Share

จิ้งจอกเก้าหาง
จิ้งจอกเก้าหาง
Author: ต้าเหนิง

ร่างใหม่

last update Huling Na-update: 2025-05-14 08:59:11

ค่ำคืนอันรุ่งเรืองของมหานครในปี 1982

เสียงดนตรีเร้าใจดังก้องไปทั่วไนต์คลับหรูหรา หญิงสาวผู้หนึ่งในชุดแดงรัดรูปสะกดสายตาของทุกคน นางคือ อันอัน ทายาทตระกูลมหาเศรษฐีผู้เปรียบเสมือนนกน้อยในกรงทอง บิดามารดาของนางปรารถนาให้นางแต่งงานกับขุนนางชั้นสูง แต่นางกลับหลงใหลชีวิตยามราตรี อันอันใช้ทรัพย์สินมหาศาลโปรยให้บุรุษรูปงามเพียงเพราะความเบื่อหน่าย ทว่าภายใต้เปลือกนอกอันเย้ายวน นางคือแฮกเกอร์ระดับโลก ผู้ครอบครองความลับอันดำมืดของโลกใบนี้ไว้ในมือ

คืนหนึ่งที่โชคชะตานำพา นางเดินทางไปร่วมงานเลี้ยงสุดหรูพร้อมมิตรสหาย ทว่ารถยนต์สุดไฮเทคของนางกลับประสบอุบัติเหตุร้ายแรง ร่างของอันอันสลายไปในเปลวเพลิงอันมหึมาเหลือไว้เพียงเถ้าธุลี ทว่าแทนที่นางจะจมหายไปในความมืดมิด วิญญาณของนางกลับถูกดึงเข้าสู่อาณาจักรโบราณลึกลับ

เมื่อลืมตาตื่นขึ้น นางได้กลายเป็น "ไป๋ผิง" ปีศาจจิ้งจอกเก้าหางที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนอสูร ทว่าร่างเดิมของไป๋ผิงกลับเป็นที่ชิงชังของครอบครัว นางเคยเป็นสตรีที่หลงระเริงในอำนาจและใช้ชีวิตอย่างมักมากโดยไม่สนใจอาณาจักรของตน ไป๋เสวี่ยถูกหมั้นหมายกับ ไป๋เฉิน จิ้งจอกขาวผู้สูงศักดิ์ ทว่าไป๋เฉินกลับเย็นชาและไม่เคยมองนางด้วยความรัก

ทว่าในร่างใหม่ ไป๋ผิงกลับกลายเป็นสตรีที่แตกต่างออกไป อันอันในโลกมนุษย์เริ่มตระหนักถึงชะตากรรมของนาง หากนางยังคงใช้ชีวิตเยี่ยงอดีต ไป๋ผิงก็จะพบจุดจบเช่นเดียวกับเจ้าของร่างเดิม นางต้องเปลี่ยนแปลงตนเองเพื่อเอาชีวิตรอด จากจิ้งจอกเก้าหางที่โง่เขลานางจะกลายเป็นสตรีผู้ไร้เทียมทาน และที่สำคัญที่สุด ไป๋เฉินผู้เคยเหยียดหยามนาง จะต้องมองนางด้วยสายตาชื่นชม

เส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงได้เริ่มต้นขึ้นแล้วแต่หนทางนั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

อดีตอันโสมมของไป๋ผิงทำให้เผ่าพันธุ์ของนางไม่อาจให้อภัย นางต้องเผชิญหน้ากับศัตรูมากมาย การเมืองอันซับซ้อน และคู่หมั้นผู้เย็นชา

นางจะสามารถเอาชนะใจไป๋เฉินได้หรือไม่? หรือว่าสุดท้ายแล้ว นางจะต้องประสบชะตากรรมอันโหดร้ายเช่นเดียวกับเจ้าของร่างเดิม?

จิ้งจอกเก้าหาง... ได้เริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงแปลง

ไป๋ผิงจ้องมองกระจก นัยน์ตาสีอำพันทองอันงดงามราวกับปีศาจส่องสะท้อนกลับมา แต่เบื้องหลังดวงตาคู่นี้ กลับเป็นจิตวิญญาณของอันอัน หญิงสาวจากโลกอนาคต

"ร่างนี้...เป็นของข้าแล้ว ใช่หรือไม่?"

นางยกมือขึ้นแตะใบหน้าอันงดงามประหนึ่งอสูรสวรรค์ พลางพึมพำกับตัวเอง ไป๋ซวี่คนก่อนอาจภาคภูมิใจในความงามของตน แต่สำหรับนาง มันไม่มีค่าอันใด สิ่งที่สำคัญคือสิ่งที่รออยู่ข้างหน้าต่างหาก

ทันใดนั้น ความเงียบก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงเคาะประตูเบาๆ ก่อนที่สาวใช้คนโปรดของเธอจะก้าวเข้ามา ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

"นายหญิง...ท่านไป๋เฉินส่งคนมาสอบถามข่าวคราวของท่านเจ้าค่ะ"

ไป๋เฉิน คู่หมั้นของเจ้าของร่างเดิม

เพียงแค่ได้ยินชื่อ ความทรงจำของไป๋ผิงคนก่อนก็ผุดขึ้นมา นางเคยพยายามยั่วยวนเขา แต่สิ่งที่ได้รับกลับมามีเพียงความเย็นชาและสายตาขยะแขยง ราวกับว่านางเป็นสิ่งสกปรก

ช่างน่าขันเสียจริง!

รอยยิ้มเย็นเยียบแตะที่ริมฝีปาก นัยน์ตาทอประกายท้าทายและไม่ยี่หระต่อโชคชะตา

"บอกเขาไปว่า...ข้าสบายดี และข้าไม่ต้องการพบเขา"

สาวใช้เบิกตากว้างอย่างตกตะลึง "แต่ว่า...ท่านไป๋เฉิน"

"ทำตามที่ข้าสั่ง" น้ำเสียงราบเรียบ แต่แฝงไปด้วยอำนาจที่ไม่มีใครกล้าขัด นัยน์ตาสีอำพันทองลุกโชนราวเปลวไฟ

สาวใช้โค้งคำนับด้วยความเคารพก่อนจะรีบจากไป

ไป๋ผิงถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน นางรู้ดีว่าการกระทำเช่นนี้อาจทำให้ไป๋เฉินไม่พอใจ แต่แล้วอย่างไรเล่า? ก่อนหน้านี้นางเคยวิ่งไล่ตามเขามากพอแล้ว ชาตินี้ หากต้องพบเจอเขาอีก นั่นก็เป็นเพราะเขาเองที่เป็นฝ่ายเข้าไปหา ในขณะนั้นไป๋เฉินก็เข้ามาได้ยนพอดี

"ไป๋ผิง เจ้าสมองเลอะเลือนเด้อเมื่อก่อนเจ้าชอบตามข้า คราวนี้ยังคิดว่าข้าจะตามเจ้าอีกช่างหลงตัวเอง" เขาเอ่ยอย่างมั่นใจพร้อมยิ้มมุมปาก

นางหัวเราะเยาะตัวเอง ก่อนจะหันกลับไปมองเงาสะท้อนในกระจก

"ถ้าเจ้าคิดว่าข้ายังเป็นไป๋ผิงคนเดิม... เจ้าคิดผิดมหันต์!"

และใครจะรู้ ว่าสิ่งที่รออยู่ข้างหน้าจะเป็นเส้นทางที่ไม่มีวันหวนกลับ!

ลมหายใจแห่งอาณาจักรจิ้งจอกขาว

เมื่อไป๋เฉินเดินหันหลังจากไป ก็กลับคืนสู่ความเงียบงันอีกครั้ง แม้เขาจะพูดเพียงน้อยนิด แต่ระยะห่างเย็นชาของเขากลับบอกได้มากกว่าถ้อยคำใดๆ

นางถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นจากหน้ากระจก ความคิดเริ่มเข้าที่เข้าทาง ร่างใหม่นี้ปรับตัวได้ยากกว่าที่คาดไว้ อย่างน้อยนางก็ต้องเริ่มสำรวจให้คุ้นเคย

เมื่อนางก้าวออกจากห้อง อาณาจักรจิ้งจอกขาวก็ตกอยู่ในความเงียบสงบ ลมยามค่ำคืนพัดเอาความเย็นมาให้ แต่มันกลับรู้สึกสดชื่นอย่างประหลาด

สวนที่ทอดยาวไปเบื้องหน้าถูกประดับด้วยต้นไม้สีเงิน ใบของมันเปล่งประกายราวแสงจันทร์ ลมจากเทือกเขาไกลโพ้นพัดผ่าน นำพากลิ่นหอมละมุนของดอกไม้ที่ผลิบานตลอดทั้งปีมาให้

"ที่นี่...คือที่ไหน?"

นางก้าวลึกเข้าไปในสวน คำถามนั้นยังคงดังก้องในจิตใจ ความรู้สึกไม่คุ้นเคยแผ่ซ่านไปทั่ว ที่แห่งนี้ไม่ใช่โลกที่เธอเคยรู้จัก ทุกย่างก้าวปลุกบางสิ่งขึ้นมาบางสิ่งที่นางไม่อาจเอื้อนเอ่ยเป็นคำพูด

ทันใดนั้น เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากข้างหลัง

"นายหญิง ท่านจะไปที่ใดหรือ?"

มันเป็นเสียงของสาวใช้คนหนึ่งที่มักอยู่เคียงข้างนางเสมอ ไป๋ผิงหันขวับไปตามเสียง แต่กลับไม่พบใคร

นางหรี่ตาลง มองสำรวจรอบตัว ก่อนจะถอนหายใจแล้วก้าวเดินต่อ

"ข้าเพียงแค่อยากสัมผัส... และพบกับธรรมชาติที่แท้จริง"

น้ำเสียงของนางสงบ ขณะเท้าเปลือยเปล่าเหยียบลงบนพื้นดินเย็นเฉียบ ก้าวเดินไปบนหินแข็งแรง

สายลมพัดโชยมาพร้อมความสดชื่นของค่ำคืน ทิวทัศน์รอบกายเงียบสงบ มีเพียงเสียงสัตว์ตัวเล็กๆ เคลื่อนไหวไปมา เพิ่มจังหวะให้กับบรรยากาศอันนิ่งงัน

ไป๋ผิงเดินมาถึงเนินเขา ที่ซึ่งเผยให้เห็นเทือกเขาสูงตระหง่านต้องแสงจันทร์เป็นประกายราวภาพฝัน ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัวบางที... การติดอยู่ที่นี่อาจไม่เลวร้ายนัก

ในขณะนั้น เงาหนึ่งเคลื่อนไหวในความมืด

บางสิ่งพุ่งผ่านไปในเงาสลัวจิ้งจอกขาวตัวหนึ่ง ขนสีเงินงามสะอาดจับประกายจันทร์ ดวงตาของมันส่องแสงเจิดจ้าดุจอัญมณี มันยืนอยู่ไม่ไกล จ้องมองนางเขม็ง

ไป๋ผิงหันขวับ ดวงตาสีทองฉายแววสงสัย นัยน์ตาของจิ้งจอกคู่นั้นเฉียบคมและเงียบงันราวกับมันกำลังเฝ้ารออะไรบางอย่าง

"เจ้า..."

ทันทีที่นางเอ่ย เสียงกระซิบหนึ่งก็ดังขึ้นในหัว ราวกับสะท้อนมาจากที่ใดที่หนึ่ง

"เจ้านี่เอง... ก้าวไปข้างหน้า และจงจดจำเส้นทางของเจ้าให้ดี"

ไป๋ผิงจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของจิ้งจอกขาว ความสงบของมันซ่อนเร้นปริศนาอันลึกล้ำ!

"นังชั่วช้า สตรีเช่นเจ้ามิควรเกิดมายังเผาจิ้งจอก ทำเป็นเย่อหยิ่งอวดดีไม่สนผู้ใด"

เสียงนั้นดังก้องในจิตใจนาง

และทันใดนั้น แสงหนึ่งสว่างวาบ ก่อนที่จิ้งจอกขาวจะหายลับไปในค่ำคืน ทิ้งไว้เพียงประกายจันทร์จางๆ ที่จางหายไปกับสายลม

ไป๋ผิงเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ที่ซึ่งดวงจันทร์สีเงินลอยเด่นเหนือศีรษะ

แม้ค่ำคืนนี้จะเงียบและเย็นเยียบ ทว่า...บางสิ่งในใจเธอได้เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว!

ในความเงียบสงบของราตรี เธอสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวในความมืด เงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นเป็นจิ้งจอกขาวที่มีขนสีเงินเป็นประกาย ดวงตาของมันวาววับใต้แสงจันทร์ ห่างจากเธอเพียงไม่กี่ก้าว

ขณะเดินต่อไปในอาณาเขตของเผ่าเว่ยเฟิง ไป๋เสวี่ยก็พบว่ามีบางสิ่งแปลกประหลาด เหล่าจิ้งจอกที่เธอพบเจอล้วนมีแววตาเต็มไปด้วยความหวาดระแวงและรังเกียจ นั่นทำให้เธอเข้าใจว่าเจ้าของร่างเดิมต้องมีศัตรูมากมาย แต่สิ่งที่แย่กว่านั้นกลับซ่อนตัวอยู่ในเงามืดเสียงกระซิบที่ทำให้เธอขนลุก

"จิ้งจอกต้องสาปเช่นเจ้า... ไม่มีวันสมควรอยู่บนโลกนี้"

เสียงนั้นเย็นเยียบดั่งเหล็กแหลมกรีดลงบนผิวหนัง นางหมุนตัวไปอย่างรวดเร็วและจับภาพเงาหนึ่งที่แวบผ่านตรอกแคบ มีใครบางคนกำลังจับตาดูนางจากม่านหมอกของป่าลึก

ไป๋ผิงไม่คิดจะเป็นเหยื่อง่าย ๆ นางทำเป็นไม่สนใจ แต่จิตใจของอดีตแฮ็กเกอร์ในตัวนางกำลังตื่นขึ้นมาอีกครั้ง หากมีใครบางคนต้องการกำจัดนาง นางจำเป็นต้องรู้ให้ได้ว่าเป็นใครและเพราะเหตุใด

ทันใดนั้น เสียงเย็นเยียบดังขึ้นจากด้านหลัง

"หากเจ้าคิดจะดื้อรั้น... ก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือน"

ดวงตาสีทองของนางเปล่งประกายแรงกล้าเมื่อนางหันกลับไปอย่างรวดเร็ว แต่ใครกันที่กล้าหาญถึงเพียงนี้?

เสียงฝีเท้าดังก้องในความเงียบ นุ่มนวลราวสายลม ไป๋ผิงหมุนตัวไป ดวงตาทองคำของเธอจับภาพชายร่างสูงผู้หนึ่งที่ก้าวออกจากม่านหมอก เสื้อคลุมสีดำปักลวดลายอสรพิษเงิน สายตาแข็งกร้าว รอยยิ้มเย็นชา

"นานเหลือเกินแล้ว... น้องสาว"

น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความขบขัน แต่ภายใต้นั้นกลับเป็นความโหดเหี้ยมไร้ที่สิ้นสุด หัวใจของไป๋ผิงกระตุกแรง นางรู้จักเสียงนี้ดี ไป๋เหวินเทียนพี่ชายต่างมารดาของเธอ

"เจ้ามาทำอะไรที่นี่?" นางถามกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา

ไป๋เหวินเทียนหัวเราะเบา ๆ ก่อนกล่าวด้วยเสียงเรียบเฉย "ข้ามาดูว่า... จิ้งจอกต้องสาปเช่นเจ้าจะอยู่รอดได้นานแค่ไหน"

ไป๋ผิงจ้องเขาอย่างระแวดระวัง แม้ว่าเธอจะไม่ได้รับความทรงจำทั้งหมดของร่างเดิม แต่เพียงแค่สบตากับไป๋เหวินเทียน นางก็รู้เพียงพอแล้วเขาไม่เคยมีความอบอุ่นให้พี่ชายแม้แต่น้อย

"เจ้าต้องการอะไรกันแน่?" นางถามอย่างระมัดระวัง

ชายหนุ่มยิ้มเย็นและก้าวเข้ามาใกล้...

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • จิ้งจอกเก้าหาง   29

    ไป๋ผิงและไป๋เฉินเริ่มเดินทางไปยังจุดหมายเดียวกัน: หุบเขาตำนานที่ซ่อนหัวใจแห่งเผ่าจิ้งจอก สมบัติลึกลับที่เชื่อกันว่าสูญหายไปเมื่อหลายพันปีก่อน...ผู้ใดที่ค้นพบและควบคุมหัวใจแห่งเผ่าจิ้งจอกได้ จะได้รับพลังอันไร้ขีดจำกัดจากจิ้งจอกพันปี ซึ่งสามารถต้านทานอันตรายใดๆ ได้ แม้แต่มือที่อันตรายของมนุษย์ล่าจิ้งจอกบนหลังจิ้งจอกขาวตัวใหญ่ที่ได้กลายเป็นพาหนะพิเศษของนาง ไป๋ผิงนั่งอยู่ ขณะที่ไป๋เฉินเดินเคียงข้างนาง และคอยตรวจสอบรอบด้านอย่างระมัดระวัง“เจ้ามั่นใจหรือไม่ว่านี่คือลู่ทางที่ถูกต้อง?” ไป๋เฉินถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ ดวงตาคมจับจ้องไปที่เส้นทางข้างหน้า“หัวใจของเผ่าจิ้งจอก... มันกำลังเรียกข้ามาในใจข้า” ไป๋ผิงตอบด้วยความมั่นใจ แต่ดวงตาของนางดูเหมือนกำลังครุ่นคิดฉึก!เสียงลูกศรพุ่งผ่านหูของไป๋เฉินดังขึ้นอย่างกะทันหัน ก่อนที่จิ้งจอกขาวจะคำรามอย่างดุดัน และอากาศก็ลอยมากับกลิ่นเลือดจางๆ“กับดัก” ไป๋เฉินขบกรามแน่น ก่อนจะพุ่งตัวขึ้นไปยังต้นไม้เพื่อโจมตีศัตรูที่ซ่อนตัวอยู่ศัตรูมีจำนวนไม่น้อย แต่ทุกคนสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าและถืออาวุธแปลกๆ ที่ไม่ใช่เวทมนตร์หรืออาคม แต่กลับมีพลังที่น่าประหลาดใจ“มนุษย์ล่า

  • จิ้งจอกเก้าหาง   27

    เมื่อไป๋ผิงและพี่ชายต่างแม่กลับมาที่ห้องพัก พี่ชายของเธอซึ่งบาดเจ็บอย่างหนักจากการต่อสู้กับนักล่าจิ้งจอก เริ่มพูดถึงเรื่องราวที่เขาไม่เคยบอกใครมาก่อน แม้ว่าดวงตาของเขาจะยังคงเปล่งประกาย แต่มันกลับดูหม่นหมองราวกับปีกของมังกรในความมืด"ไป๋ผิง.." พี่ชายของนางตอบกลับด้วยเสียงเบา ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยแผลเป็นและร่องรอยแห่งความทุกข์ยาก "คนที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดนี้... คือ นักล่าจิ้งจอกที่เราเพิ่งต่อสู้เมื่อครู่"คำพูดของเขาทำให้ไป๋ผิงตกใจ หัวใจของนางเต้นรัวเมื่อนางรับรู้ถึงพลังใหม่ที่จะเข้ามาในชีวิตของนางผ่านการต่อสู้และความทุกข์ยากเช่นที่ผ่านมา"นักล่าจิ้งจอก?" ไป๋ผิงกล่าวด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ "แต่ทำไมเขาถึงทำเช่นนี้?"พี่ชายของนางหายใจลึกและหลับตาลง เขาเล่าเรื่องราวที่ถูกซ่อนเอาไว้อย่างช้าๆ"มานานมากแล้ว... มีคนลึกลับพยายามทำลายเผ่าจิ้งจอกของเรา เขาคือคนที่มีพลังมืดและควบคุมจิตวิญญาณของสัตว์และมนุษย์บางชนิดให้ทำตามคำสั่ง บังคับพวกมันให้กระทำการทารุณต่อเผ่าของเรา... มันไม่ใช่แค่การล่าจิ้งจอก เขาต้องการทำลายเผ่าของเราทั้งหมดเพื่อยึดครองพลังของเราและใช้มันในการครองโลก..."ไป๋ผิ

  • จิ้งจอกเก้าหาง   26

    ข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมือง ภายในเวลาไม่กี่วัน เรื่องราวในป่าก็กลายเป็นหัวข้อสนทนาไปทั่ว บอกกันปากต่อปากว่า พี่ชายต่างมารดาของไป๋ผิง ถูกไป๋ผิงกับไป๋ผิงสังหาร ทุกคนต่างพากันเห็นใจแม้แต่ในเผ่าจิ้งจอกเอง ข่าวการตายของพี่ชายต่างสายเลือดก็ยังเป็นที่พูดถึงกันเบา ๆ แต่ไม่มีใครรู้ความจริงว่า เขายังมีชีวิตอยู่ และถูกซ่อนไว้อย่างลับ ๆ ณ ที่แห่งหนึ่งไป๋ผิงยืนอยู่ข้างเตียงไม้ในห้องใต้ดินมืดมิดและเงียบงัน ร่างของพี่ชายต่างมารดานอนแน่นิ่งอยู่บนนั้น ใบหน้ายังคงซีดเซียวราวคนตายจากบาดแผลสาหัส แต่ร่างกายเริ่มตอบสนองต่อการรักษา ลมหายใจเริ่มสม่ำเสมอขึ้นช้า ๆ“พี่... พี่ยังไม่ตาย…” น้ำเสียงของไป๋ผิงสั่นเครือและขาดห้วง ข่าวลือต่าง ๆ ก้องอยู่ในหัว นางเต็มไปด้วยความกลัวและความเศร้าพี่ชายต่างมารดาค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาแดงช้ำยังเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและเสียใจ เขายิ้มอ่อน ๆ ให้นาง “ข้า... ไม่คิดเลยว่าจะมีใครเป็นห่วงข้าขนาดนี้…” เขาพูดเบา ๆ ราวเสียงกระซิบไป๋ผิงทรุดลงคุกเข่าข้างเตียง จับมือเขาไว้อย่างแผ่วเบา “อย่าพูดแบบนั้น... ข้ายังตัดสินใจไม่ได้... ข้ายังไม่อยากเสียพี่ไป” เสียงของนางเจือด้วยความเจ็บปวดแล

  • จิ้งจอกเก้าหาง   25

    ทันใดนั้น มืออุ่นๆ หนึ่งข้างยื่นออกมาและจับข้อมือของนาง เมื่อนางหันกลับไป ก็พบกับดวงตาคมกริบของไป๋จื้อเหวิน ที่แวบหนึ่งมีแสงแปลกๆ ส่องประกายออกมา "เจ้า..." ไป๋ผิงยังไม่ทันพูดจบก็รู้สึกถึงแรงดึงที่เบาๆ ร่างของเธอถูกดึงไปข้างหน้า และทันใดนั้นก็ได้รับจูบอันร้อนแรงและเร่งด่วนบนริมฝีปาก ซึ่งทำให้นางประหลาดใจ ดวงตาของไป๋ผิงเบิกกว้าง หัวใจเต้นระรัวเหมือนกลองรบ นางพยายามจะถอยหนี แต่ก็รู้สึกถึงมือเหล็กที่ยึดรอบเอวของเธอแน่นหนา จูบนี้... ไม่ใช่จูบที่เร่งรีบ แต่กลับลึกซึ้งและยืนยันเหมือนเขาต้องการกลืนกินนางทั้งหมด หมอกเย็นจากน้ำตกพัดมาเปียกผมของพวกเขาและทำให้ผิวหนังเย็นลง เหมือนกับว่าพวกเขากำลังอยู่ในความฝัน แม้แค่การกระทำสองอย่างนี้ ความอ่อนโยนและความหลงใหลของไป๋เฉินก็ชัดเจน เขาพูดติดขัดเล็กน้อยก่อนจะกระซิบข้างริมฝีปากของนาง"อย่าหนีจากข้าอีก... ไป๋ผิง" เสียงลึกของเขาก้องอยู่ในใจของนาง รู้สึกเหมือนร่างกายของนางไม่มีน้ำหนักอะไรเลย ภาพของความใกล้ชิดที่สวยงามและเจ็บปวด มือที่พยายามผลักเขาออกกลายเป็นการจับเสื้อผ้าของเขาแน่นขึ้น ไป๋เฉินจ้องมองนาง แล้วก้มลงไปเพื่อจูบอีกครั้ง ครั้งนี้... มันลึ

  • จิ้งจอกเก้าหาง   23

    ไป๋เฉินและไป๋ผิงเดินเล่นในสวนดอกไม้ที่เบ่งบานเต็มที่ นางไม่ได้ทันสังเกตด้วยซ้ำว่าตนกำลังยิ้มโดยไม่มีเหตุผล สิ่งแวดล้อมรอบข้างสงบเงียบมีเพียงเสียงลมโชยเบา ๆ กับเสียงฝีเท้าแผ่วเบาที่ร่วมขับเคลื่อนการเดินทางของทั้งสองแต่แล้ว"อ๊ะ!"ไป๋ผิงสะดุดรากไม้ที่โผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน นางเซล้มไปข้างหน้า ในเสี้ยววินาทีก่อนจะร่วงถึงพื้น ร่างสูงข้างกายนางคว้าข้อมือไว้ทันควันร่างของนางถูกดึงเข้ามาแนบอกแข็งแรงของไป๋เฉิน ใบหน้าของนางเกือบจะซุกแนบอกเขาเต็ม ๆ ดวงตาตกตะลึงของนางเงยขึ้นสบกับสายตาคมกริบที่จ้องตอบมาอย่างตรงจุดใกล้เกินไปแล้ว!นางผงะถอย สีหน้าแดงซ่าน หัวใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกจากอก นางกระพริบตาถี่ ๆ พยายามตั้งสติ แต่ทำได้ยากเมื่อรอยยิ้มเอียง ๆ ของไป๋เฉินอยู่ใกล้แค่ปลายจมูก"ระวังเท้าด้วย" เขากล่าวเสียงต่ำไป๋ผิงเม้มปากหันกลับไป แต่ไม่ทันแล้วแก้มทั้งสองข้างของนางแดงระเรื่อไปหมด!ไป๋เฉินหัวเราะเบา ๆ "หน้าแดงหรือ?""...ข้าไม่ได้หน้าแดงนะ!" นางโพล่งออกมาอย่างรวดเร็ว พยายามยืดตัวให้ตรงแต่ก็สายไปแล้วล่ะเขาโน้มตัวเข้าใกล้ กระซิบข้างหูด้วยเสียงพร่าแผ่ว แฝงแววหยอกล้อ "จริงหรือ"ไป๋ผิงสะดุ้ง ปัดมือเขาออ

  • จิ้งจอกเก้าหาง   21

    พวกเขาสร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความใกล้ชิดและความรัก ไป๋ผิงไม่เคยรู้สึกถึงความอบอุ่นและความเชื่อมโยงเช่นนี้มาก่อน ท่วงท่าของพวกเขาเล่าเรื่องราวของความเชื่อใจ ความรัก และพลังร่วมกัน “ค่ำคืนนี้ ข้าอยากเก็บช่วงเวลานี้ไว้ในความทรงจำของชีวิตตลอดไป” ไป๋ผิงคิดพลางยิ้มให้ไป๋จวี้อี้ คืนนั้น ทุกคนในเผ่าจิ้งจอกต่างเต้นรำด้วยความสุข ทุกจังหวะ ทุกการเคลื่อนไหว สื่อถึงความเข้มแข็งของสายสัมพันธ์ ความเป็นหนึ่งเดียวที่ไม่มีสิ่งใดทำลายได้ เมื่อพิธีเลี้ยงสิ้นสุดลง ไป๋ผิงเดินกลับที่พักเพียงลำพัง ห่างไกลจากเสียงหัวเราะและดนตรีที่ค่อย ๆ เลือนหาย ภายใต้แสงโคมที่นุ่มนวล นางเดินเข้าสู่ห้องของตนอย่างเงียบงัน เสียงฝีเท้าเบา ๆ บนพื้นไม้สะท้อนเป็นเสียงก้องจาง ๆ ไป๋ผิงเข้าสู่บ้าน แม้จะเงียบสงบแต่พลังและความสุขจากงานเฉลิมฉลองยังอุ่นอยู่ในอก ความเหนื่อยล้าเริ่มเข้ามาแทรก แต่ก็ไม่อาจเทียบกับความรู้สึกพิเศษที่กำลังพลุ่งพล่านในใจ นางทิ้งตัวลงบนหมอน ปล่อยใจให้ล่องลอยผ่านภาพงานเลี้ยง การเต้นรำกับไป๋เฉิน และทุกสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างช่วงเวลานั้น ขณะที่นางกำลังครุ่นคิดถึงอดีต ไป๋เฉินก็เดินเข้ามาเงียบ ๆ เขายืนอยู

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status