พอจะคาดเดาได้ว่าเสียหายอยู่มากพอสมควร เพราะแรงปะทะ ทำเอารถตัดหน้ามาล้มลงอยู่ตรงหน้ารถหรูของเขาพังแทบทั้งคัน เพราะสภาพที่ผ่านการใช้งานมาอย่างหนักแล้ว
ร่างสูงเปิดประตูรถลงมาดูสภาพรถของตัวเองทันที เพราะถนุถนอมมาเป็นอย่างดี แต่เมื่อเห็นว่าคู่กรณีนั้น เป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง กลับลืมเรื่องรถของตัวเองไปเสียสิ้น รีบเข้าไปช่วยยกรถออกเพราะทับร่างของเธอ แล้วช่วยประคองหญิงสาวนั้นขึ้นมา กลัวว่าเธอจะได้รับบาดเจ็บ
“เจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ...” ร่างสูงเอ่ยถามขึ้นมา ด้วยความรู้สึกเป็นกังวล พร้อมกับน้ำเสียงที่อ่อนโยนขึ้นมาทันที เมื่อเห็นว่าเธอคือผู้หญิง
แต่กลับไม่ได้เห็นใบหน้าที่แน่ชัดของเธอ เพราะหญิงสาวสวมหน้ากากอนามัย แล้วสวมหมวกปิดบังใบหน้าทับมาอีกที
“ไม่เป็นไรค่ะพี่...ขอบคุณนะคะ” หญิงสาวรีบเอ่ยขอบคุณทันทีที่ร่างสูงช่วยมาพยุงเธอขึ้น
แล้วมองดูสภาพรถทั้งสองคัน ทั้งของเธอและของเขาใบหน้าสลดลงมาทันที เพราะรถหรูราคาหลายร้อยล้าน กับของเธอแค่ราคาไม่กี่หมื่น แต่ก็สามารถพาเธอเลี้ยงชีพมาได้นานพอสมควร
“หนูขอโทษด้วยคะ พอดีหนูรีบเลยไม่ทันได้มองว่ามีรถพี่มา พอดีต้องรีบไปส่งของให้ลูกค้าค่ะ ส่วนค่าเสียหายหนูจะรีบทำงานมาจ่ายพี่นะคะ พี่จะเรียกเท่าไหร่ว่ามาได้เลยค่ะ” หญิงสาวรีบยกมือไหว้ขอโทษขอโพยขึ้นมาทันทีอย่างรู้สึกผิด
“ช่างเถอะคนไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว แล้วรถน้องดูแล้วน่าจะซ่อมไม่ได้แล้ว...” ร่างสูงพูดขึ้น เพราะดูสภาพรถมอเตอร์ไซค์คันเก่าของหญิงสาวแล้ว ไม่น่าจะไปต่อได้ แถมหัวเข่าของเธอที่เห็นรอยถลอกพร้อมกับเลือดที่ไหลซึมออกมาผ่านกางเกงยีนส์ทีเข้ม
“...” หญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าร่างสูงนิ่งเงียบทันที ไม่กล้าขยับตัวไปไหน
“ไปขึ้นรถสิพี่ขับไปส่งเอง...ส่วนมอ’ไซค์นี้เดี๋ยวให้คนมาขนไปร้านซ่อมให้ แล้วรถของพี่น้องได้ชดใช้อย่างแน่นอน แต่ไม่ใช่ตอนนี้” ร่างสูงเอ่ยบอก พร้อมกับจ้องมองหญิงสาวผ่านหน้ากากอนามัย แล้วพูดขึ้นมาอย่างจริงจัง
“ไม่เป็นไรคะ โอ้ยย...” หญิงสาวรู้สึกใจหวั่นๆขึ้นมาทันที เมื่อเจอคำที่ร่างสูงเอ่ยขึ้นมาขู่เธอ ครั้นจะขยับเท้าเดิน กลับต้องร้องโอดโอยออกมาทันที เพราะตึงแผลที่ถลอกบนหัวเข่า
“หึ เจ็บแบบนี้ยังจะทำเป็นเก่งอีก เดินไหวไหม เดี๋ยวพาไปหาหมอเช็คร่างกายด้วย เผื่อสมองได้รับการกระทบกระเทือน...” ร่างสูงเค้นหัวเราะออกมา แต่ก็เข้าไปช่วยประคองพาเธอเดินไปขึ้นรถของเขาอยู่ดี และสิ่งของมากมายที่หญิงสาวห้อยมากับรถ ช่วยถือขึ้นไปในรถด้วย
“นี่พี่...” หญิงสาวขึ้นเสียงใส่ทันที ก่อนจะเข้าไปนั่งในรถหรูของร่างสูง
“จะให้ไปส่งที่ไหน...” ร่างสูงถามขึ้นมาทันที เมื่อทั้งคู่ขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว
“หนูไม่รู้ว่าเขาเรียกสถานที่นี้ว่าอะไรค่ะ มีแต่แบบนี้ พี่ไปถูกอยู่ใช่ไหมค่ะ” หญิงสาวไม่รู้ว่าจะตอบเช่นไรดี เลยยื่นโทรศัพท์มือถือ ที่หน้าจอแตกยับเยินให้กับร่างสูงดู
“ส่งของภาษาอะไรไม่รู้จักสถานที่...คงไม่ใช่คนที่นี่สิท่า” ร่างสูงเอ่ยขึ้นอย่างดูถูกดูแคลน และคาดเดาได้ทันที เลยว่าเธอไม่ใช่คนถิ่นนี้ เพราะสำเนียงภาษาที่ใช้ก้แปลกกับพวกเขาแล้ว
“ค่ะ...ข่อยคนบ้านนอก” หญิงสาวตอบออกมา เป็นภาษาบ้านเกิดทันที
“พูดภาษาที่พี่ฟังออกด้วย อยู่ในรถก็ช่วยถอดหมวกถอดหน้ากากออกด้วย ปิดอย่างกับว่าโจรจะไปปล้นร้านทอง” ร่างสูงเอ่ยบอก พร้อมกับเอื้อมมือจะไปหยิบสายเข็มขัดมารัดหญิงสาว
“จะ จะทำอะไร” หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงที่ตะกุกตะกักทันที เมื่อร่างสูงเข้ามาใกล้เธอ เพราะเกิดจนถึงตอนนี้ ไม่เคยเข้าใกล้กับชายอื่นใด้เลย แม้กระทั่งพ่อก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นใคร
“คาดเข็มขัดยังไงล่ะ ไม่รู้จักเหรอ...” ร่างสูงเอ่ยตอบเสียงเรียบนิ่ง แล้วดึงสายเข็มขัดมาตรงหน้าเธอล็อคทันที
พร้อมกับยกมือขึ้นจับหมวกของเธอออกจากศีรษะของเธอทันที ทำเอาผมที่รวบไว้ใต้หมวกแบบลวก ๆ สยายแผ่กระจายลงมาทันที มือหนาดึงหน้ากากอนามัยออกจากหน้าเธอ ทำให้ตอนนี้เห็นใบหน้าที่แดงก่ำของเธอได้อย่างชัดเจน
ใบหน้าทรงรูปไข่ รับกับแก้มป๋อง ๆ ทั้งสองข้าง ดวงตากลมโตเพียงเล็กน้อย ดูแล้วช่างน่ารักเสียเหลือเกิน ใบหน้าที่ไร้เครื่องสำอางแต่งเติมใดๆ แต่กลับขาวใส่สะอาดไร้ที่ติเสียเหลือเกิน ใบหน้าที่เขินอายนี้ช่างต่างกับวาจาที่พ่นออกมาจากปากของคนเมื่อกี้โดยสิ้นเชิง
“อะแฮ่ม...ว่าแต่เราชื่ออะไร พักอยู่ที่ไหนเหรอ พี่จะได้ตามไปเก็บค่าเสียหายถูก...” ร่างสูงเมื่อดึงสติได้ รีบดีดตัวออกห่าง แล้วเปลี่ยนเรื่องทันที
“พี่...”
“แค่แซวเล่นเอง ทำไมต้องดุด้วย” ร่างสูงออกรถทันที ไปตาจุดหมายของหญิงสาวต่อทันที
“...เอิงเอยค่ะ เรียกเอยเฉยๆก็ได้” หญิงสาวเอ่ยตอบออกมาตามตรง
ปรียาภัทร หรือ เอิงเอย หญิงสาววัย 20 ปี สาวน้อยต่างหวัดที่ดั้นด้นมาอาศัยอยู่ในเมืองกรุงตั้งแต่ที่จบชั้นมัธยมปลาย เพราะต้องการหารายได้มาเป็นค่ารักษาพยาบาลแม้ที่ป่วยด้วยโรคร้าย สาวน้อยบ้านนาที่สู้ชีวิตแต่ชีวิตดันสู้กลับ ส่งตัวเองเรียนจนใกล้จะประสบผลสำเสร็จในอีกหนึ่งปีการศึกษานี้แล้ว
“เอิงเอยชื่อเชยชะมัด...พี่ชื่อเพชรน่ะ”
เพชร พงศกร หนุ่มโสดวัย 30 ปี เป็นบุตรชายคนโตของตระกูลดัง(เรืองพาณิชยากุล) ซึ่งประกอบธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ที่มีชื่อเสียงในระดับต้นๆของประเทศ ชายหนุ่มที่รักชีวิตอิสระสันโดษ บ้างานจนไม่เคยคิดที่จะเปิดใจรับใครเข้ามาในชีวิต
“เพชรนี้บ่เชยเลยเนาะ...” หญิงสาวแบะปากล้อเลียนร่างสูงขึ้นมาทันที
“บ่นอะไร...”
“เปล่าค่ะ...” หญิงสาวนั่งลงอย่างเงียบ ๆ ทันที
“อย่าให้รู้น่ะ...ว่านินทาพี่ ใช้รถใช้ถนนในเมืองกรุง หูตาต้องไว แล้วนี้ไม่ได้เรียนเหรอ...” ร่างสูงพร่ำสอนหญิงสาวออกไปหนึ่งประโยค ก่อนจะถามขึ้นด้วยความสงสัย เพราะอายุของเธอน่าจะอยู่ในช่วงวัยเรียน แต่ทำไมถึงต้องมาทำงานรับหิ้วของพะรุงพะรังไปหมด ทั้ง ๆ ที่ค่าจ้างต่อชิ้นเพียงไม่กี่บาทเอง
“ขอโทษค่ะ...หนูเรียนแค่เสาร์อาทิตย์” หญิงสาวเอ่ยตอบไปตามตรงเมื่อร่างสูงถาม
พงศกรขับรถมาถึงยังจุดหมายในเวลาไม่นาน และก็ทยอยส่งของให้กับลูกค้าของหญิงสาวอทนเธอ เพราะตอนนี้เธอเจ็บอยู่ จวบจนครบทุกคน แล้วจึงขับรถวนกลับคืนทันที แล้วมุ่งหน้าไปยังรงพยาบาลต่อ
ถูกที่ แต่ผิดเวลารุ่งเช้าสองร่างหนุ่มสาวกอดกันกลมเกลียวหลับสนิทอย่างไม่รู้สึกตัว ร่างสูงที่เป็นฝ่ายลืมตาขึ้นมาก่อนเพราะเสียงโทรศัพท์มือถือของเขาที่ดังรบกวนไม่ยอมหยุดมาเป็นระยะแล้วมือหนาข้างที่ว่างเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่ดังไม่ยอมหยุดขึ้นมาดู เมื่อเห็นว่าเป็นใครที่โทรฯมารบกวน จึงกดปิดเสียงเงียบทันที แล้วทิ้งตัวลงนอนเช่นเดิม สายตาคมจ้องมองไปที่ใบหน้าสวยที่ยังคงหลับบนแขนแกร่งของเขาเพราะห้องของเธอมีหมอนแค่ใบเดียว ใบหน้าสวยที่หลับสนิทนั้นช่างน่าหลงใหลเสียเหลือเกิน มือสากลูบไปแก้มป๋องนั้นอย่างเบามือที่สุด แล้วใบหน้าที่มีรอยยิ้มผุดขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว“อื้อ...” เสียงครางอู้อี้ออกมาจากร่างบาง เมื่อถูกรบกวนการนอนของเธอ“ตื่นได้แล้ว...” เสียงทุ้มถามขึ้น เมื่อรับรู้ถึงแรงขยับของหญิงสาว ที่หนุนแขนเขาแทนหมอนแทบทั้งคืน“เช้าแล้วเหรอ” เสียงอู้อี้ถามขึ้น พร้อมกับขยับตัวออกจากแขน แล้วลุกขึ้นมานั่งบิดขี้เกียดไปมาอยู่สักพัก“อื้ม...” ร่างสูงของพงศกรพยักหน้ารับ แล้วลุกขึ้นนั่ง พร้อมกับบีบนวดแขนตัวเอง ที่ตอนนี้รู้สึกชาไปทั้งหมด“พี่เพชร พี่ปวดแขนเหรอ” หญิงสาวถามขึ้น เมื่อเห็นเขาบีบทุบที่แขน เพราะเ
สร้างความเชื่อมั่นกลับมาทางด้านของพงศกรคนหน้ามึน ที่ตอนนี้เวลาจวบจนมาถึงดึกแล้ว แต่คนหน้ามึนยังคงอยู่ที่ห้องเช่าน้อยของหญิงสาวอยู่ ไม่ยอมกลับที่ของตัวเองไปสักที“พี่เพชร” หญิงสาวเอ่ยเรียกคนหน้ามึนขึ้น เมื่อเห็นว่านานมากแล้วร่างสูงก็ไม่ยอมที่จะลุกออกไปไหนเลย แถมยังนอนลงบนที่นอนของเธออย่างสบายใจเฉิ่ม ราวกับว่าเป็นที่ของตัวเอง“ครับ”“คือ...”“อะไรเหรอ” ร่างสูงเลิกคิ้วขึ้นถาม แต่กลัยังคงนอนอยู่ที่เดิม“ดึกมากแล้วค่ะ น้องว่า...” หญิงสาวเอ่ยบอก เมื่อเห็นว่าเป็นเวลาดึกมากแล้ว“พี่จะนอนที่นี่ครับ” ร่างสูงลุกขึ้น พร้อมกับเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร“ห๊า...” หญิงสาวเบิกตากว้างขึ้นมาทันที ที่ได้ยินคนหน้ามึนพูดออกมา“พี่เมื่อยมากเลย ขับรถกลับไม่ไหวแล้วล่ะ” พงศกรเอ่ยบอก พร้อมกับท่าทางนวดแขนของตัวเองให้หญิงสาวเห็น“แต่พี่เพชร...”“อยากไปอาบน้ำก็อาบไปสิ พี่ไม่แอบดูหรอก” ร่างสูงพูดขึ้นบอก เมื่อสีหน้าของหญิงสาวเป็นกังวล พยายามจะสื่อถึงอะไรบางอย่าง“พี่เพชรทำไมพี่หน้ามึนแบบนี้ล่ะค่ะ” หญิงสาวต่อว่าออกมาทันที เพราะไม่รู้ว่าจะทำเป็นไรกับคนตีมึนแบบนี้ดี“ยอมรับครับ” เสียงเรียบนิ่งเอ่ยน้อมรับออกมา“
ห้องเช่าน้อยๆ ปากซอยมีร้านเซเว่น“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง...ขับรถกลับดีๆนะคะ” หญิงสาวเอ่ยขอบคุณทันที ที่รถขับมาถึงยังหน้าที่พักของเธอ แล้วก็เปิดประตูลงจากรถทันที“เดี๋ยวสิ!...” ร่างสูงรีบเปิดประตูรถออกมาเอ่ยเรียกไว้เสียก่อน“...” หญิงสาวไม่เอ่ยถามอะไรกลับไป เพราะพอจะรู้เหตุผลของเขาดี“พี่หิวน้ำ...” สองเสียงพูดขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกันทันที“เฮ้อ...” เสียงถอนหายใจยาวเหยียดของหญิงสาวพ่นออกมาอย่างเบื่อหน่ายกับคนหน้ามึนที่เอาแต่ใจตัวเองหญิงสาวไม่รู้จะทำเช่นไรกับคนหน้ามึนแบบนี้ดี เธอกับเขาพึ่งจะรู้จักกันเพียงไม่กี่วันมานี้เอง แต่ชายหนุ่มกลับทำตัวเหมือนสนิทกับเธอ ราวกับว่ารู้จักกันมานานแสนนานใบหน้ายิ้มระรื่นอย่างมีความสุข ที่ได้เข้ามาภายในห้องเช่าน้อยๆของหญิงสาว ร่างสูงถอดรองเท้าออก แล้วเดินไปหยิบน้ำมานั่งลงเปิดฝาดื่มทันที อย่างกับว่าเป็นเจ้าของห้องเสียเองหญิงสาวเอาแต่ส่ายหน้าเบาๆ ให้กับคนที่เอาแต่ใจ แล้วเดินเอาของเธอไปเก็บพร้อมกับกำลังจะหยิบกล่องอุปกรณ์ทำแผลมาแต่ทว่า“ว้าย...พี่เพชร จะทำอะไร...” ร่างบางร้องออกมาทันที เพราะตกใจไม่น้อย เมื่อโดนร่างสูงรวบตัวมานั่งลงบนตัวแกร่ง แล้วยกตัวหญิงสาวน
คนเอาแต่ใจ“แฟนเหรอ” เสียงทุ้มถามหญิงสาวขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ เพราะหญิงสาวไม่ยอมพูดจาอะไรเลย ตั้งแต่ที่ขึ้นรถมาแล้ว“มะ ไม่ใช่ค่ะ เพื่อน” หญิงสาวรีบปฏิเสธทันควัน เมื่อร่างสูงถามออกมาแบบนี้“ดู ๆ แล้ว เขาน่าจะชอบน้องน่ะ” พงศกรยังคงถามหาความจริงจากหญิงสาว“ชะ ชอบอะไรกันค่ะ เราเป็นแค่เพื่อนกัน” หญิงสาวยังคงที่จะตอบออกมาแบบเดิมร่างสูงจึงได้แต่ส่ายหน้าเบา ๆ ให้กับความใสซื่อของเธอ *ช่างไม่รู้อะไรเอาเสียเลย* พร้อมกับอมยิ้มออกมาเพียงเล็กน้อย *นี่เธอดูไม่ออกเหรอว่าเพื่อนสนใจเธอ*“แล้วโทรมาทำไมไม่ยอมรับสายพี่” พงศกรเปลี่ยนเรื่องถามทันที“คือ...” หญิงสาวอึกอักไม่กล้าตอบออกมาร่างสูงตีไฟเลี้ยว และรีบหักเลี้ยวเข้าจอดข้างทางทันที พร้อมกับปลดเข็มขัดออก จ้องมองหญิงสาวอย่างคาดโทษทันที“พี่เคยบอกแล้วน่ะ แต่น้องท้าทายพี่เอง” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น พร้อมกับสายตาที่ดูเจ้าเล่ห์ออกมา“น้อง...”“อะไร” ร่างสูงยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ แล้วถามขึ้น“พะ พีเพชรจะทำอะไรค่ะ” หญิงสาวกลับตาลง พร้อมกับมือที่ยกขึ้นดันอกแกร่งของพงศกรออก“หึ แค่ล้อเล่นเอง กลัวเหรอ” ร่างสูงหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ เมื่อได้แกล้งหญิงสาว และยือมือหนาข
เพื่อนไม่ทิ้งกันวันต่อมา“เอย...มายังไง แล้วรถแกละ” แตงกวา ภัทรธิดา เพื่อนที่เรียนด้วยกันถามหญิงสาวขึ้นทันที เพราะวันนี้เห็นหญิงสาวเดินเข้ามาตั้งแต่หน้าประตูมหาวิทยาลัย ไม่เห็นรถมอเตอร์ไซค์ที่หญิงสาวใช้เหมือนเช่นทุกวัน“เอ่อ...รถพังน่ะ เลยมารถประจำทางเอา” หญิงสาวเอ่ยตอบเพื่อนออกไปตามตรง“รถพัง...แล้วนี้แก...” หญิงสาวย้ำถามอย่างสงสัย แต่ก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นสภาพรอยแผลที่เข่าของเพื่อน เมื่อลมพัดกระโปรงขึ้นเหนือเข่าพอดี เพราะปรียาภัทรนุ่งประโปรงคลุมเข่า“อุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะ ช่วงนี้เลยงดรับงานไปก่อน” ปรียาภัทร เมื่อไม่เห็นมีอะไรปิดบังเพื่อน จึงตอบออกไปตามความจริง“แล้วแกเป็นอะไรมากไหมเอย” ภัทรธิดาหันมาถามไถ่เพื่อนด้วยความเป็นห่วง เป็นใยทันที“ถ้าฉันเป็นอะไร แกจะเห็นฉันยืนอยู่ตรงนี้ไหมละแตง” ปรียาภัทรตอบออกไปด้วยวาจาติดตลก“ตอบกวนตลอดเลยน่ะแกก็...” ภัทรธิดาตวาดตามองเพื่อนทันที“ล้อเล่น...อยากให้เพื่อนอารมณ์ดีบ้าง”“ใครเขาจะอารมณ์ดีได้ตลอดเหมือนแกละ สุขทุกข์ก็ยิ้ม” ภัทรธิดาแซวออกมา เพราะตั้งแต่ที่รู้กันกับปรียาภัทรมา แทบไม่เคยได้เห็นมุมเศร้าของเพื่อนเลย มีแต่มุมน่ารักอัธยาศัยดีต่อเพ
เข้าห้องสาวครั้งแรกรถยนต์คันหรูขับเข้ามาทางปากซอยที่มีร้านสะดวกซื้อจากถนนใหญ่ รถยนต์คันหรูมาจอดอยู่ตรงหน้าตึกแถวชั้นเดียว ที่ปากทางเข้าเป็นซอยเพียงเล็กๆ เป็นตึกแถวหลังไม่เก่ามากเท่าไหร่ เรียงรายกันอยู่หลายตึก ที่ปกคลุมไปด้วยความเงียบ“น้องพักอยู่ที่นี่เหรอ...” ร่างสูงถามขึ้น เมื่อมาถึงยังจุดหมายที่หญิงสาวบอก“ค่ะ...ขอบคุณพี่อีกครั้งนะค่ะ ขับรถกลับดีๆนะคะ” หญิงสาวยกมือขึ้นร่างสูงก่อนจะเปิดประตูลงจากรถไป“เดี๋ยวสิ เอ่อ...พี่หิวน้ำน่ะ” ร่างสูงรีบเปิดประตูรถลงมาเรียกหญิงสาวไว้เสียก่อน แล้วหาเหตุผลมาอ้าง“...” หญิงสาวไม่เอ่ยตอบกลับใดๆ ได้แต่เดินเข้าไปในห้องของเธอร่างสูงเมื่อไม่เห็นว่าหญิงสาวจะห้ามหรือปฏิเสธอะไร จึงรีบเดินตามหญิงสาวไปทันที อย่างเงียบๆ โดยไม่พูดอะไร ร่างสูงก้มถอดรองเท้า แล้วสาวเท้ายาวเดินเข้ามาภายในห้องของหญิงสาวตามเธอทันทีแต่เมื่อเข้ามาภายในห้องของเธอ สายตาคมมองสำรวจกวาดไปรอบๆห้อง แทบจะไม่มีอะไรนอก นอกเสียจากที่นอนฟูกเล็กๆ ที่อยู่ใกล้กับหน้าต่าง และโต๊ะเครื่องเขียน เพราะมีสมุดและหนังสือมากมายกองอยู่ ไม่มีห้องนอนแยกหรืออะไรเลย แถมประตูห้องน้ำกลอนก็ใช้งานไม่ได้อีก“น้ำค่ะ.
Comments