Share

บทที่ 6

Penulis: คุณชายสายฝน
วินาทีที่เจียงซู่ก้าวขาออกจากโรงเรียน กระดูกสันหลังที่เคยตั้งตรงก็อ่อนยวบลง

ความเข้มแข็งที่แสดงออกไปเมื่อครู่ กลายเป็นอัตราการเต้นของหัวใจที่เต้นรัวในตอนนี้

เนื่องจากเธอเป็นลูกบุญธรรม ความจริงแล้วเจียงซู่จึงคุ้นเคยกับการอดทนอดกลั้นมาตั้งแต่เด็ก และมีนิสัยที่อ่อนน้อมยอมคน

แต่เธอก็ไม่ใช่ตุ๊กตาดินที่ปั้นจากโคลนเสมอไป

เธอแค่หวังว่าสิ่งที่ทำลงไปเมื่อครู่นี้ จะกระตุ้นให้โจวหว่านซินช่วยให้เธอหย่าสำเร็จ

ทันใดนั้นอาการปวดตุบ ๆ ที่หน้าผากเตือนให้เธอนึกถึงเหตุการณ์เมื่อไม่กี่นาทีก่อน เจียงซู่จึงไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด

ทันทีที่เธอออกมาจากโรงพยาบาล โทรศัพท์ก็ดังขึ้น ซึ่งเป็นสายจากเจียงซงหวา

เจียงซู่ไม่อยากรับ แต่ก็ไม่กล้ารับ เพราะมันคือความกลัวที่ฝังลึกอยู่ในกระดูกตั้งแต่เด็ก เธอถอนหายใจเฮือกหนึ่งแล้วกดรับสาย จากนั้นน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยคำสั่งของเจียงซงหวาก็ดังขึ้นจากปลายสาย

“พรุ่งนี้พาซือเหย่กลับมาทานข้าวที่บ้าน”

เจียงซู่ก้มหน้าลงพลางแกะนิ้ว เธอรู้ดีว่ามื้อนี้ไม่ใช่การรวมตัวของครอบครัว แต่เป็นเพราะเจียงซงหวามีโครงการใหม่ที่ต้องการความร่วมมือ

พูดให้ดีก็คือการร่วมมือ แต่ถ้าพูดให้ร้ายหน่อยก็คือ เขากำลังจะเริ่มสูบเลือดสูบเนื้ออีกครั้ง

เมื่อไม่ได้รับคำตอบ เจียงซงหวาก็พูดอย่างไม่เกรงใจว่า “ไม่ได้ยินที่ฉันพูดเหรอ? เป็นใบ้หรือไง?”

เจียงซู่ก้มหน้าลงต่ำยิ่งกว่าเดิม และในที่สุดก็เปิดปากที่ถูกปิดตาย “ค่ะ พ่อ”

ทันทีที่พูดจบ ปลายสายก็ตัดไป แล้วมือที่กำโทรศัพท์ของเธอก็ค่อย ๆ วางลง

ไม่แปลกใจเลยที่โจวซือเหย่ไม่ชอบเธอ การมีครอบครัวพ่อตาที่ชอบสูบเลือดสูบเนื้อแบบนี้ ถ้าเป็นเธอ เธอก็คงรังเกียจเหมือนกัน

เจียงซู่ต้องการหาที่เงียบ ๆ พักใจสักหน่อย แต่ความจริงก็ไม่อนุญาตให้เธอสงบลง

เพราะหัวหน้าของเธอโทรมา บอกให้เธอไปร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำในคืนนี้

งานเลี้ยงแบบนี้มักจะมีเพียงพนักงานฝ่ายประชาสัมพันธ์อย่างพวกเธอที่ต้องออกหน้าไปเป็นคนแรก เพื่อสร้างความประทับใจให้กับคู่ค้า

จริงๆ แล้วนิสัยของเจียงซู่ไม่เหมาะกับงานนี้เลย แม้จะไม่เหมาะสม แต่เธอก็ยังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปรับตัว เพราะเธอรู้ดีว่าโจวซือเหย่ไม่ชอบผู้หญิงที่เอาแต่เกาะสามีกิน

เพื่อให้เขาหันมามองเธอให้มุมใหม่ เธอจึงทำได้เพียงพยายามทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น

แต่ว่า...

เมื่อนึกถึงร่างกายที่เพิ่งแท้งลูกไป เจียงซู่ก็ปฏิเสธ “หัวหน้าคะ วันนี้ฉันทำเรื่องขอลากิจแล้วค่ะ”

อีกฝ่ายรู้ว่าเธอหมายถึงอะไร จึงตัดทางหนีทีไล่ของเธอทันที “นี่เป็นคำสั่งจากเบื้องบน”

เจียงซู่เข้าใจ เบื้องบนที่ว่านี้ก็คือ โจวซือเหย่

เขาไม่ใช่คนบอกให้เธอพักผ่อนหรอกเหรอ แล้วทำไมจู่ ๆ ก็ให้เธอกลับไปทำงานล่วงเวลา?

เจียงซู่พูดว่า “ฉันกำลังดำเนินการลาออกอยู่ค่ะ”

“เจียงซู่ ขั้นตอนของคุณยังไม่เสร็จสิ้น”

อีกฝ่ายก็กำลังเตือนเธอว่า ตราบใดที่ยังลาออกไม่สำเร็จ เธอก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของบริษัท

เมื่อหาข้ออ้างที่จะปฏิเสธไม่ได้อีกต่อไป เธอก็ทำได้แค่กลับไปทำงานอย่างซื่อสัตย์

ในงานเลี้ยงอาหารค่ำตอนกลางคืน เจียงซู่มาถึงสถานที่ก่อนเวลา

แม้จะไม่เต็มใจมา แต่ความเป็นมืออาชีพของเธอก็ไม่ยอมให้เธอทำตัวขายขี้หน้า

เมื่อมาถึงสถานที่ เธอก็พบว่าเบื้องบนที่หัวหน้าพูดถึง แท้จริงแล้วคือ เวิงอี๋!

เป็นเธอที่วางแผนให้เจียงซู่มา

เท่าที่เธอทราบ คู่ค้าที่พวกเขาจะร่วมงานด้วยในคืนนี้ เป็นหนึ่งในโครงการที่สำคัญที่สุดในตอนนี้

แต่กลับให้เวิงอี๋ซึ่งเพิ่งเข้าบริษัทมาเป็นคนดูแล โจวซือเหย่ช่างให้เกียรติเธอจริง ๆ

ความชอบและความไม่ชอบ ช่างแตกต่างกันราวกับฟ้ากับเหว

“คุณจะทำอะไรน่ะ?!”

ในขณะที่เธอกำลังเหม่อลอย ทันใดนั้นเสียงตำหนิของเวิงอี๋ก็ดังขึ้นในห้องส่วนตัว ทันทีที่เธอได้สติก็เห็นว่าเธอกำลังขว้างขวดเหล้าใส่คู่ค้า

เจียงซู่ “...”

เวิงอี๋ลงมือหนักมากจนเห็นเลือดของอีกฝ่ายได้ด้วยตาเปล่า

คู่ค้ากำลังด่าทอ ในขณะที่เวิงอี๋กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น

บรรยากาศในห้องส่วนตัวก็ชุลมุนวุ่นวายขึ้นทันที ราวกับว่าคนที่เพิ่งทำร้ายคนอื่นไม่ใช่เธอ

เวิงอี๋พูดอย่างช้ำใจ “คุณลวนลามฉัน!”

คู่ค้าก็กำลังตะโกน “พวกเธอหมายความว่าไง? นี่คิดจะเล่นต้มตุ๋นกับฉันเหรอ?”

เวิงอี๋ “ใครหลอกต้มตุ๋นคุณ ฉันจะแจ้งตำรวจ!”

เธอทำให้บรรยากาศยิ่งตึงเครียดขึ้นอีกครั้ง ราวกับพร้อมที่จะประทะ

เจียงซู่ไม่สามารถปล่อยให้สถานการณ์แย่ลงไปได้อีก เธอรีบให้คนพาเวิงอี๋ออกไปเพื่อให้สงบสติอารมณ์ ส่วนเธอก็อยู่จัดการเรื่องวุ่นวายที่เหลือ

หลังจากปลอบโยนคู่ค้าและสามารถเซ็นสัญญากับเขาได้สำเร็จ เจียงซู่ก็ต้องดื่มเหล้าไปไม่น้อยเพื่อการนั้น

เมื่อออกจากร้านอาหาร เจียงซู่ก็เปิดประตูรถให้กับอีกฝ่าย คู่ค้าตบมือเธอเบา ๆพลางยิ้มอย่างลึกซึ้ง “ต่อไปถ้ามีโอกาส ค่อยนัดทานข้าวกับหัวหน้าทีมเจียงอีกนะครับ”

เจียงซู่ดึงมือกลับมาอย่างแนบเนียน พร้อมรอยยิ้มอย่างเป็นมืออาชีพ “เดินทางปลอดภัยนะคะ”

เธอเพิ่งส่งอีกฝ่ายไปได้ไม่นาน โจวซือเหย่ก็ปรากฏตัวขึ้น

“ซือเหย่...”

เวิงอี๋พุ่งเข้ากอดเขาทันที และทำท่าทางน่าสงสารสุด ๆ โจวซือเหย่จับไหล่เธอให้ยืนอย่างมั่นคง

เจียงซู่ยืนอยู่ห่างจากพวกเขาไม่กี่ก้าว ลมยามค่ำคืนพัดมา ทำให้ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่กำลังจะพุ่งขึ้นมาของเธอสลายไปในทันที และทำให้เธอตื่นขึ้นมาอย่างเต็มที่

อ้อมกอดของเขาที่แข็งแกร่งขนาดไหน เธอเคยสัมผัสมานับครั้งไม่ถ้วนตอนอยู่บนเตียง แต่เมื่อลงจากเตียงแล้ว เขากลับไม่เคยกอดเธอต่อหน้าคนอื่นเลยสักครั้ง

เธอคงรู้สึกปลอดภัยสินะ ไม่อย่างนั้นเวิงอี๋คงไม่กอดเขาแน่นขนาดนั้น

ลมพัดผ่านไป เจียงซู่รู้สึกปวดท้องอย่างกะทันหัน ตัวสั่นเล็กน้อย เธอหายใจเข้าลึก ๆ สองสามครั้งแล้วก้าวไปข้างหน้า เพื่อยื่นสัญญาให้ “ท่านประธานโจวคะ นี่คือสัญญาที่เพิ่งเซ็นกับย่าไท่ค่ะ”

โจวซือเหย่เหลือบมองเธอ “กั่งรุ่ยยังไม่ตกต่ำถึงขนาดต้องให้พนักงานไปขายตัว”

เจียงซู่ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงพูดแบบนี้ กำลังจะอธิบายว่า “ฉันไม่ได้...”

“เพื่อนร่วมงานถูกลวนลาม คุณไม่คิดจะปกป้อง แต่กลับปล่อยให้อีกฝ่ายดูถูก เมื่อก่อนคุณคุยธุรกิจแบบนี้มาตลอดหรือไง? คุณคิดว่าบริษัทเป็นอะไร? ซ่องโสเภณีเหรอ?”

ใบหน้าของเจียงซู่ซีดเผือดลงทันที ความอับอายพุ่งสูงปี๊ด

เธอนึกถึงครั้งแรกที่ออกไปเจรจาธุรกิจกับเพื่อนร่วมงาน ครั้งนั้นเธอก็เจอการลวนลามในที่ทำงานเช่นกัน ปฏิกิริยาของเธอในตอนนั้นก็เหมือนกับเวิงอี๋

มีเพียงสิ่งเดียวที่แตกต่างคือ เธอไม่ได้โต้ตอบ เพราะเธอไม่กล้า

ตอนนั้นโจวซือเหย่ก็อยู่ที่นั่นด้วย แต่เขาดูถูก ‘ความทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่’ ของเธอ

เธอยังจำคำพูดของเขาได้

“ที่นี่ไม่ใช่สวนสนุกที่คุณจะมาเล่นสนุก ไม่มีใครตามใจความเอาแต่ใจของคุณ ถ้าทำไม่ได้ก็ลาออกกลับบ้านไปซะ”

ฟังดูสิ ช่างสองมาตรฐานอย่างสิ้นเชิง

เพื่อให้เขาชื่นชม เจียงซู่ก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อพัฒนาความสามารถในการทำงานของตัวเอง และในที่สุดก็กลายเป็นคนช่ำชอง

แต่ตอนนี้ เขากลับตำหนิเธอที่ไม่ปกป้องเวิงอี๋?

แต่ทำไมเธอต้องปกป้องผู้หญิงที่แย่งสามีของตัวเองด้วยล่ะ?

เจียงซู่เอ่ยปากพูดว่า “ผู้จัดการวังเพิ่งบอกว่า เขาไม่ได้ทำอะไรกับผู้ช่วยเวิง”

ทันทีที่เธอพูดจบ เวิงอี๋ก็ตาแดงก่ำและพูดอย่างขมขื่นว่า “พี่พูดแบบนี้หมายความว่าฉันใส่ร้ายเขาเหรอคะ? ใครจะเอาชื่อเสียงของตัวเองมาเล่นแบบนี้?”

เมื่อเงยหน้าขึ้น เจียงซู่ก็สบเข้ากับดวงตาที่เย็นชาของโจวซือเหย่ ทันใดนั้นลำคอของเธอเหมือนถูกบีบรัด อึดอัดจนพูดไม่ออก

พูดตามตรง เจียงซู่ไม่ได้เห็นภาพที่เวิงอี๋ถูกรังแกเลย

เวิงอี๋บอกว่าเธอถูกลวนลาม แต่ผู้จัดการวังก็ปฏิเสธ และก็ไม่มีหลักฐาน แล้วเธอจะทำอะไรได้?

เวิงอี๋ทำสีหน้าเจ็บปวดและเอ่ยเสียงสะอื้นว่า “คุณเจียงคะ ฉันไปทำอะไรให้คุณไม่พอใจเหรอคะ? ทำไมคุณถึงต้องใส่ร้ายฉันขนาดนี้?”

เจียงซู่มองท่าทางเสแสร้งของเธอ ใบหน้าของเธอไม่มีสีหน้าอะไรเลย เพียงแต่คิดในใจว่า ที่แท้ผู้ชายก็ชอบผู้หญิงเจ้าเล่ห์ที่น่าสงสารและอ่อนแอแบบนี้เอง

เวิงอี๋มั่นใจว่าเธอไม่กล้าเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเธอใช่ไหม?

ความจริงก็เป็นแบบนั้น เพราะเธอต้องการความช่วยเหลือบางอย่าง ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถทำให้โจวซือเหย่ไม่พอใจได้ รวมถึงคนที่เขาปกป้องอยู่ด้วย เธอก็ไม่สามารถไปยุ่งด้วยได้เช่นกัน
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 100

    เจียงซู่ดันชามโจ๊กทะเลตรงหน้าออกไป “ฉันอยากกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อ”โจวซือเหย่มีสีหน้าอึ้งไปเล็กน้อย เขายังคงรอคำขอบคุณจากเจียงซู่ แต่ไม่คิดว่าจะได้คำพูดที่ทำให้เขาอารมณ์เสียป้าเฉินได้ยินดังนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอแอบชำลืองมองโจวซือเหย่ และพยายามที่จะช่วยคลี่คลาย “คุณผู้หญิงคะ การทำก๋วยเตี๋ยวเนื้อสด ๆ ต้องใช้เวลามาก จะไม่ทันอาหารเช้านะคะ”เจียงซู่ “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันรอได้”เมื่อได้ยินดังนั้น ป้าเฉินก็มองไปที่โจวซือเหย่อีกครั้ง แล้วโจวซือเหย่ก็โบกมือให้เธอไปทำเมื่อเห็นเช่นนี้ ป้าเฉินจึงไม่พูดอะไรอีกและรีบไปที่ห้องครัวโจวซือเหย่มองขาที่ยังคงเข้าเฝือกของเธอ “คุณไม่ต้องไปที่ทำงานแล้ว พักรักษาตัวที่บ้านให้ดี พอหายดีแล้ว ถ้ายังอยากทำงานเดิมอยู่ ผมจะจัดหาที่ทำงานใหม่ให้”เขาหมายความว่าไง?เขาคิดว่าการที่เธอมีเพศตรงข้ามอยู่รอบตัวจะทำให้ภาพลักษณ์ของเขาเสียหายใช่ไหม? เขาต้องการที่จะกำจัดคนรอบตัวเธอใช่ไหม?สำหรับพฤติกรรมสองมาตรฐานของเขา เจียงซู่รู้สึกว่ามันน่าขำ แต่เธอก็ไม่ได้แสดงความคิดเห็นใด ๆโจวซือเหย่ “ขอแค่คุณยังคงเป็นเหมือนเมื่อก่อน เชื่อฟังและทำตัวดี ๆ ตำแหน่งคุณผู้หญิงโจว

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 99

    โจวซือเหย่คิดว่าการที่เธอแต่งงานกับเขาเป็นการขายตัวหรือไง?เขาเห็นเธอเป็นอะไรกันแน่?เป็นโสเภณีหรือไง?เจียงซู่กัดฟันกรามแน่น ราวกับได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองที่แตกสลาย เธอกลืนความปวดร้าวในลำคอ และเบิกตากว้าง พยายามไม่ให้น้ำตาไหลออกมา“ฉันเสียใจ”เธอเสียใจที่แต่งงานกับเขาเขาจะไม่ชอบเธอก็ได้ แต่เขาไม่ควรเหยียบย่ำหัวใจของเธอแบบนี้เธอเพ้อฝันอยู่ฝ่ายเดียว คิดว่าหยดน้ำจะทำให้หินกร่อนได้ แต่เธอกลับลืมไปว่าหัวใจของเขานั้นแข็งเสียยิ่งกว่าหิน มันทำจากเหล็กกล้าเมื่อเห็นความแตกสลายอย่างชัดเจนในดวงตาของเธอ โจวซือเหย่ก็ชะงักไปครู่หนึ่งเจียงซู่พึมพำคำเดิม “ฉันเสียใจ”โจวซือเหย่ไม่เข้าใจว่าความเสียใจของเธอหมายถึงอะไร และเขาก็ไม่สนใจที่จะรู้ด้วย แต่จู่ ๆ เขาก็ผลักเธอล้มลงไปเจียงซู่ที่ตอบสนองช้าไปครึ่งก้าว กว่าจะรู้ตัวว่าเขาจะทำอะไร เขาก็เริ่มถอดเสื้อผ้าของเธอออกแล้ว เธอพยายามดิ้นรนอย่างเต็มที่“ฉันไม่ทำ!”โจวซือเหย่จับข้อมือของเธอตรึงไว้ที่เหนือศีรษะ และใช้ขาอีกข้างล็อกขาเธอที่พยายามขัดขืน“คุณเลิกคิดเรื่องหย่าได้เลย ตระกูลโจวไม่มีทางเกิดเรื่องอื้อฉาวอย่างเรื่องหย่าร้างเด็ดขาด” โจวซื

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 98

    เจียงซู่ลืมตาขึ้นอย่างมึนงง ไม่รู้เลยว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ความทรงจำที่ขาดหายไปของเธอยังคงอยู่ที่ตอนที่เว่ยชิงหางจะไปส่งเธอกลับบ้าน“รุ่นพี่ ขอบคุณที่มาส่งฉันกลับบ้านนะคะ”คำพูดของเจียงซู่ฟังดูติด ๆ ขัดๆ แต่ในมุมมองของโจวซือเหย่ คำพูดเหล่านั้นเหมือนเป็นการออดอ้อนเว่ยชิงหาง“คุณไปกลับก่อนเถอะ อย่าให้โจวซือเหย่เห็น เดี๋ยวเขาจะหาเรื่องคุณ”เมื่อได้ยินดังนั้น นัยน์ตาของโจวซือเหย่ก็มืดลง“ทำไมผมต้องหาเรื่องเขาด้วย?”เสียงที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันนี้ ทำให้สติที่ขุ่นมัวของเจียงซู่แจ่มชัดขึ้นเล็กน้อย เธอมองไปรอบ ๆ และเพิ่งรู้ตัวว่าเธอนอนอยู่บนเตียงในห้องนอนใหญ่เจียงซู่ส่ายหัวที่เวียนหัวของเธอ และพูดว่า “ตัวฉันมีกลิ่นเหล้า คืนนี้ฉันจะไปนอนห้องข้าง ๆ”แม้ว่าเธอจะไม่ได้มีสติสมบูรณ์ครบถ้วน แต่เธอก็ยังจำได้ว่าเขาไม่ชอบกลิ่นเหล้าจากตัวเธอในอดีต ทุกครั้งที่กลับมาจากการเลี้ยงสังสรรค์ เจียงซู่จะแยกห้องนอนกับโจวซือเหย่เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เขารังเกียจเธอเธอลงจากเตียงกำลังจะจากไป แต่โจวซือเหย่กลับกดไหล่ของเธอไว้ แล้วผลักเธอล้มลงบนเตียงเจียงซู่ยืนไม่มั่นคงอยู่แล้ว การล้มลงบนเตียงอีกครั้ง ทำให้ส

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 97

    “รุ่นน้อง”ในขณะที่เจียงซู่กำลังแหม่อลอย เสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นเมื่อรู้สึกตัว เธอก็สบตากับเว่ยชิงหาง“รุ่นพี่”เขาถามว่า “มาทำอะไรที่นี่?”เจียงซู่หลีกเลี่ยงประเด็นหลัก “ออกมาสูดอากาศสักหน่อย คุณล่ะ? มาทำอะไรที่นี่?”เว่ยชิงหาง “เพิ่งคุยงานกับลูกค้าเสร็จ”พูดไป เขาก็มองเข้าไปในรถของเธอ แล้วพูดอีกว่า “คุณยังมีอาการบาดเจ็บอยู่ไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงขับรถออกมาคนเดียว?”“ขาที่เหยียบคันเร่งยังปกติดี” เจียงซู่ถาม “อีกเดี๋ยวจะยุ่งไหมคะ?”เว่ยชิงหางถาม “คุณมีธุระอะไรหรือเปล่า?”เจียงซู่ “ฉันอยากไปดื่มสักแก้ว คุณอยากไปด้วยกันไหม?”เว่ยชิงหางไม่ได้ขัดจังหวะ “ไปที่ไหน?”จากนั้นพวกเขาไปที่บาร์เงียบ ๆ แห่งหนึ่งแสงในร้านสลัว ๆ ช่วยปกปิดความหม่นหมองและความอ้างว้างในตัวของเจียงซู่เว่ยชิงหางเป็นเพื่อนร่วมทางที่ดี เขาเพียงแค่อยู่เงียบ ๆ เป็นเพื่อนเจียงซู่ไม่ได้มาเพื่อระบายความในใจ ตอนนี้เธอแค่รู้สึกเหงามาก ๆ เท่านั้น อยากมีใครสักคนอยู่เป็นเพื่อน ไม่อยากอยู่คนเดียวแม้ว่าเธอจะไม่ได้พูดอะไร แต่เว่ยชิงหางก็รู้สึกได้ว่าเจียงซู่อยู่ในอารมณ์ที่เศร้าหมองมากจริง ๆ แล้วตั้งแต่ที่เขารู้จักเธอ เ

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 96

    เจียงซู่รู้ดีว่าแม่สามีตั้งใจพูดกระทบเธอมากกว่าในสายตาของแม่สามี เธอไม่ได้ดีไปกว่าคนในตระกูลเล็ก ๆ เลยด้วยซ้ำเวินเหยาฉินตั้งใจจะหนุนหลังโจวหว่านซิน และตั้งใจจะให้เธอยอมจำนนแต่โดยดี แน่นอนว่าต้องกลั่นแกล้งเธออย่างหนักแต่เวินเหยาฉินไม่ได้ลงไม้ลงมือกับเจียงเจียเหวิน เพราะอย่างไรก็เป็นลูกของคนอื่น แต่สำหรับเธอแล้วไม่เหมือนกัน เธอเป็นลูกสะใภ้ที่ถูกต้องตามกฎหมายการที่แม่สามีใช้ให้ลูกสะใภ้ทำอะไร ก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาภรรยาหลวงอย่างเธอต้องมาทำหน้าที่ของอนุภรรยา แม้แต่มื้อกลางวัน เธอก็ต้องเป็นคนทำอาหารให้พวกเขาทานด้วยอาการปวดเอวและเจ็บเท้า การถูกกลั่นแกล้งขนาดนี้ ทำให้ใบหน้าของเจียงซู่ซีดลงเล็กน้อยเวินเหยาฉินเห็นท่าทางที่ดูเหมือนคนตายของเธอก็รู้สึกหงุดหงิด และพูดอย่างไม่พอใจว่า “เธอทำหน้าบึ้งให้ใครดู? ฉันใช้ให้เธอปรนนิบัติฉัน แล้วเธอไม่พอใจอีกเหรอ?”เจียงซู่ “เปล่าค่ะ”พอพูดจบ ก็มีเหงื่อเย็น ๆ หยดหนึ่งไหลลงมาจากขมับของเธอพอดีเวินเหยาฉินพูดอย่างรังเกียจว่า “พอแล้ว พอแล้ว ที่นี่ไม่ต้องการเธอแล้ว”แม้ว่าจะไม่ได้มองตรง ๆ แต่เจียงซู่ก็รู้สึกได้ถึงความสะใจของเวิงอี๋เธอเดินลากสังข

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 95

    ความห่วงใยของโจวซือเหย่ก็เหมือนกับอากาศในเดือนมิถุนายน เพราะเมื่อยามหนาวเหน็บก็หนาวเหมือนราวกับน้ำแข็ง แต่เมื่ออบอุ่นก็อบอุ่นจนร้อนซึ่งสามารถแผดเผาได้ เปลี่ยนแปลงรวดเร็วเกินกว่าคนปกติจะรับไหวอาหารถูกยกขึ้นโต๊ะเรียบร้อยแล้ว ตอนที่โจวซือเหย่อุ้มเธอลงมา คุณป้าเฉินแอบยิ้มอย่างโล่งใจไหน ๆ ก็มาถึงโต๊ะแล้ว เจียงซู่ก็ไม่อยากทำให้เสียเปล่า“ซินซินยังเด็กอยู่ คุณเป็นพี่สะใภ้ ก็ควรจะทนกับเธอหน่อย”คำพูดนั้นทำให้มือเจียงซู่ที่กำลังจับตะเกียบชะงักไปทันที เธอค่อย ๆ เงยหน้ามองเขาแสงไฟนุ่มนวลคลอร่างเขา ทำให้เสี้ยวหน้าคมเข้มดูอบอุ่นขึ้นมาบ้าง แต่สำหรับเธอมันกลับไม่เหลือความรู้สึกอบอุ่นใด ๆ อาหารในปากพลันจืดชืดลงทันทีเขารู้ดีอยู่แล้วว่าใครผิด แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังปกป้องอยู่ดี เขาจะไร้ความยุติธรรม เพียงแต่หัวใจมันลำเอียงนั้นเองเจียงซู่วางตะเกียบลง เช็ดปากเบา ๆ “ฉันอิ่มแล้ว”โจวซือเหย่มองอาหารที่แทบไม่ถูกแตะต้อง เขาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เจียงซู่ก็เรียกป้าเฉินให้มาช่วยพยุงขึ้นไปบนห้องเสียแล้วป้าเฉินมองชายหนุ่มที่เอาแต่เงียบด้วยความหงุดหงิด ในสายจาของป้าเฉินรู้สึกว่าโจวซือเหย่ยังไม่รู้จัก

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status