"พี่หน่วน ตรงนี้มีตัวอักษรอยู่สองตัว ท่านบอกว่าเป็นชื่อของข้า แต่เหล่าผู้อาวุโสต่างก็อ่านไม่ออก ข้าจึงบอกเขาไป พวกเขาบอกว่า ท่านถูกข้าตามเกาะแกะจนทนไม่ไหวถึงได้สลักตัวอักษรลงไปมั่วๆ สองตัว อ้อ เหล่าผู้อาวุโสยังบอกอีกว่า คำว่าเอ๋อร์ของอินเอ๋อร์ มีขีดหายไปด้วย" กู้ชูหน่วนขมวดคิ้วมุ่น ขีดหายที่ไหนกัน แบบนี้เขาเรียกว่าเขียนย่อต่างหาก หลังจากที่นางข้ามมิติมาที่นี่ อย่าว่าแต่แกะสลักกระต่ายให้นางเลย นางไม่รู้จักเด็กคนนี้เสียด้วยซ้ำ อีกอย่าง...... "ปีนี้เจ้าอายุเท่าไหร่แล้ว" "อินเอ๋อร์สิบสามแล้ว ใกล้จะเป็นผู้ใหญ่แล้ว" อายุสิบสามปี... ซึ่งก็หมายความว่า กระต่ายตัวนี้ สลักให้นางเมื่อสามปีก่อน กู้ชูหน่วนลูบจี้กระต่ายเบาๆ จี้นี่มันวาวไปหมด คนใส่น่าจะลูบคลำอยู่บ่อยๆ ถึงได้แววขนาดนี้ หรือว่า...ร่างเดิมก็เป็นคนที่ทะลุมิติมาเหมือนกัน ? ถ้าหากร่างเดิมก็ทะลุมิติมาอีกคน เช่นนั้นเหตุใดลายมือถึงเหมือนกับลายมือนางไม่มีผิด กู้ชูหน่วนตกอยู่ในความมึนงงสงสัย ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ "พี่หน่วน เป็นอะไรไป เหตุใดสีหน้าถึงดูแย่ขนาดนี้" "อี้เฉินเฟยล่ะ" "พี่ใหญ่เฉิ
คนตรงหน้าคือชายชราวัยประมาณห้าสิบกว่า เขาอายุยังไม่ย่างหกสิบ แม้จะดูแข็งแรงกระฉับกระเฉงดี ทว่าผมกลับขาวโพลนไปทั้งหัว ชายแก่เห็นนางแล้ว ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มเมตตา "อาหน่วน ยังเจ็บอยู่หรือไม่" "ข้าไม่เป็นไร ขอบคุณพวกท่านที่ช่วยข้าไว้" "ไม่เป็นไรก็ดี นังหนูอินเอ๋อร์ชอบพูดพล่ามไม่เรื่อย เจ้าอย่าไปฟังนางเพ้อเจ้อ มา กินข้าวก่อน เจ้าสลบไปตั้งหลายวันหลายคืน" ชายแก่หยิบโจ๊กสมุนไพรที่ร้อนระอุถ้วยหนึ่งขึ้นมา ก่อนจะเป่าเบาๆ แล้วป้อนให้กู้ชูหน่วนกับมือ โจ๊กสมุนไพรกลิ่นหอมโชย เพียงแค่กู้ชูหน่วนดมแวบเดียวก็รู้แล้วว่าโจ๊กสมุนไพรถ้วยนี้ใช้ยาสมุนไพรที่ล้ำค่า และยาบำรุงหายากมาเคี่ยวกว่าหลายชั่วยามถึงจะเคี่ยวออกมาได้ "ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงอี้เฉินเฟย เหล่าผู้อาวุโสก็กำลังช่วยเขาอย่างเต็มกำลัง จะรอดหรือไม่ ก็ต้องดูคืนนี้แล้ว" ไม่รู้เป็นเพราะนึกถึงอาการบาดเจ็บของอี้เฉินเฟยหรืออย่างไร ภายในดวงตาขุ่นมัวคู่นั้นของชายแก่มีความเจ็บปวดที่ไม่อาจคลาย ไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน ท้องของกู้ชูหน่วนจึงว่างเปล่าไม่มีอะไรอยู่เลย นางกินพลางเอ่ยถาม "พวกท่านไม่ได้จำคนผิดใช่หรือไม่" "แม้ปู่ไป๋เฉ่าจะแก่แล้ว
"พี่หน่วน ใช่ท่านจริงๆ หรือ ท่านกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ข้าคิดถึงท่านจะตายอยู่แล้ว" เสียงเด็กน้อยดังขึ้นกะทันหัน หลังจากนั้นก็มีเด็กผู้ชายวัยเจ็ดแปดขวบวิ่งเข้ามากอดขาของนางอย่างปุบปับ ไม่นานนัก เด็กที่วิ่งเล่นกับเด็กผู้ชายคนนั้นเห็นนาง ก็พากันกรูเข้ามาหมด แย่งกันเข้ามากอดขาของนาง พลางตะโกนด้วยความตื่นเต้น"พี่หน่วน ข้าคิดว่าข้าดูผิดไปเสียอีก เหตุใดคราวนี้ท่านจากไปนานเพียงนี้ พ่อแม่ของข้าบ่นถึงท่านไม่หยุด" "พี่หน่วน คราวก่อนท่านบอกว่า ครั้งหน้ากลับมาจะซื้อว่าวให้ข้า ว่าวของข้าเล่า" "ไปไปไป เจ้าเด็กนี่ วันทั้งวันคิดแต่จะเอาว่าวจากพี่หน่วน พี่หน่วนเพิ่งกลับมา ต้องเหนื่อยแย่แน่ ควรให้นางพักผ่อนให้เต็มที่" กู้ชูหน่วนก้มหน้ามองเด็กทั้งชายและหญิงสิบกว่าคนกำลังพูดเจื้อยแจ้วอยู่ข้างกายนาง แต่ละคนท่าทางสนิทสนมกับนางยิ่งนัก ราวกับนางเป็นพี่สาวแท้ๆ ของพวกเขา เสียงความเคลื่อนไหวที่นี่ดึงดูดคนอื่นๆ ในหมู่บ้าน ทั้งหมู่บ้านพลันตกตะลึง ทั้งหญิงชายเด็กและคนแก่ต่างก็ล้อมกันเข้ามา "เอ๊ะ คุณพระช่วย ใช่อาหน่วนจริงๆ ด้วย ข้าคิดว่าข้าเห็นภาพลวงตาเสียอีก อาหน่วน พวกเรา...พวกเราคิดถึงเจ้าจนแท
หลังจากเหตุการณ์นองเลือดผ่านไป ภายในหมู่บ้านเต็มไปด้วยเสียงร้องโหยหวน ทุกที่ล้วนแต่แขวนผ้าขาวไว้อาลัย เลือดสีแดงสดและหลุมศพถูกสร้างขึ้นเรื่อยๆ เหงื่อ...หยดไหลลงมา จู่ๆ กู้ชูหน่วนก็กุมหน้าอกของตัวเอง เจ็บปวดจนแม้แต่หายใจก็ยังยากลำบาก เหล่าชาวบ้านที่ล้อมอยู่รอบตัวนางพลันหน้าเปลี่ยนสี ปากพลอยพูดอะไรบางอย่าง ทว่านางกลับไม่ได้ยินเลยสักคำ เห็นเพียงแค่สายตากังวลและห่วงใยของพวกเขา นางตบกระโหลกศีรษะของตนเองอย่างแรง ดูเหมือนนางจะลืมอะไรบางอย่าง แต่นางลืมอะไรกันแน่ เหตุใดนางนึกอะไรไม่ออกเลย "อาหน่วน..." ผู้เฒ่าผมขาวหลายคนรีบเข้ามาด้วยความร้อนรน ประครองนางเอาไว้ ก่อนจะกดจุดฝังเข็มของนาง แล้วอุ้มนางกลับไปรักษาที่ห้อง หลังจากนั้น นางก็สลบไป ท่ามกลางความสะลึมสะลือ นางคล้ายจะได้ยินบางประโยค "ไม่เช่นนั้นก็ปลดปล่อยพลังที่ผนึกอยู่ภายในร่างของหัวหน้าเผ่าไปเสียเลย ยามนี้พลังที่นางผนึกไว้ถูกปลดปล่อยออกมาแล้วครึ่งหนึ่ง พลังลมปราณพลุ่งพล่านไปมาไม่หยุด จู่โจมอวัยวะภายในของนาง ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไป ร่างกายของนางจะรับไม่ไหว" "ไม่ได้ ยังหาแก้วมังกรทั้งหมดไม่ครบ หากผนึกถูกทำลาย เผ
ผู้อาวุโสทั้งสามท่านนิ่งเงียบไปชั่วขณะ พวกเขาหาข้ออ้างจะออกไปด้วยความลังเล กู้ชูหน่วนหยิบมีดสั้นออกมาจากแหวนปริภูมิ กดลงไปที่คอของตนเอง "วันนี้หากพวกท่านไม่บอกความจริงทั้งหมดกับข้าให้ชัดเจน ข้าจะตายตรงหน้าพวกท่านเดี๋ยวนี้" "อย่าอย่าอย่า...เจ้ารีบวางมีดลงเสีย หากเจ้าเป็นอะไรไป พวกเราจะอธิบายกับชาวเผ่าอวี้อีกเป็นหมื่นเป็นพันคนได้อย่างไร" "เช่นนั้นก็บอกมา หากพวกท่านรู้จักข้า ก็น่าจะรู้ว่าข้ามีความอดทนไม่มากนัก" กู้ชูหน่วนแน่วแน่หนักแน่น อีกทั้งยังไม่ยอมปล่อยมีดในมือ เพียงแค่นางออกแรงอีกเล็กน้อย คงได้ตายอยู่ที่นี่เป็นแน่ ผู้อาวุโสทุกคนต่างก็ร้อนรนกระวนกระวาย อยากจะไปแจ้งผู้อาวุโสใหญ่ แต่กู้ชูหน่วนก็ไม่ยอมปล่อยให้พวกเขาออกไป สุดท้ายก็เป็นผู้อาวุโสเจ็ดผู้มีนิสัยบุ่มบ่ามใจร้อนที่ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว "ในเมื่อเจ้าอยากรู้ เช่นนั้นข้าจะบอกเจ้าก็ได้" "น้องเจ็ด..." "โธ่ นิสัยของหัวหน้าเผ่าก็ใช่ว่าเจ้าจะไม่รู้ หากนางเป็นอะไรไป ต่อให้เจ้าปิดบังความลับมากเพียงใดแล้วจะประโยชน์รึ" "อาหน่วน เจ้าคือหัวหน้าเผ่าที่อายุน้อยที่สุดของเผ่าอวี้เรา วิทยายุทธขั้นเจ็ด เพื่อปกปิดสถานะของเจ
ภายในห้องนอนที่ประณีตสะอาดตา อี้เฉินเฟยใบหน้าขาวซีด ดวงตาทั้งสองข้างปิดสนิทอย่างไร้เรี่ยวแรง ลมหายใจอ่อนโรยรา ผมขาวโพลนทั้งหัวของเขาทั้งสะดุดตาและทำให้คนรู้สึกปวดใจ ข้างกายอี้เฉินเฟยยังมีเหล่าผู้อาวุโสผมขาวอีกหลายท่าน เหล่าผู้อาวุโสไม่รู้ว่าใช้กำลังภายในไปมากเพียงใด ลมหายใจเหนื่อยหอบไม่มั่นคง สีหน้าดูกระอักกระอ่วนเล็กน้อย ทันทีที่กู้ชูหน่วนเข้าไปในห้อง ผู้อาวุโสทุกคนพากันทำความเคารพ โดยมีผู้อาวุโสใหญ่เป็นผู้นำ "คาราวะท่านหัวหน้าเผ่า ขอหัวหน้าเผ่าพบเจอแต่ความสุข" "พวกท่านรีบลุกขึ้นมาเถิด" กู้ชูหน่วนไม่ค่อยชิน ในสมองของนางมีความทรงจำเกี่ยวกับเผ่าอวี้อยู่ไม่มากนัก จู่ๆ ก็ถูกผู้อาวุโสมากมายขนาดนี้เรียกว่าหัวหน้าเผ่า นางเองก็รู้สึกแปลกๆ ตอนที่ยื่นมือออกไปประครองพวกเขา กู้ชูหน่วนเผลอจับชีพจรของผู้อาวุโสใหญ่โดยไม่ทันระวัง ผู้อาวุโสใหญ่มีกำลังภายในกล้าแกร่ง ไม่รู้ว่าวิทยายุทธไปถึงขั้นใด แต่ใช้พลังลมปราณไปมาก ยามนี้พลังลมปราณไม่มั่นคง ยิ่งไปกว่านั้น ชีพจรของเขายังคล้ายกับอี้เฉินเฟยนัก ดูเหมือนจะมีแรงกัดกร่อนบางอย่างค่อยกลืนกินพลังชีวิตของพวกเขาอยู่ตลอดเวลา แม้พลังชีวิ
เหล่าผู้อาวุโสล้วนแต่ไม่อยากออกไป ยังอยากคุยกับกู้ชูหน่วน ผู้อาวุโสใหญ่แค่ส่งสายตาเย็นเยียบไป พวกเขาจึงทำได้เพียงแค่ออกไปก่อน รักษาหัวหน้าเผ่า ก่อนจะไปรักษาอี้เฉินเฟยต่อ กำลังภายในของพวกเขาถูกใช้ไปมากมายเหลือเกิน ควรจะกลับไปพักผ่อนแล้วจริงๆ "หัวหน้าเผ่า ข้ารู้ว่าเจ้าผูกพันกับอี้เฉินเฟยมาตั้งแต่เด็ก แต่...เจ้าอย่าได้ร้อนใจไป ทุกคนในเผ่าอวี้จะช่วยกันตามหาแก้วมังกรอย่างสุดกำลัง เฉินเฟยเด็กคนนี้จิดใจดี เขาเองก็ไม่อยากให้เจ้ารู้สึกแย่" "ขอบคุณผู้อาวุโส ข้าเห็นท่านเองก็เหนื่อยมากแล้ว กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ" "อืม" กู้ชูหน่วนนั่งอยู่ตรงหน้าเตียง ยื่นนิ้วขาวเรียวยาวออกไปลูบใบหน้าที่คมชัดหล่อเหลาดุจเทพที่ซีดขาวของเขา ในความทรงจำ ทุกครั้งที่อี้เฉินเฟยเห็นนางมักจะยิ้มด้วยความเอ็นดู และอบอุ่นอยู่เสมอ นางอยากจะให้อี้เฉินเฟยยังเป็นเหมือนก่อนหน้า ยิ้มให้นางด้วยความอบอุ่น เรียกนางว่าเด็กโง่ เรียกนางว่าอาหน่วน "พี่ใหญ่เฉินเฟย ข้ารู้สึกว่าไหล่ของข้าหนักมาก มีหลายเรื่องที่รอให้ทำ แต่ข้าคิดไม่ออกว่าต้องทำอะไรกันแน่ ยามนี้...ดูเหมือนข้าจะเริ่มเข้าใจแล้ว ที่จริงแล้วหนึ่งในภารกิจของข้าก
เจ็บ เจ็บที่หัว ตัวก็เจ็บ โดยเฉพาะความรู้สึกประหลาดที่ตีขึ้นจากท้องน้อยเป็นระลอกนั้น กำลังโจมดีกู้ชูหน่วนไม่หยุดหย่อนเธอหนาวสั่นสะท้าน สายลับระดับท็อปและหมอยอดฝีมือระดับโลกแห่งศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดอย่างเธอจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเองยังไม่ทันได้สติ ข้างหูก็มีเสียงพึมพำอย่างลำพองใจดังขึ้น"ท่านพี่ อย่าได้โทษน้องเลยนะเจ้าคะ หากจะโทษคงต้อโทษที่ท่านพี่ไร้ความสามารถ ไร้คุณธรรม แถมยังหน้าตาอัปลักษณ์ เพียงเพราะเป็นคุณหนูสามจากฮูหยินใหญ่ ท่านพี่ถึงได้ถูกหมั้นหมายให้เป็นเจ๋ออ๋องเฟยตั้งแต่เด็ก คนที่สง่างามหล่อเหลาเช่นนั้น ไม่ใช่คนที่ท่านพี่จะคู่ควร""อี๋เหนียงได้พาคนจากจวนอัครเสนาบดีมาแล้ว ประเดี๋ยวผู้ชายพวกนั้นคงมาถึงเหมือนกัน ท่านพี่วางใจเถิด พิษเมามายพันกาลที่ท่านโดน ต้องทำให้ท่านสุขสมปางตายแน่"ความทรงจำที่แปลกใหม่ทว่าคุ้นเคยทะลักเข้ามาในหัว กู้ชูหน่วนเดือดดาล เดือดดาลจนลุกเป็นไฟกระจอกงอกง่อย กล้าดีอย่างไรถึงได้วางแผนทำร้ายเธอ"หลังจากวันนี้ผ่านไป ชาตินี้ท่านพี่ก็อย่าได้คิดจะอาจเอื้อมเจ๋ออ๋องอีก..."ซี๊ด...ม่านตาของกู้ชูหลันที่กำลังลำพองใจพลันหดลง สีหน้าเปล
เหล่าผู้อาวุโสล้วนแต่ไม่อยากออกไป ยังอยากคุยกับกู้ชูหน่วน ผู้อาวุโสใหญ่แค่ส่งสายตาเย็นเยียบไป พวกเขาจึงทำได้เพียงแค่ออกไปก่อน รักษาหัวหน้าเผ่า ก่อนจะไปรักษาอี้เฉินเฟยต่อ กำลังภายในของพวกเขาถูกใช้ไปมากมายเหลือเกิน ควรจะกลับไปพักผ่อนแล้วจริงๆ "หัวหน้าเผ่า ข้ารู้ว่าเจ้าผูกพันกับอี้เฉินเฟยมาตั้งแต่เด็ก แต่...เจ้าอย่าได้ร้อนใจไป ทุกคนในเผ่าอวี้จะช่วยกันตามหาแก้วมังกรอย่างสุดกำลัง เฉินเฟยเด็กคนนี้จิดใจดี เขาเองก็ไม่อยากให้เจ้ารู้สึกแย่" "ขอบคุณผู้อาวุโส ข้าเห็นท่านเองก็เหนื่อยมากแล้ว กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ" "อืม" กู้ชูหน่วนนั่งอยู่ตรงหน้าเตียง ยื่นนิ้วขาวเรียวยาวออกไปลูบใบหน้าที่คมชัดหล่อเหลาดุจเทพที่ซีดขาวของเขา ในความทรงจำ ทุกครั้งที่อี้เฉินเฟยเห็นนางมักจะยิ้มด้วยความเอ็นดู และอบอุ่นอยู่เสมอ นางอยากจะให้อี้เฉินเฟยยังเป็นเหมือนก่อนหน้า ยิ้มให้นางด้วยความอบอุ่น เรียกนางว่าเด็กโง่ เรียกนางว่าอาหน่วน "พี่ใหญ่เฉินเฟย ข้ารู้สึกว่าไหล่ของข้าหนักมาก มีหลายเรื่องที่รอให้ทำ แต่ข้าคิดไม่ออกว่าต้องทำอะไรกันแน่ ยามนี้...ดูเหมือนข้าจะเริ่มเข้าใจแล้ว ที่จริงแล้วหนึ่งในภารกิจของข้าก
ภายในห้องนอนที่ประณีตสะอาดตา อี้เฉินเฟยใบหน้าขาวซีด ดวงตาทั้งสองข้างปิดสนิทอย่างไร้เรี่ยวแรง ลมหายใจอ่อนโรยรา ผมขาวโพลนทั้งหัวของเขาทั้งสะดุดตาและทำให้คนรู้สึกปวดใจ ข้างกายอี้เฉินเฟยยังมีเหล่าผู้อาวุโสผมขาวอีกหลายท่าน เหล่าผู้อาวุโสไม่รู้ว่าใช้กำลังภายในไปมากเพียงใด ลมหายใจเหนื่อยหอบไม่มั่นคง สีหน้าดูกระอักกระอ่วนเล็กน้อย ทันทีที่กู้ชูหน่วนเข้าไปในห้อง ผู้อาวุโสทุกคนพากันทำความเคารพ โดยมีผู้อาวุโสใหญ่เป็นผู้นำ "คาราวะท่านหัวหน้าเผ่า ขอหัวหน้าเผ่าพบเจอแต่ความสุข" "พวกท่านรีบลุกขึ้นมาเถิด" กู้ชูหน่วนไม่ค่อยชิน ในสมองของนางมีความทรงจำเกี่ยวกับเผ่าอวี้อยู่ไม่มากนัก จู่ๆ ก็ถูกผู้อาวุโสมากมายขนาดนี้เรียกว่าหัวหน้าเผ่า นางเองก็รู้สึกแปลกๆ ตอนที่ยื่นมือออกไปประครองพวกเขา กู้ชูหน่วนเผลอจับชีพจรของผู้อาวุโสใหญ่โดยไม่ทันระวัง ผู้อาวุโสใหญ่มีกำลังภายในกล้าแกร่ง ไม่รู้ว่าวิทยายุทธไปถึงขั้นใด แต่ใช้พลังลมปราณไปมาก ยามนี้พลังลมปราณไม่มั่นคง ยิ่งไปกว่านั้น ชีพจรของเขายังคล้ายกับอี้เฉินเฟยนัก ดูเหมือนจะมีแรงกัดกร่อนบางอย่างค่อยกลืนกินพลังชีวิตของพวกเขาอยู่ตลอดเวลา แม้พลังชีวิ
ผู้อาวุโสทั้งสามท่านนิ่งเงียบไปชั่วขณะ พวกเขาหาข้ออ้างจะออกไปด้วยความลังเล กู้ชูหน่วนหยิบมีดสั้นออกมาจากแหวนปริภูมิ กดลงไปที่คอของตนเอง "วันนี้หากพวกท่านไม่บอกความจริงทั้งหมดกับข้าให้ชัดเจน ข้าจะตายตรงหน้าพวกท่านเดี๋ยวนี้" "อย่าอย่าอย่า...เจ้ารีบวางมีดลงเสีย หากเจ้าเป็นอะไรไป พวกเราจะอธิบายกับชาวเผ่าอวี้อีกเป็นหมื่นเป็นพันคนได้อย่างไร" "เช่นนั้นก็บอกมา หากพวกท่านรู้จักข้า ก็น่าจะรู้ว่าข้ามีความอดทนไม่มากนัก" กู้ชูหน่วนแน่วแน่หนักแน่น อีกทั้งยังไม่ยอมปล่อยมีดในมือ เพียงแค่นางออกแรงอีกเล็กน้อย คงได้ตายอยู่ที่นี่เป็นแน่ ผู้อาวุโสทุกคนต่างก็ร้อนรนกระวนกระวาย อยากจะไปแจ้งผู้อาวุโสใหญ่ แต่กู้ชูหน่วนก็ไม่ยอมปล่อยให้พวกเขาออกไป สุดท้ายก็เป็นผู้อาวุโสเจ็ดผู้มีนิสัยบุ่มบ่ามใจร้อนที่ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว "ในเมื่อเจ้าอยากรู้ เช่นนั้นข้าจะบอกเจ้าก็ได้" "น้องเจ็ด..." "โธ่ นิสัยของหัวหน้าเผ่าก็ใช่ว่าเจ้าจะไม่รู้ หากนางเป็นอะไรไป ต่อให้เจ้าปิดบังความลับมากเพียงใดแล้วจะประโยชน์รึ" "อาหน่วน เจ้าคือหัวหน้าเผ่าที่อายุน้อยที่สุดของเผ่าอวี้เรา วิทยายุทธขั้นเจ็ด เพื่อปกปิดสถานะของเจ
หลังจากเหตุการณ์นองเลือดผ่านไป ภายในหมู่บ้านเต็มไปด้วยเสียงร้องโหยหวน ทุกที่ล้วนแต่แขวนผ้าขาวไว้อาลัย เลือดสีแดงสดและหลุมศพถูกสร้างขึ้นเรื่อยๆ เหงื่อ...หยดไหลลงมา จู่ๆ กู้ชูหน่วนก็กุมหน้าอกของตัวเอง เจ็บปวดจนแม้แต่หายใจก็ยังยากลำบาก เหล่าชาวบ้านที่ล้อมอยู่รอบตัวนางพลันหน้าเปลี่ยนสี ปากพลอยพูดอะไรบางอย่าง ทว่านางกลับไม่ได้ยินเลยสักคำ เห็นเพียงแค่สายตากังวลและห่วงใยของพวกเขา นางตบกระโหลกศีรษะของตนเองอย่างแรง ดูเหมือนนางจะลืมอะไรบางอย่าง แต่นางลืมอะไรกันแน่ เหตุใดนางนึกอะไรไม่ออกเลย "อาหน่วน..." ผู้เฒ่าผมขาวหลายคนรีบเข้ามาด้วยความร้อนรน ประครองนางเอาไว้ ก่อนจะกดจุดฝังเข็มของนาง แล้วอุ้มนางกลับไปรักษาที่ห้อง หลังจากนั้น นางก็สลบไป ท่ามกลางความสะลึมสะลือ นางคล้ายจะได้ยินบางประโยค "ไม่เช่นนั้นก็ปลดปล่อยพลังที่ผนึกอยู่ภายในร่างของหัวหน้าเผ่าไปเสียเลย ยามนี้พลังที่นางผนึกไว้ถูกปลดปล่อยออกมาแล้วครึ่งหนึ่ง พลังลมปราณพลุ่งพล่านไปมาไม่หยุด จู่โจมอวัยวะภายในของนาง ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไป ร่างกายของนางจะรับไม่ไหว" "ไม่ได้ ยังหาแก้วมังกรทั้งหมดไม่ครบ หากผนึกถูกทำลาย เผ
"พี่หน่วน ใช่ท่านจริงๆ หรือ ท่านกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ข้าคิดถึงท่านจะตายอยู่แล้ว" เสียงเด็กน้อยดังขึ้นกะทันหัน หลังจากนั้นก็มีเด็กผู้ชายวัยเจ็ดแปดขวบวิ่งเข้ามากอดขาของนางอย่างปุบปับ ไม่นานนัก เด็กที่วิ่งเล่นกับเด็กผู้ชายคนนั้นเห็นนาง ก็พากันกรูเข้ามาหมด แย่งกันเข้ามากอดขาของนาง พลางตะโกนด้วยความตื่นเต้น"พี่หน่วน ข้าคิดว่าข้าดูผิดไปเสียอีก เหตุใดคราวนี้ท่านจากไปนานเพียงนี้ พ่อแม่ของข้าบ่นถึงท่านไม่หยุด" "พี่หน่วน คราวก่อนท่านบอกว่า ครั้งหน้ากลับมาจะซื้อว่าวให้ข้า ว่าวของข้าเล่า" "ไปไปไป เจ้าเด็กนี่ วันทั้งวันคิดแต่จะเอาว่าวจากพี่หน่วน พี่หน่วนเพิ่งกลับมา ต้องเหนื่อยแย่แน่ ควรให้นางพักผ่อนให้เต็มที่" กู้ชูหน่วนก้มหน้ามองเด็กทั้งชายและหญิงสิบกว่าคนกำลังพูดเจื้อยแจ้วอยู่ข้างกายนาง แต่ละคนท่าทางสนิทสนมกับนางยิ่งนัก ราวกับนางเป็นพี่สาวแท้ๆ ของพวกเขา เสียงความเคลื่อนไหวที่นี่ดึงดูดคนอื่นๆ ในหมู่บ้าน ทั้งหมู่บ้านพลันตกตะลึง ทั้งหญิงชายเด็กและคนแก่ต่างก็ล้อมกันเข้ามา "เอ๊ะ คุณพระช่วย ใช่อาหน่วนจริงๆ ด้วย ข้าคิดว่าข้าเห็นภาพลวงตาเสียอีก อาหน่วน พวกเรา...พวกเราคิดถึงเจ้าจนแท
คนตรงหน้าคือชายชราวัยประมาณห้าสิบกว่า เขาอายุยังไม่ย่างหกสิบ แม้จะดูแข็งแรงกระฉับกระเฉงดี ทว่าผมกลับขาวโพลนไปทั้งหัว ชายแก่เห็นนางแล้ว ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มเมตตา "อาหน่วน ยังเจ็บอยู่หรือไม่" "ข้าไม่เป็นไร ขอบคุณพวกท่านที่ช่วยข้าไว้" "ไม่เป็นไรก็ดี นังหนูอินเอ๋อร์ชอบพูดพล่ามไม่เรื่อย เจ้าอย่าไปฟังนางเพ้อเจ้อ มา กินข้าวก่อน เจ้าสลบไปตั้งหลายวันหลายคืน" ชายแก่หยิบโจ๊กสมุนไพรที่ร้อนระอุถ้วยหนึ่งขึ้นมา ก่อนจะเป่าเบาๆ แล้วป้อนให้กู้ชูหน่วนกับมือ โจ๊กสมุนไพรกลิ่นหอมโชย เพียงแค่กู้ชูหน่วนดมแวบเดียวก็รู้แล้วว่าโจ๊กสมุนไพรถ้วยนี้ใช้ยาสมุนไพรที่ล้ำค่า และยาบำรุงหายากมาเคี่ยวกว่าหลายชั่วยามถึงจะเคี่ยวออกมาได้ "ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงอี้เฉินเฟย เหล่าผู้อาวุโสก็กำลังช่วยเขาอย่างเต็มกำลัง จะรอดหรือไม่ ก็ต้องดูคืนนี้แล้ว" ไม่รู้เป็นเพราะนึกถึงอาการบาดเจ็บของอี้เฉินเฟยหรืออย่างไร ภายในดวงตาขุ่นมัวคู่นั้นของชายแก่มีความเจ็บปวดที่ไม่อาจคลาย ไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน ท้องของกู้ชูหน่วนจึงว่างเปล่าไม่มีอะไรอยู่เลย นางกินพลางเอ่ยถาม "พวกท่านไม่ได้จำคนผิดใช่หรือไม่" "แม้ปู่ไป๋เฉ่าจะแก่แล้ว
"พี่หน่วน ตรงนี้มีตัวอักษรอยู่สองตัว ท่านบอกว่าเป็นชื่อของข้า แต่เหล่าผู้อาวุโสต่างก็อ่านไม่ออก ข้าจึงบอกเขาไป พวกเขาบอกว่า ท่านถูกข้าตามเกาะแกะจนทนไม่ไหวถึงได้สลักตัวอักษรลงไปมั่วๆ สองตัว อ้อ เหล่าผู้อาวุโสยังบอกอีกว่า คำว่าเอ๋อร์ของอินเอ๋อร์ มีขีดหายไปด้วย" กู้ชูหน่วนขมวดคิ้วมุ่น ขีดหายที่ไหนกัน แบบนี้เขาเรียกว่าเขียนย่อต่างหาก หลังจากที่นางข้ามมิติมาที่นี่ อย่าว่าแต่แกะสลักกระต่ายให้นางเลย นางไม่รู้จักเด็กคนนี้เสียด้วยซ้ำ อีกอย่าง...... "ปีนี้เจ้าอายุเท่าไหร่แล้ว" "อินเอ๋อร์สิบสามแล้ว ใกล้จะเป็นผู้ใหญ่แล้ว" อายุสิบสามปี... ซึ่งก็หมายความว่า กระต่ายตัวนี้ สลักให้นางเมื่อสามปีก่อน กู้ชูหน่วนลูบจี้กระต่ายเบาๆ จี้นี่มันวาวไปหมด คนใส่น่าจะลูบคลำอยู่บ่อยๆ ถึงได้แววขนาดนี้ หรือว่า...ร่างเดิมก็เป็นคนที่ทะลุมิติมาเหมือนกัน ? ถ้าหากร่างเดิมก็ทะลุมิติมาอีกคน เช่นนั้นเหตุใดลายมือถึงเหมือนกับลายมือนางไม่มีผิด กู้ชูหน่วนตกอยู่ในความมึนงงสงสัย ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ "พี่หน่วน เป็นอะไรไป เหตุใดสีหน้าถึงดูแย่ขนาดนี้" "อี้เฉินเฟยล่ะ" "พี่ใหญ่เฉิ
พิษที่คั่งค้างอยู่ในตัวเขายังขับออกไปไม่หมด ยามนี้พิษเริ่มแผ่ซ่าน ทั่วทั้งร่างของเย่จิ่งหานหนาวเหน็บ ร่างกายสั่นสะท้าน อีกทั้งบนร่างยังมีน้ำแข็งเกาะเป็นชั้นหนา ทำให้เขาต้องถอนพิษต่ออย่างขัดไม่ได้ น่าหลันหลิงรั่วหุบพัดดำ พาเหล่าผู้อาวุโสชาวเขาตานหุยที่เพิ่งมาถึงออกไปตามกู้ชูหน่วนในทันที บนเขาโลหิตน้ำเต้า เพราะการรบราฆ่าฟันกันหลายต่อหลายครั้ง ทำให้ลมอ่อนที่พัดโชยมาเจือกลิ่นคาวเลือดจางๆ เดิมทีมีหลายขั้วอำนาจมารวมตัว ยามนี้เหลือเพียงกลุ่มของเย่จิ่งหานที่ยังอยู่ คนของเผ่าเทียนเฝินและนายท่านหมู่ตานก็ไม่รู้ว่าหายไปอยู่ที่ใด ณ หุบเขาไป๋อวี้ ที่แห่งนี้ตั้งอยู่ระหว่างภูเขาใหญ่หลายแสนลูก นอกหุบเขามีทั้งข่ายอาคมและค่ายกลโบราณ คนนอกไม่มีทางเข้าไปได้ ภายในหุบเขาดอกไม้นับร้อยบานสะพรั่ง ผีเสื้อร่ายระบำ ลมอุ่นพัดโชยเบาๆ ในกระท่อมแห่งหนึ่งทางฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของหุบเขาไป๋อวี้ ผู้อาวุโสเจ็ดคนในหุบเขาร่วมมือกัน ใช้พลังที่สั่งสมมาทั้งชีวิตเพื่อช่วยรักษาอาการบาดเจ็บให้กู้ชูหน่วน การรักษาครั้งนี้ ใช้เวลาไปทั้งหมดสามวันสามคืนเต็มๆ กู้ชูหน่วนที่สะลึมสะลือไม่ได้สติรู้สึกเพียงแค่ร
แค่กู้ชูหน่วนคนเดียว เขายังสู้ไม่ได้ นับประสาอะไรกับเย่จิ่งหานและนายน้อยชาวเขาตานหุย ยิ่งไปกว่านั้น... ขาทั้งสองข้างของเย่จิ่งหานหายเป็นปกติตั้งแต่เมื่อใด ตอนที่เขาพิการ เขาก็ยังสู้ไม่ไหว ยามนี้... นายท่านหลันรู้สึกถึงความสิ้นหวังยิ่งกว่าเดิม ทอดมองไปยังกู้ชูหน่วนที่ใกล้เข้ามาทีละฝีก้าว แล้วหลับตาลง เฝ้ารอความตาย เย่จิ่งหานและน่าหลันหลิงรั่วเองก็คิดว่าเพียงแค่กู้ชูหน่วนปล่อยกระบวนท่านี้ออกไป นายท่านหลันต้องตายเป็นแน่ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องผิดคาด ร่างของกู้ชูหน่วนชะงักกะทันหัน สีหน้าพลันซีดเผือดเหมือนกระดาษ ก่อนที่เลือดจะทะลักออกจากปาก และพุ่งออกมาเป็นวงทั่วทั้งร่างกาย รูม่านตาของเย่จิ่งหานหดตัวอย่างแรง ร่างหายวับ รีบเข้าไปโอบกู้ชูหน่วนด้วยความไว "อาหน่วน..." "ยัยขี้เหร่..." ลมหายใจของนางค่อยๆ อ่อนแรง ร่างก็ค่อยๆ เย็นชืด ใบหู จมูก มุมปากและร่างกายมีเลือดสีแดงทะลักออกมาราวกับเขื่อนแตก เย่จิ่งหานเริ่มลนลาน ร่างทั้งร่างสั่นเทิ้มอย่างไม่อาจห้ามได้ เขาอุดรอยแผลที่เลือดไหลไม่หยุดของกู้ชูหน่วน พลางเอ่ยด้วยความร้อนรน "อาหน่วน เจ้าอย่าทำให้ข้าตกใจกลัว