Share

บทที่ 2

Penulis: คุณชายสายฝน
โจวซือเหย่เคยชินและชอบที่เจียงซู่เป็นคนที่ว่านอนสอนง่าย เชื่อฟังคำเขามาโดยตลอด การที่เธอแสดงท่าทีต่อต้านไม่เหมือนดั่งเก่าอย่างกระทันหันเช่นนี้ จึงทำให้เขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก

เจียงซู่รู้สึกเหมือนตัวเองหาเรื่องใส่ตัว ถามคำถามที่ตัวเองนั้นรู้คำตอบอยู่แก่ใจอยู่แล้ว และยังจะทำให้ตัวเองรู้สึกอับอายอีก

คนเราเมื่ออ่อนแอลง มักจะรู้สึกน้อยใจได้ง่าย สิ่งต่าง ๆ ที่เก็บซ่อนไว้ในใจ มันเริ่มจะกลั้นไว้ไม่อยู่ ควบคุมไม่ได้ เจียงซู่มองหน้าเขาอย่างไม่หลบสายตา และพูดต่อว่า “วันนี้เป็นวันครบรอบแต่งงานห้าปีของเรา”

สิ้นเสียงของอีกคน โจวซือเหย่ถึงกับยืนอึ้ง เขาลืมเรื่องนี้ไปจริง ๆ

เมื่อเห็นสีหน้าของเขาตอนนี้ ก็ไม่มีอะไรให้ต้องพูดต่ออีกแล้ว

จริง ๆ การที่เขาจำไม่ได้มันก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะอย่างไรเสีย ในปีนั้นตัวเธอก็แต่งงานกับไก่ตัวผู้

โจวซือเหย่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบลง “เดี๋ยวชดเชยให้ทีหลัง”

คำตอบของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าทำให้เธอใจเย็นลง

เรื่องมันก็ดำเนินมาถึงตอนนี้แล้ว เธอจึงไม่อยากจะทะเลาะอะไรกับเขาอีก เจียงซู่จึงเป็นคนเลือกการจบบทสนทนานี้โดยการ “พรุ่งนี้ไปทำเรื่องหย่ากันเถอะ”

เมื่อเขาได้ยินเธอยังคงพูดถึงเรื่องหย่าขึ้นมาอีกครั้ง ก็ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจและพูดเสียงต่ำว่า “พอได้แล้ว คำพวกนั้นผมไม่อยากได้ยินมันเป็นรอบที่สาม”

ถ้าเป็นปกติตัวเธอในเมื่อก่อน เมื่อเห็นว่าเขามีสีหน้าท่าทีไม่พอใจ ก็จะยอมทำตามใจเขาทุกครั้ง แต่ไม่ใช่กับครั้งนี้ เจียงซู่ไม่อ่อนข้อให้เขาแล้ว “ฉันไม่ได้ล้อคุณเล่นนะ”

ทันทีที่คำพูดนั้นถูกเอ่ยขึ้นมา อากาศในห้องราวกับถูกดูดจนไม่เหลือ พวกเขาทั้งคู่แทบจะหยุดหายใจ

ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์ของโจวซือเหย่ดังขึ้น ภายในห้องที่เงียบสงัดทำให้เขาได้ยินเสียงสะอื้นร้องไห้ในลำคอของเวิงอี๋เล็ดรอดออกมาจากปลายสาย

“ซือเหย่ ฉันล้มในห้องน้ำ เหมือนข้อเท้าจะพลิก...”

โจวซือเหย่ไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจบ เขาก็ตอบกลับในทันที “พี่ไปหาเดี๋ยวนี้”

เมื่อวางสายเขาพลิกตัวลุกออกไปจากเตียงทันทีทันใด

หลังจากลุกออกจากเตียง โจวซือเหย่ก็ไม่หันมามองเจียงซู่อีกแม้แต่หางตา ท่าทีของเธอในคืนนี้ทำให้เขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขาเลยตั้งใจทิ้งให้เธออยู่อย่างนั้น

เมื่อเห็นว่าร่างสูงของอีกคนกำลังจะเดินออกไป ในใจเจียงซู่อยากจะคว้าตัวเขา รั้งไว้ไม่ให้ไปเหลือเกิน แต่เธอทำได้แค่กระตุกนิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะหักห้ามใจไว้ได้ในที่สุด

เสียงเครื่องยนต์จากข้างล่างดังขึ้น เป็นสัญญาณบอกว่าเขาได้ออกไปแล้ว

เจียงซู่ได้แต่ขดตัวบนเตียง ใบหน้าของเธอค่อย ๆ จมลงไปในผ้าห่ม

.......

เช้าวันถัดมา เวลาเจ็ดโมงครึ่ง เจียงซู่ถูกปลุกขึ้นด้วยจังหวะที่คุ้นเคยในทุกเช้า

เธอลุกขึ้นนั่งบนเตียงตั้งใจจะลงไปข้างล่างเตรียมอาหารเช้าให้โจวซือเหย่ แต่ร่างกายเธอก็หยุดชะงักแข็งทื่อขึ้นทันที ดูเหมือนว่าเธอจะต้องปรับเปลี่ยนนิสัยความเคยชินที่ทำมาตลอดห้าปีแล้ว

เธอหยิบกระเป๋าเดินทางออกมาพร้อมกับเก็บทรัพย์สินของมีค่าต่าง ๆ รวมถึงของจำเป็นลงกระเป๋า สร้อยคอเงินทองที่อยู่ในกระเป๋าพวกนั้นล้วนแล้วคือโจวซือเหย่ซื้อให้กับเธอทั้งนั้น

ตลอดห้าปีของการแต่งงาน ถึงแม้เธอจะไม่ได้รับความรักเลยแม้แต่นิด แต่ในเรื่องของสิ่งของต่าง ๆ โจวซือเหย่ก็ไม่เคยปล่อยให้เธอขาดมือ

ถ้าเวิงอี๋ไม่เข้ามาปรากฏตัวในชีวิตของพวกเขา บางทีเธออาจจะยังคงอยู่ต่อไป

แต่ในเมื่อการแต่งงานนี้มันไม่มีทั้งความรักและความซื่อสัตย์ งั้นเธอจะประคองความสัมพันธ์ต่อไปอย่างไง จะเอาอะไรมาหลอกตัวเองต่อไปอีก?

ป้าเฉินเมื่อเห็นเจียงซู่หิ้วกระเป๋าเดินทางลงมาจากชั้นบนจึงถามด้วยความสงสัยว่า “คุณผู้หญิงจะไปดูงานนอกสถานที่เหรอคะ?”

เจียงซู่ทำท่าเห็นด้วยไปตามน้ำ และไม่ได้บอกว่าตัวเองกำลังจะย้ายออก ขืนเธอพูดออกไป รับรองได้เลยว่าข่าวจะไปถึงหูแม่สามีในวินาทีถัดไปอย่างแน่นอน

ถ้าแม่สามีรู้ขึ้นมา เขาจะต้องออกมาขัดขว้างยืนกร่านไม่ให้เธอไป แต่ไม่ใช่เพราะชื่นชอบในตัวเธอหรอกนะ แต่เป็นเพราะว่า ‘โชคลาภ’ ในตัวเธอต่างหากที่มีล้นหลาม จนแม่สามีคงไม่อยากจะเสียบุคคลที่นำโชคมาให้หรอก

เมื่อออกจากคฤหาสน์จิ่งหยวนได้เรียบร้อยแล้ว เธอตรงดิ่งไปยังเรือนหอของเธอก่อนจะจัดการของสัมภาระต่าง ๆ และออกไปหาเพื่อนสนิทของเธออย่างซานเหอทันที

“แกจะหย่าจริง ๆ เหรอ?”

เจียงซู่พยักหน้า “แกช่วยฉันเจรจาขอทรัพย์สินมาให้ได้มากที่สุด”

เธอไม่ได้มีเจตนาอยากแย่งชิงทรัพย์สินครอบครัวของโจวซือเหย่หรอก แค่เธอได้มาหนึ่งในห้าก็พอใจแล้ว

เพราะจริง ๆ แล้วเธอจะไม่เอาเงินก็ได้ แต่คุณย่าที่นอนป่วยอยู่โรงพยาบาลต้องการเงินเป็นจำนวนมาก

หากยึดตามหลักทางเหตุผล ไต้ซานเหอไม่เห็นด้วย เพราะไม่ว่าจะในด้านไหนโจวซือเหย่ก็ถือได้ว่าเป็นคู่แต่งงานที่สมบูรณ์แบบมากที่สุด

แต่เมื่อยึดความรู้สึกเป็นหลักแล้ว เธอก็พร้อมที่จะซัพพอร์ตเพื่อนอย่างไม่มีเงื่อนไข

ในเรื่องความรัก ใครตกหลุมรักใครก่อน คนนั้นเป็นผู้เสียเปรียบทันที

เพราะความหลงใหล จึงทำให้เธอถึงแม้รู้ตัวดีว่ามีสิทธิกลายเป็นหม้าย และอาจถึงขั้นต้องติดอยู่ในตระกูลโจวอย่างทุกข์ทรมานไปตลอดชีวิต เจียงซู่ก็ยังคงยินดีที่จะเป็นเจ้าสาวปัดเป่าโชคร้ายให้อย่างไม่ลังเล ไต้ซานเหอรู้ดีว่าเจียงซู่รักโจวซือเหย่มากแค่ไหน

จนถึง ณ เวลานี้ ที่เจียงซู่ต้องการหย่าล้าง เธอก็รู้ซึ้งถึงเหตุผลนั้นเช่นกัน

ไต้ซานเหอถ่มน้ำลาย “ชายโฉดหญิงชั่ว!”

เธอไม่สนหรอกว่าใครจะโฉดหรือใครจะชั่ว เจียงซู่ไม่อยากลงไป play ในเกมของทั้งคู่อีกต่อไป เธอขอเลือกที่จะหลีกทางและถอยออกมา

เมื่อเธอได้คุยกับไต้ซานเหอเสร็จเรียบร้อยแล้ว จากนั้นเธอก็กลับไปที่บริษัท

ตอนนี้เธอทำงานอยู่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบริษัทกั่งรุ่ย

ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของตระกูลโจว

ในตอนแรกแม่สามีจะให้เธอทำตำแหน่งผู้ช่วยโจวซือเหย่ โดยบอกว่าเธอจะได้คอยนำโชคมาให้ แต่โจวซือเหย่ไม่ยอม เพราะเหตุนี้ สุดท้ายเธอจึงต้องทำงานในตำแหน่งรองลงมา

ในเมื่อตั้งใจจะหย่ากันแล้ว เธอก็ไม่มีความจำเป็นที่จะทำงานที่นี่อีกต่อไป

เมื่อถึงบริษัท ใบขอลาออกก็อยู่ในกำมือของเธอแล้ว

หัวหน้าประหลาดใจกับการลาออกของเธอ

“ทำไมจู่ ๆ ถึงลาออก? ”

เจียงซู่ไม่ได้ตอบลงรายละเอียด “เหตุผลส่วนตัวค่ะ”

“คิดดีแล้วใช่ไหม? ”

“ค่ะ”

เจียงซู่เป็นคนเก่งและมีความสามารถ การลาออกของเธอจึงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก แต่ในเมื่อรั้งไว้ไม่อยู่ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะพูดรั้งอีกต่อไป

ในขณะที่เธอเริ่มขั้นตอนการลาออก เจียงซู่ก็เริ่มจัดการงานที่ค้างคาทั้งหมดเช่นกัน

เวลาเที่ยงตรง ณ โรงอาหารของบริษัท

ในขณะที่เธอกำลังรับประทานอาหารอยู่ จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงของเพื่อนร่วมงานดังขึ้นที่ข้างหู

“ทำไมท่านประธานโจวถึงมาทานข้าวที่โรงอาหารล่ะ? แล้วผู้หญิงที่อยู่อยู่ข้าง ๆ คือใครอ่ะ? ”

ได้ยินดังนั้น เจียงซู่จึงหันไปมองอัตโนมัติ เธอเห็นโจวซือเหย่กับเวิงอี๋อยู่ด้วยกันท่ามกลางหมู่คนมากมาย

“ฉันได้ยินมาว่าเธอคือผู้ช่วยคนใหม่ของท่านประธานโจว”

“ไม่เห็นจะเหมือนเลย”

เวิงอี๋พูดบางสิ่งบางอย่างขึ้นข้างหูโจวซือเหย่ จนทำให้อีกฝ่ายยกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย ความสนิทสนมของทั้งคู่เกินเลยคำว่าเจ้านายกับลูกน้องไปแล้ว

“ท่านประธานโจวแต่งงานแล้วไม่ใช่เหรอ เธอคือคุณผู้หญิงโจวหรือเปล่า?”

เจียงซู่จ้องมองไปที่พวกเขาอย่างไม่หลบสายตา

ในตอนที่เธอเข้ามาทำงานที่บริษัทวันแรก โจวซือเหย่กำชับย้ำเตือนตลอดไม่ให้เธอเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเธอ ซึ่งเธอเองก็เชื่อฟังและทำตามมาโดยตลอด

ดังนั้น จนมาถึงทุกวันนี้ ก็ไม่มีใครเคยรู้เลยว่าเธอคือคุณผู้หญิงโจว

“ฉันว่าก็เป็นไปได้นะ ไม่เคยเห็นท่านประธานโจวสนิทกับผู้หญิงคนไหนขนาดนี้มาก่อนเลย?”

ในตอนนั้นเอง เลขาหลู่ที่นำข้าวมาเสิร์ฟให้โจวซือเหย่เป็นคนหยิบตะเกียบยื่นให้กับเวิงอี๋ และเธอตอบรับการดูแลของอีกฝ่ายได้อย่างเป็นธรรมชาติ มองจากดาวอังคารก็ดูออกว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกอย่างแน่นอน

เจียงซู่กำมือที่ถือตะเกียบอยู่แน่นจนข้อนิ้วมือขาวซีด

เขาแต่งงานกับโจวซือเหย่มาห้าปี เป็นเขาตลอดที่ดูแลอีกฝ่าย เธอไม่เคยได้รับการดูแลแบบนั้นมาก่อนเลย

แท้จริงแล้วไม่ใช่ว่าเขาทำไม่เป็น แต่เป็นตัวเขาเองที่ไม่มีค่ามากพอที่จะได้รับมัน

“เจียงซู่ เป็นอะไรหรือเปล่า สีหน้าดูไม่ค่อยดีเลยนะ?”

ได้ยินดังนั้นเธอจึงรีบก้มหน้าเก็บซ่อนความรู้สึกในใจที่ออกมาทางดวงตา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นด้วยรอยยิ้มฝืน

“ไม่มีอะไร ฉันอิ่มแล้ว พวกเธอค่อย ๆ กินนะ”

เมื่อพูดจบ เธอจึงยกถาดอาหารตนเองรีบเดินออกจากโรงอาหารทันที

โจวซือเหย่นั่งหันไปทางประตูทางออกพอดี เมื่อเงยหน้าขึ้นสายตาจึงเห็นการเดินออกไปที่ดูร้อนรนของเจียงซู่ คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันเล็กน้อยจนไม่อาจะสังเกตุเห็นได้

เวิงอี๋ที่สังเกตุเห็นเช่นนั้น จึงหันไปมองตามสายตาของอีกคน แต่เมื่อเห็นเจียงซู่ที่ท่าทางดูร้อนรนเพียงเท่านั้น จากสายตาที่ขุ่นมัวของเธอก็หายไปทันที และตามมาด้วยสายตาแห่งความภาคภูมิใจ

โจวซือเหย่ถามเลขาหลู่ “เมื่อวานที่โรงพยาบาลเกิดอะไรขึ้น?”

เลขาหลู่ตอบกลับว่า “คุณผู้หญิงเป็นหวัดครับ”

และนี่คือคำตอบของเจียงซู่

โจวซือเหย่ได้ยินดังนั้นก็เข้าใจได้ทันที และไม่แปลกใจว่าเมื่อคืนทำไมเธอถึงอารมณ์ไม่คงที่

“ฉันได้ยินมาว่า tiii มีเพชรสีชมพูเข้ามาใหม่ นายช่วยไปเลือกสร้อยคอสักเส้นแล้วเอาไปให้เธอ”

เมื่อจบประโยคนั้นแล้ว เลขาหลู่ยังไม่ทันได้ตอบกลับ โจวซือเหย่ก็พูดต่ออีกว่า “เอามาให้ฉันดูก่อน”

เวิงอี๋เอ่ยขึ้นด้วยดวงตาที่เปล่งประกายว่า “เมื่อคืนฉันเรียกพี่ออกมา พี่สะใภ้โกรธหรือเปล่าคะ? ถ้าฉันทำให้เธอเข้าใจผิดอะไร เดี๋ยวฉันไปอธิบายให้เองค่ะ”

โจวซือเหย่ “ไม่ต้อง”

เวิงอี๋แอบยกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ

........

ตอนเย็นเมื่อเลิกงานแล้ว เจียงซู่ตั้งใจว่าจะทำหม้อไฟกินในคืนนี้ จึงไปซุปเปอร์มาร์เก็ตซื้อของ

หลังจากแต่งงาน เธอก็ไม่ได้กินสิ่งนี้อีกเลย เพราะโจวซือเหย่ไม่ชอบ

ในห้องขนาดเก้าสิบตารางเมตร ไฟที่ส่องสว่าง ภายในห้องที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของหม้อไฟ มีเพียงเจียงซู่ที่อยู่โต๊ะกินข้าวเพียงคนเดียว

เธอไม่ได้ทำอาหารมาเป็นเวลานาน แต่ทุกอย่างยังคงคุ้นเคยอยู่ แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่เธอไม่ค่อยจะคุ้นชินเสียเท่าไหร่

แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวเวลาจะแปรเปลี่ยนทุกอย่างไปเอง
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 100

    เจียงซู่ดันชามโจ๊กทะเลตรงหน้าออกไป “ฉันอยากกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อ”โจวซือเหย่มีสีหน้าอึ้งไปเล็กน้อย เขายังคงรอคำขอบคุณจากเจียงซู่ แต่ไม่คิดว่าจะได้คำพูดที่ทำให้เขาอารมณ์เสียป้าเฉินได้ยินดังนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอแอบชำลืองมองโจวซือเหย่ และพยายามที่จะช่วยคลี่คลาย “คุณผู้หญิงคะ การทำก๋วยเตี๋ยวเนื้อสด ๆ ต้องใช้เวลามาก จะไม่ทันอาหารเช้านะคะ”เจียงซู่ “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันรอได้”เมื่อได้ยินดังนั้น ป้าเฉินก็มองไปที่โจวซือเหย่อีกครั้ง แล้วโจวซือเหย่ก็โบกมือให้เธอไปทำเมื่อเห็นเช่นนี้ ป้าเฉินจึงไม่พูดอะไรอีกและรีบไปที่ห้องครัวโจวซือเหย่มองขาที่ยังคงเข้าเฝือกของเธอ “คุณไม่ต้องไปที่ทำงานแล้ว พักรักษาตัวที่บ้านให้ดี พอหายดีแล้ว ถ้ายังอยากทำงานเดิมอยู่ ผมจะจัดหาที่ทำงานใหม่ให้”เขาหมายความว่าไง?เขาคิดว่าการที่เธอมีเพศตรงข้ามอยู่รอบตัวจะทำให้ภาพลักษณ์ของเขาเสียหายใช่ไหม? เขาต้องการที่จะกำจัดคนรอบตัวเธอใช่ไหม?สำหรับพฤติกรรมสองมาตรฐานของเขา เจียงซู่รู้สึกว่ามันน่าขำ แต่เธอก็ไม่ได้แสดงความคิดเห็นใด ๆโจวซือเหย่ “ขอแค่คุณยังคงเป็นเหมือนเมื่อก่อน เชื่อฟังและทำตัวดี ๆ ตำแหน่งคุณผู้หญิงโจว

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 99

    โจวซือเหย่คิดว่าการที่เธอแต่งงานกับเขาเป็นการขายตัวหรือไง?เขาเห็นเธอเป็นอะไรกันแน่?เป็นโสเภณีหรือไง?เจียงซู่กัดฟันกรามแน่น ราวกับได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองที่แตกสลาย เธอกลืนความปวดร้าวในลำคอ และเบิกตากว้าง พยายามไม่ให้น้ำตาไหลออกมา“ฉันเสียใจ”เธอเสียใจที่แต่งงานกับเขาเขาจะไม่ชอบเธอก็ได้ แต่เขาไม่ควรเหยียบย่ำหัวใจของเธอแบบนี้เธอเพ้อฝันอยู่ฝ่ายเดียว คิดว่าหยดน้ำจะทำให้หินกร่อนได้ แต่เธอกลับลืมไปว่าหัวใจของเขานั้นแข็งเสียยิ่งกว่าหิน มันทำจากเหล็กกล้าเมื่อเห็นความแตกสลายอย่างชัดเจนในดวงตาของเธอ โจวซือเหย่ก็ชะงักไปครู่หนึ่งเจียงซู่พึมพำคำเดิม “ฉันเสียใจ”โจวซือเหย่ไม่เข้าใจว่าความเสียใจของเธอหมายถึงอะไร และเขาก็ไม่สนใจที่จะรู้ด้วย แต่จู่ ๆ เขาก็ผลักเธอล้มลงไปเจียงซู่ที่ตอบสนองช้าไปครึ่งก้าว กว่าจะรู้ตัวว่าเขาจะทำอะไร เขาก็เริ่มถอดเสื้อผ้าของเธอออกแล้ว เธอพยายามดิ้นรนอย่างเต็มที่“ฉันไม่ทำ!”โจวซือเหย่จับข้อมือของเธอตรึงไว้ที่เหนือศีรษะ และใช้ขาอีกข้างล็อกขาเธอที่พยายามขัดขืน“คุณเลิกคิดเรื่องหย่าได้เลย ตระกูลโจวไม่มีทางเกิดเรื่องอื้อฉาวอย่างเรื่องหย่าร้างเด็ดขาด” โจวซื

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 98

    เจียงซู่ลืมตาขึ้นอย่างมึนงง ไม่รู้เลยว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ความทรงจำที่ขาดหายไปของเธอยังคงอยู่ที่ตอนที่เว่ยชิงหางจะไปส่งเธอกลับบ้าน“รุ่นพี่ ขอบคุณที่มาส่งฉันกลับบ้านนะคะ”คำพูดของเจียงซู่ฟังดูติด ๆ ขัดๆ แต่ในมุมมองของโจวซือเหย่ คำพูดเหล่านั้นเหมือนเป็นการออดอ้อนเว่ยชิงหาง“คุณไปกลับก่อนเถอะ อย่าให้โจวซือเหย่เห็น เดี๋ยวเขาจะหาเรื่องคุณ”เมื่อได้ยินดังนั้น นัยน์ตาของโจวซือเหย่ก็มืดลง“ทำไมผมต้องหาเรื่องเขาด้วย?”เสียงที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันนี้ ทำให้สติที่ขุ่นมัวของเจียงซู่แจ่มชัดขึ้นเล็กน้อย เธอมองไปรอบ ๆ และเพิ่งรู้ตัวว่าเธอนอนอยู่บนเตียงในห้องนอนใหญ่เจียงซู่ส่ายหัวที่เวียนหัวของเธอ และพูดว่า “ตัวฉันมีกลิ่นเหล้า คืนนี้ฉันจะไปนอนห้องข้าง ๆ”แม้ว่าเธอจะไม่ได้มีสติสมบูรณ์ครบถ้วน แต่เธอก็ยังจำได้ว่าเขาไม่ชอบกลิ่นเหล้าจากตัวเธอในอดีต ทุกครั้งที่กลับมาจากการเลี้ยงสังสรรค์ เจียงซู่จะแยกห้องนอนกับโจวซือเหย่เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เขารังเกียจเธอเธอลงจากเตียงกำลังจะจากไป แต่โจวซือเหย่กลับกดไหล่ของเธอไว้ แล้วผลักเธอล้มลงบนเตียงเจียงซู่ยืนไม่มั่นคงอยู่แล้ว การล้มลงบนเตียงอีกครั้ง ทำให้ส

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 97

    “รุ่นน้อง”ในขณะที่เจียงซู่กำลังแหม่อลอย เสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นเมื่อรู้สึกตัว เธอก็สบตากับเว่ยชิงหาง“รุ่นพี่”เขาถามว่า “มาทำอะไรที่นี่?”เจียงซู่หลีกเลี่ยงประเด็นหลัก “ออกมาสูดอากาศสักหน่อย คุณล่ะ? มาทำอะไรที่นี่?”เว่ยชิงหาง “เพิ่งคุยงานกับลูกค้าเสร็จ”พูดไป เขาก็มองเข้าไปในรถของเธอ แล้วพูดอีกว่า “คุณยังมีอาการบาดเจ็บอยู่ไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงขับรถออกมาคนเดียว?”“ขาที่เหยียบคันเร่งยังปกติดี” เจียงซู่ถาม “อีกเดี๋ยวจะยุ่งไหมคะ?”เว่ยชิงหางถาม “คุณมีธุระอะไรหรือเปล่า?”เจียงซู่ “ฉันอยากไปดื่มสักแก้ว คุณอยากไปด้วยกันไหม?”เว่ยชิงหางไม่ได้ขัดจังหวะ “ไปที่ไหน?”จากนั้นพวกเขาไปที่บาร์เงียบ ๆ แห่งหนึ่งแสงในร้านสลัว ๆ ช่วยปกปิดความหม่นหมองและความอ้างว้างในตัวของเจียงซู่เว่ยชิงหางเป็นเพื่อนร่วมทางที่ดี เขาเพียงแค่อยู่เงียบ ๆ เป็นเพื่อนเจียงซู่ไม่ได้มาเพื่อระบายความในใจ ตอนนี้เธอแค่รู้สึกเหงามาก ๆ เท่านั้น อยากมีใครสักคนอยู่เป็นเพื่อน ไม่อยากอยู่คนเดียวแม้ว่าเธอจะไม่ได้พูดอะไร แต่เว่ยชิงหางก็รู้สึกได้ว่าเจียงซู่อยู่ในอารมณ์ที่เศร้าหมองมากจริง ๆ แล้วตั้งแต่ที่เขารู้จักเธอ เ

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 96

    เจียงซู่รู้ดีว่าแม่สามีตั้งใจพูดกระทบเธอมากกว่าในสายตาของแม่สามี เธอไม่ได้ดีไปกว่าคนในตระกูลเล็ก ๆ เลยด้วยซ้ำเวินเหยาฉินตั้งใจจะหนุนหลังโจวหว่านซิน และตั้งใจจะให้เธอยอมจำนนแต่โดยดี แน่นอนว่าต้องกลั่นแกล้งเธออย่างหนักแต่เวินเหยาฉินไม่ได้ลงไม้ลงมือกับเจียงเจียเหวิน เพราะอย่างไรก็เป็นลูกของคนอื่น แต่สำหรับเธอแล้วไม่เหมือนกัน เธอเป็นลูกสะใภ้ที่ถูกต้องตามกฎหมายการที่แม่สามีใช้ให้ลูกสะใภ้ทำอะไร ก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาภรรยาหลวงอย่างเธอต้องมาทำหน้าที่ของอนุภรรยา แม้แต่มื้อกลางวัน เธอก็ต้องเป็นคนทำอาหารให้พวกเขาทานด้วยอาการปวดเอวและเจ็บเท้า การถูกกลั่นแกล้งขนาดนี้ ทำให้ใบหน้าของเจียงซู่ซีดลงเล็กน้อยเวินเหยาฉินเห็นท่าทางที่ดูเหมือนคนตายของเธอก็รู้สึกหงุดหงิด และพูดอย่างไม่พอใจว่า “เธอทำหน้าบึ้งให้ใครดู? ฉันใช้ให้เธอปรนนิบัติฉัน แล้วเธอไม่พอใจอีกเหรอ?”เจียงซู่ “เปล่าค่ะ”พอพูดจบ ก็มีเหงื่อเย็น ๆ หยดหนึ่งไหลลงมาจากขมับของเธอพอดีเวินเหยาฉินพูดอย่างรังเกียจว่า “พอแล้ว พอแล้ว ที่นี่ไม่ต้องการเธอแล้ว”แม้ว่าจะไม่ได้มองตรง ๆ แต่เจียงซู่ก็รู้สึกได้ถึงความสะใจของเวิงอี๋เธอเดินลากสังข

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 95

    ความห่วงใยของโจวซือเหย่ก็เหมือนกับอากาศในเดือนมิถุนายน เพราะเมื่อยามหนาวเหน็บก็หนาวเหมือนราวกับน้ำแข็ง แต่เมื่ออบอุ่นก็อบอุ่นจนร้อนซึ่งสามารถแผดเผาได้ เปลี่ยนแปลงรวดเร็วเกินกว่าคนปกติจะรับไหวอาหารถูกยกขึ้นโต๊ะเรียบร้อยแล้ว ตอนที่โจวซือเหย่อุ้มเธอลงมา คุณป้าเฉินแอบยิ้มอย่างโล่งใจไหน ๆ ก็มาถึงโต๊ะแล้ว เจียงซู่ก็ไม่อยากทำให้เสียเปล่า“ซินซินยังเด็กอยู่ คุณเป็นพี่สะใภ้ ก็ควรจะทนกับเธอหน่อย”คำพูดนั้นทำให้มือเจียงซู่ที่กำลังจับตะเกียบชะงักไปทันที เธอค่อย ๆ เงยหน้ามองเขาแสงไฟนุ่มนวลคลอร่างเขา ทำให้เสี้ยวหน้าคมเข้มดูอบอุ่นขึ้นมาบ้าง แต่สำหรับเธอมันกลับไม่เหลือความรู้สึกอบอุ่นใด ๆ อาหารในปากพลันจืดชืดลงทันทีเขารู้ดีอยู่แล้วว่าใครผิด แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังปกป้องอยู่ดี เขาจะไร้ความยุติธรรม เพียงแต่หัวใจมันลำเอียงนั้นเองเจียงซู่วางตะเกียบลง เช็ดปากเบา ๆ “ฉันอิ่มแล้ว”โจวซือเหย่มองอาหารที่แทบไม่ถูกแตะต้อง เขาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เจียงซู่ก็เรียกป้าเฉินให้มาช่วยพยุงขึ้นไปบนห้องเสียแล้วป้าเฉินมองชายหนุ่มที่เอาแต่เงียบด้วยความหงุดหงิด ในสายจาของป้าเฉินรู้สึกว่าโจวซือเหย่ยังไม่รู้จัก

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status