"ได้สิ! คราวนี้ฉันมาหานายเพราะเรื่องอื่น""พี่หงพูดมาเลย! ตราบใดที่ฉันทำได้ ฉันจะทำให้ดีที่สุดอย่างแน่นอน""เมื่อกี้ฉันกำลังตรวจสอบร่างกายของฉันอยู่ พบว่าไม่รู้ว่ามีคนฝังเมล็ดพันธุ์ทางจิตวิญญาณในร่างกายของฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ ด้วยความแข็งแกร่งทางจิตวิญญาณในปัจจุบัน ฉันไม่มีความสามารถที่จะกำจัดมันออกไป ดังนั้นฉันหวังว่านายจะใช้พลังจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งของนาย เพื่อช่วยฉันกำจัดมันออกไป""เมล็ดพันธุ์ทางจิตวิญญาณถูกฝังโดยเผ่าพันธุ์อื่นหรือเปล่า? เป็นใคร? จุดประสงค์ของคืออะไร?" หลินตงถามด้วยความสับสนแม้ว่าตอนนี้เขาจะมีพลังจิตวิญญาณที่แข็งแกร่ง แต่ความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับพลังจิตวิญญาณยังอยู่ในขั้นพื้นฐานที่สุดในอดีต เขาใช้พลังจิตวิญญาณ เพื่อรุกรานจิตใจของผู้อื่นและควบคุมความเป็นและความตาย"ฉันไม่รู้ว่าใครทำ แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายมีเจตนาดี โดยมีจุดประสงค์คือเพื่อติดตามฉัน" ไป๋หลี่เหยียนหงตอบ"แล้วฉันควรทำยังไงดี?""นายเพียงแค่ต้องปลดปล่อยพลังจิตวิญญาณอันทรงพลังออกมา ทำตามคำแนะนำของพลังจิตวิญญาณของฉัน ไปถึงตำแหน่งของเมล็ดพันธุ์จิตวิญญาณในร่างกายของฉัน แล้วห่อหุ้มมันไว้ จากนั้นนำมันออกจาก
นอกจากความแข็งแกร่งทางจิตวิญญาณที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าแล้วไป๋หลี่เหยียนหงยังค้นพบเมล็ดพันธุ์ทางจิตวิญญาณที่ซ่อนอยู่ลึกๆ ภายในร่างของเธอเองอีกด้วยหากไม่มีพลังจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งขึ้นมาก เธอก็คงจะไม่สังเกตเห็นมันเลยเพราะเธอไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อนในตอนแรก ไป๋หลี่เหยียนหงคิดว่าเป็นของอาจารย์ที่ทิ้งเอาไว้เมื่อสัมผัสเมล็ดพันธุ์ทางจิตวิญญาณนี้ เธอรู้สึกถึงกลิ่นอายบนนั้น ซึ่งไม่ใช่ของอาจารย์ของเธอเลยไป๋หลี่เหยียนหงรู้สึกสับสนมากเนื่องจากไม่ใช่อาจารย์ ใครจะทิ้งเมล็ดพันธุ์ทางจิตวิญญาณไว้ในร่างกายของตัวเธอกันชัดเจนว่ามีจุดประสงค์ เพื่อเฝ้าติดตามเธอและจากเมล็ดพันธุ์ทางจิตวิญญาณนี้ ไป๋หลี่เหยียนหงก็สัมผัสได้ถึงพลังทางจิตวิญญาณอันแข็งแกร่งของเจ้าของ ซึ่งหมายความว่าความแข็งแกร่งของบุคคลนี้ควรจะแข็งแกร่งมากเช่นกันมีตัวตนประหลาดในจักรวาล อย่างหลินตงซึ่งมีพลังจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งแต่มีพละกำลังที่อ่อนแอ นั้นหาได้ยากมากในช่วงเวลากว่าพันปีที่ผ่านมา ไป๋หลี่เหยียนหงได้เจอหลินตงเพียงคนเดียว และไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อนด้วยซ้ำแม้แต่ในบันทึกประวัติศาสตร์ของนิกายแก้วเจ็ดแสง ก็ไม่มีการกล
ยังมีซีเหมินฟู่กุ้ย ปรมาจารย์ที่มีพลังเหนืออาณาจักรนิรันดร ที่ต้องการคำตอบที่ชัดเจนจากเธออาจกล่าวได้ว่าหลินตงทำให้เธอได้รับอันตรายอย่างใหญ่หลวงแม้ว่านี่จะไม่ใช่ความผิดของไป๋หลี่เหยียนหง และไม่อยู่ในการควบคุมของเธอแต่เธอก็มีปัญหาที่ไม่อาจอธิบายได้สิ่งเดียวที่เธอทำได้คือกลืนยาเม็ดขมอย่างเงียบๆและถ้าซีเหมินฟู่กุ้ยได้รู้ว่า หลินตงคือหัวขโมยที่ฉกผู้หญิงของเขาหลินตงต้องเผชิญคือความโกรธของปรมาจารย์ที่มีพลังเหนืออาณาจักรนิรันดรด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของหลินตง ซึ่งอยู่ในอาณาจักรนิรันดรระดับเซียนเดินดินนั้น ต่ำต้อยเกินกว่าจะอยู่ใกล้ๆแม้ว่าเขาจะมีระบบ ก็ไม่สามารถรับมืออีกฝ่ายได้เว้นแต่ว่าหลินตงจะได้รับเวลาในการเติบโต เขาก็จะมีโอกาสแต่อีกฝ่ายจะให้โอกาสเขาเติบโตเหรอ?ไม่น่าจะเป็นไปได้............ไป๋หลี่เหยียนหงขมวดคิ้วเล็กน้อย หลังจากตรวจสอบสภาพร่างกายของตัวเองในห้องตั้งแต่ช่วงเวลาที่เธอผสานจิตวิญญาณครั้งแรกกับหลินตง เมื่อร่างเสน่ห์ถูกปลุกขึ้นมาเธอทำทุกวิถีทาง เพื่อระงับความปรารถนาอันล้นหลามที่เกิดจากการตื่นขึ้นของร่างเสน่ห์ดังนั้น เธอจึงไม่มีพลังงานเพียงพอที่จะใส
ซีเหมินฟู่กุ้ยกำลังเตรียมตัวออกจากดินแดนทิศซีเหมิน และมุ่งหน้าสู่ดินแดนแก้วเจ็ดแสง เขาต้องการคำอธิบายจากนิกายแก้วเจ็ดแสงอย่างไรก็ตาม ซีเหมินฟู่กุ้ยก็เป็นตัวตนที่มีพลังเหนืออาณาจักรนิรันดร แม้แต่ในอาณาจักรนิรันดร เขาก็เป็นของบุคคลที่มีอำนาจและอิทธิพลเขาแสดงความรักต่อไป๋หลี่เหยียนหงต่อหน้าสาธารณชนมากกว่าหนึ่งครั้ง ถึงกับระบุว่าเขาต้องการให้เธอเป็นภรรยาหลวง แต่ทุกครั้ง เขาก็ถูกทั้งไป๋หลี่เหยียนหงและนิกายแก้วเจ็ดแสงปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใยตอนนี้ ถ้าไป๋หลี่เหยียนหงกลับมาและมีข่าวลือแพร่สะพัดว่า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป ชื่อเสียงของซีเหมินฟู่กุ้ยจะเป็นอย่างไร? แล้วหน้าตาของตระกูลซีเหมินล่ะ?ไป๋หลี่เหยียนหงปฏิเสธเขา แต่กลับถูกคนอื่นพรากความบริสุทธิ์ไปหลังจากออกจากอาณาจักรได้ไม่นาน นั่นไม่ใช่การลากทั้งเขาและตระกูลซีเหมินมาตบหน้าท่ามกลางสาธารณชนเหรอ?ในฐานะผู้มีอำนาจสูงสุดในอาณาจักรดวงดาว หากคำพูดยังไม่น่าเชื่อถือ แล้วจะให้เชื่อถืออะไรได้อีก?ซีเหมินฟู่กุ้ยคิดว่านิกายแก้วเจ็ดแสงคงยังไม่รู้เรื่องนั้นแต่ก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ สิ่งที่สำคัญคือนิกายแก้วเจ็ดแสงและไป๋หลี่เหยียนหงไม่รักษาคำพูด
พริบตาเดียว เวลาก็ผ่านไปกว่าพันปีแล้วแต่ซีเหมินฟู่กุ้ยยังคงเหมือนเดิมทุกประการถ้าไป๋หลี่เหยียนหงไม่ได้มาจากนิกายแก้วเจ็ดแสงเขาคงใช้กำลังบังคับไปตั้งนานแล้วน่าเสียดายที่นิกายแก้วเจ็ดแสง ไม่ใช่สิ่งที่ตระกูลซีเหมินจะยั่วยุได้ในเมื่อซีเหมินฟู่กุ้ยยังครอบครองไป๋หลี่เหยียนหง เขาก็ไม่ยอมให้ชายหน้าไหนแตะต้องผู้หญิงที่ตัวเองรักแม้แต่ปลายผมดังนั้นตอนที่เจอกับไป๋หลี่เหยียนหง เขาจึงแอบทำบางอย่างร่างกายของเธอเมื่อไป๋หลี่เหยียนหงกับหลินตงผสานจิตวิญญาณโลกจิตวิญญาณมายาครั้งแรก ซีเหมินฟู่กุ้ยจึงรู้แล้วและนี่เป็นครั้งที่สองซีเหมินฟู่กุ้ยจะทนกับสิ่งนี้ได้อย่างไร?ผู้หญิงที่ปกป้องตัวเองมาเป็นเวลาพันกว่าปี กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งงดงามและให้ใจเต้นไหว ทำให้ผู้คนหลงจนถอนตัวไม่ขึ้นสุดท้ายก็ถูกชายคนอื่นพรากไปในฐานะผู้ชาย แถมยังเป็นชายที่มีพลังเหนืออาณาจักรนิรันดรด้วยแล้วซีเหมินฟู่กุ้จะกล้ำกลืนความขื่นขมนี้ไปได้อย่างไรเขาไม่สามารถยั่วยุนิกายแก้วเจ็ดแสงได้เพราะฉะนั้นจึงทำได้แค่ระบายความโกรธไปที่ผู้ชายคนนี้เท่านั้น"ไอ้สารเลว! ไม่ว่าแกจะเป็นใครก็ตาม! ฉันจะต้องจับแกให้ได้อย่างแน่นอ
ณ อาณาจักรดวงดาวนี่คือบ้านเกิดของทั้งไป๋หลี่เหยียนหงและเฉินจิงจื่อหานอาณาจักรดวงดาวเป็นอารยธรรมระดับที่ 7อย่าคิดว่า อารยธรรมระดับที่ 6 กับ 7 ต่างกันแค่ 1 ระดับแต่ความจริง มีช่องว่างของความต่างระหว่างราวกับสวรรค์และโลกมันไม่ใช่แค่เรื่องของ 1 ระดับเท่านั้น แต่เป็นเส้นแบ่งระหว่างอารยธรรมระดับกลางและอารยธรรมระดับสูงการข้ามเส้นแบ่งนั้นยากกว่าการทีปรมาจารย์อาณาจักรจักรวาลจะก้าวเข้าสู่อาณาจักรนิรันดรมาก ด้วยจำนวนที่มากมายลองนึกดูสิ หลังจากผ่านไปหลายปี แม้แต่กาแล็กซีทางช้างเผือกก็ยังไม่มีปรมาจารย์อาณาจักรนิรันดรแม้แต่คนเดียว นั่นเพียงอย่างเดียวก็แสดงให้เห็นว่าการที่อารยธรรมระดับกลางจะก้าวขึ้นสู่อารยธรรมระดับสูงนั้นยากเพียงใดอาณาจักรดวงดาวนั้น แตกต่างไปจากอารยธรรมระดับกลางถึงอารยธรรมระดับต่ำ เช่นกาแล็กซีทางช้างเผือกหรืออสูรกาแล็กซีโดยพื้นฐานไม่เพียงแต่มีดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ กลาง และเล็กเท่านั้น แต่แผ่นดินที่ลอยอยู่ในห้วงอวกาศแผ่นดินลอยฟ้าเหล่านี้ล้วนถูกยึดครองโดยกองกำลังขนาดใหญ่ สถานที่สำหรับดำรงเผ่าพันธุ์เฉพาะกองกำลังขนากใหญ่เท่านั้นที่จะได้รับสิทธิ์ในการใช้แผ่นดินลอยฟ้าเป็
ความท้าทายที่สอง คือการก้าวข้ามอาณาจักรนิรันดรไปยังอาณาจักรถัดไประดับนี้จะหยุดพลังของอาณาจักรนิรันดรได้มากกว่า 99%ยากที่จะบอกว่าไป๋หลี่เหยียนหงสามารถก้าวข้ามไปได้หรือไม่แม้ว่าจะเป็นไปได้ก็ตาม!นั่นจะเป็นอีกหลายพันหรือหลายหมื่นปีต่อมาต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ ไม่มีใครรู้แน่ชัดแต่เวลาที่ใช้ในการบำเพ็ญเพียร ก็ไม่มีทางเร็วเท่าความปรารถนาในร่างเสน่ห์อย่างแน่นอนยิ่งร่างเสน่ห์ตื่นเร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งควบคุมและแก้ไขได้ง่ายขึ้นเท่านั้นยิ่งตื่นขึ้นช้าเท่าไร ก็ยิ่งยากขึ้นเท่านั้นตอนนี้ไป๋หลี่เหยียนหงเป็นราชันย์อมตะแล้ว ซึ่งถือว่าช้ามากดังนั้นพลังที่ถูกกระตุ้นโดยร่างเสน่ห์ของเธอจึงค่อนข้างมหาศาลเช่นกันด้วยพลังของเธอเอง การควบคุมจึงค่อนข้างยากจริงๆ แล้วมีวิธีที่ง่ายกว่านั้นนั่นหมายถึงการมีผู้ชายอย่างหลินตงอยู่เคียงข้างตลอดเวลาเพียงตรวจพบสัญญาณแรก ก็ต้องรีบผสานจิตวิญญาณเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างสมดุลของหยินและหยางแต่อย่างไร ก็เป็นแค่การแก้ปัญหาที่ปลายเหตุโดยสรุป วันข้างหน้าสำหรับไป๋หลี่เหยียนหงอาจไม่ง่ายนักสิ่งที่เธอจะต้องเผชิญไม่ใช่แค่การทรมานทางร่างกายนอกจากนี้ยังจะมีแรงก
ไป๋หลี่เหยียนหงรู้ว่า การไม่ยอมให้หลินตงเนื้อแนบเนื้อกับคนรักตัวเขาเป็นเรื่องที่ขอมากเกินไปแต่เธอก็ไม่มีทางเลือกเช่นกันไม่ง่ายเลยที่จะควบคุมมันได้ชั่วคราว และเธอไม่ต้องการให้มันย้อนกลับมาอีกในชั่วพริบตาเดียวสถานการณ์ปัจจุบันเป็นสิ่งที่ไป๋หลี่เหยียนหงไม่เคยคาดคิดตั้งแต่สมัยเด็ก อาจารย์บอกเธอเสมอว่า เธอไม่สามารถมีคู่ครองได้ ไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นๆไม่อย่างนั้นมันจะไม่เพียงแต่ทำร้ายอีกฝ่ายเท่านั้น แต่ยังทำร้ายตัวเองด้วยไป๋หลี่เหยียนหงเคยหวั่นไหวกับใครบางคนครั้งหนึ่ง ตอนที่ยังเด็กสาวที่ไร้เดียงสา จากนั้นก็ถูกอาจารย์จับได้ และตัดทิ้งทันทีหลังจากนั้น เธอไม่เคยคิดเรื่องนี้อีกเลยและอุทิศตนอย่างเต็มที่ในการฝึกฝนเดิมที ไป๋หลี่เหยียนหงคิดว่า ตัวเองจะไม่สามารถมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ชายอีกเลยในช่วงชีวิตนี้เธอไม่คาดคิดว่า เมื่อมาถึงอารยธรรมระดับต่ำ และพบกับหลินตง คนที่พลังต่อสู้ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ต่ดันมีจิตวิญญาณแข็งแกร่งผิดธรรมชาติซึ่งท้ายที่สุดแล้วนำไปสู่ผลลัพธ์ดังกล่าวในเวลาเดียวกัน แผนการบำเพ็ญเพียรที่อาจารย์เธอวางไว้อย่างตั้งใจ ก็ถูกทำให้เละเทะตอนนี้เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะอธิบายกับ
แต่พอคิดทบทวนอีกครั้ง เธอก็ยังไม่สามารถทำให้หลินตงเห็นร่างเปลือยเปล่าของเธอได้นั่นเป็นเหตุผลที่เธอให้หลินตงหลับตาและเป็นผู้นำ"ต่อไป หลินตง... อย่าพูด อย่าลืมตา แค่ปล่อยใจไปกับสัมผัสก็พอแล้ว" เสียงกระซิบของไป๋หลี่เหยียนหงเต็มไปด้วยแรงเย้ายวนเกินต้านทันทีที่หลินตงเปิดปาก เขาก็ถูกริมฝีปากสีแดงของไป๋หลี่เหยียนหงปิดผนึกทันที"อืม... " หลินตงส่งเสียงครางอย่างมีความสุขจากนั้นเขาก็ค่อยๆ วางมือของเขาไว้ด้านหลังไป๋หลี่เหยียนหงและกอดเธอการเคลื่อนไหวของพวกเขารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และมือของหลินตงก็เริ่มกระสับกระส่ายในที่สุด หลินตงก็ล้มลงบนเตียงสีแดงด้วยความช่วยเหลือของไป๋หลี่เหยียนหงหลินตงหลับตาและอยู่ในฝ่ายที่นิ่งเฉยอย่างสมบูรณ์ในทางกลับกัน ไป๋หลี่เหยียนหงก็เหมือนกับราชินีทันทีที่ไป๋หลี่เหยียนหงส่งเสียงครางเบาๆ ความปรารถนาในร่างกายของเธอก็ปะทุออกมาในโลกจิตวิญญาณมายามันอาละวาดไปทั่วร่างลวงตาทางจิตวิญญาณของพวกเขา ราวกับกำลังดิ้นรนหลุดออกมาณ จุดนี้ พลังจิตวิญญาณอันมหาศาลของหลินตงก็เข้ามามีบทบาทไม่ว่าความปรารถนาจะรุนแรงเพียงใด ก็ไม่สามารถทำลายร่างกายทางจิตวิญญาณของทั้งสองได้ค่อย