공유

บทที่ 5

작가: คุณชายสายฝน
คำพูดบิดเบือนพวกนั้นออกมาจากปากของเด็กกลุ่มนั้น แต่เจียงซู่กลับไม่ได้รู้สึกแปลกใจเลยแม้แต่น้อย

จะให้คนบลู่ลี่มาพูดโดยใช้หลักของเหตุและผล มันเป็นเรื่องเหลวไหลสิ้นดี

“ช่วยด้วย...”

เด็กหนุ่มที่ตกลงไปในน้ำว่ายน้ำไม่เป็น ซึ่งตอนนี้เขากำลังดิ้นรนอยู่เพื่อเอาตัวรอดอยู่ในน้ำ

เหล่าบรรดาเด็กหนุ่มสาวที่ยืนอยู่บนฝั่งไม่มีใครคิดจะลงไปช่วยเลยสักคน แถมยังเริ่มสั่งการด้วยว่า “แกยังไม่รีบลงไปช่วยขึ้นมาอีก ถ้าฉินควานเป็นอะไรไป ตระกูลฉินไม่ปล่อยแกไว้แน่!”

เจียงซู่มองดูคนที่กำลังตะเกียกตะกายดิ้นรนอยู่ในน้ำ และสุดท้ายก็เป็นเธอที่เป็นคนลงมือ

ประโยคสุดท้ายของเด็กคนนั้นเป็นแรงกดดันที่ทำให้เธอเริ่มเกิดหวาดกลัว เพราะถ้าเด็กนั่นเกิดเป็นอะไรขึ้นมาจริง ๆ และต้องอยู่ภายใต้คำให้การของเด็กกลุ่มนี้แล้วนั่น เธอก็จะกลายเป็นฆาตกรที่สังหารผู้เยาว์ทันที

พวกเด็กเหล่านั้นที่อยู่เหนือฟ้าและกฎหมายกล้าทำอย่างนั้นจริง ๆ

ถ้าหากเหตุการณ์มันมาถึงจุดนั้นจริง ไม่ว่าจะเป็นการประนีประนอมยอมความ หรือการปกป้องตัวเอง หรือแม้แต่การชดใช้พร้อมคำขอโทษ สุดท้ายเธอก็เป็นผู้ถูกทอดทิ้งอยู่ดี

เพราะโจวซือเหย่ไม่มีทางต้องการภรรยาที่เป็น ‘ฆาตกร’

เธอมองไปยังโจวหว่านซินที่กำลังมองเธอด้วยสีหน้าสนุกสนาน มองดูเธอถูกกลั่นแกล้งตามกระบวนการที่ได้วางไว้อย่างพึงพอใจ

เจียงซู่วางกระเป๋าไวที่ริมฝั่ง ก่อนจะเริ่มถอดรองเท้าพร้อมกับกระโดดลงไปช่วยอย่างรวดเร็ว

แต่เธอประเมินความแสบของเด็กพวกนี้ต่ำไป เดิมทีเด็กหนุ่มที่กำลังต้องการความช่วยเหลือ จู่ ๆ ก็เคลื่อนไหวคล่องแคล่วราวกับปลาไหล และจับคนตรงหน้าที่ตั้งใจจะมาช่วยชีวิตกดลงน้ำ

ด้วยความที่เจียงซู่ไม่ทันได้ตั้งตัว จึงสำลักน้ำอย่างรุนแรง

“แค่ก แค่ก...”

ใบหน้าของเด็กหนุ่มฉีกยิ้มด้วยความร้ายกาจอย่างเห็นได้ชัด

เจียงซู่ได้แต่มองดูเด็กผู้ชายคนนั่นว่ายน้ำขึ้นไปบนฝั่ง เธอได้แต่เยาะเย้ยตัวเองในใจว่าตัวเองเป็นคนโง่ ทำไมถึงไปหลงเชื่อได้ง่าย ๆ ว่าเด็กผู้ชายคนนั้นว่ายน้ำไม่เป็น

ไม่ว่าเธอจะรับผิดชอบหรือไม่ และถ้าเรื่องถึงแก่ชีวิตขึ้นมา พวกเด็กกลุ่มนั้นก็ไม่สามารถรอดพ้นไปได้เหมือนกัน

ในขณะที่เจียงซู่กำลังจะว่ายขึ้นฝั่ง พวกเขากลับเก็บก้อนหินบนพื้นปาใส่ตัวเธอ ราวกับเด็กที่ยังเล่นไม่เต็มอิ่ม

น้ำที่กระเซ็นเข้าที่ดวงตาของเธอ ทำไมมองไม่ชัดไปชั่วขณะ จึงไม่สามารถขึ้นฝั่งได้

“หว่านซิน พี่เลี้ยงบ้านเธอใช้กระเป๋าแอร์เมสด้วยเหรอ ไม่ใช่ว่าขโมยมาใช้หรอกนะ”

ใบหน้าทรงไข่ได้รูปอันสวยงามของโจวหว่านซินแสดงความรังเกียจออกมา เธอถีบกระเป๋าของเจียงซู่ที่วางอยู่ตรงพื้นกระเด็นตกลงไปในน้ำ

เธอแอบหวังว่ากระเป๋าของเจียงซู่ใบนี้มาจากการขโมยจริง ๆ จะได้แจ้งตำรวจจับให้รู้แล้วรู้รอด แต่เธอรู้ดีว่าทั้งหมดนี้ซื้อว่าด้วยเงินพี่ชายของเธอเอง!

สำหรับพี่สะใภ้ในนามคนนี้ เธอดูหมิ่นดูแคลนเป็นอย่างมาก รังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่คอยสูบเลือดสูบเนื้อของตระกูลเธอราวกับปลิงไม่มีผิด

ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ชายของเธอประสบอุบัติเหตุแล้วล่ะก็ จะมีเหรอที่ผู้หญิงชั้นต่ำแบบนี้จะได้มาเป็นพี่สะใภ้เธอ!

“ก็แค่ของปลอม”

ไม่รู้สิ่งที่อีกคนพูดนั่นหมายถึงกระเป๋า หรือหมายถึงเจียงซู่กันแน่

ใช่แล้ว การมาประชุมผู้ปกครองของเธอไม่ได้มาในนามพี่สะใภ้ แต่มาในนามพี่เลี้ยงต่างหาก ตามที่เด็กพวกนั้นพูด

และไม่ต้องถามเลยว่าทำไมพี่เลี้ยงถึงมีสิทธิ์ได้เข้าประชุมผู้ปกครอง เหตุผลสั้น ๆ ง่าย ๆ เลยคือ โจวหว่านซินเต็มใจเอง

และนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเจียงซู่ไม่อยากมาประชุมผู้ปกครอง เพราะเธอไม่อยากเป็นหนึ่งในความบันเทิงของพวกเขา

ครั้งแรกที่เธอมาประชุมผู้ปกครองให้โจวหว่านซิน เธอเหมือนกับคุณย่าที่มีความสุขมากจนแทบขาดใจ เธอคิดว่าตัวเองได้รับการยอมรับสักที

แต่ใครจะไปรู้ล่ะ ว่าสิ่งที่รอเธออยู่ไม่ใช่การยอมรับ แต่มันคือการถูกกลั่นแกล้งต่างหาก ทันทีที่เจอโจวหว่านซิน เธอก็ถูกพวกเขาสาดด้วยน้ำสกปรกหนึ่งถังอย่างไม่มีสัญญาณเตือนใด ๆ ล่วงหน้า

สภาพเธอดูน่าสมเพชมาก

หัวใจของเจียงซู่ไม่ใช่ก้อนหินที่จะสามารถแข็งแกร่งได้ตลอดเวลา การที่เธอถูกน้องสาวสามีเรียกพรรคพวกมารุมหยามเธอแบบนี้ เธอเองก็รู้สึกเจ็บปวดไม่ใช่น้อย

ทันใดนั้น เธอก็รู้เจ็บที่บริเวณหน้าผากจากการโดนหินปาใส่

“ฮ่าฮ่า ในที่สุดฉันก็ปาโดนแล้ว”

ผู้ที่ลงมือตรงหน้าพูดขึ้นด้วยความดีใจและตบมือชอบใจอยู่บนฝั่ง

เจียงซู่มองเด็ก ๆ ที่ยืนอยู่บนฝั่ง ความรู้สึกเจ็บปวดเอ่อล้มราวกับว่ากำลังแบกรับความเจ็บปวดของคนทั้งโลกไว้อยู่

เธอที่กำลังอายุเข้าเลขสามแล้ว ต้องมาถูกเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะกลั่นแกล้งรังแก

เมื่อเด็กสารเลวพวกนี้เติบโตเริ่มเข้าสู่สังคม ต้องมีคนอีกมากมายที่กลายเป็นเครื่องมือความบันเทิงของพวกเขา และไม่มีใครสามารถเอาผิดพวกเขาได้ เพราะมีพ่อแม่อำนาจล้นฟ้าที่คอยกลบขี้ให้ลูกอยู่ข้างหลัง

โจวซือเหย่ทำลายความจริงใจของเธอ ส่วนน้องสาวของเขาก็เหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเธอ สมกับเป็นพี่น้องกันจริง ๆ

ความรู้สึกภายในใจเจียงซู่ที่ถูกกดทับมาเป็นเวลานานจนไม่สามารถกลั้นไว้ได้แล้ว ในเมื่อเธอไม่คิดที่จะรักษาโจวซือเหย่ไว้อยู่แล้ว เธอก็ไม่จำเป็นต้องเอาใจน้องสาวสามีตรงหน้าอีกต่อไป!

เธอว่ายน้ำอ้อมไปขึ้นฝั่งอีกด้าน และตรงไปหาเด็กผู้หญิงที่เพิ่งปาหินใส่เธอเมื่อครู่โดยที่ไม่ได้พูดอะไรสักคำ เธอจับเด็กคนนั้นผลักลงไปในน้ำ พร้อมกับดึงผมและกดหัวลงน้ำ เด็กผู้หญิงคนนั้นสำลักน้ำเข้าไปหลายอึก

“แกทำอะไรน่ะ!? ”

ทุกคนต่างตกตะลึง

ไม่มีใครคาดคิดว่าเจียงซู่จะกล้าบ้าบิ่นได้ขนาดนี้!

เจียงซู่หันกลับไปมองกลุ่มของโจวหว่านซิน “สนุกไหม? ”

แผลที่หน้าผากของเธอเริ่มมีเลือดซึมออกมาและไหลไปตามมุมหน้าผากจนเข้าตา เป็นภาพที่ดูน่ากลัวและดุร้ายในเวลาเดียวกัน ในชั่วขณะนั้น เธอราวกับปีศาจรากษสที่ออกมาจากนรกเพื่อมาทวงคืนชีวิต

ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่โจวหว่านซินเห็นเจียงซู่ดุร้ายขนาดนี้ เพราะปกติเธอจะเป็นคนยอมคนเหมือนลูกเจี๊ยบในกำมือ ใครจะทำอะไร รังแกเธออย่างไรก็ได้เหมือนเบี้ยล่าง

“เจียงซู่ แกบ้าไปแล้วหรือไง? ยังไม่ปล่อยอีก!”

เจียงซู่มองไปยังเจ้าของคำพูดเมื่อครู่พร้อมกับถามว่า “เล่นพอหรือยัง?”

โจวหว่านซินเหมือนถูกอีกคนทำให้ขายหน้า จึงข่มขู่ขึ้นมาว่า “แกไม่อยากอยู่ในบ้านตระกูลโจวแล้วใช่ไหม!? ”

เมื่อเห็นอีกคนกล้าขัดขืนต่อต้านตัวเองขนาดนี้ แน่นอนว่าเธอจะต้องไปนินทา ใส่ร้ายให้พี่ชายตนเองฟังอย่างแน่นอน

เจียงซู่ดึงมือกลับพร้อมกับลุกขึ้นยืน “ใช่ ไม่อยากอยู่แล้ว”

เมื่อครู่เธอเสียการควบคุมไปชั่วขณะจึงเผลอลงมือกับเด็กคนนั้นลงไป

เด็กผู้หญิงว่ายเข้ามาเกาะริมฝั่ง พร้อมกับไอสำลักน้ำและหายใจหอบไม่หยุด เพื่อน ๆ เห็นดังนั้นจึงรีบไปช่วยกันดึงเธอขึ้นมาจากน้ำ

เจียงซู่เดินเข้าไปใกล้พร้อมกับพูดเสียงเบาให้มีเพียงแค่เขาและคนตรงหน้าได้ยินเท่านั้น “เกลียดฉันมากนักไม่ใช่เหรอ แน่จริงก็ทำให้พี่ชายแกมาหย่ากับฉันสิ”

ถ้าพูดถึงคนทั้งตระกูลโจวแล้ว คนที่อยากให้เธอไสหัวออกไปมากที่สุดก็คือโจวหว่านซิน คนที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้

โจวซือเหย่รักน้องสาวคนนี้มาก หากมีเธอคอยช่วยอยู่เบื้องหลังเติมไฟยุยงเรื่องหย่า จะต้องราบรื่นอย่างแน่นอน

เจียงซู่หวังว่าเธอจะทำสำเร็จ

โจวหว่านซินผลักเธอออกด้วยท่าทางรังเกียจที่เธอเข้าไปใกล้ “แกคิดว่าฉันทำไม่ได้เหรอ?”

เจียงซู่ถอยออกหนึ่งก้าวด้วยแรงผลักของอีกคนก่อนจะยืนได้อย่างมั่นคงทีหลัง และมองด้วยสายตายั่วยุ “งั้นก็ทำให้ดูหน่อยละกัน ไม่งั้นฉันรอสมน้ำหน้าอยู่”

เธอรู้จักคนตรงหน้าดี โจวหว่านซินเป็นคนไม่ชอบการโดนท้าทายมากที่สุด

เจียงซู่หยิบกระเป๋าที่ยังไม่จมขึ้นมาจากน้ำด้วยความรู้สึกเสียดาย

พวกคนไร้ศีลธรรม กระเป๋าแพงขนาดนี้ยังกล้าเตะลงน้ำอีก ไม่รู้กระเป๋าที่ตกน้ำแล้วยังจะขายได้อยู่ไหมนะ

ถ้าไม่ใช่เพราะอยากให้คุณย่าเห็นว่าเธอใช้ชีวิตกินอิ่ม อยู่ดีมีสุข เธอคงไม่สะพายออกมาหรอก

รู้สึกกระเป๋าเสียหายค่อนข้างมาก กลับไปต้องให้โจวซือเหย่ชดเชยให้มากขึ้นกว่านี้

โจวหว่านซินจ้องมองแผ่นหลังของเจียงซู่ที่กำลังเดินจากไป เพื่อนร่วมชั้นของโจวหว่านซินเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย “ซินซิน พี่เลี้ยงบ้านเธอกำเริบใหญ่แล้วนะ กล้าพูดกับเธอถึงขนาดนี้ ท่าทางเหมือนไม่อยากทำงานต่อแล้วอย่างงั้น? ”

โดยเฉพาะวันนี้ เธอหยิ่งผยองเอามาก ๆ

เมื่อก่อนตอนที่ถูกรังแก ไม่เคยจะเห็นว่าเธอจะต่อต้านรุนแรงขนาดนี้มาก่อน

สีหน้าโจวหว่านซินก็ไม่สู้ดีนัก เธอได้แต่กัดฟันแน่น

คอยดูเถอะ เธอจะให้พี่ชายจัดการนางผู้หญิงเลวนั่นให้ได้!

โจวหว่านซินหันไปมองเด็กผู้หญิงที่ถูกเจียงซู่กดลงน้ำ และเริ่มพูดแผนการในหัวออกมา “เหยาเจีย เธอกลับไปบอกแม่ของเธอว่าถูกรังแก”

แม่ของเหยาเจียเป็นคนอารมณ์รุนแรง ขี้โมโห คอยดูเถอะ เจียงซู่เตรียมรับศึกหนักที่กำลังจะมาถึงได้เลย!
이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 90

    เจียงซู่ไม่ได้สนใจว่าพวกเขาสองพ่อลูกกำลังคิดอะไรอยู่ แต่คุณย่า...เธอโบกมือให้คนมาช่วยขนกระเป๋าสัมภาระต่าง ๆ ให้อีกคนเจียงเจียเหวินเชิดคอด้วยท่าทางภาคภูมิใจพร้อมกับเดินเข้าไปในห้องรับรองโจวซือเหย่กลับมาถึงบ้านในเวลาอาหารเย็น และเมื่อเขาเข้ามาในบ้าน ก็สังเกตเห็นเจียงเจียเหวินทันที“พี่เขย”เจียงเจียเหวินฉีกยิ้มกว้างพร้อมกับเดินเข้าไปหา “พี่กลับมาแล้วเหรอคะ? ฉันกับพี่เจียงกำลังจะทานอาหารเย็นพอดี แต่ฉันก็บอกพี่เจียงแล้วนะคะว่าให้รอพี่ก่อน แต่พี่เจียงก็บอกว่าไม่ต้องรอ แถมยังบอกว่าพี่จะไม่กลับมากินข้าวที่บ้านอีก”“ดูสิ เหมือนว่าพี่สาวเธอจะเดาผิดนะ เธอดูไม่สนใจอะไรเลย ไม่รอ ละไม่โทรถามด้วย”ระหว่างที่พูด เจียงเจียเหวินเดินไปหาอีกคนเพื่อรับเสื้อโค้ทที่โจวซือเหย่ถอดออก“เดี๋ยวฉันจัดการเอง”เมื่อพูดจบ เธอก็แย่งเสื้อโค้ทมาจากมือป้าเฉินป้าเฉิน “...”ป้าเฉินไม่เคยเห็นใครชอบแย่งงานทำขนาดนี้มาก่อนเจียงเจียเหวิน “ป้าเฉินคะ ไปหยิบตะเกียบกับชามเพิ่มอีกหนึ่งชุดให้พี่เขยหน่อยค่ะ”“พี่เขย นั่งตรงนี้นะคะ”เมื่อถึงโต๊ะอาหาร เจียงเจียเหวินดึงเก้าอี้ให้โจวซือเหย่ตำแหน่งที่เขานั่งคือฝั่งตรง

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 89

    ในยามกลางคืนที่มืดดำสนิท ในห้องนอนที่เงียบสงดมีเสียงแปลก ๆ ดังขึ้น โจวซือเหย่พยายามปลุกเจียงซู่ที่มีท่าทางที่ไม่ปกติให้ตื่นเมื่อเจียงซู่ตื่น ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความสับสนและความหวาดกลัว ใบหน้าของเธอซีดเผือดหลังจากหลงอยู่ในห้วงของความฝันโจวซือเหย่ “ฝันร้ายเหรอ?”ใช่ เธอเพิ่งตื่นจากฝันร้ายจริง ๆ เธอฝันถึงอุบัติเหตุรถยนต์อีกแล้วเธออยากจะมองข้ามมัน อยากจะลืมมันไปให้พ้น ๆ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างกลับตามมาหลอกหลอนเธอเหมือนเงาที่ตามติด ตั้งแต่ที่เกิดเรื่องขึ้น เจียงซู่จำไม่ได้แล้วว่านี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่เธอบอกกับตัวเองซ้ำ ๆ ว่าทุกอย่างได้ผ่านไปแล้ว ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว แต่เธอยังคงฝันร้ายเช่นนี้อยู่อย่างควบคุมไม่ได้เจียงซู่สูดอากาศหายใจเข้าลึก ๆ และหลับตาลง พร้อมกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่จนลำคอขยับอย่างเห็นได้ชัด กลิ่นคาวเลือดที่อบอวลราวกับว่ายังคงวนเวียนอยู่ที่ปลายจมูก โจมตีเข้ากับระบบการรับกลิ่นของเธออย่างไม่หยุดยั้ง จนทำลายสัมผัสทั้งห้าของเธอจากการที่เขาได้ยินคำพูดละเมอตอนเธอตอนอยู่ในห้วงแห่งความฝัน ทำให้โจวซือเหย่รู้ได้ทันทีว่าเธอกำลังฝันถึงอะไรอยู่ แววตาของเขาฉายแววความสงสารจึงเอ่ยขึ้นมา

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 88

    เมื่อคุณหญิงย่าเห็นเจียงซู่ที่กลับมาพร้อมกับขาที่บาดเจ็บ จึงมองเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสารจับใจ และหันไปตำหนิโจวซือเหย่ทันทีว่า “ทำไมไม่บอกย่าว่าเมียแกบาดเจ็บ? ถ้าย่ารู้ ย่าจะไม่ให้มาหรือไง แกดูแลเมียแกเป็นไหมเนี่ย?”โจวซือเหย่รับบททำตัวเป็นหลานชายผู้แสนดี “คุณย่าสอนถูกแล้วครับ เป็นความผิดของผมเอง”เจียงซู่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “คุณย่าคะ หนูไม่ได้เป็นอะไรมากค่ะ อาเหย่ดูแลหนูดีค่ะ”หากต้องพูดถึงการหย่าร้าง คนในตระกูลโจวทั้งหมดที่เธอรู้สึกเสียดายมากที่สุดก็คงเป็นคุณย่าโจวด้วยความรักและความเอ็นดูอย่างแท้จริงที่คุณย่ามีให้แก่หลานสะใภ้ที่ถูกซื้อมาคนนี้ จึงทำให้เธอยอมให้ความร่วมมือกับโจวซือเหย่เล่นละครเพื่อเอาใจคุณหญิงย่าเหวินเหยาฉินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ มองเจียงซู่ที่กำลังนั่งอยู่บนรถเข็น พร้อมกับขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ทำไมถึงบาดเจ็บอีกแล้ว? สรุปร่างกายของเธอไหวไหมเนี่ย?เมื่อเห็นว่าเจียงซู่ผอมลง คุณหญิงย่าจึงสั่งให้ทางห้องครัวทำอาหารบำรุงมาให้เธอทานเยอะ ๆ และตกเย็นเมื่อถึงเวลากลับ ก็ยังจัดเตรียมอาหารเสริมมากมายใส่ขึ้นรถให้อีกด้วยคุณหญิงย่า “ถ้ากินหมดแล้วก็บอกย่านะ เดี๋ยวย่าส

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 87

    เจียงซู่พยักหน้าอย่างเข้าใจ ก็เป็นผู้หญิงวัยผู้ใหญ่นี่นะเธอหยิบของขวัญออกมาจากกระเป๋าเดินทางที่เตรียมไว้ให้สำหรับไต้ซานเหอไต้ซานเหอหิ้วกระเป๋าลิมิเต็ดอิดิชั่นที่อีกคนให้ขึ้นมาอย่างพออกพอใจ พลางพูดขึ้นว่า “ทำไมไม่ซื้อมาหลาย ๆ ใบล่ะ? ทางที่ดีนะ ซื้อจนโจวซือเหย่ล้มละลายไปเลย! ถ้าแกไม่รีบใช้เงิน ถึงตอนนั้นก็จะตกไปเป็นของคนต่ำสถุน อย่างเวิงอี๋ละนะ”เธอประเมินความสามารถในการซื้อของตัวเองสูงเกินไป และประเมินสินทรัพย์ของโจวซือเหย่ต่ำไปเช่นกัน แค่กระเป๋าไม่กี่ใบ จะทำให้เขาล้มละลายได้อย่างไงกัน“ฉันหิวแล้ว”เมื่อมนุษย์ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ทำให้รู้สึกสบายใจ ก็จะรู้สึกเหนื่อยง่าย และเกิดความต้องการต่าง ๆ ได้ง่าย ความอยากอาหารก็เป็นหนึ่งในความต้องการนั้นเช่นกันเธอเป็นคนติดรสชาติอาหารจีนมาก อาหารต่างประเทศเธอไม่ค่อยชินเท่าไหร่ ทั้งร่างกายที่มีอาการบาดเจ็บประกอบกับสภาพอากาศรอบตัวที่ไม่คุ้นเคย การเดินทางครั้งนี้ จึงทำให้เจียงซู่ผอมลง น้ำหนักหายไปหลายกิโลกรัมฝีมือการทำอาหารของไต้ซานเหอไม่เลวเลย เธอทำแต่อาหารที่เจียงซู่ชอบแต่ทว่า เธอยังไม่ทันได้อ้าปากลิ้มรสอาหารที่อยู่ตรงหน้าสักคำเดียว โจ

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 86

    “พี่เจียงคะ เดี๋ยวฉันช่วยเข็นพี่เข้าไปพักผ่อนข้างในนะคะ ฉันจะบอกพี่ให้ ว่าที่นี่หรูหรามาก ข้าวของเครื่องใช้ครบครัน ถ้าพี่ต้องการอะไรบอกฉันได้เลยนะคะ เดี๋ยวฉันช่วย...”เวิงอี๋แสดงท่าทีราวกับเป็นเจ้าของเครื่องบินเจียงซู่ยกมือขึ้นเพื่อเป็นสัญญาณให้อีกคนหยุดพูด พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ตามีปัญหาหรือไง?”เวิงอี๋ได้ยินดังนั้นจึงชะงักขึ้นมาทันที และพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่งงงวยว่า “หมายความว่าไงคะ?”เจียงซู่พูดตอบกลับ “ดูไม่ออกเหรอว่าฉันไม่ชอบเธอ”เธอกำลังรำคาญอยู่ เวิงอี๋ดูไม่ออกได้อย่างไร?“พี่เจียง...”เวิงอี๋เบะปาก ทำท่าตะกุกตะกักเหมือนกำลังถูกรังแก และใบหน้าที่เต็มไปด้วยความน้อยใจในตอนนั้น โจวซือเหย่จึงพูดเข้าข้างเวิงอี๋ว่า “เธอก็แค่อยากดูแลคุณเท่านั้นเอง ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีสักหน่อย”เจียงซู่มองเขาที่กำลังเข้าข้างอีกคนด้วยแววตาเยาะเย้ย ไม่รู้ว่าเขาไม่เห็นความคิดแอบแฝงของเวิงอี๋จริง ๆ? หรือแค่แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นกันแน่?เธอต้องการความช่วยเหลือจากเวิงอี๋เหรอ?ถึงแม้เธอจะตายและเอาศพไปทิ้งกลางป่า ก็คงไม่ถึงคราวที่ชู้ต้องมาเอาศพให้หรอก เว้นก็เสียแต่ พวกเขารู้สึกว่าเธอตา

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 85

    “ผมรู้”เขารู้เรื่องทั้งหมด เลขาหลู่เป็นคนบอกเขาเองทั้งหมดแล้วโจวซือเหย่ตอนแรกเห็นว่าเจียงซู่ไม่เป็นอะไร จริง ๆ แล้วเขาดีใจด้วยซ้ำ ดีใจที่เธอไม่เป็นอะไรมากแต่ว่าหลังจากรู้เรื่องที่เธอประสบอุบัติเหตุรถชน เขาก็รู้สึกเจ็บปวดใจขึ้นมาอีกครั้ง เพราะเขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นใบหน้าของเจียงซู่ไม่ได้ดีขึ้นเพราะเรื่องนี้ ในทางกลับกันยิ่งเปลี่ยนเป็นแย่ลงกว่าเดิม เพราะความสงสารที่เขาแสดงออกมาในเวลานี้ สำหรับเธอแล้วทั้งหมดนี้มันคือการถูกเยาะเย้ยมิตรภาพที่มาช้ามันดูไร้ค่ายิ่งกว่าหญ้าอีกโจวซือเหย่พูดขึ้น “ครั้งนี้มันเป็นแค่อุบัติเหตุ ต่อไปผมจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก”“ความบังเอิญที่มากเกินไปก็ไม่ใช่ว่าความบังเอิญ เหตุผลเดียวกัน เรื่องอุบัติเหตุก็เช่นกัน” เจียงซู่ยกมุมปากขึ้นด้วยท่าทางเยาะเย้ย “ระหว่างฉันกับเวิงอี๋ คุณจะเลือกใคร จริง ๆ แล้วในใจคุณรู้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าคุณเลือกใคร”ตอนนี้เขาก็แค่ทำตัวเป็นเหมือนขงเบ้งหลังเกิดเหตุ เพื่อที่จะรักษาศักดิ์ศรีตัวเองเอาไว้แววตาของเจียงซู่สิ้นหวัง เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แฝงการอ้อนวอนขอร้อง “เป็นสามีภรรยากันมาก็ห้าปี เห็น

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status